記憶喪失の俺には、三人カノジョがいるらしい . ตัวผมคนเดิมก่อนที่จะความจำเสื่อมนั้น ดูเหมือนว่าจะมีแฟนสาวอยู่สามคนครับ - ตอนที่ 7.1 ชาดำเย็นกับเมฆฝนที่ก่อตัว 1
- Home
- 記憶喪失の俺には、三人カノジョがいるらしい . ตัวผมคนเดิมก่อนที่จะความจำเสื่อมนั้น ดูเหมือนว่าจะมีแฟนสาวอยู่สามคนครับ
- ตอนที่ 7.1 ชาดำเย็นกับเมฆฝนที่ก่อตัว 1
บทที่ 7.1 ชาดำเย็นกับเมฆฝนที่ก่อตัว (1)
ปีสองห้องสาม
อาจจะยังเร็วไปหน่อยที่จะบอกแบบนี้ แต่บรรยากาศของห้องเรียนนั้นไม่เลวเลย
สาเหตุก็เพราะว่าผมไม่เห็นใครชิงดีชิงเด่นอะไรกัน ในห้องมีแต่คนดี ๆ ทั้งนั้น
และคนที่โดดเด่นที่สุดในห้องอย่างอริสึคาวะหรือยูเมซากิก็ส่งผลอันดีให้แก่บรรยากาศในห้องเรียนด้วย
ตอนนี้เรากำลังเรียนอยู่ในคาบเรียนที่สี่ ระหว่างนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างหน้า
[คุณอริสึคาวะ ประเทศที่ปกครองโดย ไซโต้ โดซันคือประเทศอะไรคะ?]
[ประเทศมิโนะ(มิโนะโนะคุนิ)ค่ะ เป็นชื่อที่เท่จัดเลยนะคะ]
[อย่าพูดเรื่องไม่เข้าเรื่องสิคะ]
มีเสียงเล็กหัวเราะเล็กน้อยจากคำพูดของครู
ครูคนนี้สอนวิชาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เป็นคนที่ช่างพูดแล้วก็ทำให้บรรยากาศในห้องสดใส
หลังจากที่อริสึคาวะพูดเสร็จไม่นานห้องก็มีบรรยากาศที่สบาย ๆ ขึ้นมา
ลองมองข้าง ๆ ดูก็จะเห็นเธอกำลังวาดรูปอะไรสักอย่างลงบนสมุดจดของตัวเองอยู่
พอเพ่งสายตาเข้าไปก็จะเห็นว่าเป็นรูปของครูที่กำลังสอนอยู่ในคาบเรียนนี้
แต่สมุดจดที่ไม่มีเนื้อหาที่เรียนเลยจะเรียกว่าสมุดจดได้ไหมมากกว่า
การทำอะไรที่เหนือความเข้าใจแบบนี้อาจจะบอกได้ว่าเป็นหนึ่งในเสหน่ห์ของอริสึคาวะก็เป็นได้
ขณะที่ผมกำลังยิ้มเหย ๆ อยู่ก็มีเสียงดังออกมาจากโถงทางเดินของห้องข้าง ๆ
เพื่อนในห้องหลายคนเบนสายตาจากกระดานดำไปที่โถงทางเดินด้วยความสนใจ
[น่าตื่นเต้นดีเนอะ]
อริสึคาวะพึมพำแล้วยกมุมปากเล็กน้อย
[อยากไปจอยไหม?]
[ไม่เอาน่า ไม่ได้อะไรไม่ใช่เหรอ ไม่ได้มีเพื่อนด้วยสิ]
[ฟุฟุ มีคุณอาสึกะอยู่ด้วยนะ ต้องสนุกอย่างสุดแน่เลย]
ผมวางปากกาแล้วหันไปมองหน้าอริสึคาวะ
คิดว่าที่เราคุยกันตอนนี้น่าจะยังไม่ได้ยินไปถึงทาคาโอะกับยูเมซากิ
ผมเลยตัดสินใจลองส่งเสียงออกไปนิดหน่อย
[นี่ นี่]
[เดี๋ยวเถอะ อย่ารบกวนการสอนของครูได้ไหม]
หลังจากที่ผมส่งเสียงเบา ๆ ออกไปครูก็หันเหสายตามาทางผม
ผมแกล้งทำเป็นมองสมุดจดด้วยความรวดเร็ว ทำให้ห้องกลับเข้าสู่ความเงียบ
ส่วนอริสึคาะที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน ก็ทำเป็นวาดรูปต่อโดยทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ยังคงได้ยินเสียงหัวเราะมาจากทางเดินอยู่
….อย่างที่คิด คนที่เป็นศูนย์กลางของคนในห้องสองก็คืออาสึกะจริงด้วย
ตัวอาสึกะแม้จะมีด้านที่หยาบกร้านไปบ้างแต่ก็เป็นคนที่จิตใจดี
การที่มีอาสึกะคอยอยู่ด้วยกันมันดีต่อใจผมมากเลยละ
กริ๊ง–
เสียงกริ่งดังขึ้นทำให้ความคิดของผมหายวับไป
เวลาพักเที่ยงที่รอคอยมาถึงแล้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหน้า ทาคาโอะนั่นเอง
[เหนื่อยจังเลย! เหนื่อยจริงแล้วก็หิวด้วย!]
เสียงที่ดังขึ้นอย่างร่าเริงนั้นทำให้ยูเมซากิที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไหล่สั่นอย่างตกใจ
[นี่ วันนี้เอาไง? ซานาดะอุตส่าห์ได้มานั่งใกล้ ๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วทั้งที เราสี่คนไปกินข้าวด้วยกันไหม?]
ทาคาโอะพูดกับยูเมะซากิด้วยเสียงเบา ๆ
ผมดีใจนะที่มีคนชวนกันแบบนี้ แต่อีกสองคนจะคิดยังไงนะ ยูเมะซากิสางผมสีแดงของเธอแล้วพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
[นายนี่มันหนวกหูจริงนะ เบาเสียงหน่อยไม่เป็นหรือไง? หูอื้อไปหมดแล้วเนี่ย!]
[อ้าว โกรธเหรอ? โทษทีนะ จะพูดให้เบากว่านี้…]
ทาคาโอะห่อเหี่ยวลงในทันใด
ส่วนอีกทางยูเมซากิก็ทำหน้าเจื่อน ๆ ออกมา
[เอ่อ ไม่สิ…ก็ได้อยู่หรอก แต่ขอโทษนะ พอดีว่าสภานักเรียนเรียกตัวน่ะ วันนี้คงไปด้วยไม่ได้]
หลังจากยูเมซากิพูดเสร็จทาคาโอะก็ทำหน้าผิดหวังเข้าไปอีก
[เอาจริงดิ ซานาดะอุตส่าห์กลับมาแล้วทั้งทีนะ กลับมาแบบนี้มีแค่ครั้งเดียวเลยนะ?]
[เอาจริง ๆ ฉันหวังให้มันเป็นแบบนั้นนะ…]
ผมแอบพึมพำออกมานิดหน่อย
ความทรงจำของผมกลับมาแล้วหัวก็ระเบิดตู้ม! เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดนี่นะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะมาไม่ได้มาโรงเรียนอีกก็ไม่แปลกเลย
ยูเมซากิเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เลยพูด [ขอโทษนะ] ออกมา…ใจดีอย่างคาดไม่ถึงเลยแฮะ แต่คนที่ตอบกลับคำขอโทษสุดจะใจดีนั่นดันเป็นทาคาโอะซะนี่
[ฉันไม่ยกโทษให้หรอกนะ!]
[หุบปากไปสักพักได้ไหม ก็มันช่วยไม่ได้นี่ ฉันไม่ได้ว่างเหมือนนายนะ]
[ฉันก็ยุ่งเหมือนกันแหละน่า! แต่ถึงจะยุ่งแต่ก็หาเวลาพักได้เหมือนกับพักกลางนี่ไงเล่า!]
ยูเมซากิยักไหล่ให้กับคำถกเถียงของทาคาโอะพร้อมพูดว่า [ค่าค่า จะจำเอาไว้นะคะ] ออกมา
ว่าแล้วเชียวว่าสองคนนี้สนิทกันจริง ๆ ด้วย
[งั้นเราก็ขอผ่านนะ พอดีมีนัดไว้แล้วน่ะ]
อริสึคาวะยิ้มให้พร้อมกับลุกขึ้นมา
ทาคาโอะที่ไม่รู้จะเถียงกับอริสึคาะว่ายังไงก็ได้แต่ร้องเสียงหลงแล้วทำหน้าผิดหวังออกมา
….คิดว่าวันนี้จะได้กินข้าวด้วยกันอีกนะเนี่ย
ผมแอบสับสนกับคำตอบของอริสึคาวะเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปหยุดเธอแต่อย่างใด
อริสึคาวะมองหน้าที่กำลังงง ๆ ของผมอยู่พักนึงแล้วก็เดินออกไป
ยูเมซากิมองตามหลังอริสึคาวะไป สักพักนึงก็บอกว่า [งั้น ฉันก็ ตามนั้นนะ] ออกมาแล้วก็เดินจากไป
เหมือนว่าจะมีนักเรียนรออยู่ตรงโถงทางเดิน ส่วนทาคาโอะทำตาเห็นภาพนั้นแล้วก็พูดว่า [ก็เป็นคนดังกันนี่นะ] ออกมาด้วยความผิดหวัง
แต่ว่าสำหรับผมมันไม่ใช่แค่ความผิดหวังน่ะสิ
ผมกลัวว่าจะถูกทาคาโอะลากไปอยู่กับเพื่อนผู้ชายเหมือนกัน แต่ถ้าคนมีเพื่อนน้อยอย่างผมไปอยู่ตรงนั้นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีกว่าที่คิดก็ได้นะ
[นี่ ซานาดะ]
ทาคาโอะเกาหัวแล้วทำหน้าอย่างรู้สึกผิด
[งั้นฉันขอตัวนะ ตอนแรกจริง ๆ ก็กะว่าจะออกไปก่อนอยู่แล้ว แต่แค่ว่าอยากลองยูเมซากิดูน่ะ…แต่ว่าเรื่องที่อยากจะฉลองการกลับมาของนายอันนี้เรื่องจริงนะ]
ทาคาโอะยิ้มแห้ง ๆ ให้กับผม
ผมพอจะเข้าใจว่าอยากจะพูดอะไรเลยยิ้มเหย ๆ ออกมา
[โอ้ ช่วยไม่ได้นี่นะ ไปก่อนได้เลย]
[โทษทีนะ พรุ่งจะเอาขนมปังไส้หวานให้แล้วกัน!]
ทาคาโอะที่จับมือกับผมเมื่อกี้นี้ก็เดินออกจากห้องสามไป
ผมมองไล่หลังไปพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความคิดถึง
อวดเก่งจังเลยนะ
สำหรับคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับห้องเรียนนี้อย่างผมก็อยากจะหยุดเขาไว้เหมือนกันแต่ก็ทำไม่ได้
ใครจะอยากกินข้าวคนเดียวกันละ
พอยืนอยู่คนเดียวแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าห้องเรียนใหญ่ขึ้นมากเลย
เวลาพักกลางวันเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่นาทีแท้ ๆ แต่ห้องเรียนตอนนี้กลับเหลือเพียงกลุ่มผู้หญิงสองกลุ่มเท่านั้น แถมยังเปิดข้าวกล่องกันแล้วด้วย
…แย่ละสิ เราจะเอายังไงดี
มีคนนึงกำลังมองผมด้วยความเป็นห่วงอยู่ แต่ก็เหมือนจะกังวลอยู่ถ้าจะต้องเข้ามาคุย
แต่ว่าถึงจะมาชวนจริง ๆ แต่การไปรบกวนกลุ่มผู้หญิงแบบนั้นก็ไม่ไหวหรอก
[อา ไปขอร่วมด้วยดีไหมน้า~]
ผมพึมพำขึ้นมาลอย ๆ แล้วก็เดินออกจากห้องไป
การไปกินข้าวคนเดียวมันน่าอายตรงไหนกันนะ
ถ้าตั้งคำถามแบบนี้ได้แล้วแสดงว่าผมเริ่มจะไม่อายอะไรแล้วงั้นสิ
แต่ก็นะ อะไรที่รู้สึกว่าน่าอายก็น่าอายอยู่ดีแหละ
และความเป็นจริงที่ว่าไม่มีใครตอบโต้กับคำพูดของผมเลยก็ยิ่งทำให้อายเข้าไปอีก