ไหปีศาจ - บทที่ 457 ความตาย
บทที่ 457 ความตาย
บทที่ 457
ความตาย
เมื่อซวนหยู่ฮานได้รับข่าวว่าผู้ปกครองสูงสุดได้เรียกเขาเข้าไปพบ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะหลังจากที่ได้จัดฉากการต่อสู้ในห้องโถงหางกวง ซึ่งเป็นพระราชวังของเขา แต่เขาก็ได้เตรียมบทพูดของตัวเองไว้แล้ว
แต่แล้วทุกอย่างที่เขาคิดเอาไว้ก็ถูกลืมเลือนไปจนหมด
ตามแผนการที่กำหนดไว้เหวินเสี่ยวจะลงมือฆ่าหลี่หยุน จากนั้นนายน้อยแห่งวังหลวงอีกห้าคนที่เหลือก็จะฆ่าเหวินเสี่ยว
หลังจากนั้นเหล่าผู้มีอำนาจที่ถูกเรียกให้มารวมตัวกันด้วยเรื่องสำคัญก็จะมาถึงที่เกิดเหตุ แต่พวกเขาก็มาสายไปเกินไปเสียแล้ว
ทันทีที่ซวนหยู่ฮานมาถึงห้องโถงหางกวง เขาก็ต้องตกตะลึง
เพราะเหวินเสี่ยว ยังไม่ตาย?!
มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถอยู่รอดจนผู้รักษาความสงบมาถึงได้ พวกเขาควรจะมาสายกว่านี้ ทำให้มีเวลาเพียงพอที่จะจบการต่อสู้ก่อนที่พวกเขาจะมา
จากนั้นเขาก็เห็นศพหกร่างที่นอนอยู่บนพื้น
นี่ทำให้เขาตกใจมากอีกครั้ง
แน่นอนว่านายน้อยแห่งวังหลวงทั้งหกคนนี้เป็นคู่แข่งของเขา มันจึงถือเป็นเรื่องดีที่พวกเขาตาย แต่อะไรทำให้พวกเขาตายพร้อม ๆ กันถึง 6 คนได้กัน
เหวินเสี่ยวมีพลังมากพอที่จะบดขยี้นายน้อยแห่งวังหลวงอีกห้าคนที่ตามมาทีหลังด้วยงั้นเหรอ?
นี่มันเป็นไปไม่ได้
ซวนหยู่ฮาน สังเกตเห็น พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งห้าคน อย่างรวดเร็วทำให้เขาก็อดสงสัยไม่ได้
เขารู้ว่าเหวินเสี่ยวพาคนกลุ่มหนึ่งกลับมาด้วย แต่เครือข่ายหน่วยสืบข่าวกรองของเขา นั้นจำกัดอยู่แค่ในพื้นที่ทะเลเหนือสุดขอบ เขาจึงไม่สามารถรู้ถึงข้อมูลเบื้องลึกของคนจากอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกาย
เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่รู้จักพรรคพวกลั่วอู๋
ในความคิดของเขาตอนแรก คนเหล่านี้จึงเป็นเพียงผู้ติดตามทั่ว ๆ ไป
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว
“คนพวกนี้ช่วยเขางั้นเหรอ ? ไม่ ไม่ คนพวกนี้เข้ามาในวิหารได้อย่างไรกัน ? เหวินเสี่ยวพาคนเข้ามางั้นเหรอ ? ถ้าแบบนั้นก็ต้องมีรายงานสิ” ซวนหยู่ฮานกำลังสับสน
เขาไม่ได้คาดคิดถึงสิ่งนี้
เหวินเสี่ยวไม่ได้พาพวกลั่วอู๋เขามาในวิหาร แต่เป็นฝีมือของนักบุญต่างหาก
เขาจึงไม่ได้รับรายงานใด ๆ
“ในที่สุดข้าก็ได้พบกับ ท่านผู้ปกครองสูงสุดและเหล่าผู้อาวุโสเสียที” ซวนหยู่ฮาน รักษาท่าทางที่สง่างามของเขา และแสดงความเคารพยินดีต่อเหล่าผู้มีอำนาจ
เหล่าผู้มีอำนาจต่างพยักหน้า
พวกเขาหลายคนต่างมองซวนหยู่ฮานในแง่ดี
เขาเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย มีพรสวรรค์ ไม่อวดดีและเด็ดขาด เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ปกครองสูงสุดของพระราชวังเป่ยหมิงในอนาคต
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?” ซวนหยู่ฮาน แสร้งทำเป็นประหลาดใจแล้วมองไปที่เหวินเสี่ยว ด้วยความตกใจ จากนั้นเขาจึงกล่าวต้อนรับอย่างชาญฉลาด “โอ้ เหวินเสี่ยวเจ้ากลับมาแล้วสินะ”
พวกเขาเป็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน
โดยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด
มันจึงไม่น่าแปลกใจหากเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
เหวินเสี่ยวพูดอย่างเย็นชา“ อย่าเสแสร้งให้เสียเวลาเลยน่า พอแผนไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง เจ้าก็ชอบใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ตลอด เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว”
จิตสังหารในดวงตาของซวนหยู่ฮานปรากฎขึ้น
ทันทีที่เขาได้ข่าวการกลับมาของเหวินเสี่ยว เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูตปีกแสงนั้นได้กลายเป็นเทพตกสวรรค์
ดังนั้นความระแวงต่อเหวินเสี่ยวจึงเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างรวดเร็ว
แต่เขานั้นไม่ได้คาดคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของเหวินเสี่ยวจะใหญ่โต จนเขาแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิงขนาดนี้ เหวินเสี่ยวเมื่อก่อนไม่มีทางพูดแบบนี้ได้แน่
“เหวินเสี่ยว เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร เจ้าไปได้ยินข่าวลือมาจากไหนรึเปล่า?” ซวนหยู่ฮาน รู้สึกประหลาดใจและโกรธเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าข้าวางแผนอะไรไว้รึไง?”
การแสดงของเขาดีมาก
มันสอดคล้องกับสภาพอารมณ์ในปัจจุบันของเขาเป็นอย่างดี
จูกู่เฉิง พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “พวกเขาบอกว่าต้องการเจอเจ้า ดังนั้นเจ้าจงเผชิญหน้ากับพวกเขาและบอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้มาซะ”
เหล่าผู้มีอำนาจของพระราชวังเป่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย เพราะพวกเขาเองก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ซวนหยู่ฮาน เป็นฝ่ายพูดอธิบายก่อน
แน่นอนว่าชุดคำพูดของเขานั้นไร้ที่ติ
เขาเชิญนายน้อยแห่งวังหลวงมาเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ แต่เขานั้นติดธุระบางอย่างทำให้มาสายไปหน่อย
เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ซวนหยู่ฮานนั้นมีพยานหลายคน เพราะเขาได้ออกจากวิหารในวันนี้เพื่อไปจัดการแก้ปัญหาการจลาจลในพระราชวังเป่ยหมิง มันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดจากจระเข้แห่งห้วงลึก สัตว์วิญญาณระดับทอง มันสูญเสียการควบคุมแล้วกัดเจ้าหน้าที่ พร้อมหลบหนีออกมาไล่โจมตีผู้คนที่ผ่านไปมา และทำลายอาคารต่าง ๆ
โชคดีที่ ซวนหยู่ฮาน มาถึงทันเวลาและได้ทำการสังหารจระเข้แห่งห้วงลึก ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมากเอาไว้ ทำให้เขาได้รับความโปรดปรานจากคนกลุ่มใหญ่ที่นั่น
จูกู่เฉิง ถามด้วยเสียงต่ำ “เจ้าต้องการเรียกพวกเขามาปรึกษาเรื่องอะไร?”
จุดนี้ต่างหากคือกุญแจสำคัญ
ท้ายที่สุดแล้วการช่วยผู้คน ไม่ได้พิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เป็นคนวางแผนการกับดักนี้ขึ้นมา
“เพื่อสำรวจผลกระทบของการควบแน่นคลื่นพลังวิญญาณ” ซวนหยู่ฮาน ถอนหายใจจากนั้นจึงยื่นมือออกไป เขาค่อยๆย่อตัวดูดซับพลังวิญญาณรอบตัวเขาบางส่วนเข้ามา “แบบนี้”
การควบแน่นของพลังวิญญาณ เดิมทีนั้นเกิดจากการรับรู้พลังวิญญาณในอากาศ เมื่อพวกมันถูกรวมอยู่ในมือของเขา มันจึงง่ายที่จะควบแน่นและเริ่มก่อตัวออกมาในลักษณะของของเหลว
ผู้คนในพระราชวังเป่ยหมิงต่างประหลาดใจ
นี่เป็นทักษะที่ยากจะเชี่ยวชาญ
ก่อนที่จะดูดซับการควบแน่นพลังวิญญาณให้การเป็นของเหลวโดยตรงย่อมสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการดูดซึมพลังวิญญาณ และประสิทธิภาพการฝึกฝนพลังวิญญาณ รวมถึงความสามารถในการต่อสู้อย่างต่อเนื่องได้เป็นอย่างมาก
“ข้าอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ของข้ากับพวกเขา เนื่องจากตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับพระราชวัง เป่ยหมิง การเสริมสร้างความแข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก” ซวนหยู่ฮาน กล่าวด้วยความเจ็บปวดใจ “แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่า พวกเขาทั้งหมดจะถูกฆ่า ข้าขอโทษ โทษข้าได้เลยที่มาสาย ไม่งั้นข้าก็คงอาจจะสามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ทัน”
พวกเขาต่างก็มีทักษะในระดับเดียวกัน พวกเขาจึงสามารถยืนยันวิชาของอีกฝ่ายให้กันและกันได้ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่บางครั้ง พวกเขาจะพบปะกันเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการฝึกฝนพลังวิญญาณ
แววตาของเหล่าผู้มีอำนาจของพระราชวังเป่ยหมิงเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ช่างเป็นศิษย์ที่ดียิ่งนัก
เขายินดีที่จะบอกเพื่อน ๆ ในรุ่นเกี่ยวกับประสบการณ์การฝึกฝนของเขา
นอกจากนี้เหล่าผู้มีอำนาจก็ยังรู้สึกโกรธมากเช่นกัน เนื่องจากนายน้อยแห่งวังหลวงเหล่านั้นต่างก็เป็นตัวตนที่จะได้เติบโตไปเป็นแกนนำของพระราชวังเป่ยหมิงได้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับเสียชีวิตไปกันหมดเสียแล้ว
พอนึกถึงเรื่องนั้นแววตาของเหล่าผู้มีอำนาจที่มองไปยังพรรคพวกลั่วอู๋ก็ดูอาฆาตมาดร้ายขึ้นมา
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากจริง ๆ
นี่มันแย่มาก
ในกรณีนี้แม้ว่าพวกเขาจะพิสูจน์ได้ว่า ซวนหยู่ฮาน เป็นคนวางแผนจริง ๆ แต่มันก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะนายน้อยแห่งวังหลวงเหล่านี้ถูกพวกเขาสังหารไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่า ซวนหยู่ฮาน เป็นคนทำ ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดาของ เหวินเสี่ยว
ในขณะนี้เหวินเสี่ยวมองไปที่ซวนหยู่ฮาน โดยไม่มีความคิดอื่นใดในสายตาของเขานอกจากการฆ่า
ดังนั้น ลั่วอู๋ จึงแสดงท่าทางบอกกับฝูงชนอย่างเรียบ ๆ
จูกู่เฉิง มองไปที่ เหวินเสี่ยว และ ลั่วอู๋ “ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องอธิบายบ้างแล้ว”
“ดี งั้นข้าก่อนเลยก็แล้วกัน” เหวินเสี่ยวจ้องมองไปที่ ซวนหยู่ฮาน “เจ้ายังกล้ายืนอยู่ตรงหน้าข้าอีกเหรอ ?”
“ทำไมจะไม่ล่ะ?” ซวนหยู่ฮาน ยิ้มอย่างใจเย็น
หลังจากนั้นซวนหยู่ฮาน ก็เดินเข้าไปหาเหวินเสี่ยว มีร่องรอยของการดูถูกอยู่ในดวงตาของเขา กรณีนี้เหวินเสี่ยวจะทำอะไรได้? แม้ว่าเขารอดจากเหล่านายน้อยแห่งวังหลวงมาได้ เขาก็สามารถลงโทษเหวินเสี่ยวได้ด้วยกฎของพระราชวังเป่ยหมิงได้ คิดจะมาทะเลาะกับเขางั้นเหรอ ? คิดว่าตัวเองไร้ยางอายได้จริง ๆ แค่ไหม เพิ่มความแข็งแกร่งมาแล้วมันทำไมล่ะ?
ต่อมาเงาของเทพตกสวรรค์ที่ด้านหลังเหวินเสี่ยวก็ควบแน่นขึ้นมาทันใด จากนั้นคลื่นแห่งความมืดก็ปรากฏขึ้น
นี่คือทักษะที่ทรงพลังที่สุดของมัน [ราตรีนิรันดร์]
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ลั่วอู๋, ฉูจงฉวน และหลี่หยิน เองก็ลงมือเช่นกัน
ลั่วอู๋เลือกใช้ดาบแห่งวันพิพากษา ในขณะที่ฉูจงฉวนเองก็ไม่ได้ใช้ อัญเชิญเทพเพลิง หรือ ร่างอวตารเทพปีศาจที่ทรงพลัง แต่เลือกดาวตกเพลิงที่เขาคุ้นเคยที่สุดแทน สำหรับหลี่หยิน นางใช้ทักษะหลอกหลอนร่วมกับทะลวงมิติเพิ่มความเร็วในการโจมตีอันน่าทึ่งออกมา
ทั้งสี่ก็พุ่งเข้าไปโดยมุ่งเป้าไปที่ซวนหยู่ฮาน
ซวนหยู่ฮาน ตกใจ
พวกเขาคิดจะทำอะไร?
พวกเขากล้าแค่ไหนกัน
แต่มันก็สายเกินไปที่เขาจะได้คิดอะไร เพราะเขานั้นอยู่ใกล้พรรคพวกลั่วอู๋มากเกินไป
แม้ว่าเขาจะกางโล่พลังวิญญาณและเลือกที่จะหลบหนี แต่เขาก็ยังคงอยู่ในระยะการโจมตีของพวกลั่วอู๋อยู่ดี
ถึง ลั่วอู๋ และ ฉูจงฉวน จะไม่ได้ใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด แต่พวกเขาก็ทำลายสามารถโล่พลังวิญญาณทิ้ง แล้วปล่อยให้หลี่หยินฉีกร่างของซวนหยู่ฮานออกเป็นชิ้น ๆ ได้สำเร็จ
ไม่มีอะไรผิดปกติในการตัดสินใจของเขา เขานั้นเป็นอัจฉริยะไม่ผิดแน่
น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่เอ๋าเฉียนจุน
ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือทั้งสี่ เขาก็เป็นได้เพียงเศษเสี้ยวของความเกลียดชังเท่านั้น
ในชั่วพริบตาชีวิตของเขาก็ถูกตัดขาด
ลั่วอู๋ ไม่รอช้าเขารีบใช้ทักษะไฟทมิฬ ส่วนทางเหวินเสี่ยวเองก็เรียกใช้ทักษะ เปลวไฟทมิฬของตนที่อยู่ในรูปแบบของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ออกมาเช่นกัน
เปลวไฟทั้งสองชนิดนี้สามารถทำลายทักษะ [ร่างอมตะศักดิ์สิทธิ์จำลอง] ให้ไร้ผลได้
“อา”
แบบนี้นี่เอง
ศพของซวนหยู่ฮานกรีดร้องออกมาด้วยเสียงร้องอันเสียดแทง
เหวินเสี่ยวได้บอกลั่วอู๋ไว้แล้วว่าสัตว์วิญญาณตัวที่สามของซวนหยูฮาน คือสัตว์วิญญาณยักษ์ในทะเลลึก ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่มีทักษะ ร่างอมตะศักดิ์สิทธิ์จำลอง อยู่ในครอบครอง
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยับยั้งการทำงานของมัน
เสียงโหยหวนเบาลงไปเรื่อย ๆ
ซวนหยูฮานตาย!
การฟื้นคืนชีพล้มเหลว
เขาตายลงแล้วจริง ๆ