มือสองข้างนี้ มันคืออะไรกันแน่นะ
ผ่านไปหนึ่งวันหลังจากการพิจารณาคดีแท่นตัดคอประหาร หัวของฉันอัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยคำถามข้อสงสัยมากมายสารพัด
สเกล 6 นี่ไม่ต้องพูดถึง ความสามารถนี่มันใช้กำราบกระทั่ง สเกล 7 ได้ในทีเดียวเลยด้วยซ้ำไป
เสียงเด็กผู้หญิงที่มักจะได้ยินขึ้นมาในจังหวะเหมาะเหม็งราวกับช่วยเหลือฉันอยู่
แล้วก็ ท่าทางอันเข้มงวดจนดูแปลกประหลาดของเหล่าผู้มากความสามารถแห่งกรมตรวจสอบ
นั่นมันคือท่าทางหวาดระแวงที่เหลือล้ำเกินระดับที่มีต่อ [ผู้ครองความสามารถสุดสัปดนอย่างไล่ผีโดยทำให้ถึงจุดสุดยอดที่กลายเป็นโลลิค่อน] ไปไกลลิบ
หนำซ้ำ ที่ท่าทางหวาดระแวงดังกล่าวนั่นถูกละเอาไว้อย่างกะทันหันนี่……ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเพราะว่าโซยะจับตัวโลลิค่อนเมกเกอร์มาได้แค่อย่างเดียวด้วย
[……เกี่ยวกับเรื่องนั้น ทางฉันก็ยังจัดเรียงต้นสายปลายเหตุไม่ถูกเหมือนกัน ฉะนั้นคงจะพูดพล่อยๆออกมาไม่ได้หรอก]
ภายหลังจากการพิจารณาคดี แม้จะลองยิงข้อสงสัยถามไปแบบนั้นในระหว่างทำการตรวจวินิจฉัยตามวาระเผื่อเอาไว้ก่อน แต่ที่ลอยออกมาจากปากของคาเอเดะก็มีเพียงคำตอบอันคลุมเครือเช่นนั้นเอง
[เอาเป็นว่าตอนนี้ ต้องเพ่งเน้นกับการปราบโลลิค่อนสเลเยอร์เพื่อแสดงคุณประโยชน์ของเธอให้สมาคมได้รับทราบก่อน ……ถ้าทำแบบนั้นสำเร็จแล้ว ไม่แน่อาจจะพอมีเรื่องที่สามารถบอกกับเธออยู่บ้างก็ได้]
พอกล่าวเช่นนั้นแล้ว คาเอเดะก็จากไปตามหาล่าตัวโฮสต์ของโลลิค่อนเมกเกอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายด้วยเงื้อมมือของโลลิค่อนสเลเยอร์มันกระจายตัวไปมากยิ่งกว่านี้แน่ะ โดยจะทำการระบุหาตัวผ่านการตรวจค้นสายเชื่อมพลังวิญญาณที่ยืดออกมาจากน้องหนูอมนุษย์ที่โซยะจับตัวมาน่ะนะ
ไคอิประเภทควบคุมจากระยะไกลพวกนั้น ส่วนมากมันจะมีลูกจ๊อกอยู่หลายตัวด้วยไง แค่จับตัวน้องหนูอมนุษย์ได้มาแค่ตัวเดียวจึงยังไม่เพียงพอจะทำให้ใจชื้นน่ะ
(เอ้อ การปราบโลลิค่อนสเลเยอร์นี่มันก็เป็นเป้าหมายดั้งเดิมของทีมเราด้วยนี่นะ เอาเป็นว่าเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับตรงนั้นก่อนก็แล้วกัน)
แม้จะคิดแบบนั้น แต่สิ่งที่ฉันตะขิดตะขวงคำนึงถึงซ้ำกลับมาใหม่อีกครั้ง ก็คือบทสนทนาระหว่างนางิสะกับคาเอเดะ
(มีสงสัยมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วก็จริง แต่ยัยคาเอเดะปกปิดอะไรบางอย่างไว้ไม่ให้ฉันรู้ชัดๆเลยนะนั่น เกี่ยวกับผนึกของแขนนี่น่ะ)
การตรวจวินิจฉัยตามวาระที่กึ่งๆถูกบีบบังคับให้ทำ
แล้วก็คำเตือนที่บอกว่าอย่าให้ใครอื่นรู้เรื่องเสียงโดยเด็ดขาด
เพราะโดนเข้าบ่อยจนชินชาแล้วก็เลยเมินไม่ได้ใส่ใจมาตลอด แต่หลังจากเจอความหวาดระแวงระดับโอเวอร์เกินเหตุที่กรมตรวจสอบเพ่งเล็งตรงเข้ามาใส่ฉันแล้ว……มันก็พาลทำให้รู้สึกสงสัยในการกระทำของคาเอเดะขึ้นมา
จะว่าไปแล้วเกี่ยวกับเนตรมารฝันของโซยะนี่ก็เหมือนกันเลย เล่นปิดรายละเอียดของคำสาปเอาไว้ไม่ให้เจ้าตัวที่โดนสาปรับรู้นี่มันผิดปกติชัดๆแล้ว อีแบบนี้มันหยั่งกับว่าหมอไม่ยอมอธิบายอาการป่วยให้ผู้ป่วยรับรู้เลยนะเว้ย?
(เอ้อแต่ก็นะ ถึงคาเอเดะจะน่ากลัวแล้วก็โหดสุดๆไปเลย แต่ยัยนั่นก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะใช้ประโยชน์จากฉันหรือคิดร้ายอะไรทำนองนั้นซะหน่อย ถ้าพูดไม่ได้นี่ก็แสดงว่าคงมีเหตุผลพอสมควรเหมือนกันมั้ง……รึเปล่า เดาเจตนายัยนั่นไม่ถูกเลยแฮะ)
เอาแต่คำนึงถึงเรื่องที่ต่อให้คิดหนักหัวยังไงก็ไม่ได้อะไรอยู่นั่น และเป็นในฉับพลันที่ความคิดเริ่มจะวนลูปนั่นเอง
“ เฮ้ยฟุรุยะ! จิตแกวอกแวกหมดแล้วนะเว้ย! ”
“ อ้อก!? ”
ที่มีดาบไม้ไผ่ฟาดเปรี้ยงลงมากลางหัวไอ้ฉันนี่
“ อะตายไปละ แกน่ะถูกโลลิค่อนสเลเยอร์มันฟันหัวแบะตายห่าคาที่ไปเรียบร้อยแล้วตะกี้นี้ ”
ผู้ที่จับจ้องมองลงมายังฉันที่เอามือกุมหัวดิ้นอยู่อย่างเจ็บปวด ก็คือนางุโมะที่อยู่ในสภาพสวมชุดโดกิ
“ ให้ตาย ก็รู้อยู่หรอกว่าแกมันใช้ศาสตร์ปราบมารอะไรไม่ได้เลย แต่กระทั่งกระบวนท่าก็ยังไม่ได้ความอีกด้วยเรอะเฮ้ย นี่แกปราบฉันลงได้ยังไงกันน่ะ ”
“ เอ้ยเดี๋ยวดิ ก็ถ้าเล่นฝึกแบบต่อเนื่องสองชั่วโมงติดไม่มีพักเลยแบบนี้ สมาธิกับร่างกายมันก็ต้องถึงขีดจำกัดแหงอยู่แล้วสิ ”
ฉันกับนางุโมะกำลังคุยกันอยู่ภายในสนามฝึกซ้อมในร่ม ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่สมาคม
ขอให้นางุโมะที่เป็นมือฉมังด้านเคนโด้ช่วยเป็นคู่ซ้อมฝึกเก็บสั่งสมประสบการณ์ ก่อนที่จะเข้าท้าชนสู้ตัดสินกับโลลิค่อนสเลเยอร์ที่เป็นไคอิซึ่งมีอาวุธอะนะ
หากโลลิค่อนสเลเยอร์โผล่มาจริงๆแล้ว ก็มีกำหนดการณ์จะใช้ศาสตร์พันธนาการของเหล่าผู้ปราบมารมืออาชีพ และแรงช้างสารของนางุโมะช่วยถ่วงหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูเอาไว้อยู่หรอก แต่ประเด็นคือโลลิค่อนสเลเยอร์เนี่ย ต่อให้โดนซ้อมเท่าไหร่ยังไงแต่มันก็จะเพ่งเล็งหมายหัวเฉพาะแต่โลลิค่อน——หรือก็คือฉันเท่านั้นไง ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องฝึกซ้อมวิธีการหลบหลีกอาวุธของอีกฝั่งน่ะ
ทว่า
“ ห๊าา? สองชั่วโมงนี่มันแค่อุ่นเครื่องเท่านั้นไม่ใช่เรอะ ”
ดูท่าแล้วคงไม่ต้องถึงมือโลลิค่อนสเลเยอร์หรอกมั้ง ฉันมีหวังโดนยัยสัตว์ประหลาดด้านพลังกายสายนักกีฬาเต็มเหนี่ยวฆ่าตายเอาก่อนแหงมๆ
“ ถ้าเป็นฝึกกิจกรรมชมรมก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันคือการฝึกซ้อมที่มีชีวิตของแกเป็นเดิมพันเลยนะเว้ย ไม่อ่อนข้อให้หรอกนะจะบอกให้ ”
“ เธอนี่น้า ถึงจะพูดงั้นก็เหอะ แต่ถ้าเกิดปวดกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้อฉีกในระหว่างสู้จริงขึ้นมา แบบนั้นทุกอย่างที่ทำมาก็ไร้ค่าเปล่ากันพอดีไม่ใช่เรอะ ”
“ เอ้อมันก็จริงอยู่หรอกนะ แต่ให้ตายเหอะว่ะ ถ้าจะหากินโดยการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด งั้นก็หัดฝึกร่างกายให้มันมีเรี่ยวมีแรงกว่านี้หน่อยสิเว้ย ”
นางุโมะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ไอ้ตรงนี้นี่ฉันก็โต้แย้งอะไรไม่ได้จริงๆแฮะ……พอกำลังคิดแบบนั้นอยู่
“ ……แก อยากพักผ่อนมากถึงขนาดนั้นเลยเรอะ? ”
นางุโมะก็พลันกล่าวพึมพำออกมา
“ ถ้าอย่างงั้นก็แบบว่า นั่นไง ถ้าฉันโดนแกทำแบบนั้นใส่ขึ้นมาก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพักผ่อนอย่างเดียวเหมือนกันนาา ถึงจะไม่เต็มใจก็เหอะนาา ”
นางุโมะกระซิบเสียงค่อยออกมาราวๆนั้น ก่อนจะตีเนียนพยายามถอดกำไลฉันออก—–
“ เอ้ยยัยบ้า! นั่นคิดจะทำอะไรของเธอน่ะ! ”
เพิ่งจะรอดตัวจากการพิจารณาคดีแท่นตัดคอประหารของกรมตรวจสอบมาได้แหม่บๆเองนะเฟ้ย!
ไหงถึงกะจะพักผ่อนในความหมายเชิงอื่นเฉยเลยเล่าเฮ้ย!
“ อุบัติเหตุ! นี่มันแค่อุบัติเหตุระหว่างฝึกซ้อมเฉยๆเว้ยเพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก! ”
“ จงใจเห็นๆเลยไม่ใช่เรอะเฮ้ย! ”
ให้ว่าแล้วยัยนางุโมะลืมไปแล้วรึไงน่ะ?
ว่าที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้มีแค่ฉันกับนางุโมะแค่สองคนซะหน่อย
ว่ามีคนเฝ้าคอยจับตาดูพวกเราอยู่ด้วยนั่น
“ เฮ้ยซากุระ! อย่ามัวแต่เหม่อลอยอยู่สิ มาช่วยกันหยุดยัยนี่หน่อย! ”
“ ……เอ๊ะ? ”
ซากุระที่ก้มหน้าอยู่ตรงมุมของสนามฝึกซ้อม พลันเงยหน้าขึ้นมาอย่างมึนๆหลังจากได้ยินเสียงของฉัน
ซากุระยังรับหน้าที่เป็นผู้จับตาฉันอยู่อย่างต่อเนื่องน่ะ
แล้วก็ในตอนนี้ โซยะนั้นถูกต้องการตัวเพราะพลังเนตรมารฝัน ก็เลยกำลังออกปฎิบัติหน้าที่ร่วมกับทีมที่ทางสมาคมก่อตั้งขึ้นมาอย่างฉุกเฉิน เพื่อระบุตัวและคุ้มครองบุคคลที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นโลลิค่อนอยู่ และเนื่องจากอาการโลลิค่อนนี่มันไม่อาจรักษาให้หายได้ คาราสึมะก็เลยถูกกักขังจองจำแบบเบาๆไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งสองคนอะนะ ดูเหมือนว่าหากไม่จัดการร่างหลักของโลลิค่อนเมกเกอร์ให้ได้ อาการโลลิค่อนก็จะไม่หายไปหรือไงนี่ เป็นลูกเล่นคลาสสิกของไคอิสายคำสาปนี่แหละ
“ ……อ๊ะ!? เดี๋ยวเถอะนั่นพวกนายทำอะไรกันอุ๊ก!? ”
“ ซากุระ!? ”
ซากุระที่วิ่งเข้ามาเพราะสังเกตเห็นการปลุกปล้ำกันของฉันกับนางุโมะได้ซะที พลันหกล้มหน้าคว่ำอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าจะสะดุดซากดาบไม้ที่นางุโมะทำพังเพราะคุมพลังพลาดหรอก แต่ว่า……
“ นี่เธอ ดูแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ เป็นอะไรไปน่ะ ”
การที่ซากุระซึ่งฝึกปรือศาสตร์กระบวนท่ามาจนถึงระดับสูงพอสมควร จะมาล้มคะมำแบบประคองตัวเองลดแรงกระแทกไม่ได้เลยแบบนี้นี่มันแปลกแล้ว ยังไม่นับที่เหม่อลอยใจไม่อยู่กับตัวมาตั้งแต่เมื่อวาน แถมยังไม่มีแว้งทะเลาะหาเรื่องคาเอเดะที่ช่วยทำการตรวจวินิจฉัยตามวาระให้เลยนั่นอีก
ฉันทิ้งนางุโมะที่พึมพำ “นมใหญ่มันเด้ง ทำเรี่ยวแรงหดหาย……” พร้อมร่างอ่อนระทวยฟุบหมอบหมดสภาพลงกับพื้นหยั่งกับสัตว์ลำตัวนิ่มไว้ตรงนั้น ก่อนจะวิ่งทะยานเข้าไปหาซากุระ ยื่นมือไปให้เพื่อกะจะช่วยฉุดให้ลุกกลับขึ้นมาอยู่หรอก ทว่า
“ ฉันยืนคนเดียวได้! ”
ซากุระกลับปัดมือของฉันทิ้ง ก่อนจะลุกขึ้นมาด้วยหน้าที่แดงไปหมด
สีหน้านั่นบิดเบี้ยวเหมือนกับจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อแล้ว
ฉันที่เป็นห่วงจึงอ้าปากกะจะถามว่า “เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ” อีกรอบ แต่
“ ……เล่นฝึกซ้อมต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักเหนื่อยกันเลยแบบนี้นี่ พวกนายบ้ากันรึไงห้ะ? ”
พอพูดแบบนั้นออกมาอย่างกะทันหันปุ๊บ ซากุระก็หันหลังให้ฉันดังขวับ
ราวกับพยายามปกปิดไม่ให้เห็นหน้าที่ใกล้จวนเจียนจะร้องไห้นั่น
“ ฉันจะไปซื้อน้ำดื่มมาให้เอง นายน่ะไปพักซะหน่อยไป การพักผ่อนมันก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเหมือนกันนะ ”
หลังจากพูดเช่นนั้นจบ ซากุระก็ก้าวเท้าฉับๆออกไปจากสนามฝึกซ้อมอย่างรวดเร็ว
คำพูดนั่นมันก็ถูกต้องมีเหตุผลอยู่หรอกนะ……
“ แต่มันใช้ได้ที่ไหนกันเล่า ผู้จับตาเล่นหนีหน้าจากเป้าหมายแบบนี้น่ะ…… ”
เอาเป็นว่าทิ้งนางุโมะไว้ตรงนั้นก่อน ฉันวิ่งไล่หลังซากุระไปในทันใด
เข้าใจหรอกว่าคงไม่อยากเอาตัวเข้ามาเฉียดใกล้กัน แล้วก็รู้ด้วยว่าโดนเธอคนนั้นเกลียดขี้หน้าเข้าให้แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังทำใจปล่อยน้องสาวที่มีสภาพดูทุกข์ทรมานแบบนั้นเอาไว้ไม่ได้เลย
MANGA DISCUSSION