คำให้การของพยานคนที่ 1
[มันหมายหัวฟุรุยะอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลยเชียวครับแหม่ ต่อให้เราทุกคนจะโจมตีอัดใส่เข้าซักเท่าไหร่ แต่มันก็เอาแต่จะพุ่งดิ่งเข้าหาฟุรุยะอยู่นั่นแหละ]
คำให้การของพยานคนที่ 2
[ก็ไอ้เจ้าตัวที่ชื่อโลลิค่อนสเลเยอร์นั่น มันถึงกับวิ่งไล่ตามฟุรุยะเข้ามาถึงแถวบริเวณตึกเรียนเลยนี่นะครับ]
คำให้การของพยานคนที่ 3
[เอ้อก็มีคิดว่าไอ้หมอนั่นมันแหม่งๆมาตั้งแต่แรกแล้วละครับ ที่มันอยู่นิ่งหน้าตายได้ทั้งที่ถูกรุมล้อมอยู่โดยท่านคุซึโนะฮะกับมิซากิจังแบบนั้นนี่มันมีความเป็นมาอย่างงี้เองงั้นสินะ ไม่เห็นจะเข้าใจเล้ยว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีน้ำนมให้ดูดด้วยซ้ำพรรค์นั้นมันมีอะไรดีเด่]
“ ——เอาล่ะ จากข้อมูลที่ไปไล่สอบถามมาเบื้องต้น ทำให้สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแน่นอนแล้วค่ะว่าการที่ฟุรุยะ ฮารุฮิสะถูกโลลิค่อนสเลเยอร์หมายหัวเล่นงานนั่นนับเป็นความจริงเชิงวัตถุวิสัยเลย ”
ซากุระที่ทำการเล่นข้อมูลเสียงที่ถูกใส่โมเสกให้เบลอเอาไว้เรียบร้อยจนจบ พลันกล่าวออกมาเช่นนั้นอย่างเงียบๆ
ที่แห่งนี้ก็คือห้องของฉันซึ่งถูกปิดผ้าม่านเอาไว้หมด
ซากุระกับคาเอเดะที่ทำหน้าตาถมึงทึงยืนอยู่ขนาบข้างซ้ายขวา ส่วนฉันซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของห้องกลับถูกรัดตัวติดอยู่กับเก้าอี้ซะอย่างงั้น ไม่มีที่ให้หลบหนีได้ ความหวังก็ไม่มี และยัยพวกนี้ก็ไม่มีทางจะแสดงความเมตตาปรานีใส่ฉันอย่างเด็ดขาดเลย
“ ถ้าอย่างนั้นก็ จะขอเริ่มต้นการพิจารณาคดีพิสูจน์เฟติชของฟุรุยะ ฮารุฮิสะที่ถูกต้องสงสัยว่าเป็นโลลิค่อน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป! ”
เจอะกับซากุระที่ป่าวประกาศเปิดศาลพิจารณาคดีที่ฟังดูระยำตำบอนหนักยิ่งกว่าการพิจารณาคดีแม่มดเข้าไป ทำเอาฉันที่แม้รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าเปล่าประโยชน์อดไม่ได้ต้องหลุดร้องลั่นออกมา
“ หยุดทีว้อยยยยยย! อย่างน้อยก็ช่วยหาทนายความแก้ต่างให้กันหน่อยเหอะ! เอาเป็นคาราสึมะหรือนางุโมะก็ได้! ”
“ ทนายความที่ไหนจะมาแก้ต่างให้โลลิค่อนกันยะ! ”
เล่นตัดสินความว่าผมเป็นโลลิค่อนตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มพิจารณาคดีกันเลยเรอะครับ!?
“ ก็บอกว่า! ฉันไม่ใช่โลลิค่อนไงเฮ้ย! ”
“ งั้นนี่มันอะไรกันห้ะ!!! ”
เปรี้ยง!
สิ่งที่ซากุระฟาดชนลงมาอยู่เหนือโต๊ะ ก็คือสมาร์ทโฟนกับคอมพิวเตอร์ของฉัน
ฉันสะดุ้งอยู่ชั่วขณะนึงก็จริง แต่เจ้าพวกนั้นถูกตั้งพาสเวิร์ดเอาไว้แล้ว ต่อให้ทารุณทรมานกันก็จะไม่ยอมใส่พาสเวิร์ดให้เด็ดขาดเลยว้อย—เนี่ยฉันคิดแบบนั้นอยู่หรอก…….แต่นั่นเล่นทะลุข้ามหน้าจอใส่พาสเวิร์ดไปเรียบร้อยแล้วนี่หว่า!?
“ ฮึ เอาวันเกิดกับของกินที่ชอบมาตั้งเป็นรหัสเนี่ยนะ ยังคงคิดอะไรตื้นๆไม่เปลี่ยนไปจากตอนเด็กเลย ”
“ พฤติกรรมในฐานะสตอล์คเกอร์ของนังหนูก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกันนี่นา ”
“ หล่อนเรียกใครเป็นสตอล์คเกอร์น่ะ! เอ้ยไม่สิ ตอนนี้ที่สำคัญกว่านั้น! ”
ซากุระแว้งตะคอกใส่คาเอเดะ ก่อนจะกดๆสมาร์ทโฟนกับคอมพิวเตอร์——แล้วจึงยัดหน้าจอที่เปี่ยมล้นท่วมท้นไปด้วยภาพโลลิ 2D อัดเข้ามาใส่
“ สะสมอะไรพรรค์นี้ไว้เต็มไปหมดแล้วยังคิดว่าจะแถเอาตัวรอดได้อีกเหรอ!? ”
“ …….ขึก! ”
“ แถมนอกจากภาพแล้วยังโหลดแอปฯประหลาดๆมาอีก…….ถึงกับเติมตังค์ให้เกมโคตรจะน่าขยะแขยงชื่อ [โลลิค่อน GO!] นี่ด้วยเลยไม่ใช่เหรอยะ! ”
คอลเล็คชั่นสุดโรคจิตที่เป็นเสนียดติดตัวถูกขุดค้นพบขึ้นมาเรื่อยๆ ทำเอาเหงื่อแปลกๆไหลหลั่งออกมาท่วมกาย
“ มะ ไม่ใช่นะ! ไอ้พวกนั้นมันถูกเซฟไว้ในช่วงที่ฉันไม่รู้ตัว……. ”
“ โฮ่~? ในช่วงที่นายไม่รู้ตัวสิเน้อ ”
ซากุระทำตาเหมือนมองหมูที่เปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งปฏิกูลเลยนั่น
“ ถึงตาหล่อนแล้ว! โซยะ มิซากิ! ”
[ค่ะ!]
พอซากุระให้สัญญาณ เสียงอันร่าเริงสดใสของโซยะก็พลันสะท้านไปทั่วห้อง
เสียงนั่นดังมาจากสมาร์ทโฟนของคาเอเดะ ที่ดูท่าจะแหยงรังเกียจการถูกโซยะพบหน้าสุดขีด
โซยะจ้องมองฉันตาไม่กะพริบ ผ่านจอสมาร์ทโฟนที่ถูกเปิดให้เข้าโหมดวิดีโอคอลเอาไว้ ด้วยเนตรมารฝัน คำสาปจากนรกที่จะทำให้มองเห็นข้อมูลกามๆทุกแบบทุกประเภทลอยปรากฎขึ้นมานั่น
[อือ! ดูภาพโลลิเต็มไปหมดเลย! [อันดับบริเวณร่างกายของเด็กผู้หญิงที่ตามักจะเหล่มองไปเอง] ก็เปลี่ยนกลายเป็นแขนขาสั้นๆสุขภาพดีของเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆแล้วด้วย เป็นโลลิค่อนโดยสมบูรณ์เลยล่ะ!]
มันช่างน่าอัศจรรย์ใจตรงนี้แหละ
โซยะยิ้มหน้าบานเฉยเลย ตีตราฉันเป็นโลลิค่อนด้วยท่าทางอารมณ์ดี๊ดีสุดๆไปเลย
[ฟุรุยะคุง หลีกหน้าฉันเพราะอับอายที่รสนิยมโลลิค่อนตื่นสินะ โธ่เอ๊ย~ เป็นแค่นั้นเองหรอกเหรอ]
แค่นั้นเองนี่มัน…….
ปฎิกิริยาตอบสนองนั่นมันอะไรกันน่ะ…….ยิ้มแย้มแจ่มใสโคตรๆไปเลยนี่หว่า
แล้วนี่ฉันจะพยายามหลบหน้าโซยะสุดชีวิตแบบนั้นไปทำไมกันฟะ…….
ยัยโซยะโคตรจะอ่อนโยนต่อโลลิค่อนเลยนี่หว่า นางฟ้าชัดๆไม่ใช่เรอะ
พอฉันสับสนกับปฎิกิริยาของโซยะอยู่ ซากุระก็พลันวิ่งด้วยท่าทางสับสนหนักมากยิ่งกว่าฉันหลายเท่า เข้าไปหาสมาร์ทโฟนที่มีโซยะฉายอยู่
“ เดี๋ยวสิ!? หล่อนโอเคกับการที่หมอนั่นเป็นโลลิค่อนจริงๆน่ะเหรอ!? ปฎิกิริยาแบบชิลๆไม่ทุกข์ร้อนนั่นมันอะไรกันยะ! ”
[เอ๊ะ? อื้มก็มีคิดว่าน่าเกลียดอยู่นิดหน่อยเหมือนกันหรอก แต่ตราบเท่าที่ไม่ได้ลงไม้ลงมือกับเด็กจริงๆก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมายซะหน่อยนี่นา แล้วก็ไม่ถือเป็นปัญหาต่อการทำงานร่วมกันในฐานะเพื่อนร่วมทีมซะหน่อยนะ?]
“ อะ อ้าว? นี่หล่อนมองเห็นฟุรุยะ ฮารุฮิสะเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมจริงๆหรอกเหรอเนี่ย? ”
พอซากุระที่เข้าไปซุบซิบคุยอะไรไม่รู้กับโซยะ เอียงหัวอย่างสับสนปุ๊บ
“ งั้นถัดไปก็ถึงตาฉันสินะ ”
คาเอเดะเก็บสมาร์ทโฟนเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ตัวฉัน
“ ขั้นแรกสุดเลยก็…….ลองซัก 12 ขวบดูก่อนก็แล้วกัน ”
“ ฮึก!? ”
ร่างของคาเอเดะพลันบิดเบี้ยวราวกับเป็นภาพลวงตา
และที่ปรากฎขึ้นมาอยู่ตรงนั้น ก็คือเด็กผู้หญิงที่เหมือนกับเอาคาเอเดะที่เป็นสาวงามหยดย้อยมาทำให้ดูเด็กลงเท่าตัวนึง แม้แววตาจะเฉียบแหลม บรรยากาศที่ห่อหุ้มกายจะเป็นคาเอเดะคนเดิม แต่รูปร่างภายนอกนี่คือเด็กประถมชัดๆเลย
ยัยนี่อย่าบอกนะว่า…….
“ ฮื่ม 12 ขวบนี่ยังไม่ค่อยชัดเจนสินะ งั้นถัดไป ถ้า 10 ขวบล่ะเป็นยังไง? ”
ร่างของคาเอเดะบิดเบือนอีกครั้ง เผยให้เห็นสภาพของคาเอเดะที่เด็กมากเข้าไปอีก
เป็นจริงอย่างที่คิดเลย!
ยัยคาเอเดะ คิดจะใช้วิชาแปลงร่างที่ตัวเองถนัดนักหนา เพื่อตรวจเช็คว่าฉันจะตอบสนองต่อร่างกายในช่วงอายุกี่ขวบงั้นเรอะ!?
อย่ามาล้อเล่นกันนะว้อย ที่เก็บรวบรวมภาพหรือการตรวจสอบเชิงวิญญาณของโซยะนี่มันก็พอจะแถแถ่ดๆเอาตัวรอดว่า “มันต้องมีอะไรซักอย่างผิดพลาดแน่ๆ!” ได้อยู่หรอก แต่ถ้าเกิดจ้องเขม็งไม่ละสายตาจากคาเอเดะที่แปลงร่างเป็นหนูน้อยเอาตรงนี้ละก็อ้างอะไรไม่ได้แน่ ก็ร่างกายมันตอบสนองไปเองเลยนะเว้ย? การแสดงออกทางสายตาแม่มมีค่าเท่ากับพูดสารภาพดีๆเลยนะเว้ย? เป็นฉันก็คงตีตราว่าเป็นโลลิค่อนเหมือนกันแหละว่ะไอ้คนพรรค์นั้น
จะไม่ยอม ต้องไม่ยอมตอบสนองต่อสภาพตอนเป็นเด็กเล็กๆของคาเอเดะเป็นอันขาด!
ฉันตัดสินใจอย่างแรงกล้าอยู่ภายในอก หันสายตาตรงไปจับจ้องเขม็งอยู่กับซากุระที่เติบโตจนอุดมสมบูรณ์ในหลายๆด้านแทน ทว่า…….
“ สไตรค์โซนของฟุรุยะคุงคือช่วง 9 ขวบสินะ ”
“ ……. ”
เบี่ยง…สายตาไม่ได้เลย…….
ทั้งที่หัวมันคิดจะจ้องซากุระไม่ละสายตาแท้ๆ ก็ไม่ได้ตื่นเต้นมีอารมณ์กับสภาพคาเอเดะตอนเป็นเด็กเล็กๆซะหน่อยแท้ๆ แต่มีแค่สายตานี่แหละที่ถูกดึงดูดไป นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ยถามจริงเลย…….
แต่ทุกคนกลับไม่เห็นหัวฉันที่หงอยเศร้าอยู่ คาเอเดะพลันส่งสายตาไปยังซากุระอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะ
“ งั้นถัดไปลองทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นดูก็แล้วกัน ”
ประคองร่างให้อยู่ในสภาพ 9 ขวบทั้งๆอย่างนั้น แต่ทำให้บริเวณอกเพียงอย่างเดียวค่อยๆขยายขนาดใหญ่ขึ้น—–
“ แบบนี้นี่เอง รสนิยมความชอบของฟุรุยะคุงคือเด็กอายุ 9 ขวบที่มีขนาดไซส์หน้าอกต่ำกว่าคัพ A สินะ เป็นโลลิค่อนเห็นๆเลยนี่นา ”
คาเอเดะให้ข้อสรุปเช่นนั้นก่อนจะแปลงโฉมกลายเป็นหนูน้อยหน้าอกแบนราบ พร้อมกับแหงนมองขึ้นมายังฉันด้วยแววตาที่เย็นเฉียบสุดขั้วจับใจ
“ นี่ฟุรุยะคุง ไม่ละอายบ้างเลยเหรอ? ต่อให้คิดยังไงแต่เธอก็เป็นโลลิค่อนชัดๆเลยนะ? น่าขยะแขยงที่สุด คู่ชีวิตที่จะสามารถตอบสนองต่อตัณหาความต้องการของคนโรคจิตวิตถารอย่างเธอได้อย่างถูกกฎหมายนี่ คงจะมีเพียงแค่ผู้สืบสายเลือดจากตระกูลคุซึโนะฮะที่สามารถใช้วิชาแปลงร่างได้เท่านั้นล่ะ หึ ถึงตระกูลเราจะไม่มีคนที่ชอบอะไรพิลึกพิลั่นแบบนั้นก็เถอะนะ แต่ถ้าอย่างนั้นแล้ว เธอที่ไม่อาจรักใครได้นอกจากเด็กประถมจะมีชีวิตต่อจากนี้ไปยังไงกันนะ ”
คาเอเดะยิ้มเยาะอย่างซาดิสท์ขึ้นมาทั้งๆที่ยังอยู่ในสภาพหนูน้อย แล้วจึงใช้มืออันเล็กนุ่มนิ่มนั่นแตะเข้ามายังแก้มของฉันนี่….. “ขุ่ก…….” พอฉันโต้แย้งการกดดันด้วยคำพูดของคาเอเดะไม่ได้อยู่แบบนั้นปุ๊บ
“ เดี๋ยวเถอะนังจิ้งจอก! อย่าไปกระตุ้มต่อมของเจ้าโลลิค่อนสิยะ! ”
ซากุระฝืนกระชากโลลิคาเอเดะออกไปห่างๆ แถม
[ขอคืนคำพูดเมื่อกี้เดี๋ยวนี้เลย! โลลิค่อนมันชั่วที่สุดเลย! ฟุรุยะคุงน่าขยะแขยงมากๆเลยนะ!? รีบๆหายเร็วเข้าสิ! หายจากการเป็นโลลิค่อนเร็วเข้า!]
โซยะยังจะปรี๊ดแตกคลั่งอยู่ตรงอีกฝั่งของจอมือถืออีกตะหาก
เอ๊ะ เดี๋ยวดิ ตะกี้ยัยโซยะยังพูดว่าไม่ถือสาอะไรกับการเป็นโลลิค่อนอยู่เลย…….แล้วไหงตอนนี้ถึงด่าฉันสาดเสียเทเสียด้วยแววตาเหมือนกับกำลังเห็นศัตรูที่ไปฆ่าพ่อฆ่าแม่มาเฉยเลยล่ะ…….พวกพ้องหดหายทำเอาหัวใจแทบจะหักโค่นแหลกสลายอยู่แล้ว…….
“ เห็นมั้ย! ฉันถึงได้พูดไปไงล่ะ!? ถ้าฟุรุยะ ฮารุฮิสะเป็นโลลิค่อนละก็นังผู้หญิงคนนั้นมันจะชนะลอยเข้าวินไปคนเดียวเลยนะ! ”
[อือ เข้าใจดีเลยล่ะ! รู้สึกหงุดหงิดแล้วก็เจ็บปวดหัวใจมากๆเลย เพราะแบบนี้เองสินะโลลิค่อนถึงได้ถูกสังคมรังเกียจมากถึงขนาดนี้! ไม่แปลกใจเลยที่จะมีโลลิค่อนสเลเยอร์โผล่ขึ้นมา!]
“ …….อื๋อ? ทำไมเหมือนเราคุยกันคนละเรื่อง…….อ้าว? นี่หรือว่าหล่อน ยังไม่รู้สึกตัวหรอกเหรอ……. ”
พอซากุระเข้าไปซุบซิบอะไรไม่รู้กับโซยะผ่านจอสมาร์ทโฟนอีกรอบปุ๊บ คาเอเดะก็กล่าว “อืมแต่ก็ขอเลิกล้อเล่นกันไว้แค่นี้” พร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ ก็อย่างที่ยัยหนูโซยะพูดมานั่นล่ะ จำเป็นต้องหาทางทำอะไรกับเฟติชของฟุรุยะคุงโดยด่วนเลย ”
ฟุ่บ รอบตัวของคาเอเดะพลันพร่ามัว ส่งผลให้ร่างกายนั่นกลับมาเป็นช่วงอายุ 17 ปีอีกครั้ง
“ แค่นี้ภายในสมาคมก็ถูกคดีของโลลิค่อนสเลเยอร์กดดันจนอ่อนไหวง่ายในหลายๆด้านอยู่แล้ว ถ้าเกิดถูกรู้ว่าผู้ถือครองความสามารถพรรค์นี้เป็นโลลิค่อนขึ้นมาอีกละก็…….ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเกิดเรื่องน่าปวดหัวขึ้นขนาดไหน ”
“ …….ก็จริงนะ ถูกโลลิค่อนสเลเยอร์เล่นงานอย่างชัดเจนต่อหน้าธารกำนัลแบบนั้นด้วย ถึงฉันไม่รายงานแต่เรื่องก็คงถูกรู้ไปจนถึงหูของกรมตรวจสอบอยู่ดี ไม่แน่อาจจะมีการทำเรื่องส่งตัวผู้จับตาที่เข้มงวดยิ่งกว่าฉันหลายเท่ามาแทนก็ได้……. ”
ซากุระเห็นพ้องตรงกับคำพูดของคาเอเดะด้วยสีหน้าที่ซีเรียสสุดขีด
“ …….ในเมื่อเป็นแบบนี้ ต่อให้ต้องใช้ลูกไม้ยังไงก็ยอม จะทำให้ไอ้เจ้าโรคจิตนี่หายจากการเป็นโลลิค่อนให้ได้เลย! ก็ในฐานะที่เป็นผู้จับตาแล้ว มีหน้าที่ต้องคอยหยุดระงับให้ได้ก่อนที่เป้าหมายจะทำอะไรลงไปด้วยนี่นะ! ”
พอพูดด้วยท่าทางเหมือนอ้างมั่วซั่วไปเรื่อยแล้ว ซากุระก็หันเข้าไปหาคาเอเดะ
เอ้ยแบบว่า เรื่องมันเดินไปแบบฉับๆโดยไม่สนใจฟังความเห็นของฉันเลยรึเปล่าเนี่ย…….?
“ แล้วไงล่ะ? จะดัดสันดานโลลิค่อนของหมอนี่ยังไงไม่ทราบ? ”
“ จับทรมานกันเถอะ ”
เอิ่ม คุณคาเอเดะคับ? เดี๋ยวนะ? ไม่ได้นะคับเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดีพูดคำว่าจับทรมานออกมาได้ยังไงกัน เนอะ?
“ ถ้ามองโลลิก็ทารุณให้รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว ถ้ามองผู้หญิงธรรมดาก็ให้ขนมลูกอม เอาเป็นว่าลองทำแบบนั้นซ้ำๆไปดูก่อนแล้วกัน ”
คาเอเดะจุดไฟจิ้งจอกขึ้นมาอยู่เหนือนิ้วมือด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“ ฟุรุยะคุง พวกฉันจะช่วยทำให้เธอกลับมาเป็นผู้เป็นคนให้เองนะ ”
MANGA DISCUSSION