ในวันนั้น ได้มีกำหนดให้นักเรียนชั้นมัธยมปลายทุกคนของโรงเรียนปราบมารมารวมตัวประชุมกันในช่วงก่อนพักกลางวัน
ตามเดิมแล้วในโรงเรียนปราบมารที่มีงานยุ่งในหลายๆด้าน—–โดยเฉพาะชั้นมัธยมปลายที่ยิ่งงานหนักเป็นพิเศษ——จะไม่ค่อยมีพิธีอะไรแบบนี้ซักเท่าไหร่หรอก
แต่ในช่วงหลังจากที่เด็กปีหนึ่งเพิ่งจะผ่านการประเมินครั้งแรกมาได้ไม่นานเช่นนี้ มันมักจะมีเจ้าพวกที่เหลิงคึกคะนองได้ใจกันมากอยู่ ฉะนั้นจึงกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่พวกอาจารย์จะต้องคอยกล่าวร่ายคำตักเตือนต่างๆนาๆภายในที่ประชุม
เพราะตั้งแถวเรียงกันแบบตามกลุ่มทีมละมั้ง ในระหว่างช่วงก่อนการประชุมนี่โรงยิมก็เลยถูกปกคลุมไปด้วยเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจเลยทีเดียว
“ อูววว คนคนนั้นเค้าจะมโนได้น่าเกลียดเกินไปแล้ว……อ๊าววว อาจารย์คนนั้นยังแอบเล่นชู้อยู่อีก….. ”
“ แม่หนูมิซากิ! ใยจึงเอาแต่ปิดตาอยู่แบบนั้นเล่าเสียของหมด! จงสอดส่ายสายตาสืบหาแม่หนูคุซึโนะฮะและเหล่าสาวงามคนอื่นๆแห่งห้อง S ที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มฝูงชนนี้ให้เจอ เพื่อพิสูจน์ค้นหาความลับแบบทะลึ่งลามกสัปดนแล้วรายงานให้ฉันทราบเสีย! ”
“ เนตรมารฝันนี่ถ้าอยู่ห่างกันมากเกินไปแล้วมันจะมองเห็นข้อมูลลำบากน่ะ ฉะนั้นคงจะยากละมั้งนะ……แต่ว่านะอาโอยจัง ถ้าพูดจาน่ารำคาญมากๆเข้าเดี๋ยวจะจับลงโทษอีกนะ? ”
“ ระ ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว! ฉันก็แค่อยากจะเติมเต็มความสงสัยใคร่รู้ทางปัญญาในแบบของเด็กผู้ชายที่แข็งแรงอยู่ในวัยเจริญผสมพันธุ์เท่านั้นเองนะ!? ”
ทีมของฉันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น โซยะที่คลื่นเหียนเพราะเนตรมารฝัน กับคาราสึมะที่จิ้นมโนทะลึ่งตึงตังจนร่าเริงคึกคักเป็นร้อยเท่า ก็กำลังพูดคุยกันไม่หยุดราวกับหาอะไรแก้ว่าง
แต่ในอีกฝั่งนึง ฉันนั้น—–
“ ฟุรุยะคุง เอาแต่เล่นมือถือมาตลอดตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ มีอะไรเหรอ? แถมเหมือนว่าขอบตาจะดูดำๆด้วย ”
“ เอ๊ะ? อ่า เปล่าหรอก ไม่ค่อยสำคัญอะไรหรอกน่า โซยะเธอน่ะหลับๆตาไปซะเหอะ ”
ไม่รู้เลยว่าทำแบบนี้มากี่รอบแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เอาแต่กดรีเฟรชกล่องข้อความเพื่อดูว่ามีเมลจากซากุระถูกส่งมาเพิ่มรึเปล่ารัวๆอยู่อย่างเดียว
ก็มันคืองี้ไง เมื่อวานหลังจากที่ได้เมลบอกว่า [จะไปหา] มาจากซากุระปุ๊บ ไอ้ฉันก็ทำการส่งตอบไปว่า [จะมาเมื่อไหร่น่ะ? รู้ทางรึเปล่า? ให้ไปรับที่สถานีมั้ย?] ในทันทีเลย แต่กลับไม่มีเมลตอบรับถูกส่งกลับมาซะที ประสบอุบัติเหตุอะไรเข้ารึเปล่านะ…..กังวลเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของซากุระมากจนไม่เป็นอันได้หลับนอนกันเลยเนี่ย
“ แม่หนูมิซากิ อย่าไปถามไถ่เค้นความมันมากเลย ฟุรุยะเองก็เป็นผู้ชาย คงจะเจอรูปโป๊ที่ถูกใจแบบไม่เคยมีมาก่อน แล้วตื่นเต้นหำแข็งอดรนทนอยู่ไม่ไหวเป็นแน่แท้ ”
“ อย่าเอาฉันไปเหมารวมกับเอ็งสิว้อย! ”
“ ? นอกจากรูปโป๊แล้ว มันมีเหตุผลอื่นใดให้คนเราเล่นมือถือกับระหว่างขารัวๆไม่หยุดด้วยหรือ? ”
มีดิวะ อย่างเช่นกังวลเป็นห่วงในความปลอดภัยของน้องสาวอะไรแบบนั้นไง
แต่ฉันก็ไม่ได้พูดแบบนั้นออกมา เพราะไม่อยากจะให้โดยรอบรับรู้ถึงการมาเยือนของซากุระนั่นเอง
ทำไมเรอะ? มันก็แหงอยู่แล้วนี่
เพราะว่าคนรอบๆตัวฉันแม่มมีแต่พวกที่น่าจะเป็นอิทธิพลไม่ดีต่อซากุระทั้งนั้นเลยไงละว้อย!
ไอ้พวกในห้อง D มันจะต้องปากโป้งพูดถึงข่าวลือที่ว่าฉันก่อเหตุลวนลามในเมืองชิโนโนเมะออกมารัวๆกันแหง คาราสึมะนี่ไม่ต้องพูดถึง แล้วก็ไม่อยากให้ซากุระถูกมองโดยเนตรมารฝันของโซยะด้วย
แถมใกล้ๆตัวฉัน ยังมียัยนั่นที่กลับมาเข้าเรียนอีกครั้งตั้งแต่วันนี้ไปอีก——
“ เอ่อ….ขออยู่ตรงนี้ด้วยได้ป่ะ? ”
“ อ๊ะ คุณนางุโมะ!? ย้ายโรงเรียนมาจริงๆด้วยสินะ! ได้สิได้สิ ยืนเรียงกันตรงนี้เลยนะ! ”
……..นั่นไงมาแล้ว
อีหนูเคนโด้ที่สะบัดผมหางม้าปลิวไสว….นางุโมะ มุตสึมิที่ผ่านการยอมรับของโซยะ พลันโผล่หัวมายืนเรียงแถวด้วย
ขุ่ก ยัยนางุโมะ ทั้งที่ตอนเช้าทำท่าทางเหมือนพยายามหลบเลี่ยงฉันแท้ๆ นี่มันคิดอะไรอยู่กันน่ะ?
พอฉันเข้าไปหลบอย่างเกร็งๆ ข้างหลังไอ้บ้าคาราสึมะที่ร้อง “ อุ๊วว❤ กลิ่นกายของแม่หนูมุตสึมิอยู่ใกล้มากถึงเพียงนี้…….สงบจิตเข้าไว้อัณฑะในใจฉัน……” พร้อมเอามือกดหน้าอกปุ๊บ
“ โยะ โย่ฟุรุยะ ”
นางุโมะที่พูดทักทายกับโซยะจบ พลันถีบคาราสึมะปลิวกระเด็นแล้วเดินตรงดิ่งเข้ามาหาฉันได้แบบหน้าด้านๆเลยเฮ้ย แถมยังมีดึงๆเสื้อฉันนิดๆอีกต่างหาก อะ อะไรวะ? คงไม่ได้จะอ้อนขอให้อัดเทคโนเบรคเกอร์ใส่ให้น้ำแตกแม่มตรงนี้หรอกใช่มั้ย…..พอฉันที่เคลือบแคลงสงสัยจนจิตจะวิปลาสตอบรับต่อการดึงเสื้อของนางุโมะไปปุ๊บ
“ ฟุรุยะ แบบคือจะว่าไงดี เรื่องก่อนหน้านี้นี่ขอโทษด้วยนะเว้ย! ”
นางุโมะก้มหัวให้พร้อมกับเอ่ยเสียงที่ถึงแม้จะเบา แต่ก็สัมผัสถึงความจริงใจได้อย่างชัดเจนออกมา …….เอ๊ะ?
“ หลังจากเรื่องเมื่อวันก่อน คุณคุซึโนะฮะเค้าก็เล่าให้ฟังน่ะนะ ว่ามีคนเฝ้าจับผิดความสามารถของแกอยู่เยอะแยะมากมายเลย ฉันไม่ได้อยากจะสร้างความเดือดร้อนให้แกที่เป็นผู้มีพระคุณหรอกนะ แต่พอคิดว่ามีโอกาสเสริมนมใหญ่โผล่มาอยู่ต่อหน้าแล้วมันก็สะกดตัวเองไม่ได้…….เอาเป็นว่าขอโทษด้วย! ”
“ เอิ่ม…… ”
ยึดติดคิดมากอยู่กับปมนมเล็กจนกลายเป็น สเกล 6 ไปเลยนี่นะ ความหมกมุ่นที่มีต่อการเสริมขนาดนมของนางุโมะมันมากล้นผ่าเหล่าสุดๆไปเลยหรอก แต่ก็ช่างแมนๆโคตรลูกผู้ชาย (ผู้หญิง) จริงๆแฮะ สมแล้วที่ถูกยกย่องเป็นอาเจ้ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายโรงเรียนมา
“ เอ้อ ถ้าเข้าใจแล้วก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ”
“ ค่อยยังชั่ว……ฟุรุยะนี่เป็นคนดีจริงๆด้วยว่ะ ”
เอาเป็นว่าคงไม่จำเป็นต้องผลักนางุโมะให้ออกไปห่างๆจากซากุระงั้นสินะ ค่อยโล่งใจไปเปลาะนึง
“ ………แต่ว่านะเว้ย ”
เป็นตอนนั้นเองที่นางุโมะอ้าปากพูดออกมาเสียงค่อย
“ …..ถ้าแอบทำกันลับๆแบบสมยอมกันทั้งคู่นี่คงน่าจะไม่มีปัญหาหรอกมั้งเนาะ? ”
“ ไม่ทำว้อย! นี่เธอจริงๆแล้วไม่ได้สำนึกผิดซักนิดเลยใช่มั้ยเนี่ยเฮ้ย!? ”
อีนี่ไม่ไหวแล้วจริงๆด้วย!
ขุ่ก คอยเฝ้าระวังนางุโมะต่อไปจะดีกว่าสินะเนี่ย
——–กึ๊ด
“ อื๋อ? ”
รู้สึกเหมือนมีคนกำลังดึงเสื้ออยู่จากข้างหลัง แล้วพอหันไปปุ๊บ
“ อะ อ้าว? ”
ผู้อยู่ตรงนั้นก็คือโซยะที่ไม่รู้ทำไมถึงกำลังจ้องมองมือตัวเองอย่างแปลกใจ
“ อ๊ะ เปล่าหรอกๆ เหมือนว่าการประชุมใกล้จะเริ่มขึ้นแล้วน่ะสิ เลยว่าจะบอกให้เงียบๆหน่อยน่ะ ”
พอโซยะเอามือออกจากเสื้อฉันด้วยท่าทางแตกตื่นลนลานยังไงชอบกลปุ๊บ คุณหล่อนแกก็ผลักคาราสึมะที่คลั่งโวยวาย “ฟุรุยะนี่แก! ทั้งที่ฉันต้องฝืนอดทนอดกลั้นแท้ๆ แต่ใยแกจึงริอาจทำตัวสนิมสนมกับแม่หนูมุตสึมิได้กัน!” ให้กระเด็นไป พร้อมกับสลับมายืนอยู่ข้างๆฉันนี่แทน
เป็นอะไรน่ะ? มีคิดสงสัยแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดูท่าว่าการประชุมมันจะเริ่มขึ้นจริงๆแล้ว ฉันกับนางุโมะก็เลยยืนตั้งแถวใหม่ให้ดีๆ
แต่ว่าก็ว่าเหอะนะ เพราะมีแต่พวกที่จะยอมให้พบหน้ากับซากุระไม่ได้อยู่เต็มไปหมด ฉันเลยอยากจะติดต่อกับซากุระให้ได้ก่อนที่ยัยนั่นจะเดินทางมาหากันตรงๆภายในโรงเรียนปราบมารอยู่หรอก…….แต่ทำไมยัยซากุระถึงไม่ยอมตอบกลับมากันน่ะ?
ชักเริ่มจะเป็นห่วงความปลอดภัยของซากุระขึ้นมาจริงๆแล้วเนี่ย แต่จะให้กดสมาร์ทโฟนหลังจากที่เริ่มประชุมแล้วนี่มันก็ไม่ได้ ฉันจึงเก็บมือถือลงไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดแทบขาดใจ——เป็นในฉับพลันนั้นเอง
……….อ้าว? บรรยากาศมันดู หนักอึ้งยังไงชอบกล?
พอเสียงจ้อกแจ้กของเด็กนักเรียนพลันเงียบลงมา ฉันก็สังเกตได้ถึงความประหม่าแปลกๆที่ลอยโชยมาจากกลุ่มพวกอาจารย์ที่ยืนประจำการอยู่ตรงมุมโรงยิม ถ้าขนาดฉันยังสัมผัสได้ งั้นนักเรียนคนอื่นๆที่มีเซนส์ด้านวิญญาณอยู่เต็มเปี่ยมก็ย่อมต้องสัมผัสได้แน่นอน ขนาดคาราสึมะที่พล่ามอะไรก็ไม่รู้มาตลอดจนถึงตะกี้ก็ยังขมวดคิ้วอย่างแปลกใจด้วยเลย
ในท้ายที่สุด อาจารย์ที่รับหน้าที่เป็นโฆษกก็ขึ้นมายืนหน้าไมค์ ก่อนจะพูด [ถ้าอย่างนั้นแล้ว ก็จะขอเปิดการประชุมทั้งโรงเรียนช่วงฤดูใบไม้ผลิตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป] ซึ่งเป็นประโยคที่ฟังจนคุ้นหูออกมา ทว่า คำพูดที่ตามออกมาต่อนั่น กลับเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายไปโดยสมบูรณ์
[แต่ก่อนหน้านั้น เนื่องจากเราต้องการให้เหล่านักเรียนทุกคนที่ศึกษาอยู่ภายในโรงเรียนแห่งนี้ มีจิตสำนึกในฐานะผู้ครอบครองพลังอย่างเข้มแข็ง และให้ความสำคัญกับการประพฤติตัวอย่างสมควรถูกต้อง เราจึงได้เชิญตัวเจ้าหน้าที่ฝึกสอนพิเศษมาเข้าร่วมด้วยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป]
ห้ะ? เจ้าหน้าที่ฝึกสอนพิเศษ?
เจอะกับเหตุการณ์ที่กะทันหันเกินเหตุแบบนี้เข้าไป ทำให้ไม่ได้มีแค่เด็กปีหนึ่งอย่างเดียว เด็กปีสองปีสามก็เริ่มที่จะแตกตื่นส่งเสียงดังเซ็งแซ่กันขึ้นมาไปด้วย และความแตกตื่นนั่น ก็ยิ่งยกระดับใหญ่มากเข้าไปในทันทีที่เจ้าหน้าที่ฝึกสอนพิเศษอะไรนั่นถูกโฆษกยุให้ขึ้นมายืนปรากฎกายอยู่เหนือแท่น
“ เอ๊ะ? เด็กคนนั้นเป็นใครน่ะ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเราเลยไม่ใช่เหรอ แถมยังสวมชุดนักเรียนของเราด้วยนะนั่น ”
“ ให้ว่าแล้วโคตรน่ารักเลยป่ะ? เพราะอยู่ห่างก็เลยมองไม่ค่อยชัดหรอก แต่เหมือนว่าจะนมใหญ่เอาเรื่องเลยด้วย….. ”
ได้ยินเสียงแบบนั้นดังมาจากรอบๆตัว เจ้าคาราสึมะก็แหกปากร้องเสียงพิลึกดัง “โอะโห้วววววว!” ไปด้วย——แต่ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนั้น ก็มีฉันนี่ล่ะที่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
หญิงสาวร่างผอมเพรียวที่ขึ้นไปยืนอยู่เหนือแท่น มีอายุอานามไล่เลี่ยอยู่กับพวกเรา ผมยาวที่ถูกมัดไว้ด้านข้างพลันปลิวไสว ดวงตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจกำลังมองตรงดิ่งจากแท่นลงมายังพวกเรา แขนขายาวขึ้นมาก บริเวณอกก็โตขึ้นมาใช่ย่อยในระหว่างที่ห่างหน้ากันไป แต่รูปโฉมนั่นก็ไม่ผิดแน่ ไม่มีทางที่ฉันจะดูผิดไปได้เด็ดขาด
“ …………ซากุระ? ”
สาวน้อยที่โค้งคำนับอย่างผ่าเผยอยู่เหนือแท่นนั่น ก็คือยัยน้องสาวที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาตลอดเวลาหลายปี—-ฟุมิโดริ ซากุระ
[ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันคือเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกส่งตัวมาจากกรมตรวจสอบของสมาคมผู้ปราบมาร เพื่อทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ฝึกสอนพิเศษภายในโรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีชื่อว่า ฟุมิโดริ ซากุระค่ะ]
นักเรียนทุกคนที่ได้ยินคำกล่าวทักทายนั่นเข้าไป ถึงกับเงียบกริบแบบเดียวกับฉันในพริบตา
“ ห้ะ? เด็กอายุน้อยแบบนั้นน่ะเรอะเป็นคนของกรมตรวจสอบ……พูดเล่นใช่มั้ยเนี่ย? ไม่ดิให้ว่าแล้ว กรมตรวจสอบจะมาเฝ้าจับตาดูอยู่ในโรงเรียนเรอะ……. ”
“ ก็ว่าอยู่ทำไมพวกอาจารย์ถึงประหม่ากัน…….หวาย น่ากลัวสุดๆไปเลยแฮะ ”
“ เอ้ยอีแบบนี้มันนั่นรึเปล่า เจ้าหน้าที่ฝึกสอนอะไรนี่เป็นแค่ข้ออ้าง จริงๆแล้วเค้ามาเพราะมีตัวอันตรายสุดๆแอบซ่อนปะปนอยู่ภายในโรงเรียน……? ”
เหล่านักเรียนที่ได้ยินชื่อของกรมตรวจสอบ พลันปล่อยเสียงที่ดูตื่นตระหนกออกมาสารพัดรูปแบบ
แต่บริเวณโดยรอบตัวฉันกลับเกิดความแตกตื่นที่ต่างออกไปนิดๆขึ้น
“ นะ นี่ฟุรุยะคุง…..ซากุระนี่อย่าบอกนะว่า…… ”
“ คุณพี่! โปรดมอบคุณน้องสาวให้กับฉันทีเถอะ! จะให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นเลยเชียว! ”
โซยะหันมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าตกตะลึง ส่วนคาราสึมะก็สไลด์ตัวเอาหัวมาเขกส้นตีนฉันเป็นการกราบเท้า แถมคาราสึมะมันยังผสมโรงแอบส่องใต้กระโปรงโซยะอีกด้วยนั่น
ปัดโธ่ว้อยหนวกหูจริงไอ้บ้านี่! ขอทีเหอะ! ซักแปปเดียวก็ได้ช่วยทำตัวสงบเสงี่ยมที!
ไอ้ฉันนี่ก็สับสนหนักเกินจะประมวลผลได้ในหลายๆความหมายแล้วเหมือนกันเฟ้ย!
[เอาล่ะ เกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้ฉันถูกส่งตัวมาจากกรมตรวจสอบนี่…….เห็นว่าช่วงนี้ โรงเรียนนี้จะมีข่าวลืออยู่ใช่ไหมคะ ข่าวลือที่เล่าว่ามีเด็กนักเรียนคนนึงลอบไปทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในระหว่างปราบผีนั่น]
“““ ขึก! ”””
ไหล่ของฉัน โซยะ แล้วนางุโมะถึงกับสะดุ้งโหยงขึ้นมาพร้อมกันในคราเดียวเลย
“ เอ๊ะ? กรมตรวจสอบถึงกับเคลื่อนไหวนี่….อย่าบอกนะว่า ไอ้ข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริงหรอกเรอะ? ”
“ งั้นก็แสดงว่าตัวการที่ทำให้กรมตรวจสอบสุดจะน่ากลัวโผล่มานั่น คือฟุรุยะเหรอ…….? ”
สัมผัสได้เลยว่าข่าวลือที่อุตส่าห์ซาลงไปแล้ว มันกำลังจะถูกขุดรีรันกลับมาอย่างรวดเร็วโคตรๆเลยเนี่ยเฮ้ย
แววตาโดยรอบถูกส่งเสียดแทงเข้ามาในคราเดียว แถมผู้คนยังค่อยๆถอยช่วงเว้นระยะห่างออกไปจากทีมของฉันอีก…..
รอเดี๋ยวก่อนสิว้อย! อย่าส่งสายตาเหมือนมองสิ่งปฏิกูลพรรค์นั้นมาใส่กันเซ่!
อะ เออเว้ยสองมือของฉันนี่มันคล้ายๆกับสิ่งปฏิกูลก็จริงอยู่หรอก แต่ที่สกปรกโสโครกจริงๆน่ะมีแค่ไอ้เจ้าคาราสึมะคนเดียวเท่านั้นแหละ!
ทว่าเสียงแผดร้องภายในใจนั่นก็ถูกส่งไปไม่ถึงโดยรอบ…….ซากุระทำการเกริ่นต่อไปอย่างไร้ความปรานีอยู่เหนือแท่น
[และฉันก็ได้ถูกส่งตัวมาเพื่อแก้ไข สังเกตการณ์ และกำกับสภาพการณ์ในปัจจุบันอันยุ่งเหยิงของโรงเรียนปราบมารค่ะ เพื่อความสะดวก จึงได้ทำเรื่องเข้ามาอยู่ในห้อง D ของระดับชั้นศึกษาปีที่หนึ่ง และพักอาศัยอยู่ภายในหอพักห้องหมายเลข 407 ฉะนั้นหากผู้ใดพบเจอร่องรอยการใช้พลังวิญญาณที่ละเมิดกฎข้อบังคับ หรือพบเห็นเหตุการณ์ที่แปลกผิดสังเกตเข้า ก็ได้โปรดช่วยแจ้งให้ฉันรับทราบโดยด่วนทีนะคะ ถ้าอย่างนั้นก็ขอตัวก่อน]
ว่าแล้ว ซากุระก็โค้งหัวคำนับ ก่อนจะก้าวลงจากแท่นด้วยฝีเท้าที่ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อยนิด
……..เอิ่ม ห้อง D นี่มันที่ไหนหว่า? ห้อง 407 นี่ เป็นเลขห้องที่ฟังดูคุ้นๆยังไงชอบกลนะ?
แบบว่า ข้อมูลมันอัดแน่นมากจัดจนหัวประมวลผลตามไม่ทันแล้ว
“ ถ้าเป็นคนที่สังกัดอยู่ในกรมตรวจสอบจริง ก็น่าจะเข้าห้อง S ได้แบบใสๆเลยนี่? ที่จงใจเลือกมาอยู่ห้อง D นี่แสดงว่า……. ”
“ ไม่สิที่สำคัญกว่านั้น เลขห้องช่วงประมาณ 400 นี่…เป็นหอพักของเด็กผู้ชายไม่ใช่เหรอ? ”
“ ก็เออไง! ให้ว่าแล้ว 407 มันคือห้องที่ตรูอยู่ตลอดมาจนถึงเมื่อวาน! หรือก็คือเป็นห้องข้างๆฟุรุยะไม่ใช่เหรอวะ! ไหงสาวน่ารักแบบนั้นถึงต้องไปรุมตอมอยู่รอบๆตัวไอ้สวะขยะระยำบัดซบนั่นตลอดเลย! ”
เสียงกรีดร้องโหยหวนของเจ้าน้ำดื่มจากเต้าแม่ 100% โคบายาชิ พลันดังสะเทือนกลบเสียงจ้อกแจ้กเซ็งแซ่หมดสิ้น
เสียงคำรามสุดแรงเกิดนั่นกลายเป็นตัวเผด็จศึกเข้าละมั้ง ผู้คนจึงถอยกรูดเผ่นหนีออกห่างไปจากทีมของพวกเรามากขึ้นอีก
แววตาที่เหมือนจะสื่อโดยสมบูรณ์ว่า “อ่อ มาเฝ้าจับตาดูไอ้หมอนั่นเองสินะ” มันทิ่มแทงฝังลึกเข้ามาใส่ไอ้ฉันไม่หยุดเลยเว้ยเฮ้ย
แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้นแต่คาราสึมะก็ยังก้มกราบตีนไม่หยุด โซยะก็เอาแต่หรี่ตาพร้อมกับบ่น “มุมุมุ ไกลไปมองไม่เห็น…..” อย่างเดียว
“ นะ นี่ ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่หรอกนะ แต่นี่มันหรือว่า เป็นความผิดของฉันงั้นเรอะ!? ”
นางุโมะเขย่าไหล่ฉัน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงค่อย
“ ขุ่ก ทั้งที่จะสร้างความเดือดร้อนให้ฟุรุยะมากไปกว่านี้ไม่ได้แท้ๆ……แต่ถ้าอย่างนั้น ต่อจากนี้ไปฉันจะเสริมขนาดนมยังไงล่ะ!? ”
เธอน่ะไปใส่ซิลิโคนให้รู้แล้วรู้รอดเลยเหอะไป…….
หัวที่สับสนอลหม่านไปหมด มีปัญญาคิดได้แค่อะไรแบบนั้นเท่านั้นเอง
MANGA DISCUSSION