“ เอ่อ…ที่ใช้สร้างความเสียหายให้กับวิญญาณร้ายหรือไคอิก็คือศาสตร์สายพิฆาตมาร ที่ใช้ป้องกันการโจมตีหรือสกัดหยุดการเคลื่อนไหวของวิญญาณร้ายก็คือสายข่ายอาคม ส่วนที่ใช้ตรวจจับความแข็งแกร่งของอีกฝั่ง และค้นหาตัวเจ้าของชิกิงามิที่ถูกควบคุมอยู่จากระยะไกลได้ก็คือศาสตร์สายตรวจสอบเชิงวิญญาณ…….อะไรประมาณนี้ใช่ป่ะ? อื๋อ? งั้นชิกิงามินี่มันจัดอยู่ในประเภทไหนกันน่ะ? ”
“ ถือว่าแยกออกมาเป็นประเภทอื่นไปเลยน่ะ เหมือนกับวิชาแปลงร่างหรือรังสรรค์เครื่องอาคมนั่นแหละ ส่วนรายละเอียดลึกๆนี่ลองไปถามโซยะดูเอาแล้วกัน ”
“ คุณโซยะเรอะ! ใช่ๆต้องไปทักทายเค้าด้วยนี่นะ ส่วนนังผู้หญิงโรคจิตชื่อคาราสึมะนั่นช่างหัวมัน ”
ฉันกังวลไม่เข้าเรื่องไปเองจริงๆนั่นแหละมั้ง
ฉันที่ไปเข้าเรียนเสริมครั้งที่หนึ่งมาเรียบร้อย กำลังเดินอยู่ภายในตึกเรียนช่วงบ่ายที่แทบไม่เหลือคนแล้ว เพื่อนำทางพานางุโมะไปยังหอพักนักเรียนหญิง และในระหว่างนั้น นางุโมะที่อยากจะทวนซ้ำเนื้อหาบทเรียนของวันนี้ก็ได้ทำการหยิบสมุดโน๊ตขึ้นมาถือด้วยมือข้างนึง พร้อมยิงคำถามใส่ฉันรัวๆในทันที
ว่ากันแต่แรกเริ่มเดิมทีแล้ว นางุโมะเนี่ยเป็นถึงคนที่ลงแข่งเคนโด้ลุยไปยันการแข่งระดับประเทศเลย ท่าทางระหว่างเรียนเสริมก็ดูตั้งใจสุดๆไปเลยอีก ลึกๆแล้วคงเป็นคนขยันหมั่นเพียรนั่นแหละ ตอนแรกก็แอบกลัวว่านางุโมะจะบ้าทำตัวมีปัญหาแบบคาราสึมะอยู่หรอก แต่ดูท่าแล้วคงจะไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนั้นงั้นสินะ
“ จะว่าไปแล้ว ดูเปลี่ยวผู้คนแปลกๆยังไงชอบกลนะ โรงเรียนของผู้ปราบมารมันจะวังเวงแบบนี้ตลอดเลยเรอะ? ”
นางุโมะกวาดสายตามองไปรอบทางเดินอย่างแปลกใจ
“ อ่า….ถ้าเป็นชั้นมัธยมต้นจะไม่เป็นงี้หรอกนะ แต่พอขึ้นมัธยมปลายแล้วทุกคนจะต้องไปทำงานข้างนอก หรือไม่ก็ฝึกปรือตนเองอยู่ในห้องปฎิบัติไม่ก็สนามน่ะ ฉะนั้นตึกเรียนในช่วงบ่ายมันก็เลยปลีกวิเวกแบบนี้นี่แหละ ที่นี่ไม่มีชมรมด้วยอะนะ ”
การสอนให้รู้ถึงลักษณะเฉพาะของโรงเรียนบ่มเพาะผู้ปราบมารแบบนี้มันก็อาจถือเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนเสริมก็ได้แฮะ……ฉันคิดแบบนั้นพลางกล่าวอธิบายให้นางุโมะฟังแบบไม่ได้คิดอะไรมากมาย ทว่ามันเป็นในฉับพลันนั้นเอง
“ ……..เห… งี้นี่เองนะ ”
“ เอ๊ะ!? เหวย!? ”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
รู้ตัวอีกทีฉันก็ได้ถูกพละกำลังมหาศาล กระชากลากเข้ามาอยู่ภายในห้องเรียนโล่งที่ไหนซักแห่ง แถม
“ ในที่สุด….ก็ได้อยู่กันสองต่อสองซะที…… ”
นางุโมะซึ่งมีประกายแสงไม่ชอบมาพากลสถิตอยู่ภายในดวงตาที่เคลิบเคลิ้ม พลันเข้ามายืนขวางอยู่หน้าบานประตูราวกับปิดกั้นทางหนีทีไล่
“ นะ นางุโมะ นี่เธอทำอะไร……! ”
“ ทำอะไรนี่……ก็รู้อยู่ไม่ใช่เรอะ? ”
ป๊อกป๊อกป๊อกป๊อก!
สิ่งที่ร่วงหล่นเทลงมาจากบริเวณอกของนางุโมะที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ก็คือฟองน้ำเสริมอึ๋มสำหรับใช้ปลอมแปลงให้เห็นว่านมใหญ่ เสื้อเชิ้ตที่เปิดหน้าอย่างยิ่งใหญ่นั่นเผยให้เห็นหน้าท้องสีขาวเนียนซึ่งได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี กับเนินอกอันแบนราบขนาดที่ดูไม่ออกเลยซักนิดว่านมมันเริ่มต้นจากตรงไหน…….เอ้ย เดี๋ยวก่อนนะ! เดี๋ยวก่อนว้อย!
“ ฉันน่ะนะ…ตั้งแต่ที่ถูกแกทำแบบนั้นใส่แล้ว…ก็รู้สึกเหมือนว่านมมันใหญ่ขึ้นจริงๆเลยแหละว่ะ ”
นางุโมะเดินตรงดิ่งก้าวเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้ามือฉันเอาไว้ด้วยสปีดที่ไม่เปิดช่องให้หนีได้เลย แล้วจากนั้นจึงใช้พละกำลังมหาศาลดันฉันไปชนอยู่กับกำแพงห้องเรียน
ไม่ใช่อะไรเด็กๆอย่างคาเบะด้งแล้ว ร่างกายท่อนบนที่มีสภาพประหนึ่งเป็นกำแพงของนางุโมะกับกำแพงห้องเรียนมันหนีบแซนด์วิชฉันเอาไว้โดยสมบูรณ์ หนำซ้ำลมหายใจที่สั่นสะท้านอย่างยั่วยุดัง “แฮ่ก…แฮ่ก” อยู่ข้างหูมันยังทำเอาขนลุกขนชันตัวสั่นไปหมดเลยอีก
“ เพราะงั้นแหละ…ขอร้องล่ะ ได้โปรดช่วย…จิ้มฉันอีกรอบทีเหอะ ”
จึ๊ก…..อะไรที่แข็งเด่ตั้งชูชันประดุจเม็ดถั่วเขียวสองเม็ด พลันปักชนเข้ามากับอกฉัน
“ ——–ฮิ๊งงง!? ”
นางุโมะปล่อยเสียงแสนอ่อนหวานออกมาเล็กๆ ร่างกายกับขาอ่อนสั่นกระตุกยกใหญ่
“ ทะ ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ยเฮ้ย! ”
“ กะ ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า การปราบผีของแกมันรุนแรงมากเกินไป แค่หวนนึกถึงเท่านั้นก็….ชักจะรู้สึกแปลกๆขึ้นมาแล้ว…… ”
เอิ่มไอ้ตรงนี้นี่จะปล่อยผ่านไปเฉยๆไม่ได้ก็จริงหรอก แต่ที่สำคัญก่อนหน้านั้น!
“ จิ้มอีกรอบนี่…..ไอ้ตอนนั้นฉันต้องจำยอมทำลงไปเพราะไม่มีวิธีอื่นใดจะใช้ปราบได้เท่านั้นหรอกว้อย! ใครมันจะไปยอมใช้เพราะเหตุผลโง่ๆอย่างช่วยเสริมนมกันฟะ! ”
“ ห๊า!? เหตุผลโง่ๆงั้นเร้ออ!? ลองพูดมาอีกครั้งนึงสิวะ! ”
อดีตสาวนมหลีกโต้แย้งกลับมาด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋และน้ำตานองทันควัน จัดไปดิวะจะให้พูดซ้ำอีกซักกี่ร้อยครั้งก็ได้ว้อย!
“ ก็อย่างที่บอกแหละ ความสามารถที่เป็นหยั่งกับเสนียดติดตัวพรรค์นั้น ไอ้ฉันไม่มีทางยอมใช้เพราะเหตุผลโง่ๆปัญญานิ่มอย่างช่วยเสริมนมเด็ดขาดเว้ย! แถมที่นี่มันยังเป็นบริเวณภายในโรงเรียนด้วยนะเฟ้ย!? ”
แค่นี้ก็ถูกคาเอเดะกำชับย้ำเตือนให้ระวังมากพอแล้วแท้ๆ! ……เออว่ะ จริงด้วยสิ คาเอเดะไง!
“ พอดีฉันนัดกับใครไว้หลังจากนี้อะนะ! เพราะงั้นแหละคงช่วยทำตามคำขอของเธอไม่ได้หรอก! ”
“ มันก็ไม่ได้จะกินเวลานานเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงซะหน่อย! นะ? ขอจิ้มจึ๊กเดียวเท่านั้น จิ้มจึ๊กเดียวเน้นๆเท่านั้นเอง! ”
อย่าพูดอะไรแบบ [สอดแค่หัวเท่านั้นนะ] งั้นสิว้อย! ไม่ใช่คาราสึมะซะหน่อย!
เท่านั้นแหละนางุโมะพลันส่งเสียงดัง “อูววว” ออกมาจากลึกๆในลำคอหยั่งกะเด็กงอแง พร้อมเอาขาอ่อนสองข้างถูไถกันไปมา
“ ทั้งที่ฉัน…ฝืนกลั้นอดทนความอายมาขอร้องอ้อนวอนถึงที่ขนาดนี้แล้วแท้ๆ….. ”
ไม่สนว้อย!
“ …….ก็ได้ ถ้ากะจะเล่นแบบนั้น……งั้นฉันก็จะขืนใจบีบเอาให้แกยอมจิ้มซะเองเลย ”
“ ห้ะ? ”
นางุโมะกดข้อมือสองข้างของฉันไว้ด้วยแขนข้างเดียว พร้อมกับยกขาข้างนึงขึ้นมาดันต้านขาอ่อนฉันเอาไว้
“ เหมือนว่า จะต้องถอดเจ้านี่ออกก่อนสินะ…..? ”
“ เห้ย หยุดเลยเว้ยหยุดเลย! ”
เสียงฉันพุ่งเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา นางุโมะค่อยๆเลื่อนกำไลติดกางเขนเงินดัง ครืด ครืด จนหลุดออกไปจากข้อมือ เท่านั้นแหละ แสงประกายของกางเขนพลันสูญหาย เปลี่ยนแปลงมือกับตาฉันให้กลายเป็นของอมนุษย์
แล้วพอนางุโมะขืนใจหนีบนิ้วกลางกับนิ้วนางของฉันให้ตั้งตรงปุ๊บ ก็กระชากลากปลายนิ้วให้มุ่งตรงไปยังหัวนมของตนในทันที แรงช้างสารของนางุโมะมันเกินเลยระดับของมนุษย์ไปโดยสมบูรณ์ ไม่อาจต้านทานขัดขืนได้เลยซักนิดเดียว
“ เดี๋ยว! ขอเวลานอกก่อนขอเวลานอก! สงบใจให้เย็นลงแปปนึง! นะ? ”
“ ถึงจะพูดงั้นก็เหอะ…..แต่เครื่องมันติดไปแล้วอะดิ…….มันทนไม่ไหวแล้วว่ะ……. ”
นางุโมะพูดด้วยดวงตาที่เหมือนเยิ้มเปี่ยมไปด้วยความร้อนรุ่ม
“ นี่เธอ! ยังมีไคอิหลงเหลืออยู่ในตัวรึเปล่าเนี่ยเฮ้ย!? ไปให้จิตแพทย์ดูอาการมาใหม่อีกรอบเชียวไป๊! ”
“ จิตแพทย์ให้ผลลัพธ์มาว่าหายดีสมบูรณ์แล้วหรอก หรือก็คือนี่น่ะเป็นธาตุแท้ของฉันเองไม่มีปัญหาอะไรหรอกเว้ย ”
เป็นปัญหาหนักกว่าเก่าอีกว้อยยย!
“ เอ้า อยู่นิ่งๆดิ…..ถ้าดิ้นมากเดี๋ยวก็กะแรงพลาดกันพอดีหรอก……. ”
พอได้ยินคำขู่ของนางุโมะเข้า ภาพไวท์บอร์ดที่พังยับเยินในคาบโฮมรูมมันก็ลอยล่องเข้ามาในหัวโดยพลัน ขุ่ก ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ละก็ไอ้ฉันมีหวังโดนข่มขืนจริงๆแน่! …….อื๋อ? เอ้ยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโดนเยซะหน่อยนี่นะ งั้นก็น่าจะเข้าข่ายโดนบีบให้ถูกจับปล้ำมากกว่ารึเปล่า!? ชักจะมึนๆขึ้นมาแล้วไงล่ะไอ้เวร!
และในระหว่างที่สับสนงงงวยอยู่เช่นนั้น ปลายนิ้วต้องสาปของฉันก็พลันสัมผัสเข้ากับหัวนมนางุโมะ—–
“ อึ๊น ”
จึ๊ก…..พริบตาที่แตะโดน นางุโมะก็สะดุ้งโหยงตัวลอย ………แต่ก็แค่นั้น
“ ……..อ้าว? ทำไม……. ”
ในระหว่างที่นางุโมะงุนงง ฉันก็รับรู้ได้ถึงสาเหตุ
หัวนมของนางุโมะ…..ไม่ได้มีโพรงเสน่ห์กายิกสุขอีกต่อไปแล้ว
จริงๆแล้วโพรงเสน่ห์กายิกสุขเนี่ย หากถูกจิ้มไปครั้งนึงแล้ว มันก็อาจจะย้ายเปลี่ยนไปอยู่ตรงบริเวณอื่นของร่างกายได้เหมือนกันแหละ และภายในการมองเห็นของฉันที่แปลงเป็นโหมดอมนุษย์ ก็เห็นว่ามีบริเวณไหล่ของนางุโมะเพียงจุดเดียวเท่านั้นกำลังส่องแสงประกายเป็นโพรงเสน่ห์กายิกสุขแห่งใหม่
กะ เกือบไปแล้วไงล่ะ……
“ อูววว ทะ ทำไมกันล่ะฮิ๊งงง…ทำไม อึ๊น….. ”
นางุโมะดันปลายนิ้วฉันจิ้มชนกับหัวนมตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็สะดุ้งโหยงตัวลอยมันทุกรอบ
ชักจะรู้สึกสงสารขึ้นมาแล้วแฮะ แล้วก็อยากจะให้ช่วยหยุดใช้นิ้วฉันจิ้มหัวนมโดยเร็วที่สุดเหมือนกันหรอก……แต่เอาเป็นว่าในเมื่อนางุโมะมองไม่เห็นโพรงเสน่ห์กายิกสุข ก็คงไม่มีทางที่เทคโนเบรคเกอร์จะทำงานขึ้นมาได้หรอก—–เป็นในฉับพลันที่โล่งใจอยู่แบบนั้นเอง
ครืด!
“ เดี๋ยวเถอะฟุรุยะคุง นี่มันเกินเลยเวลานัดหมายไปนานมากแล้วนะ เธอมัวโหวกเหวกอยู่กับใครในที่แบบ—– ”
““ เหวยยย!? ””
เจอะเข้ากับผู้บุกรุกที่ปรากฎกายขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้ฉันกับนางุโมะถึงกับกระโดดโหยงเลย
โดยเฉพาะท่าทางแตกตื่นของนางุโมะที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าอยู่นี่คือไม่ใช่เล่นๆ ผลจากการที่พยายามคว้าเสื้อเชิ๊ตปิดบริเวณอกของตัวเองทั้งๆที่ยังกำมือของฉันอยู่—–ทำให้นิ้วมือของฉันพลาดไปแตะโดนไหล่ของนางุโมะ กล่าวคือโพรงเสน่ห์กายิกสุข เข้าอย่างจังๆ
“ ! ฉิบหา—– ”
แต่พอคิดได้แบบนั้นทุกอย่างมันก็สายเกินแก้ไปแล้ว
ซี๊ดดดด!
ร่างของนางุโมะ พลันสั่นกระตุกอย่างใหญ่โต
“ อะ…….อั่ก อั่ก มะ มาแล้ว——นี่แหละ นี่แหล้…….❤ ”
นางุโมะวางมือบนบ่าสองข้างของฉัน แล้วเอาหน้าฝังมุดอยู่กับคออย่างกับคลอเคลีย ร่างกายท่อนล่างของนางุโมะที่ยื่นโด่งไปข้างหลังมันสั่นกักกัก—ปริ๊ด กลิ่นที่อาบไปด้วยความเปียกชุ่มกระจายหุ้มปกคลุมไปรอบบริเวณโดยพลัน
“ มีคน…มีคนมองดูอยู่แท้ๆ…..❤ ฮ๊าา อู๊วว❤ ไม่ไหว……❤ กลั้น ไม่หวายยยย❤ ”
กึ๊ดดดดดดด! เรี่ยวแรงพลันถูกอัดแน่นเข้าไปในกายท่อนล่างของนางุโมะ ร่างกายที่ร้อมรุ่มลุกเป็นไฟหลั่งเหงื่อไหลซ่านเป็นแม่น้ำพร้อมกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับตัวฉัน ราวหาที่พึ่งเพื่อเตรียมพร้อมรับการระเบิดที่กำลังจะมาถึง
พุซ่าาาาาาาาาา! ปิ้ว ปิ้วปิ้ว กักกักกักกัก!!!
ของเหลวอันร้อนผ่าวถูกปล่อยเทลงมากองแหมะอยู่แทบเท้า ทั่วร่างของนางุโมะชักกระตุกแบบไม่น่าดีต่อสุขภาพซ้ำแล้วซ้ำอีก พอนางุโมะง้างหลังราวกับเผยโชว์ต้นคอให้เห็นปุ๊บ ร่างกายนั้นก็ร่วงหล่นลงกับพื้นพลางข่วนรูดร่างกายของฉันดังครืดครืด ก้นที่ฟิตได้รูปดูแข็งแรงชูโด่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมสั่นกระตุกราวกับยังไม่สาแก่ใจ ส่วนแก้มที่เยิ้มไปด้วยน้ำลายก็ถูไถชนติดอยู่กับพื้นเลย….สีหน้านั่นไม่เหลือเค้าลางของอีหนูเคนโด้ผู้สุดแสนจะผ่าเผยงามสง่าอีกต่อไปแล้ว ดวงตาที่หมุนวนสับส่ายไม่หยุดกำลังสั่นไหวเคลิบเคลิ้มอยู่กับความเสียวของการถึงจุดสุดยอด และในฉับพลันที่ลิ้นซึ่งเยิ้มโชกชุ่มไปด้วยน้ำลายห้อยต่องแต่งออกมาจากปากอย่างอ่อนแรง เสียงร้องเสียวซ่านยั่วสวาทเล็กๆก็พลันถูกปล่อยเล็ดออกมาผสานได้จังหวะไปกับการสั่นเทิ้มของร่างกาย
“ มะ ม่าย ม่ายร่ายแล้ว❤ อะไรอื่นนอกจากนี่……ทำ……ทำฉันพึงพอใจไม่ร่ายแอ้ว…..❤ โอะ…….โฮะ❤ ”
ปิ้ว ปริ๊ด
ตั้งแต่ที่เสียงร้องยั่วสวาทซึ่งดูเพ้อเจ้อเมามายของนางุโมะกับเสียงน้ำไหลลึกลับแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วห้องเรียน ไม่อาจทราบได้เลยว่าเวลาผ่านไปนานมากแค่ไหน
““ ………….. ””
ฉันที่เพิ่งจะได้สติกลับคืนมาในตอนนั้น พลันสบตาเข้ากับบุคคลที่ยืนตระหง่านอยู่หน้าทางเข้าห้องเรียนด้วยสีหน้าที่ราวกับว่าไม่อาจเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
ยัยคนที่ดุ่มเข้ามาในห้องเรียนอย่างกะทันหันแล้วทำให้เทคโนเบรคเกอร์ของฉันเกิดลั่นขึ้นมานั่นก็คือ—–
“ ……ฟุรุยะคุง? นั่นเธอ ทำ…..อะไรอยู่น่ะ……? ”
สาวงามล่มเมืองที่ไม่มีทางเข้าใจผิดเป็นใครอื่นไปได้ เพื่อนสมัยเด็กที่กำลังแผ่จิตสังหารอันหนาแน่นออกมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย คุซึโนะฮะ คาเอเดะนั่นเอง
“ มันไม่ใช่อย่างที่คิดนะ! ”
ฉันพ่นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเลยซักนิดไปพลางพุ่งทะยานดิ่งไปยังหน้าต่าง
ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่า! ตาของคาเอเดะนี่คือหยั่งกับเป็นตาของพวกฆาตกรฆ่าคนเลยเชียวนะว้อย!
ฉันที่มั่นใจว่ายัยนั่นไม่มีทางจะเปิดใจยอมฟังเรื่องราวความเป็นมาอย่างแน่นอน พลันกระโจนตัวเข้าใส่หน้าต่างพร้อมกับคิดในใจว่าเดี๋ยวค่อยส่งเมลอธิบายต้นสายปลายเหตุไปให้ทีหลัง
เหมือนว่านี่จะเป็นชั้นสองก็จริง แต่กระดูกหักซักซี่สองซี่มันก็ยังดีกว่าโดนคาเอเดะจับตัวได้ตรงนี้หลายเท่าเลย
ทว่า
“ เหวยยย!? ”
พอเห็นว่ามียันต์หลายใบพุ่งทะยานลอดผ่านรักแร้ฉันไป กำแพงที่ปลดปล่อยประกายแสงสีซีดก็ปรากฎขึ้นมาราวกับห่อหุ้มเอาไว้รอบหน้าต่างห้องเรียน
“ อย่างเธอจะไปมีทางหนีฉันพ้นได้ยังไงกัน ”
“ จ๊าาาากกกกกก!? ร้อน! ร้อนนน! ”
เปลวเพลิงสีฟ้าแกมขาวลอยเข้ามาคลอกสองมือของฉันที่ถูกผนึกทางหนี
ไฟจิ้งจอก นั่นล่ะคือไม้เด็ดสุดชำนาญของคุซึโนะฮะ คาเอเดะ ซึ่งเป็นลูกสาวสืบสกุลของตระกูลดังที่ถูกเรียกขานว่า <<คุซึโนะฮะแห่งจิ้งจอกแปลงโฉม>>
มือทั้งสองข้างของฉันที่แปลงสภาพกลายเป็นอมนุษย์ไม่ได้รับความเสียหายใดๆก็จริง แต่แค่ความร้อนที่ทอดมาถึงส่วนที่มีเลือดมีเนื้อแค่นั้นก็ทำเอาใจฉันหักโค่นโดยสมบูรณ์แล้ว ถ้าฝืนต่อต้านไม่เข้าท่าละก็โดนฆ่าตายจริงๆแน่ไม่มีล้อเล่น
“ ฉันเตือนไปไม่รู้กี่รอบ ไม่รู้กี่ครั้งแล้วใช่มั้ย…..? ว่าอย่าใช้ความสามารถมั่วซั่ว ให้ประพฤติตัวดีๆ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะฆ่าเธอทิ้งน่ะ ”
สีหน้าที่เยือกเย็นประดุจน้ำแข็ง กับน้ำเสียงที่ดั่งก้องออกมาจากก้นบึ้งของนรก
คาเอเดะจ้องลงมายังฉันด้วยแววตาเหมือนมองอาชญากรข่มขืน พร้อมกับลูบคลำไฟจิ้งจอกที่มอดไหม้ขึ้นมาอยู่เหนือฝ่ามือ
หากตอบพลาด นอกจากจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเถ้าถ่านภายในบัดดลแล้ว คงจะถูกไฟลนไปจนถึงดวงวิญญาณด้วยแน่นอน
“ กะ ก็ถึงบอกว่าไม่ใช่อย่างที่คิดไง! ฉันถูกนางุโมะมันบังคับขืนใจ…..ใช่มั้ยเฮ้ยนางุโมะ! เธอก็ช่วยอธิบายด้วยเลย! ”
“ ฮิ๊❤ อึ๊น❤ ฮาเห๊…….❤ ”
แม้จะส่งเสียงเข้าหานางุโมะเป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่ยัยนางุโมะก็ยังคงส่ายเอวจมปลักกับความฟินอยู่อีกว้อย
………ทำเอารู้สึกเวียนหัวหน้ามืดกับความเฮงซวยของคำสาปที่ปักลงมากลางหัวฉันนี่อีกครั้งเลย
“ นางุโมะ…..แบบนี้นี่เอง นังหมูตัวเมียที่ฟุบอุจาดตาอยู่ตรงนั้นคืออดีตไคอิ A แห่งเมืองชิโนโนเมะงั้นสินะ ”
นังหมูตัวเมียเลยเหรอเฮ้ย……เป็นถึงลูกสาวสืบสกุลดังไหงถึงพูดจาหยาบคายงั้นเล่า
“ แล้วไง? ตอนอยู่ในเมืองชิโนโนเมะนี่สนิทสนมกับเธอคนนั้นมาก จนถึงขั้นทิ้งการนัดหมายกับฉันมาใช้ความสามารถใส่เอาใจเลยเชียวเหรอ? ”
“ ก็พูดอยู่นี่ไงเฮ้ยว่าไม่ใช่แบบนั้น โดนแรงช้างสารของยัยนั่นเล่นงานจนขัดขืนไม่ได้—– ”
เป็นในจังหวะที่กำลังหนักใจว่าจะแก้ความเข้าใจผิดของคาเอเดะยังไงดีอยู่นั่นเอง
“ จงเชื่อมั่นในเรดาร์องคชาติของฉันเสียเถอะ ได้ยินเสียงสุดสยิวบางอย่างดังก้องออกมาจากทางทิศนี้อย่างไรล่ะ! ”
“ พูดจริงเรอะเฮ้ยคาราสึมะ ”
“ นานๆจะทำงานเสร็จไวกว่ากำหนด ฉันเนี่ยอยากจะรีบกลับหอไปพักงีบใจจะขาดอยู่แล้วนา ”
ที่เสียงของไอ้พวกบ้า (เด็กผู้ชายห้อง D) ซึ่งถูกชักนำอยู่โดยไอ้บ้า (คาราสึมะ) กำลังดังก้องเข้ามาใกล้ทางนี้ขึ้นเรื่อยๆ
วะ เวรแล้ว! แบบนี้ก็มีแต่จะเข้าใจผิดกันไปใหญ่……
ให้ว่าแล้วไอ้คาราสึมะ ทำไมเอ็งต้องเฉิดฉายเก่งไม่เข้าเรื่องขึ้นมาเฉพาะในเวลาแบบนี้ด้วยวะ!
“ ชิ ”
คาเอเดะก็คงสัมผัสได้ว่าเรื่องมันชักจะยุ่งยากขึ้นมาเหมือนกันละมั้ง คุณหล่อนจึงทำการควักเอายันต์หนึ่งใบออกมาจากกระเป๋า
พอฉันสงสัยว่าทำอะไร คาเอเดะก็ปายันต์นั่นลงไปใส่นางุโมะที่ทำสีหน้าละลายอยู่ในสภาพเปลือยครึ่งท่อน
ปุ๊ง
พลันเกิดเสียงประหลาด พร้อมกับที่มีควันฟุ้งออกมาห่อหุ้มทั่วร่างกายของนางุโมะที่โดนยันต์อัดกระแทกก้น พอควันเลือนหาย ร่างของเด็กผู้หญิงมัธยมปลายที่ถึงจุดสุดยอดก็สูญสลาย กลายเป็นมีตุ๊กตารูปคุณม้าแสนน่ารักถูกวางกองเอาไว้แทนที่
“ อ้าว? ยันต์นั่น…… ”
พอฉันมัวตกใจตากลมอยู่ คาเอเดะก็คลายข่ายอาคมตรงหน้าต่างปล่อยให้อากาศถ่ายเท พร้อมกับยิงไฟจิ้งจอกเข้าใส่ของเหลวลึกลับที่สาดกระจายอยู่เต็มพื้น พลันเกิดควันเหม็นฉุนลอยขึ้นจากพื้นที่ถูกเผาจนเกรียม ระเหิดหลักฐานให้ลอยหายออกไปทางหน้าต่าง
แล้วพอคาเอเดะโผล่หน้าออกไปยังทางเดินปุ๊บ
“ ฮิ๊!? แม่หนูคุซึโนะฮะ!? ”
เสียงกรีดร้องของคาราสึมะที่ก่อนหน้านี้เคยถูกคาเอเดะจับไต่สวนมาก่อนก็ดังลั่นขึ้น เสียงฝีเท้ารีบแจ้นห่างออกไปในทันตา ใยท่านจึงทักษะสูงล้นถึงเพียงนี้
“ เอาล่ะ ไล่พวกเกะกะไปเรียบร้อยแถมยังกำจัดหลักฐานทิ้งแล้วด้วย เท่านี้ก็คุยกันต่อได้อย่าง—– ”
“ นี่ ”
ฉันขัดจังหวะคาเอเดะที่เพ่งจิตสังหารเข้ามาใส่อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยคำถามนึงออกมา
“ ไอ้เจ้ายันต์แปลงร่างนั่น มันดูคล้ายๆกับอันที่ฉันเคยได้มาจากรุ่นน้องชื่อเมย์ยังไงชอบกลนะ ”
“ ………..ขึก ”
เด็กชั้นมัธยมต้นปีสามของโรงเรียนปราบมาร ทาจิคาวะ เมย์
เซียนข้อมูลมากปริศนาที่จะยอมบอกเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้ โดยแลกกับผลตอบแทนคือต้องพาไปดูหนังบ้างไปซื้อของด้วยกันสองต่อสองบ้าง หญิงพึ่งพาได้ที่ในตอนเข้าเผชิญหน้ากับสาวนมหลีกในเมืองชิโนโนเมะ ก็ช่วยมอบยันต์สำหรับใช้แปลงร่างเป็นคนนมใหญ่มาให้โดยแลกกับผลตอบแทนที่โคตรจะน่าอาย เป็นรุ่นน้องนิสัยเฉื่อยๆเรื่อยๆสุดน่ารักที่ตรงข้ามกับคาเอเดะโดยสมบูรณ์
ก็สงสัยอยู่หรอกว่าไปได้ยันต์แปลงร่างที่โคตรจะหายากมาจากไหน แต่เห็นแบบนี้แล้วก็ชวนให้คิด หรือว่ายัยนั่นจะเป็นญาติห่างๆของตระกูลคุซึโนะฮะหรือไงหว่า ฉันที่คิดเช่นนั้นลองเอ่ยถามกับคาเอเดะดู ทว่า
“ ……………………….อย่าถามอะไรก็ไม่รู้เพื่อกะเบี่ยงประเด็นจะได้มั้ย? ยันต์พรรค์นี้ ไม่เห็นจะแปลกหายากซะที่ไหนเลย ”
“ เอ้ย ยันต์ระดับสูงแบบนั้น ถ้าคิดดีๆแล้วก็น่าจะมีแค่ตระกูลหลักของคุซึโนะฮะเท่านั้นแหละมั้งถึงจะสร้าง—— ”
“ เอาเป็นว่า ”
จู่ๆคาเอเดะก็คว้าข้อมือฉัน แล้วกระชากดึงตัวให้เข้ามาใกล้เฉย
“ ต่อให้จะถูกบังคับหรือว่ายังไง แต่ก็ห้ามใช้พลังของคำสาปนี้นอกเหนือจากตอนทำงานหรือสถานการณ์ฉุกเฉินเด็ดขาดเลยเชียวนะ ฉันมาในวันนี้เพื่อบอกเรื่องนั้นให้เธอรู้รับทราบนี่แหละ ”
แล้วคาเอเดะก็เอาหลังมือของฉันไปแนบติดไว้กับหน้าผากตัวเอง เริ่มทำการตรวจสอบเชิงวิญญาณเหมือนทุกครั้งเพื่อเช็คให้มั่นใจว่าผนึกของเทคโนเบรคเกอร์หย่อนยานรึเปล่า พอสัมผัสเข้ากับผิวหนังอันอบอุ่นและเส้นผมที่ลื่นสลวยเข้าแล้วใจมันก็เผลอเต้นแรง ทำเอาฉันกลืนคำถามเกี่ยวกับยันต์แปลงร่างกลับลงคอไปเลย
แล้วตอนเห็นนางุโมะน้ำแตกไม่ใจเต้นเหรอ? เออก็เต้นหรอกนะ แต่ให้ว่าแล้วใจมันเต้นเพราะกลัวมากกว่าน่ะ…….
“ กรมตรวจสอบ เริ่มเคลื่อนไหวแล้วล่ะ ”
“ เอ๊ะ……กรมตรวจสอบนี่ หมายถึงกรมตรวจสอบนั่นเรอะ? ”
เจอกับคำพูดของคาเอเดะที่เปิดเข้าประเด็นหลักไปพร้อมทำการตรวจวินิจฉัยตามวาระแล้ว ฉันก็ถึงกับตกใจ
กรมตรวจสอบที่ว่านั่นก็คือองค์กรชำระล้างของสมาคม ที่มีหน้าที่คอยควบคุมไม่ให้ผู้ปราบมารใช้งานพลังวิญญาณในทางที่ผิดนั่นเอง เนื่องจากมีต้นกำเนิดแบบนี้ก็เลยทำให้มีสมาชิกที่เป็นคนจาก <<ตระกูลเก่าทั้ง 9>> อยู่มากมาย ถือเป็นหน่วยงานที่ถูกหวาดกลัวเป็นพิเศษภายในสมาคมเลยทีเดียว
“ ดูเหมือนว่าจะมีการส่งคนมาเฝ้าจับตาดูว่าเธอจะใช้พลังมั่วซั่วรึเปล่าน่ะ ถึงจะยังไม่รู้ว่าคนที่ถูกส่งมาจะเป็นใครก็เถอะนะ…….ให้ตายเถอะ เป็นเพราะเธอกับยัยหนูโซยะทำอะไรที่โดดเด่นสะดุดตาแบบนั้นแท้ๆเลย ”
คาเอเดะถ่มคำพูดออกมาอย่างชิงชังหรอก แต่ถึงจะพูดงั้นก็เหอะนะ เพื่อที่จะช่วยนางุโมะแล้วมันต้องทำแบบนั้นสถานเดียวไง ฉะนั้นก็ช่วยไม่ได้ไม่ใช่เรอะ
“ เพราะเคสของคุณพ่อเธอ สมาคมในระยะนี้ก็เลยกำหนดกฎวินัยกับลักษณะพฤติกรรมอันควรของผู้ปราบมารให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้นด้วย ฉะนั้นเธอก็จงพึงระวังให้มากๆเลยเชียวล่ะ ยิ่งพวกเธอที่มาจากบ้านหลังนั้นก็มักจะถูกคนเขามองดูถูกเย้ยหยันกันอยู่แล้วด้วย ”
“ ………อืม รู้แล้วล่ะ ”
สถานที่ซึ่งฉันถูกเลี้ยงดูให้โตมา ก็คือมูลนิธิแห่งนึงที่จะรับเอาเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ญาติพี่น้องไปเพราะภัยพิบัติเชิงวิญญาณมาดูแล
และผู้บริหารมูลนิธิแห่งนั้น รวมทั้งยังเป็นผู้ปราบมารมือฉมังที่ช่วยวางผนึกแบบง่ายๆให้กับเทคโนเบรคเกอร์—-ก็คือพ่อ (ไม่แท้) ของฉันนี่เอง
แต่หลังจากที่ตาย พ่อก็ได้กลายเป็นวิญญาณพยาบาท สเกล 7 แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ออกอาละวาดทำให้กางเกงในทั่วภูมิภาคคันโตหายสาบสูญก่อนจะโดนเทคโนเบรคเกอร์ของฉันอัดจนลอยขึ้นสวรรค์ ลาโลกไปโดยทำให้ภาพลักษณ์ดีๆที่สะสมมาก่อนตายมลายหายสิ้นไม่เหลือหลอ
หลังจากนั้น พวกฉันที่เป็นคนจากมูลนิธิก็ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมจนเลือกเดินเส้นทางชีวิตไปกันคนละแบบ…….โดยเจ้าพวกที่ดึงดันจะอยู่ในวงการผู้ปราบมารต่อไปอย่างฉันนี่ก็จะพยายามปกปิดเรื่องมูลนิธิไม่ให้ใครอื่นรู้สุดความสามารถเลย ซึ่งก็แหงอยู่แล้วเนอะ ก็วีรกรรมโคตรน่าละอายของผู้บริหาร……กล่าวคือพ่อที่เลี้ยงดูมามันถึงกับมีจารึกเอาไว้ในหนังสือเรียนด้วยเลยนี่หว่า
“ อือ อาทิตย์นี้ก็ไม่พบความผิดปกติภายในผนึกอีกเช่นเคย ดูเหมือนว่าคำสาปจะไม่ได้ทรุดหนักมากขึ้นสินะ ”
“ ก็บอกแบบนั้นมาตั้งแต่ต้นแล้วไม่ใช่เรอะ….. ”
คาเอเดะที่ทำการตรวจวินิจฉัยซึ่งนานกว่าปกติเสร็จสิ้น ยอมเอาหลังมือของฉันออกห่างจากหน้าผากในที่สุด
“ ……….. ”
แต่เป็นตรงนั้นเองที่คาเอเดะจ้องเขม็งมายังข้อมือของฉันตาไม่กระพริบ และพอชะเง้อดูว่าเป็นอะไรปุ๊บ
“ อ๋อ เป็นแบบนั้นในตอนที่ถูกนางุโมะบีบมือแรงๆเพื่อถอดกำไลออกน่ะ ”
ข้อมือฉันมันแดงแจ๋เลย เอ้อแต่ก็ไม่ได้หนักถึงกับขนาดเป็นรอยช้ำซะหน่อยไม่ต้องสนใจมากหรอก
“ ชิ เธอมันก็เอาแต่เลินเล่อแบบนี้อยู่เรื่อย เพราะแบบนี้ไงล่ะถึงได้ถูกบังคับให้ใช้ความสามารถออกมา ”
คาเอเดะกระเดาะลิ้นปุ๊บ คุณหล่อนที่น่าจะกำลังหงุดหงิดก็หยิบเอายันต์สำหรับใช้รักษาออกมาพันไว้รอบข้อมือฉันเฉยเลย
พอคิดว่าใจดีแปลกๆนะเนี่ยอยู่ คาเอเดะก็ทำการรักษาข้อมือฉันให้หายดีภายในบัดดล……ก่อนจะหยิกข้อมือฉันสุดแรงแบบไม่ให้ทันตั้งตัว
“ เจ๊บบ!? ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย! ”
ไหงรักษาเสร็จปุ๊บแล้วถึงทำให้บาดเจ็บแบบเดิมซ้ำอีกเล่า! แถมที่เธอทำคราวนี้เป็นรอยชัดกว่าตะกี้อีกไม่ใช่เรอะ!?
“ เอะอะน่ารำคาญจริง ที่สำคัญกลับมาวินิจฉัยต่อได้แล้ว…. “เสียง” ล่ะเป็นยังไงบ้าง? ”
ยังจะกล้าพูดว่าน่ารำคาญอีกเรอะ จะหยิ่งยโสเกินไปแล้วนะเฟ้ยเธอน่ะ
“ ………..ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ยินเลยเฟ้ย ไม่ได้ยินเลยซักนิดเดียว ”
ตั้งแต่ที่ถูกสิงโดยเทคโนเบรคเกอร์ ก็มักจะมีเสียงเด็กผู้หญิงดังกังวานเข้ามาในหัวระหว่างที่ฝันอยู่บ่อยครั้ง
ตอนที่ปราบสาวนมหลีกนั่น ได้ยินทั้งๆที่ยังตื่นอยู่ก็จริงหรอก แต่หลังจากนั้นมาก็ไม่มีอีกเลย แถมไอ้เจ้าความสามารถเพิ่มเติมสุดจะอิหยังวะที่ลามไปทำให้น้ำแตกได้กระทั่งวัตถุนั่นก็กลายเป็นใช้ไม่ได้ไปแล้วด้วยในตอนนี้
“ เหรอ ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ…….เกี่ยวกับเรื่องเสียงนั่น เธออย่าได้ไปบอกให้ใครรู้เด็ดขาดเลยเชียวนะ ทั้งคนเฝ้าจับตา แล้วก็ยัยหนูโซยะด้วย ห้ามบอกใครทั้งหมดเลย ”
“ อุก รู้แล้วน่า รู้แล้วแหละ ”
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมต้องระแวงขนาดนั้น แต่สีหน้าของคาเอเดะมีแรงกดดันที่ไม่ยอมให้คัดค้านแฝงอยู่เต็มเปี่ยมเลยทีเดียว
“ งั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าจบเรื่องที่จะคุยกันแค่นี้ รีบไสหัวไปได้แล้ว ”
“ เอ๊ะ เอ้ย เดี๋ยวก่อนสิ แล้วจะทำยังไงกับนางุโมะล่ะ? ”
นางุโมะยังถูกปล่อยทิ้งไว้ตรงมุมห้องอยู่เลยนะ ล้มกองทั้งๆที่ยังอยู่ในสภาพของตุ๊กตาเนื่องจากอำนาจยันต์ของคาเอเดะนั่น
“ ฉันจะอุ้มพาเด็กคนนี้ไปส่งถึงหอเอง เธอไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก ”
“ เอ้ยให้ฉันช่วยด้วยเถอะ ฉันเองก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกันนี่นะ ”
แถมถ้าปล่อยให้เธอจัดการคนเดียวนี่มันก็ รู้สึกเป็นห่วงนางุโมะด้วยไง
“ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันให้การแปลงโฉมคลายระหว่างทาง แล้วถูกคนอื่นเห็นเธออยู่กับเด็กนี่ในสภาพนี้ขึ้นมาก็ย่ำแย่กันพอดีไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่มีปัญญาคิดเลยเหรอ? เธอน่ะรีบไสหัวไปตามที่ฉันบอกได้แล้ว ”
พูดแบบนั้นปุ๊บ คาเอเดะก็ผลักฉันลอยกระเด็นออกมานอกห้องเรียนราวกับอัดระบายความเครียดที่สั่งสมตลอดมาเข้าใส่
“ ……เฮ่อ แค่ในตอนนี้ก็มีไคอิที่น่าปวดหัวโผล่มาจนทำให้สถานการณ์ยุ่งยากมากพอดูแล้วแท้ๆ เธอยังจะไม่ได้เรื่องไม่ได้ความอีก จะไม่ให้ฉันได้พักหายใจบ้างเลยหรือไง ”
ฉันที่กะจะเดินจากไปอย่างว่าง่าย พลันหยุดกึกหลังจากได้ยินเสียงบ่นของคาเอเดะที่เหมือนจงใจพูดออกมาให้ได้ยิน
“ ไคอิที่น่าปวดหัว……..? ”
ข่าวที่ว่ากรมตรวจสอบกำลังจ้องเพ่งเล็งความสามารถของฉันอยู่นั่นก็ชวนเสียวสันหลังมากพอแล้วหรอก แต่เจ้าไคอิที่ขนาดคาเอเดะคนนั้นต้องถึงกับบรรยายว่า “น่าปวดหัว” นี่มันกระตุ้นต่อมอยากรู้มากกว่าอีก…..
แต่เอ้อ ตอนนี้น่ะเอาเป็นว่า
“ คงต้องระวังตัวหลายๆแบบ ไม่ให้อยู่ด้วยกันสองต่อสองกับนางุโมะแล้วสินะ…… ”
ได้แต่ครุ่นคิดหนักหัวแบบนั้นพลางเดินกลับไปยังหอท่าเดียว
MANGA DISCUSSION