“ อ่า….โทษที ขอบใจมากที่ช่วอุ้ก! ”
พริบตาที่ลุกขึ้นมาพร้อมกับพูดขอบคุณ หมัดของคาเอเดะก็อัดเปรี้ยงฝังลึกเข้าไปกลางท้องฉันเน้นๆ
“ ตอนอยู่โรงเรียนน่ะพูดให้มันมีหางเสียงซะ ฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ ”
“ ขะ ขอบพระคุณมากนะครับที่ช่วยผมเอาไว้ รุ่นพี่คุซึโนะฮะ ”
“ ดีมาก ”
คาเอเดะพยักหน้าให้โดยที่ไม่มีเปลี่ยนสีหน้าใดๆ
ผิวสีขาวนวลที่เห็นแล้วชวนให้นึกว่าเป็นภูตแห่งหิมะ เส้นผมสีดำเงางามระดับที่น่าจะมีพลังเวทอัดแน่นอยู่ภายในเลยซะด้วยซ้ำ…ใบหน้าที่ได้สัดส่วนอย่างมากล้นจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นของที่มีอยู่ในภพนี้นั่น ขนาดฉันที่คบหาเป็นเพื่อนด้วยกันมาเนิ่นนาน บางครั้งก็ยังเหมือนกับว่าจะถูกดูดกลืนเข้าไปภายในนั้นเลยเหมือนกัน
ไอ้พวกห้อง D นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เจอะเข้ากับคาเอเดะที่จู่ๆก็ปรากฎตัวโผล่มาอยู่เบื้องหน้าปุ๊บแล้ว พวกมันก็ถึงกับตัวแข็งทื่อกันไปหมดเลยนั่น
แต่ก็นะ นี่ถ้าไม่ได้เผอิญว่าฉันเป็นเพื่อนสมัยเด็กของยัยนี่ละก็ อย่าว่าแต่พูดคุยกันเลย จะเดินเข้าไปเฉียดใกล้ทีนี่ยังอาจต้องคิดหนักเลยด้วยซ้ำมั้ง
“ จะว่าไปแล้วนี่รุ่นพี่คุซึโนะฮะ มาทำอะไรที่นี่เหรอ? ”
“ เผอิญได้ยินเสียงกระดิ่งเตือนภัยระหว่างกลับจากทำงานน่ะ แล้วเสียงมันก็ดังอยู่ซะนานไม่ยอมหยุดซะทีเลยรำคาญจนเดินแวะมาดูนี่ล่ะ ”
“ ดังอยู่ซะนาน……แต่กระดิ่งเตือนภัยมันลั่นอยู่ได้แค่ไม่กี่นาทีเองนะครับ ”
“ ถ้าคลี่คลายไม่ได้ภายในหลักวินาที เท่านั้นก็ถือว่า “นาน” แล้วล่ะ ”
เล่นเอามาตรฐานคนละมิติมาบังคับใช้กับฉันที่เป็นเด็กห้อง D นี่มันก็เกินไป๊……..เอ้อแต่ก็รอดมาได้เพราะแบบนั้นเหมือนกันนี่นะ ฉะนั้นจะไม่บ่นก็แล้วกัน
ดวงตาอันเยือกเย็นของคาเอเดะกำลังจับจ้องมองบริเวณเท้าของฉันอยู่อย่างตาไม่กระพริบ พอลองมองต่ำลงมาตามแล้ว ก็พบว่ามีรอยช้ำตื้นๆโผล่ขึ้นมาอยู่ตรงข้อเท้าฉันนี่เลย เป็นจุดที่โดนคุณอาเจ๊โรคจิตแกจับดังหมับนั่นเอง
“ เจอกับตัวกระจอกแค่นั้นก็พลาดท่าเสียทีบาดเจ็บซะแล้วเหรอ เอาเถอะถือว่าได้จังหวะเหมาะพอดี มานี่ซิ ”
คาเอเดะพูดออกมาอย่างเพลียๆพร้อมกับจับแขนของฉันดังหมับ
“ ไปห้องพยาบาล แถมไหนๆแล้วก็ทำ ตรวจวินิจฉัยตามวาระ ของสัปดาห์นี้ให้จบๆกันไปด้วยเลยเถอะ ”
“ เอ๊ะ!? เอ้ยแต่ว่ายังมีคาบเรียน……ไม่ดิคือ ”
ได้ยินเสียงซุบซิบๆของไอ้พวกห้อง D ดังแว่วๆมาจากข้างหลังโดยพลัน
“ เฮ้ย มันอะไรกันวะน่ะไอ้เจ้าท่าทางที่แสนโคตรน่าอิจฉานั่น! ”
“ ทำไมฟุรุยะถึงพูดจากับท่านคุซึโนะฮะอย่างสนิทสนมเป็นกันเองได้แบบนั้น…… ”
“ จะว่าไปแล้วก็เคยได้ยินข่าวลือมาเหมือนกันนะ ถึงจะเห็นว่าไม่น่าเป็นไปได้ก็เลยทำเมินมาตลอดก็เหอะ แต่เหมือนว่าสองคนนั้น จะมีแอบๆมาเจอกันอยู่เป็นช่วงๆแหละว่ะ ”
“ ตัวฉันที่กังวลเป็นห่วงไอ้สารเลวนั่นมาตลอดจนถึงเมื่อกี้นี้มันช่างโง่สิ้นดี……! ”
“ เห็นว่าไม่มีคนเอาตอนแบ่งทีมแล้วก็มีคิดว่าน่าสงสารเหมือนกันอยู่หรอก แต่เจอแบบนี้แล้วตรูพูดเลยเว้ยว่าจะไม่เอาแม่มเข้าทีมเป็นอันขาด! ”
เจอะเข้ากับจิตสังหารที่ไอ้พวกห้อง D มันแผ่ออกมาแล้วสัมผัสได้ถึงอันตรายต่อชีวิต ฉันจึงลองแสดงท่าทางต่อต้านขัดขืนคาเอเดะดู
“ ………เอ่อ รุ่นพี่คุซึโนะฮะครับ แบบว่าผม….ตั้งแต่คาบปฎิบัติครั้งหน้าไปนี่เหมือนว่าจะไม่มีใครเค้ายินยอมคิดจะช่วยเหลือผมแล้วเนี่ย อ่อแล้วก็นะ เหมือนว่าจะยืนยันชัดเจนแล้วด้วยเนี่ยครับว่าผมโดนทิ้งไม่มีใครยอมเอาเข้าร่วมทีมด้วยแน่นอนชัวร์ป๊าบ ”
แต่ก็น้า คบหาเป็นเพื่อนอยู่กับยัยนี่มาก็เนิ่นนาน ฉะนั้นรู้ดีอยู่เต็มอกแล้วล่ะว่าการต่อต้านขัดขืนแบบนี้ทำไปก็ไม่มีค่าอะไรหรอก
“ จะไม่ยอมทำตามที่ฉันพูดเหรอ? ให้ว่ากันแต่แรกเริ่ม ในเมื่อได้รับบาดเจ็บก็ย่อมต้องแยกออกมารักษาตัวสิสามัญสำนึกไม่ใช่หรือไง ”
ด้วยเหตุนี้แหละ คาเอเดะเลยกระชากแขนลากตัวไอ้ฉันไป พร้อมกวาดสายตามองไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่ของศูนย์ ไอ้พวกห้อง D ที่ต่างก็พากันติดสตันต์ หนำซ้ำยังลามไปถึงอาจารย์ประจำชั้นห้อง D ที่เพิ่งจะวิ่งมาถึงเอาป่านนี้ด้วยเลย มองหน้าก่อนที่จะ
“ ฉันจะพาเขาคนนี้ไปห้องพยาบาล พวกเธอน่ะไม่ต้องใส่ใจกลับไปปฎิบัติหน้าที่ของตัวเองต่อเถอะ ”
พูดกระแทกออกมาอัดจังๆ แล้วจากนั้นจึงลากตัวฉันออกไปจากศูนย์ซัพพอร์ตทันควัน
โรงเรียนปราบมารนั้นจะมีกำหนดให้ตั้งแต่มัธยมปลายปีหนึ่งเป็นต้นไป เหล่านักเรียนจะต้องจับกลุ่มสร้างทีมที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 3-4 คน โดยเจ้าการแบ่งทีมดังกล่าวเนี่ยถือเป็นอะไรที่มีความสำคัญยิ่งมาก ระดับที่เกิดการทะเลาะวิวาทเพื่อแก่งแย่งคนเก่งขึ้นทุกๆปีเลยทีเดียวเชียว
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะในฉับพลันเดียวกับที่ก่อทีมในโรงเรียนได้แล้วเสร็จ ทางการเค้าก็จะทำการเจียดแบ่งงานจากภายนอกเข้ามาในเหล่านักเรียนสามารถรับทำได้นั่นเอง
ถ้าสร้างผลลัพธ์ในงานต่างๆนั่นได้ดี ก็จะทำให้ได้รับ “ใบอนุญาตชั่วคราว” อันเป็นคุณวุฒิรองของผู้ปราบมารมาครอง และถ้าทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกก็จะได้รับ “ใบอนุญาตตัวจริง” อันเป็นคุณวุฒิอย่างเป็นทางการของผู้ปราบมารถูกส่งมาให้
หากตั้งทีมร่วมกับคนที่เก่ง โอกาสที่งานซึ่งมีระดับความยากสูงจะถูกหมุนมาให้รับทำมันก็จะเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความเป็นไปได้ที่จะได้รับใบอนุญาตตัวจริงในระหว่างที่เรียนอยู่สูงมากขึ้นอีก
กลับกันแล้ว สำหรับนักเรียนที่เอื่อยเฉื่อยชิลๆเช่นฉันที่ขอหยุดอยู่แค่ได้ใบอนุญาตชั่วคราวก็พอ ในหัวคิดแค่ว่า เรียนจบก็ไปทำงานสบายๆเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในศูนย์ซัพพอร์ตขึ้นสวรรค์ดีกว่าละมั้งน้า~ อะไรแบบนี้แล้วนั้น การตั้งทีมมันก็ไม่ใช่อะไรที่สำคัญมากเป็นพิเศษซักเท่าไหร่หรอก ก็เลยเผลอปล่อยตัวเรื่อยเปื่อยมาตลอดจนถึงเมื่อไม่นานมานี้อะนะ…….แต่ตัวฉันในตอนนี้เรียกได้ว่ากำลังตาลีตาเหลือกใช้ได้เลย
ในกรณีที่ไม่มีใคร ยอมตั้งทีมด้วยเลย นั้น เค้าจะไม่มอบใบอนุญาตชั่วคราวให้เลยด้วยซ้ำ แล้วก็จะไม่มีงานถูกส่งมาให้อีกต่างหาก
นอกจากจะถือครองฉายาสุดเสื่อมเสียอย่างไอ้ผลการเรียนที่โหล่ต่อเนื่องตลอดสามปีแล้ว ยังจะถูกจารึกชื่อเสียลงไปในประวัติศาสตร์โรงเรียนในฐานะนักเรียนมัธยมปลายซึ่งไร้คุณวุฒิคนแรกสุดเลยอีกซะงั้น
ถึงแม้ว่าโรงเรียนปราบมารแห่งนี้จะมอบใบจบการศึกษาระดับมัธยมปลายให้ด้วย แต่ยุคสมัยนี้มันก็อยู่ยากไง ต่อให้เรียนจบมาได้แต่ถ้าไม่มีคุณวุฒิก็จบเห่ ไม่ต้องคิดมากก็รู้แล้วว่าฉันที่เอาแต่เรียนสายผู้ปราบมารมาตลอดนี่มีหวังได้เดินเตะฝุ่นยาวๆชัวร์ป๊าบ
ก็งั้นแหละ เจอกับสถานการณ์ที่กำหนดวันแบ่งทีมพุ่งกระชั้นชิดเข้ามาอยู่อาทิตย์หน้าแบบนี้แล้ว ฉันนี่คือถึงกับแตกตื่นลนลานตาลีตาเหลือกเลยทีเดียว…….ยิ่งในตอนนี้ยังสูญเสียเพื่อนร่วมชั้นที่สงสารเวทนาไปเพราะคาเอเดะอีกต่างหาก เรียกได้ว่าอนาคตของฉันนี่คือส่อแววมืดมนของแท้แน่นอนเลยทีเดียวเชียวเนี่ย
“ อื้มก็ ไม่ต้องพะวงมากไปถึงขนาดนั้นหรอกนะ ”
พอฉันพันยันต์สำหรับใช้รักษาอาการป่วยทางวิญญาณที่คาเอเดะเตรียมไว้ให้รอบเท้าด้วยตัวเองแล้ว คาเอเดะก็อ้าปากพูดออกมาว่าเช่นนั้นด้วยรอยยิ้มขี้แกล้ง
เป็นจังหวะที่ผู้ปราบมารด้านการแพทย์ประจำโรงเรียนออกไปทำธุระข้างนอกพอดี ห้องพยาบาลในตอนนี้ก็เลยมีเพียงฉันกับคาเอเดะอยู่ด้วยกันแค่สองต่อสองเท่านั้นเอง
“ ถ้าเกิดหาคนรุ่นเดียวกันที่ยินดีจะรับเธอเข้าร่วมทีมไม่เจอจริงๆ จะช่วยแต่งตั้งเธอเป็นคนแบกของในทีมของฉันให้เอาบุญก็แล้วกันนะ ”
“ แค่เจอผีตัวกระจอกไอ้ฉันก็หืดขึ้นคอแล้วนะ เรื่องอะไรจะยอมถูกเธอลากตัวไปยังสถานที่ทำงานของมืออาชีพตัวท็อปกันฟะ ”
งานที่ถูกเจียดมาให้ผู้ใช้ศาสตร์เก่งๆอย่างคาเอเดะเนี่ย มันย่อมต้องเป็นงานประเภทที่ต้องต่อสู้ประมือกับวิญญาณร้ายหรือไคอิระดับภัยพิบัติแหงอยู่แล้ว กระจอกอย่างฉันต่อให้มีซักกี่ชีวิตก็คงไม่พอ แถมถ้าตายไปแล้วก็คงไม่วายโดนจับมาแปลงเป็นชิกิงามิไม่ก็อะไรพวกนั้น โดนยัยนี่ใช้งานเยี่ยงทาสต่อเนื่องไปตลอดแหงม
ถ้าจะต้องเป็นแบบนั้นแล้วละก็ ยอมเป็นไอ้คนว่างงานอย่างผ่าเผยซะมันยังจะดีกว่าไม่รู้กี่เท่า
พอไม่เห็นดีเห็นงามกับข้อเสนอปุ๊บ คาเอเดะก็พลันพูด “แต่ว่า” พร้อมชี้นิ้วตรงมาใส่ฉัน
“ ต่อให้ถูกคุกคามโดยไคอิที่แสนดุร้าย หรือต่อให้ถูกเพ่งเล็งโดยวิญญาณร้ายอันแสนน่ากลัว แต่ถ้าถึงคราวจำเป็นหลังชนฝาจริงๆก็ยังมีเจ้านั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ? ”
“ ……..คือว่านะเฮ้ย ”
ฉันยกมือขวาสองข้างขึ้นมาราวกับจะโชว์ให้คาเอเดะเห็น
กางเขนเงินที่ติดอยู่กับกำไลข้อมือ พลันสะท้อนแสงแวววาวของหลอดไฟ
“ ไอ้พลังพรรค์เนี้ย มันจะไปใช้ต่อหน้าผู้คนได้ยังไงกันฟะ ”
เอ้ยไม่ดิ ต่อให้ไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้คนก็จะใช้ไม่ได้ ไม่อยากจะใช้
“ ก็จริงนะ ”
คงจะรู้คำตอบของฉันดีอยู่แก่ใจแล้วละมั้ง คาเอเดะก็เลยยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากพร้อมยิ้มเล็กๆให้ ก่อนจะ
“ ถ้าเกิดปล่อยให้ใช้พลังแบบนั้นตอนอยู่ในทีมของฉัน ตัวฉันที่เป็นลีดเดอร์คงมีหวังโดนตีตราหาว่าเป็นพวกโรคจิตวิปริตตามไปด้วยแน่เลย ”
“ ถ้ารู้อยู่แล้วก็อย่าพูดสิเอ้อ ”
“ นี่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจวินิจฉัยเหมือนกันน่ะ ถ้าเกิดเธอพร้อมจะใช้พลังนั่นได้โดยที่ไม่มีรู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆเลยนี่ ก็คือต้องเฝ้าดูอาการอย่างหนักแล้ว ”
คาเอเดะพูดหยอกล้อพลางนั่งลงบนเตียง ก่อนจะคว้าเอามือของฉันไป
พอถอดกำไลข้อมือออกอย่างแผ่วเบา คาเอเดะก็ยกเอาหลังมือของฉันไปแนบไว้ติดอยู่กับหน้าผากตัวเองพร้อมกับหลับตา
ถึงแม้ผิวของคาเอเดะจะเป็นสีขาวนวลประหนึ่งหิมะ แต่กลับผิดคาดตรงที่มันมีความอบอุ่นและความอ่อนนุ่มที่สมกับเป็นด็กผู้หญิงแนบพร้อมอยู่ด้วยนี่แหละ แถมเส้นผมที่นุ่มลื่นทำให้รู้สึกอยากจะจับเล่นไปตลอดมันก็ตกลงมาชนอยู่กับมือพอดีเลยด้วยอีก ต่อให้จะทำซักกี่ครั้งก็ไม่ชินกับไอ้เจ้าการตรวจวินิจฉัยนี่ซะที อิมแพคมันแรงเกินไปนิดนึงอะนะสำหรับฉันแล้ว
“ …..อ่า ฉันสงสัยมานานแล้วแหละ ไอ้การตรวจวินิจฉัยเนี่ย มันจำเป็นต้องตัวติดแนบชิดกันซะขนาดนี้จริงๆน่ะเรอะ? ”
“ เพื่อที่จะสัมผัสให้รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วทำแบบนี้มันดีที่สุดน่ะ ก็เลยช่วยไม่ได้น่ะนะ ”
คาเอเดะพูดกลับมาโดยไม่มีเว้นช่วง
เอ้อ ถ้าคาเอเดะพูดแบบนั้นมันก็คงจริงละมั้ง ก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดให้คาเอเดะอยากจะเอาตัวมาติดแนบชิดกับฉันด้วยนี่นะ
“ …..อืม อาทิตย์นี้ก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง ผนึกที่อยู่ข้างในนั่นยังคงเป็นดังเดิม ”
พอผ่านไปได้ซักพัก คาเอเดะก็สวมกำไลข้อมือกลับให้ดังเดิม พร้อมกับปล่อยมือฉัน ดูท่าว่าการตรวจเช็คของสัปดาห์นี้จะจบลงไปได้ด้วยดีสินะ
“ จะถามเผื่อเอาไว้ก็แล้วกัน เธอได้ยิน [เสียง] ในเวลาอื่นนอกเหนือจากตอนที่นอนหลับรึเปล่า? ”
“ ไม่ได้ยินอะ ขนาดตอนฝันเห็น ก็ยังฟังไม่ได้ศัพท์อยู่เหมือนเคยเลยเนี่ยว่าตกลงมันพูดอะไรอยู่กันแน่ ”
“ เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็รักษาสภาพแบบตอนนี้ไปก่อน ถือเป็นเรื่องดีก็จริงแต่จะประมาทไม่ได้เลยเชียวนะ? ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงแบบไหนก็ให้ติดต่อมาหาฉันในทันที ”
“ รู้อยู่แล้วแหละน่า ก็ไอ้เจ้านี่มันเป็นคำสาปที่ขนาดไอ้พ่อเวรนั่นก็ยังไล่ไม่ได้เลยนี่นะ ”
ก้มลงมามองกางเขนที่ติดอยู่กับกำไลข้อมือ
“ …….. ”
ไม่รู้ว่าพึงพอใจกับคำพูดนั่นของฉันหรือไง คาเอเดะก็เลยไม่ได้พูดเหน็บแหนมใดๆ โพล่งออกมาแค่ “ถ้าอย่างนั้น การตรวจวินิจฉัยของสัปดาห์นี้ก็จบแค่นี้ล่ะ” พร้อมกับลุกขึ้นยืน
ฉันเองก็ว่าจะกลับไปเข้าคาบปฎิบัติต่อเหมือนกัน แต่พอเดินไปถึงบริเวณประตูห้อง คาเอเดะก็พลันหันขวับกลับมาพร้อมพูดว่า “อ๊ะ จริงด้วยสิ”
ใบหน้านั่นมีรอยยิ้มเล็กๆที่ดูขี้แกล้งลอยขึ้นมา
“ เกี่ยวกับเรื่องแบ่งทีมน่ะ ถ้าไม่อยากจะเป็นคนแบกของให้ฉัน งั้นก็รีบเข้านะ เด็กปีหนึ่งที่ยังไม่ได้ยื่นเรื่องในตอนนี้ รวมเธอด้วยแล้วก็เหลือแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง ”
คาเอเดะจิ้มสมาร์ทโฟนที่อยู่ภายในมือไปพลางกล่าวออกมา ดูเหมือนว่าจะใช้สิทธิของผู้ปราบมารมืออาชีพ แอคเซสเข้าไปดูข้อมูลที่ทางสมาคมดูแลอยู่ละมั้งนั่น
“ แถมพวกที่หลงเหลืออยู่จนตอนนี้ ก็ยังเป็นเด็กตัวปัญหากันซะทั้งนั้นเลยด้วยนะ ยอมกลายมาเป็นทา…..คนแบกของให้ฉันแต่โดยดีซะแบบนั้นคิดว่าน่าจะดีกว่านะ? ”
ไม่อะไม่มีทางดีกว่าแน่นอน แล้วก็ตะกี้เกือบจะโดนลดสถานะจากคนแบกของกลายเป็นทาสอยู่แล้วไม่ใช่เรอะนั่น ไหงปฎิบัติกันงี้เฉย
“ อื้ม แต่ถึงจะพูดว่าเด็กตัวปัญหา แต่จะคนไหนๆก็ยังมีดีกว่าเธอเยอ—— ”
เป็นตรงนั้นเอง ที่สีหน้าของคาเอเดะซึ่งเหมือนว่าจะกำลังมองดูโปรไฟล์ของเหล่าคนที่เหลือเกินมาอยู่นั่น พลันขุ่นมัวไปชั่วขณะ
เจอไอ้ตัวประหลาดอยู่ในนั้นรึไงหว่า ฉันคิดแบบนั้นก่อนจะแอบส่องมองสมาร์ทโฟน….แต่กลับพบว่าหน้าจอไม่ได้แสดงอะไรอยู่เลยซะงั้น
“ เปล่าประโยชน์ ”
แถมคาเอเดะยังมองหน้าฉันด้วยแววตาเหมือนรังเกียจเดียดฉันท์กันเฉยเลยซะงั้น
“ ข้อมูลของสมาคมถูกวางจำกัดด้านจิตวิญญาณคำพูด (โคโตะดามะ) อยู่ ฉะนั้นเธอที่ไม่มีกระทั่งใบอนุญาติชั่วคราวด้วยซ้ำน่ะไม่มีทางเปิดหรือแชร์ข้อมูลได้หรอก เป็นสามัญสำนึกเลยไม่ใช่เหรอ…….วิชาปฎิบัตินี่อาจช่วยไม่ได้ก็จริง แต่อย่าบอกเชียวนะว่าเธอ คงไม่ได้โดดไปถึงวิชาบรรยายด้วยหรอกใช่ไหม ”
“ เอ้ยไม่ๆๆ แค่อยากรู้ ตัวมันก็เลยขยับไปเองเฉยๆเท่านั้นแหละ! ”
ฉันยกข้ออ้างมาแถไปพลางภาวนาร่วมไปด้วย ขออย่าให้ข้อมูลที่สมาคมรับดูแลอยู่ มีข้อมูลผลการเรียนวิชาบรรยายของนักเรียนรวมอยู่ด้วยเลยนะขอร้องล่ะเจ้าพระคุณ
ถึงแม้คาเอเดะจะจ้องเขม่นใส่ฉันด้วยแววตาอันเย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็งอยู่ซักระยะ แต่
“ อื้มเอาเถอะ วันนี้จะยอมอ่อนข้อให้ก็แล้วกัน ”
ท้ายที่สุดคุณหล่อนแกก็อมยิ้มอันดูซาดิสท์ขึ้นมา ก่อนจะ
“ ไว้ถึงสัปดาห์หน้า ต่อให้เธอจะแหยงเท่าไหร่ยังไงแต่ก็คงจะโดนฉันจับสั่งสอนอะไรต่อมิอะไรในหลายๆด้านอยู่ดีนั่นแหละ ในฐานะทาสส่วนตัวของฉันน่ะนะ ”
ในระหว่างที่จ้องมองคาเอเดะเดินห่างออกไปจากห้องพยาบาล ไอ้ฉันก็คิดขึ้นมาแหละ
ว่าต้องรีบหาเพื่อนร่วมทีมที่เป็นผู้เป็นคนและปลอดภัยไร้อันตรายให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้เลยน่ะ
MANGA DISCUSSION