เพราะปรับความเข้าใจกับนางุโมะ แล้วก็เดินไปไหนมาไหนด้วยกันจนปรุทั่วภายในโรงเรียนเลยละมั้ง
ความไม่เชื่อใจในศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณก็เลยผ่อนลงมาบ้าง ส่งผลให้เริ่มจะมีเด็กนักเรียนโผล่มาขอปรึกษาบ้างนิดๆหน่อยๆแล้ว
แต่ถึงงั้นก็เหอะ เกือบทั้งหมดนั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับวิญญาณซักนิด ฉะนั้นสถานการณ์ที่หน้าที่หลักๆคือการลาดตระเวนภายในโรงเรียนจึงแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยอะนะ
เนื่องจากเจอแต่งานพื้นๆอย่างต่อเนื่องโซยะก็เลยดูเซ็งๆอยู่เหมือนกันหรอก แต่เพราะไม่ต้องใช้เทคโนเบรคเกอร์แถมยังได้ทำงานอย่างสงบสุขปลอดภัย ฉันก็เลยค่อนข้างพอใจเลยแหละนะ ถ้าเป็นแบบนี้ไปได้ตลอดก็คงดีสิน้า….เนี่ยทำงานอยู่อย่างหย่อนยานสบายใจเฉิบแบบนี้แหละ
——แต่เป็นพริบตาก่อนที่จะทันได้วางใจชิลไปได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
ที่หน้าที่สอบสวนคดีลอบทำร้ายที่เกิดขึ้นอย่างถี่ๆภายในเมืองชิโนโนเมะ พลันถูกส่งไม้ต่อจากกรมตำรวจไปให้กับสมาคมปราบมารมารับช่วงดูแลแทน
“ [เกิดเหตุรุนแรงซ้ำซ้อนต่อเนื่องซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือของไคอิขึ้นภายในบริเวณเมืองชิโนโนเมะ ทางการจะส่งตัวทีมผู้ปราบมารจำนวนหนึ่งมายังเมืองชิโนโนเมะ ฉะนั้นจงประสานงานร่วมกันเพื่อยกระดับการตรวจตราในยามค่ำคืนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นซะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเอกสารอีกชุด] —–แน่ะ! สัมผัสได้ถึงงานใหญ่ๆที่น๊านนานจะได้เจอทีเลย! ”
พออ่านเอกสารสั่งการที่ถูกส่งโดยตรงมาจากสมาคมปราบมารด้วยน้ำเสียงเริงร่าแล้ว โซยะก็ลุกพรวดขึ้นพลางหายใจฟืดฟาดดัง “ฮึ่ย!” ——–แต่ในวินาทีถัดมา ก็หงายเก๋งเอาร่างกายท่อนบนแผ่หรากองลงมาเหนือโต๊ะของศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณ ดันแก้มที่น่าจะนุ่มนิ่มน่าดูเลยชนหมดสภาพคาโต๊ะมันอยู่หยั่งงั้น
“ เล่นอะไรของเธอนั่นเฮ้ย ”
“ อ่า….พอดีช่วงนี้ รู้สึกเมาข้อมูลนิดหน่อยน่ะ ”
“ เมาข้อมูล? ”
พอฉันถามกลับไป โซยะก็พูด “ใช่ๆ เมาข้อมูล” พร้อมถอดคอนแทคเลนส์ออก….ดวงตาที่มีหัวใจสีชมพูลอยปรากฎขึ้นมา ความสามารถต้องสาปที่ใช้มองข้อมูลกามๆของชาวบ้านได้อย่างทะลุปรุโปร่งตลอดเวลา เนตรมารฝัน
“ เพราะเนตรมารฝันมันปิดใช้งานไม่ได้ เวลาเจอกับใครเข้าทีนึงแล้วก็เลยจะมีข้อมูลไหลทะลักเข้ามาเต็มไปหมดเลยน่ะ อย่างพอมายังโรงเรียนที่ไม่รู้จักแบบที่นี่แล้ว มันก็จะมีข้อมูลใหม่ๆถาโถมเข้ามาใส่หยั่งกับเป็นน้ำไหลหลากเลยน่ะสิ……ช่วงหลังเลิกเรียนก็เดินวนรอบโรงเรียนอยู่เรื่อยด้วย ยิ่งทำให้มึนหนักไปใหญ่น่ะ ”
ก่อนหน้านี้โซยะร้อง น่าจะมีงานให้ทำเยอะจนหนำใจแน่เลย! พร้อมไฟลุกโชนมีกะจิตกะใจเต็มที่อยู่ก็จริง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะลำบากไม่น้อยเลยเหมือนกันนะนั่น
ต่างกับไอ้คาราสึมะที่แสนจะชิลลิบลับเลยแฮะ เพราะตอนนี้ไม่มีนักเรียนมายังศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณอยู่พอดี มันก็เลยฉวยโอกาสสวมหูฟังเปิดเพลงอ่านหนังสือโป๊พลางหัวเราะ “เวะฮิฮิ” น้ำลายไหลเยิ้มเลยเชียวนั่น
ให้ตาย ช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะตรวจสอบรายละเอียดของเอกสารสั่งการแล้ว ไปซื้อน้ำดื่มมาเลี้ยงโซยะซะหน่อยดีกว่ามั้ง
ไอ้ฉันที่คิดเช่นนั้นพลันลุกขึ้นจะก้าวออกไปยังทางเดินในทันที แต่จู่ๆประตูห้องมันก็เปิดเข้ามาเองเล่นทำเอาถึงกับสะดุ้งเลย
“ เหวย!? ”
“ โอ้~ว ฟุรุยะอยู่เปล่า? อ้าว อยู่ตรงหน้าพอดีเลยนี่หว่า ”
เจอะหน้ากับนางุโมะที่เปิดประตูก้าวเข้ามาในศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณเข้าก่อนซะงั้น
วันนี้ยัยนี่ก็ยังคงเดินสะบัดผมหางม้ากับนมเบิ้มที่มองโคตรจะลำบาก พร้อมปั้นรอยยิ้มอันแสนมีพลังอยู่เหมือนเคยเลย
วะ หวิดไปแล้วไงเอ็ง เกือบจะเดินชนหน่มน้มของนางุโมะตั้งแต่แรกเจอซะแล้ว…….พอไอ้ฉันใจเต้นตึ๊กตั๊กแบบลับๆอย่างนั้นอยู่
“ มุ!? เมื่อครู่นี้เห็นอะไรเด้งอยู่ตรงขอบตานะ!? ”
คาราสึมะที่สัมผัสได้ถึงเค้าลางของนมนางุโมะพลันเงยหน้าขึ้นจากหนังสือโป๊ กระชากเอาหูฟังออกก่อนจะลุกชูชันขึ้นจากเก้าอี้ หูฟังที่ถูกเหวี่ยงโยนทิ้งมีเสียงเพลงที่กำลังฮิตดังออกมา—-ซะที่ไหน มีเสียงร้องครางดังเล็ดลอดออกมาต่างหาก
ไอ้เจ้าคาราสึมะ มันนั่งฟังเสียงครางเป็น BGM อ่านหนังสือโป๊เรอะ…….!?
“ เวรี่หน่มน้ม! เวรี่เมล่อน! ตายจริงตายจริง แม่หนูหน่มน้มที่ได้พบหน้ากันในวันแรกสุดไม่ใช่หรือไร! ”
คาราสึมะกล่าวคำทักทายต่อหน่มน้มของนางุโมะด้วยดวงตาอันส่องประกาย ไอ้เบื๊อกนี่ มันไม่ได้จำนางุโมะจากหน้าหรือชื่อแต่จากนมเหรอเนี่ยเฮ้ย
“ ……..นังผู้หญิงนี่ ไม่ได้สำนึกผิดซักนิดเลยนี่หว่า ”
“ ขอโทษนะคุณนางุโมะ! จะทำให้สงบเสงี่ยมเจี๋ยมเจี๊ยมเดี๋ยวนี้แหละ! ”
โซยะขอโทษนางุโมะที่ยิ้มเฝื่อนแบบเพลียๆไปพลาง พุ่งพรวดขึ้นมาจากโต๊ะแล้วจับคาราสึมะมัดเสร็จสรรพ
“ ไม่เอาฉันไม่อยากจะถูกมัด! ไม่อยากจะถูกมัด! ไม่ว่าเมื่อไหร่ไม่ว่ายามใดแต่ฉันผู้นี้ก็หวังที่จะเป็นฝ่ายที่จับมัดอยู่เสมอไม่เสื่อมคลาย! ”
แม้คาราสึมะมันจะร้องเสียงหลงพยายามต่อต้าน แต่ก็โดนโซยะจับหูดังหมับจนอ่อนระทวยโดนมัดรอบตัวอย่างไม่อาจเลี่ยง
“ พับผ่าเอ๊ย จะหน้าไหนก็เอาแต่พูดอยู่นั่นแหละหน่มน้มนู่นหน่มน้มนี่ ผู้หญิงจะงามมันต้องงามมาจากข้างในไม่ใช่เรอะไง ”
นางุโมะเอามือกอดอกไปพลางกล่าวออกมาอย่างแมนๆ
เท่านั้นแหละคาราสึมะที่โดนจับมัดอยู่กับเก้าอี้พลันพูด “ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยนะ แม่หนูหน่มน้ม” พลางแย้มยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ
“ หน่มน้มมันคือแดนสุขาวดีที่ถูกปกป้องคุ้มครองอยู่โดยเสื้อนอกและบราและกฎหมายจนมิอาจจะเฝ้ามองสังเกตการณ์จากภายนอกได้อย่างไรล่ะ กล่าวคือ หน่มน้มเองก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายภายในเฉกเช่นเดียวกัน! ”
“ ขอโทษนะคุณนางุโมะ! จะทำให้หุบปากเดี๋ยวนี้แหละ! จะทำให้หุบปากเดี๋ยวนี้แหละ! ”
“ มู๊!? มู๊!? ”
พอโซยะทำการปิดปากคาราสึมะปุ๊บ ห้องก็กลับมาสงบเงียบได้ซะทีนึง
“ โทษทีนะไอ้เจ้านี่โหวกเหวกซะเสียงลั่นเลย เอ้อแล้ว วันนี้มาทำไมเรอะ ”
พอฉันเอ่ยถามพลางเอาคาราสึมะไปโยนทิ้งไว้ตรงมุมห้อง นางุโมะก็ก็ทำท่าทางเหมือนกับเพิ่งจะนึกถึงประเด็นหลักขึ้นมาได้ ว่าแล้วคุณหล่อนก็นั่งลงกับเก้าอี้ ก่อนจะเปิดประเด็นพูดขึ้นมาว่า “ความจริงแล้วนะ”
“ พอดีอยากจะมาขอปรึกษาอะไรหน่อยน่ะ แต่มันแบบว่ายังไงดี……คือ เรื่องมันออกจะพิลึกๆอะนะ ”
หาได้ยากแฮะที่นางุโมะซึ่งร่าเริงกระตือรือร้นอยู่เสมอจะพูดจาติดๆขัดๆแบบนี้
นางุโมะอมคำพูดอยู่ภายในปากไปซักระยะนึง ก่อนจะกล่าวออกมาว่าเช่นนี้ราวกับว่าตัดสินใจเด็ดขาดได้ในที่สุด
“ พวกแก….เคยได้ยินข่าวลือของสาวนมหลีกรึเปล่าอะ? ”
……….เอ๊ะ? ว่าอะไรนะ?
“ สาวนมหลีก? ไม่ใช่สาวปากฉีกเรอะ? ”
พอฉันลองยกชื่อของไคอิที่แสนโด่งดังออกมา นางุโมะก็ส่ายหัวให้ในทันที
เท่าที่ฟังจากนางุโมะ ดูเหมือนว่าสาวนมหลีกที่ว่าเนี่ยจะเป็นคนประหลาดที่เพิ่งจะถูกเลื่องลือกันภายในเมืองชิโนโนเมะได้ไม่นานแน่ะ
เป็นผู้หญิงท่าทางน่าสงสัยที่สวมหมวกกับแมสก์ปิดใบหน้า แล้วก็คลุมห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ด้วยเสื้อโค้ทสีแดง
มันจะเข้ามาถามผู้ที่เดินสัญจรผ่านไปว่า “ฉันนมหยั่ยไหม?” ถ้าใครตอบว่านมเล็ก ก็จะถูกซัดลอยปลิวกระเด็นไปโดยไม่อาจโต้แย้งอะไรได้
ส่วนคนที่ตอบว่านมใหญ่เพราะสงสาร ก็จะโดนถามซ้ำว่า “แล้วแบบนี้ยังหยั่ยอยู่ไหม?” พร้อมกับเผยสภาพอันแบนราบเรียบข้างใต้เสื้อโค้ทให้ดู จากนั้นก็จะโดนมันทำร้ายอย่างไม่อาจโต้แย้งอะไรได้เลยอีกเหมือนกัน
“ เท่าที่ฟังจากข่าวลือแล้ว เหมือนว่าถ้าตะโกน [นมใหญ่] ออกมาสามครั้งดังๆแล้วจะรอดตัวไม่โดนต่อยเอย ถ้าเดินอยู่ด้วยกันกับคนนมใหญ่แล้วจะไม่โดนทำร้ายเอย ถ้าเอาอะไรยัดนมเอาไว้แล้วสาวนมหลีกจะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้เอย……เนี่ยมีพูดกันอยู่ทำนองเนี้ยอะนะ ”
เพราะเจอนมแล้วจะหลีกเลี่ยง ก็เลยถูกเรียกขานกันว่าสาวนมหลีกเรอะ
เป็นตำนานเมืองที่โคตรจะปัญญาอ่อนดีแท้……พอฉันหยึยอยู่แบบนั้น นางุโมะก็พูด “เอ้อเนอะจะตอบสนองแบบนั้นก็ไม่แปลกเนาะ” พร้อมกับเกาหัวด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ
“ ตอนแรกพวกฉันเองก็หัวเราะขำกลิ้งอยู่เหมือนกันแหละ แต่ระยะนี้ มีคนใกล้ตัวได้รับบาดเจ็บระดับขำไม่ออกอยู่น่ะสิ ทุกคนก็เลยกลัวหัวหดกันหมดเลยไง ขนาดที่ช่วงนี้ฉันต้องรับบททำตัวเป็นบอดี้การ์ดพาพวกเด็กผู้หญิงไปส่งยันบ้านเลยอะนะ ”
นางุโมะเรียบเรียงคำพูดด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดขีด
“ ……แล้ว ว่าไงล่ะ เจ้านี่ก็ แบบว่า ปะ เป็นฝีมือของเจ้าพวกวิญญาณร้ายอีกป่าว? ”
ถึงจะบอกว่ารับบททำตัวเป็นบอดี้การ์ด แต่เจ้าตัวก็คงจะเป็นคนที่กลัวหัวหดที่สุดเลยละมั้งนั่น
แต่ว่าก็ว่าเหอะเจ้าคนประหลาดที่ถูกเรียกขานว่าสาวนมหลีกนี่……เหมือนว่าจะก่อเหตุรุนแรงขึ้นหลายครั้งมาได้ซักระยะแล้วด้วยสินะ แบบนี้มันหรือว่าจะเป็น
“ ไม่ใช่ฝีมือของวิญญาณร้าย แต่เป็นไคอิน่ะ ”
โซยะจับจ้องมองลงไปยังเอกสารสั่งการที่ถูกส่งมาจากสมาคมพลางตอบคำถามของนางุโมะ
“ ถึงแม้ในเอกสารสั่งการจะไม่ได้เรียกว่า “สาวนมหลีก” แต่ใช้คำว่า “ไคอิ A แห่งเมืองชิโนโนเมะ” ก็เถอะนะ…….แต่ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกกับคำพูดการกระทำ ทั้งหมดต่างก็ตรงกับรายละเอียดในเอกสารสั่งการหมดเลยแหละ อื้มแต่ในเอกสารสั่งการไม่ได้มีเขียนถึงข้อมูลพวกเอาของยัดนมอะไรนั่นใส่ไว้เลย ฉะนั้นวิธีการรับมือนั่นให้คิดซะว่าเป็นข่าวปลอมพึ่งพาไม่ได้ไปก่อนจะดีกว่านะ ”
พอลองรับเอกสารสั่งการจากโซยะมาอ่านดู ก็พบว่ามีเนื้อหาที่ตรงกับเรื่องราวที่ฟังมาจากนางุโมะเมื่อกี้อยู่เยอะจริงๆด้วยแฮะ
ระดับสเกลที่คาดการณ์เอาไว้ของไคอินี้คือราว 2-3
เนื่องจากไม่ทราบต้นกำเนิด จึงจำเป็นต้องทำการไล่ผีให้ได้ตั้งแต่แรกเจอ หรือไม่ก็ต้องทำการเก็บข้อมูลอย่างเร่งด่วน……เรอะ
“ ไคอิ……ที่ว่าเนี่ยมันต่างกับวิญญาณร้ายเรอะ? ”
นางุโมะเอียงหัวถามออกมาด้วยท่าทางกลัวๆครึ่งนึงอยากรู้อยากเห็นครึ่งนึง
“ เอ้อถ้าให้พูดแบบง่ายๆแล้ว ไคอิเนี่ยก็มีภาพลักษณ์ประมาณมนุษย์เป็นๆที่แปลงสภาพกลายเป็นวิญญาณร้ายละมั้งนะ ”
ฉันลองอธิบายคร่าวๆให้นางุโมะฟังดู
คนเราไม่ว่าใครต่างก็มีความเคียดแค้น ความทุกข์โศก ปมในใจ ความเศร้าเสียใจ หรือความหื่นกระหายทางกามอารมณ์อยู่เหมือนๆกันทั้งนั้น และถ้าอารมณ์ดังกล่าวนั่นมันรุนแรงมากเกินไปแล้ว บางครั้งคนเราก็จะทำการดึงดูดปราณด้านลบที่ล่องลอยอยู่ในอากาศหรือไม่ก็พวกวิญญาณเบ็ดเตล็ดให้เข้ามาใกล้ แล้วกลายสภาพเป็นวิญญาณร้ายทั้งที่ยังเป็นๆโดยมีอารมณ์ต้นเหตุเป็นแกนกลางน่ะ
ยิ่งดึงดูดปราณด้านลบให้เข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ อารมณ์ด้านลบที่เป็นแกนกลางก็จะยิ่งขยายขนาดเพิ่มพูนมากขึ้น และอารมณ์ด้านลบที่เพิ่มพูนขึ้นก็จะทำการดึงดูดปราณด้านลบให้มาหาเพิ่มมากเข้าไปอีก และ ณ ปลายสุดของวงจรอุบาทว์นั่นเอง ที่ไคอิจะได้รับมาซึ่งพลังเหนือธรรมชาติและความคิดสติแตกที่ขึ้นตรงต่ออารมณ์ความรู้สึกของตนเอง กลายเป็นตัวตนที่ออกอาละวาดทำร้ายผู้คน อารมณ์แบบคนกลายเป็นมาร ไม่ก็กลายเป็นภูตอะไรทำนองนั้นแหละ
แถมเพราะคนที่ถูกกลืนกินจนกลายเป็นไคอินั่นจะไม่รู้สึกตัวอีกต่างหาก ก็เลยมีแพทเทิร์นที่อาการค่อยๆหนักมากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีใครรู้อยู่เยอะพอสมควรเลยอะนะ น่าปวดหัวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ในกรณีของสาวนมหลีกนี่ คงจะเป็นเพราะยึดติดกับปมนมเล็กอะไรทำนองนั้นละมั้ง……..เป็นไคอิที่ฟังดูปัญญาอ่อนสิ้นดีก็จริงหรอก แต่ในเมื่อถึงขั้นมีคนเจ็บแบบนี้ก็ขำไม่ออกจริงๆนั่นล่ะ
“ เอ่อ…..หรือก็คือ ”
นางุโมะที่เอียงหัวหลังฟังคำอธิบายของฉัน พลันทำดวงตาเป็นประกายราวกับว่าสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง
“ ถ้ามีร่างกาย ก็แสดงว่าใช้ดาบไม้ฟาดให้น่วมได้งั้นสินะ!? งั้นก็ค่อยสบายใจหน่อยว่ะ ”
เอ้ยๆๆ
“ ทำได้มั้ยนี่ก็ทำได้อยู่หรอกนะ แต่ตามหลักแล้วเจ้าพวกนี้มันจะเป็นตัวแบบเหนือมนุษย์กันหมดเลยไง ถ้าเจอขึ้นมาก็ช่วยเผ่นทีเหอะ ”
เอ้อ ถ้าข่าวลือที่ว่าสาวนมหลีกจะหลีกเลี่ยงคนนมใหญ่เป็นเรื่องจริง งั้นนางุโมะก็คงไม่มีอะไรให้ต้องห่วงหรอกมั้ง…….แต่ไอ้พวกไคอิเนี่ยมันเอาแน่เอานอนไม่ได้ ฉะนั้นจึงต้องขอเตือนนางุโมะที่มีกะใจพร้อมซัดเต็มที่เอาไว้หน่อย
แต่ดูเหมือนพอรู้ว่าอีกฝั่งมีกายเนื้อแล้วนางุโมะจะโล่งอกสุดๆ คุณหล่อนก็เลยพูดทิ้งท้าย “ขอบใจที่ช่วยให้คำปรึกษานะ!” ด้วยรอยยิ้มแสนงามแล้ววิ่งกลับไปยังชมรมเคนโด้เฉยเลยนั่น จะไหวจริงๆมั้ยเนี่ยเฮ้ย……?
“ อื้มเอาเป็นว่า ถ้านี่เป็นไคอิจริงๆก็จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างเร็วไวสิเนอะ! ”
โซยะลุกพรวดขึ้นมาโดยกำเอกสารสั่งการไว้อยู่ภายในมือ
“ ก็การปราบไคอิเนี่ยมันจะตัดสินผลกันตรงความเร็วนี่แหละ! ต้องเริ่มทำการเดินตรวจตราตอนกลางคืนตั้งแต่วันนี้เลยนะ ”
ไคอินั้นหากปล่อยเอาไว้นานๆเข้า อาการก็จะยิ่งหนักมากขึ้นด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้มันแข็งแกร่งแล้วก็ดุร้ายมากขึ้นตาม
แถมคนที่แปลงสภาพกลายเป็นไคอิยังจะไม่มีความทรงจำในช่วงนั้นเลยอีก ฉะนั้นสภาพตอนปกติจึงไม่แตกต่างไปจากสามัญชนคนธรรมดาเลย หากไม่ทำการตรวจสอบเชิงวิญญาณแบบแรงๆพอสมควรก็จะไม่อาจดูรู้ว่าเป็นผู้ถือครองไคอิได้เลยไง เพราะงั้นในสภาพที่ยังระบุตัวผู้ต้องสงสัยไม่ได้เนี่ย ขนาดมืออาชีพก็ยังต้องถึงกับหืดขึ้นคอไม่อาจคลี่คลายคดีที่เกิดจากไคอิได้ง่ายๆเลยทีเดียว
ความเห็นของโซยะที่ว่าเราควรลงมือเคลื่อนไหวแต่เนิ่นๆนั่นถูกต้อง ถูกต้องก็จริงหรอกนะ แต่
“ ไอ้เจ้าเนี่ย ต่อให้พวกเราเจอะเข้าแต่ก็น่าจะรับมือไม่ไหวมั้ง? ”
สเกลที่คาดการณ์คือ 2-3 กล่าวคือเป็นภยันตรายระดับเดียวกับหญิงคลานสี่ขาเลยนั่นเอง
จะศาสตร์ไหนๆของโซยะก็มีระดับแค่ห้อง D หมด แถมศาสตร์เหนี่ยวรั้งของคาราสึมะก็จะไม่ทำงานหากอีกฝั่งไม่ใช่สาวสวยอีก
“ เราก็ไม่รู้ซะหน่อยนี่ว่าสาวนมหลีกเนี่ยเป็นคนสวยแน่รึเปล่า ให้ว่าแล้วมันก็สวมแมสก์ปิดหน้าอยู่อีกตะหากไม่ใช่เรอะ? ”
“ ไม่เป็นไรหรอกไม่เป็นไร! หมวกกับแมสก์เนี่ยให้ชิกิงามิถอดซะก็หมดเรื่องแล้ว แถมต่อให้ไม่สวยตรงสเป็คของอาโอยจังจนไล่ไม่ได้จริง แต่การเจอกันตรงๆเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลมันก็สำคัญนะ! ”
แถมถ้าใช้ชิกิงามิเป็นเหยื่อล่อซะก็จะทำให้หนีไปยังที่ปลอดภัยได้แล้วนะ! โซยะกล่าว…. ถึงชิกิงามิจะมีระดับแค่สเกล 1 แต่ก็สะดวกเอนกประสงค์จริงแฮะ
“ เอ้อการเก็บรวบรวมข้อมูลก็สำคัญจริงอะแหละ แถมถ้าวางมาตรการเตรียมหนีเอาไว้เรียบร้อยแล้วงั้นก็ไม่มีอะไรจะบ่นหรอก ”
“ ถ้างั้นก็ มาทุ่มเทความพยายามเพื่อคลี่คลายคดีด้วยกันเถอะนะ! ”
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเราที่ได้รับคำสั่งการจากสมาคมจึงได้เริ่มต้นทำการเดินตรวจตรายามค่ำคืนตั้งแต่วันนั้น
โดยที่ไม่ได้รู้เลยซักนิด ว่าเจ้า“สาวนมหลีก” ที่มองดูเพียงผิวเผินแล้วอาจเห็นเป็นไคอิปัญญาอ่อนนั่น—-มันได้คลั่งสติแตกกลายเป็นตัวอันตรายไปมากถึงระดับไหนแล้ว
MANGA DISCUSSION