ช่วงยามบ่ายของสัปดาห์ถัดมา
“ ที่นี่น่ะเรอะโรงเรียนมัธยมปลายชิโนโนเมะ ใหญ่จริงอะไรจริงแฮะ ”
นครศูนย์กลางที่ต้องใช้เวลาเดินทางจากโรงเรียนปราบมารมาราว 30 นาทีกว่าจะถึง—-เมืองชิโนโนเมะ
และโรงเรียนมัธยมปลายชิโนโนเมะที่ตั้งอยู่ ณ บริเวณใจกลางเมืองนั่น ก็เป็นโรงเรียนขนาดยักษ์ใหญ่ที่หาเจอได้ยากแล้วในสมัยนี้ จำนวนนักเรียนนี่คือพูดได้เลยว่าเยอะมากๆ เพราะแบบนี้แหละพื้นที่ของโรงเรียนก็เลยกว้างขวางมากพอตัวเลย
“ แบบนี้ท่าจะมีงานให้ทำเยอะจนหนำใจแน่ๆเลยเนอะ! ”
“ แล้วก็น่าจะมีเด็กผู้หญิงน่ารักน่าเอ็นดูอยู่มากมายเลยเชียว! ”
โซยะที่สวมชุดเครื่องแบบของโรงเรียนปราบมารเหมือนกับฉัน และคาราสึมะที่มาในสารรูปสวมแพนท์สูท ต่างก็กระตือรือร้นกันยกใหญ่
…….ถึงท่าทางกระตือรือร้นของคาราสึมะจะส่อแววเพิ่มงานไม่เข้าเรื่องให้จนไอ้ฉันรู้สึกเสียวไส้มันตั้งแต่ตอนนี้เลยก็เหอะนะ
“ เฮ้ยคาราสึมะ เอ็งอย่าได้ก่อเหตุวุ่นวายไม่เข้าเรื่องขึ้นเชียวนะเว้ย? อยู่นิ่งๆสงบเสงี่ยมเจียมตัวเลยเชียวนะเว้ย? ”
“ ฮะฮะฮะ รู้อยู่แล้วล่ะ รู้อยู่แล้ว ”
โคตรน่ากังวล……
“ เอ้อเอาเป็นว่า ไปกล่าวคำทักทายที่ห้องพักครูกันก่อนเหอะ ”
ก้าวเข้าไปภายในบริเวณโรงเรียนผ่านทางเข้าออกสำหรับแขกผู้มาเยือนด้วยกันกับโซยะและคาราสึมะ
เหมือนว่าห้องพักครูนี่จะชั้นด้านบน พอก้าวขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ก็สามารถมองเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของเมืองชิโนโนเมะได้ผ่านหน้าต่างของทางเดินแหละ เป็นตรงนี้เองที่ฉันพลันนึกถึงเรื่องเล่าที่เมย์เล่าให้ฟังในระหว่างนอนหนุนตัก…. “คำเตือน” ของเมย์ที่ฉันทำการแจ้งให้กับโซยะและคาราสึมะทราบเรื่องด้วยแล้ว
[ดูเหมือนว่าเมืองชิโนโนเมะในช่วงนี้ จะเกิดเหตุลอบทำร้ายขึ้นอย่างถี่ๆเลยค่ะ]
เมย์ที่ยังเอาหน้ามุดคุดคู้อยู่กับท้องของฉัน กล่าวออกมาราวกับจะให้เสียงและลมหายใจซึมซับเข้าไปในร่าง
[เนื่องจากยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็เลยไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่มากมายอะไรก็จริง แต่เหมือนว่ามันจะยิ่งดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆเลยน่ะค่ะ ในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ถึงแม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะฝีมือไคอิ หรือพวกโรคจิตวิปริตที่มักจะโผล่หัวกระตือรือร้นกันมากในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิกันแน่……แต่ก็ช่วยระวังตัวเอาไว้หน่อยนะคะ]
“ ไอ้โรคจิตวิปริตที่สวมเสื้อโค้ทกับแมสก์เรอะ ”
บุคคลน่าสงสัยแบบโคตรสูตรสำเร็จที่ดูไม่เข้ากับทิวทัศน์ของเมืองอันแสนงดงามเลยซักนิด
ไม่รู้หรอกนะว่าคือมนุษย์ที่กลายเป็นไคอิหรือแค่ไอ้พวกโรคจิตธรรมดา แต่เอาเป็นว่าไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลยซักนิด
เป็นในระหว่างที่ฉันเหม่อมองดูวิวทิวทัศน์อยู่ด้วยความคิดแบบนั้นน่ะเอง
ที่คาราสึมะพลันแหกปากร้องเสียงหลงอยู่ข้างๆฉันนี่
พอสะดุ้งหันขวับไปข้างๆก็พบว่าคาราสึมะหายวับไปแล้ว อ้าวเฮ้ยไอ้เจ้านั่นมันหายไปไหนแล้ว!?
“ กรี๊ดดดดดดด!? นั่นแกคิดจะทำอะไรน่ะ! ”
“ แอ๊ฟฟฟ!? ”
หันไปมองปุ๊บก็เห็นได้เลยว่าเกิดเหตุอลหม่านครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น ณ ปลายทางเดินเข้าแล้วไงล่ะเอ็ง ไอ้เจ้าคาราสึมะที่กระโจนตัวเข้าไปกะจะจับนมของนักเรียนหญิงผมทรงหางม้า ได้ถูกสาวแกต่อยหน้าคว่ำเข้าอย่างเน้นๆเลยเฮ้ยนั่น
เผอิญว่าตอนนี้เป็นช่วงพักเบรคระหว่างคาบเรียนพอดีไง แถวๆห้องพักครูก็เลยมีนักเรียนของโรงเรียนชิโนโนเมะเดินเหินให้เห็นอยู่ประปรายอะนะ เค้าก็เลยจ้องมองมุงดูกันใหญ่เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ไอ้เบื๊อกนั่น! พูดเตือนลิ้นยังไม่ทันได้เข้าปากก็ชิงก่อเรื่องซะแล้วเหรอเฮ้ย!
“ ขอโทษครับขอโทษครับ! ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ!? ”
ฉันกระทืบไอ้คาราสึมะที่หมอบหน้าคว่ำอยู่กับพื้นไปพลาง ตรงดิ่งเข้าไปถามไถ่อาการของสาวน้อยผมหางม้า
บัดซบเอ๊ย ใช่เวลามาระวังไอ้โรคจิตสวมเสื้อโค้ทกับแมสก์ซะที่ไหน ควรจะระวังไอ้โรคจิตที่อยู่ใกล้ๆตัวมากยิ่งกว่าซะอีก!
“ พวกแก……ไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนเราสินะ? ”
นักเรียนหญิงผมหางม้าจ้องพวกเราตาไม่กระพริบ พร้อมกับยกเอามือสองข้างขึ้นมาปกปิดนมที่โดนไอ้คาราสึมะมันหมายหัว—–เอ้อ ถึงจะปิดไม่ได้เลยซักนิดก็เหอะ
“ ……… (เอื๊อก) ”
นี่แหละที่เค้าเรียกว่า ถึงกับต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่
เพราะนมของเด็กนักเรียนหญิงผมหางม้า มันใหญ่แบบอย่างใหญ่ ใหญ่ไม่บันยะบันยังเลยนั่นเอง โซยะก็นมใหญ่พอตัวอยู่เหมือนกันหรอกนะ แต่นมที่ลอยอยู่ตรงหน้านี่มันน่าจะใหญ่กว่าได้ซักราวเท่าตัวนึงเลยมั้ง
ภูเขาฟูจิ คิวมูโลนิมบัส พระพุทธรูปองค์ใหญ่แห่งนาระ……..ทั้งหมดนั่นล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนต่างให้ความเคารพ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าคนเรานั้นจะเกิดความรู้สึกยกย่องยำเกรงต่อสิ่งที่มีขนาดใหญ่ยักษ์
ฉะนั้นนมเบิ้มที่สถิตลงมาโปรดสัตว์อยู่ต่อหน้านี่ จึงได้หลุดพ้นก้าวข้ามไปเหนือวงเวียนของความหื่นกระหายเรียบร้อยแล้ว แรงกดดันที่นมปลดปล่อยแผ่ตัวออกมานั่นต่อให้พูดว่าแฝงเร้นไปด้วยอำนาจลึกลับที่จะดึงดูดสายตาของคนทุกผู้ก็ไม่ถือว่าเกินจริงไปเลย
“ เฮ้ย แกก็เป็นคนประเภทเดียวกับนังผู้หญิงโรคจิตนั่นเหมือนกันเรอะ? ”
“ ห้ะ! ”
พอได้ยินเสียงอย่างเพลียๆของสาวน้อยผมหางม้าเข้า ไอ้ฉันก็ทวงคืนเอาสติกลับมาได้ซะที
“ ให้ตายเหอะว่ะพับผ่า เกะกะขัดขวางตอนฝึกมั่งล่ะ คนพากันมองจนน่ารำคาญมั่งล่ะ แถมยังดึงดูดให้มีไอ้โรคจิตอย่างพวกแกเข้ามาใกล้อีกมั่งล่ะ……ไอ้ก้อนเนื้อไขมันพรรค์นี้ ถ้าส่งไปให้ใครอื่นได้ก็คงจะทำไปนานแล้วเว้ย ”
พอสาวน้อยผมหางม้าพ่นประโยคที่ถ้าไปพูดให้พวกนมเล็กฟังเข้ามีหวังโดนมีดแทงแหงแก๋แบบนั้นแล้ว คุณหล่อนแกก็จ้องพวกเราเขม็งด้วยท่าทางคิดร้ายสุดๆเลยนั่น
“ แล้ว พวกแกมันเป็นใครกันน่ะ ”
“ ขอโทษนะคะ! พวกเราเป็นคนของศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณที่จะถูกส่งมาประจำการในโรงเรียนนี้นับตั้งแต่วันนี้น่ะค่ะ! ”
โซยะพุ่งเข้ามากระทืบไอ้คาราสึมะเน้นๆทีนึง ก่อนจะมาก้มหัวขอโทษร่วมกันกับฉัน
“ เอ้าอาโอยจัง ยืนขึ้นสิ! ขอโทษเค้าเลยนะ! ”
“ อุกก ”
คาราสึมะที่โดนกระชากตัวให้ลุกขึ้นมาพลันทำการลูบมือไปตามบริเวณที่โดนฉันกับโซยะกระทืบใส่ พร้อมกับ
“ ก็คิดอยู่หรอกว่าไม่ควร…….แต่มันไม่อาจจะทานทนต้านความหื่นกระหายเอาไว้ได้เลยน่ะ……ช่างเป็นนมที่มีเสน่ห์หามายาน่าสะพรึงกลัวอะไรถึงเพียงนี้ ”
พูดออกมาพลางมองนมที่ใหญ่ระเบิดระเบ้อของสาวน้อยผมหางม้าแบบไม่เข็ดหลาบเลยเว้ยเฮ้ย
ให้ว่าแล้ว เอ็งกระโจนเข้าไปโดยไม่มีแสดงท่าทางลังเลเหมือนอดทนต้านทานความอยากเลยแม้แต่น้อยนิดเลยไม่ใช่เรอะ? ไม่ได้คิดว่าไม่ควรเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวเลยไม่ใช่เรอะ?
แถมคำพูดมันตะกี้นี้ ไม่ได้ขอโทษเลยซักนิดด้วยนี่หว่า
“ ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านภัยวิญญาณ? แต่พวกแกอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันเลยไม่ใช่เรอะน่ะ ”
“ เอ่อคือว่า พวกฉันเป็นนักเรียนของโรงเรียนปราบมารน่ะ อารมณ์เหมือนเป็นเด็กลองงานก่อนขึ้นเป็นมืออาชีพอะไรทำนองนี้ ”
“ ฮ้า~น เด็กลองงานเรอะ ”
ได้ยินคำพูดโซยะเข้าแล้ว สาวน้อยผมหางม้าก็ทำสีหน้าสงสัยใส่พวกเราแบบเต็มที่เต็มสตรีม
“ ถ้างั้นก็ช่วยใช้เวทมนตร์คาถาเครื่องรางหรืออะไรทำให้นมนี่มันดูเด่นสะดุดตาน้อยลง ไม่ก็ทำให้ไอ้พวกที่กระโจนเข้ามาใส่หายหัวไปให้หมดทีดิเฮ้ย เหอะ ถึงจะไม่คิดไปเหยียบเลยซักนิดก็เหอะนะ ศูนย์ให้คำปรึกษาที่คนแบบพวกแกดูแลอยู่อะเว้ย ”
พอเหน็บแหนมกันด้วยวาจาคำพูดแบบเถื่อนๆเหมือนผู้ชายปุ๊บ คุณหล่อนแกก็เดินฉับๆจากไปทั้งๆแบบนั้นเฉย
เหล่านักเรียนคนอื่นๆที่เฝ้าจ้องมองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ก็เพ่งสายตาสงสัยตรงเข้ามาใส่พวกเราด้วยเหมือนกัน
“ เล่นกระโจนเข้าใส่คุณนางุโมะเลยเชียวเรอะ ใจกล้าน่าดูเลยนี่หว่า…….ถึงจะพอเข้าใจความรู้สึกอยู่ก็เหอะนะ ”
“ แต่ก็สมกับเป็นมุตสึมิจังจริงๆเลยเนอะ กำราบอีกฝั่งได้ง่ายๆเลย เท่สุดๆไปเลยอ่าา คิดไม่ถึงเลยจริงๆเนอะว่าจะเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนกันกับพวกเรา ”
ดูเหมือนว่าสาวน้อยผมหางม้านมเบิ้มนั่นจะเป็นเด็กปีหนึ่งที่ชื่อนางุโมะ มุตสึมิแหละ แถมยังเป็นคนดังที่นอกจากจะมีดีด้านหน่มน้มแล้วยังมีบุคลิกภาพให้คนอวยเคารพด้วยอีกต่างหาก
อิทธิพลที่มีต่อโรงเรียนก็คงจะไม่ใช่น้อยๆเลยด้วย
“ จะว่าไงดี….ท่าทางจะทำงานลำบากซะตั้งแต่ก่อนจะทันได้เริ่มเลยด้วยซ้ำเนี่ย…… ”
พอไอ้ฉันรู้สึกกังวลกับอนาคตอยู่
“ ……..อาโอยจัง ”
“ ฮาฮิ๊!? ”
โซยะก็พลันจับหูคาราสึมะดังหมับ
“ ไว้เดี๋ยวมาสำนึกผิดด้วยกันนะ ”
และแล้วโซยะที่หยิบเอาไม้แคะหูออกมาจากกระเป๋า ก็พูดเช่นนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มแหละ
MANGA DISCUSSION