ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ - ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 10-7
อีอูยอนลูบผมอินซอบก่อนจะลูบไล้ที่ต้นคอ พอปลายนิ้วของเขาลูบไล้ไปตามผิว อินซอบก็หดตัวหนีพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย น่าสนุกที่เขารู้สึกว่าถ้าลูบไล้อินซอบอย่างอ่อนโยนด้วยวิธีแบบนี้ อีกฝ่ายจะทำตัวไม่ถูก
และหลักฐานนั้นก็คือการที่ส่วนอ่อนไหวของอินซอบขยายใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเมื่อกี้ในฝ่ามือของเขา อีอูยอนใช้มือรูดรั้งของของอินซอบพลางขยับเอว
“อ๊ะ อื้อ…อ๊า! ฮึก”
เมื่อได้สัมผัสถึงความสุขสมทั้งข้างหน้าและข้างหลัง อินซอบก็กรีดร้องราวกับสะอื้นพร้อมกับบิดเอว ในขณะเดียวกันท่าทางที่อีกฝ่ายเอ่ยห้ามปรามกระท่อนกระแท่น ก็กระตุ้นความต้องการที่ป่าเถื่อนของอีอูยอน
“อะไรกันครับที่ว่าอย่าน่ะ รูของคุณอินซอบกำลังกินไอ้นั่นของผมอยู่นะครับ หื้ม”
“ฮ้า อื้อ อ๊ะ! อูยอน ดะ เดี๋ยว อ๊า!”
“แม่ง จะไปคบใครวะ ร่างกายที่แค่ยัดเข้าไปในรูให้ก็ชอบซะจนแตกกลับบอกว่าคบกับผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ”
น้ำเสียงที่ได้ยินจากด้านหลังนั้นดุร้าย หัวของอินซอบกระแทกกับเบาะรถทุกครั้งที่อีอูยอนขยับเอว และเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าที่อีกฝ่ายพูดหมายความว่าอะไร แขนของเขาถูกมัดอยู่ทางด้านหลัง กระทั่งการขยับตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งหมดที่เขาทำได้มีแค่การหายใจเท่านั้น อินซอบหอบหายใจด้วยลมหายใจที่ร้อนเหมือนกับไฟพลางอ้อนวอนให้อีอูยอนค่อยๆ ทำ
“ได้โปรด คะ ค่อยๆ…ฮึก…”
“อยากให้ค่อยๆ ทำเหรอครับ”
“…ครับ จะ เจ็บ…หายใจไม่ออก…”
อีอูยอนเอื้อมมือไปวางตรงบริเวณหัวใจของอินซอบ เขาใช้ฝ่ามือตรวจดูการเต้นของหัวใจ และทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพียงแวบหนึ่ง
“ที่ว่าหนักเกินไปเนี่ย ประมาณไหนเหรอครับ ตอนนี้หัวใจของคุณเต้นเหมือนกับเป็นบ้าเลยนะ”
แสงของความเป็นห่วงเพียงชั่วครู่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของอีกฝ่าย อินซอบเผลอพูดสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องบอกออกไปโดยไม่รู้ตัว เพราะความกังวลอย่างกะหันทันของฝ่ายนั้น
“ประมาณนี้คงไม่เป็นไร…”
“นั่นสินะครับ ประมาณนี้คงไม่เป็นไรสินะครับ”
อีอูยอนกอดอินซอบจากทางด้านหลังอีกครั้ง อินซอบรู้สึกว่าแก่นกายของอีกฝ่ายที่อยู่ตรงหว่างขาเพิ่มน้ำหนักลงมาพอดีอย่างไม่ขาดไม่เกิน และเขาก็ได้รู้ว่าตนเองทำพลาดไปแล้ว
แต่การรับรู้นั้นสายเกินไป อีอูยอนสอดใส่เข้ามาลึกๆ อีกครั้ง อินซอบรู้สึกขนลุก เพราะความรู้สึกว่าอีกฝ่ายค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาต่างจากเมื่อสักครู่เล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนนิ้วอุ่นๆ ถูกยัดเข้ามา และบดขยี้กับผนังด้านในของเขา พออินซอบไหล่สั่นพลางหายใจหอบถี่ อีอูยอนก็ถามเหมือนกับสงสัย
“ผมกำลังค่อยๆ ทำอยู่นะครับ ตามที่คุณอินซอบต้องการ..”
“อื้อ…ฮือ…อึ่ก”
“… ขอให้ทำแบบนี้ใช่ไหมครับ”
เหมือนจะตายเลย เขาคิดแค่ว่าคงจะดีถ้าใครจะช่วยทำอะไรสักอย่าง เพราะเขารู้สึกจั๊กจี้ในท้อง และส่วนล่างของเขาก็ปวดชา ขาของเขาอ่อนแรง และตัวของอินซอบก็ทรุดลงไปเหมือนกับล้มพับลงไปกับเบาะรถ
“เหนื่อยเหรอครับ งั้นผมจะทำช้าลงอีกนะครับ”
“อ๊า!”
อีอูยอนใช้ส่วนปลายแก่นกายถูไถผนังด้านในที่ปิดอย่างคับแคบอย่างไม่ยอมแพ้ อินซอบส่งเสียงครางแหบแห้งพลางยกหัวขึ้นมา ‘ได้โปรด ได้โปรด’
อีอูยอนอ่านความต้องการที่เลือนรางอยู่ในดวงตาของอีกฝ่ายพลางเอ่ยถามเป็นนัยๆ
“ผมจะทำตามที่คุณต้องการครับ ลองพูดมาสิครับ”
“อุก…”
“บอกมาเถอะครับ เพราะผมจะทำตามที่คุณอินซอบต้องการ ถ้าไม่พูดผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ”
ริมฝีปากของอีอูยอนสัมผัสเข้าที่ใบหู น้ำเสียงนุ่มหวานเหมือนช็อกโกแลตไหลเข้ามาในหูของเขาทุกครั้งที่อีอูยอนกระซิบ
“ปะ ปล่อยเถอะ…อึก!”
“ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาสิครับ คุณไม่ควรพูดแบบนั้นในขณะที่น้ำรักของคุณไหลอยู่แบบนี้นะ”
“ช่วยแก้มัดมือให้ทีครับ…”
อีอูยอนเดาะลิ้น ด้วยอุปนิสัยใจคอของอินซอบแล้ว การจะดึงเอาคำพูดที่ต้องการออกมานั้น เขาจะต้องพยายามอยู่ครู่ใหญ่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่เขาจะสามารถรอแบบนั้นได้ ความต้องการที่ใช้ความอดกลั้นกดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อกี้ใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
“งั้นผมจะกระแทกเข้าไปอย่างที่ผมอยากจะทำนะครับ พิงผมไว้นะครับ อย่างนั้นแหละครับ”
อีอูยอนเอาแขนของตนมาโอบไหล่ของอินซอบ และทำให้อีกฝ่ายตั้งเอวขึ้น อีอูยอนทำให้ก้นของอีกฝ่ายแนบสนิทอยู่กับต้นขาของเขา และเริ่มกระแทก
“อ๊ะ! อ๊า! อื้อ…อึก! อ๊า! ระ เร็ว…มะ ไม่ใช่ ดะ…เดี๋ยว”
“เป็นรูที่ช่างเลือกจังเลยนะครับ อึ่ก กระแทกช้าๆ ก็ร้อง กระแทกเร็วๆ ก็ร้อง แต่ แต่ถึงอย่างนั้นก็อร่อยเลยทำเป็นหลับหูหลับตาใช่ไหมล่ะครับ”
เสียงของเนื้อที่กระทบกันดังอยู่ในรถ อินซอบหอบเหมือนคนที่จะหยุดหายใจในไม่ช้าพร้อมกับพิงร่างกับแขนของอีอูยอน อีอูยอนโอบรัดร่างผอมบางไว้ในอ้อมแขนข้างหนึ่งเหมือนกับจะทำให้แตกสลายพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เป็นร่างกายที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นได้ดีมาก แค่เขาปลุกเร้าเพียงเล็กน้อย อินซอบก็ตัวสั่นเทิ้ม และช่วงล่างของเขาก็ตอดรัดอย่างแนบแน่น เป็นการตอดรัดที่แม้กระทั่งอีอูยอนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนยังส่งเสียงครางออกมา เพราะรู้สึกเหมือนกับจะหายใจไม่ออกในบางครั้ง
“อ้าขาให้กว้างขึ้นอีกหน่อยสิครับ เพราะผมจะกระแทกเข้าไปให้ลึกขึ้นกว่าเดิม”
“อ๊ะ! ผะ ผม อึ่ก! อ๊า! ฮึก”
อีอูยอนกระแทกแก่นกายเข้ามาเหมือนกับจะบดขยี้ผนังด้านในที่อุ่นร้อนให้แตกละเอียด อินซอบส่งเสียงครางเจือเสียงร้องไห้ เขารู้สึกดีมากๆ
“ฉิบ ผมคงจะต้องยกเลิกคำพูดเมื่อกี้แล้วล่ะครับ อย่าไปทำหน้าแบบนี้ให้ใครเห็นนะครับ”
“อ๊ะ อื้อ อ๊า ฮ่า อึก ดะ เดี๋ยวก่อน คะ ใคร…”
พอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาจากที่ไกลๆ อินซอบก็หันหน้าไปมองอีอูยอน แต่อีอูยอนเพียงแค่กระแทกเอวให้รุนแรงขึ้นอีกหนึ่งระดับเท่านั้น
“มะ มีใครมา…เดี๋ยว…”
เสียงของคนหลายๆ คนค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างที่อินซอบพูด ใบหน้าของชเวอินซอบซีดเผือด และในนั้นก็มีเสียงที่เขารู้จักปนอยู่ด้วย
“นั่นคือรถตู้ของคุณอีอูยอนไม่ใช่เหรอคะ”
“ยังไม่ไปอีกเหรอ อาจจะยังอยู่ข้างในหรือเปล่า”
“ไปลองชวนเขาไปต่อรอบสองด้วยกันไหม”
อินซอบตัวสั่นระริกพลางช้อนตามองอีอูยอน แต่อีอูยอนกลับหัวเราะต่ำๆ และสวนเอวขึ้นมาอีกรอบเท่านั้น พลั่ก พลั่ก พลั่ก ท่อนเนื้อแข็งขืนที่ดันเข้ามาด้านในกระแทกส่วนๆ หนึ่งอย่างรุนแรง อินซอบกัดริมฝีปากเอาไว้ และกลั้นเสียงครางที่พลุ่งขึ้นมาอย่างยากลำบาก
พวกคนที่เดินเข้ามาใกล้ๆ รถเคาะหน้าต่างก่อนจะเอ่ยเรียกอีอูยอน
“คุณอูยอน อยู่ข้างในหรือเปล่าคะ คุณอูยอน”
แม้จะรู้ความจริงว่าคนข้างนอกไม่มีทางที่จะมองเห็นข้างใน แต่เลือดในตัวของอินซอบกลับเย็นเฉียบ เพราะความคิดที่ว่าพวกเขาอาจจะถูกจับได้ก็ได้ แต่อีอูยอนกลับขยับตัวแรงขึ้นกว่าเมื่อสักครู่นี้เหมือนกับจะบอกว่าเขาไม่สนใจเรื่องพวกนั้น
ถ้าโดนจับได้ คนที่จะอับอายอย่างใหญ่หลวงก็คืออีอูยอน แค่ผู้จัดการส่วนตัวคนหนึ่งกับนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเกาหลีนั้นส่งผลกระทบที่ต่างกัน แต่ถึงอย่างนั้นอีอูยอนก็ยังทำตัวเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจสายตาของคนอื่น อินซอบกัดริมฝีปากอย่างแรงพร้อมกลั้นเสียงเอาไว้ อีอูยอนที่ทนดูไม่ได้ยื่นนิ้วของตัวเองให้อินซอบกัด คนในออฟฟิศที่เดินไปเดินมาอยู่บริเวณรถอยู่พักหนึ่งก็พูดกันว่า ‘ดูเหมือนจะไม่อยู่นะ เขาไปไหนกันล่ะเนี่ย’ ก่อนจะเดินห่างออกไป
ตอนนั้นเองชเวอินซอบถึงได้อ้าปาก และพ่นลมหายใจออกมา
“เฮ้อ…”
“ทำไมถึงกลัวขนาดนั้นล่ะครับ”
“ผะ ผม…ก็ต้อง…”
อินซอบปากสั่นเทาพลางน้ำตาไหลลงมา เพราะความตื่นกลัวที่มาหาอย่างกะทันหันและหายไป อีอูยอนร้อง ‘ชู่ว์’ และปลอบเขา
“อย่าร้องครับ คนอื่นๆ ไปกันหมดแล้ว”
“คะ…คนพวกนั้น..ฮึก”
อีอูยอนแก้มัดมือของอีกฝ่าย และกอดอีกฝ่ายไว้กับอกของตนพลางใช้มือลูบหลัง
“อย่าร้องไห้เลยครับ เขาไปหมดแล้ว อดทนได้ดีแล้วครับ”
ปากล่างของอินซอบถูกกัดจนเป็นรอย เพราะเขาพยายามอย่างมากที่จะไม่ส่งเสียงออกมา สีหน้าของอีอูยอนไม่ดีเลยเมื่อเห็นสิ่งนั้น
“ไม่เป็นไรแล้วครับ ตอนนี้เขาไปกันหมดแล้ว หอบได้เต็มที่เลยครับ”
พออินซอบถอนตัวไปด้านหลัง อีอูยอนก็รั้งเอวของเขาเอาไว้ก่อนจะกระซิบ
“เอาแขนโอบไว้แบบนี้ แล้วก็พิงไหล่ผมเอาไว้นะครับ เดี๋ยวผมจะกระแทกเข้าไปแล้วแตกข้างใน ไม่เป็นไรนะครับ”
แม้จะเป็นน้ำเสียงที่ใจดีเหมือนกับปลอบเด็กน้อยที่ร้องไห้ แต่เนื้อหากลับลามกเป็นอย่างมาก
“ไม่ครับ แค่…อ้า อ้า…”
อีอูยอนยกก้นของอินซอบขึ้นพลางแบะออก จากนั้นเขาก็กระแทกแก่นกายที่เป็นมันเงาไปด้วยความต้องการเข้ามารวดเดียว อินซอบกรีดร้องพลางกอดไหล่ของอีอูยอนไว้ ต่อจากนั้นอีอูยอนก็บุกเข้ามาด้วยแรงที่มากพอจะทำให้ความทรงจำของอินซอบขาดหายเป็นครั้งคราว เขาแยกร่างของอินซอบอย่างดุร้ายเหมือนกับนักล่าผู้อดอยากฉีกทึ้งเนื้อที่มีเลือดไหล
เขาสอดใส่เข้าไปก่อนจะดึงออกมา และสอดใส่กลับเข้าไปใหม่ซ้ำๆ เขาส่งเสียงครางแหบห้าวออกมาพร้อมกับเพิ่มความเร็วในการขยับตัว อินซอบร้องไห้พลางอ้อนวอนขอให้เขาหยุด ส่วนอ่อนไหวของเขาที่หดลงไปแวบหนึ่งสั่นไหวในสภาพที่ตั้งเพียงครึ่งหนึ่ง เพราะความกลัวที่อาจจะถูกใครจับได้ อีอูยอนใช้ท้องของตัวเองถูไถสิ่งนั้นพร้อมกับดันตัวอินซอบไปด้วย
“มะ ไม่ อ๊ะ! ได้โปรด อ๊า…คะ คุณอูยอน…ผม…อ๊า!”
อินซอบถึงจุดสุดยอดก่อน น้ำรักสีขาวขุ่นกระจายโดนท้องที่แข็งแกร่งของอีอูยอน ผนังภายในที่หดตัวเพราะจุดสุดยอดบีบรัดแก่นกายของอีอูยอนอย่างแนบชิด อีอูยอนกระแทกสวนขึ้นมาอย่างแรงในชั่วพริบตาและล็อคเอวไว้แบบนั้น เขาปล่อยน้ำรักอุ่นๆ เข้าไปภายในช่องทางที่ขมิบรัว
อีอูยอนจับก้นของอินซอบไว้อีกครั้ง และดันแก่นกายเข้าไปให้ลึก น้ำรักทะลักออกมาจากส่วนปลายของท่อนเนื้อนั้นอีกครั้ง พอเขาทำแบบนั้นซ้ำๆ อยู่สองถึงสามรอบ ร่างกายของอินซอบแผ่ลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
อีอูยอนทำให้อีกฝ่ายพิงไหล่ของตนไว้ เขาใช้มือลูบผมที่เปียกชุ่มของอีกฝ่าย เนื่องจากการขยับมือที่อ่อนโยนมากๆ นั่น ตอนนี้อินซอบจึงไม่สามารถรับรู้ได้แล้วว่าที่นี่คือที่ไหน เขากะพริบตาปริบๆ และพยายามตั้งสติกับความง่วงที่ถาโถมเข้ามา
“คุณอินซอบ”
อินซอบเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะน้ำเสียงเรียบๆ ของผู้ชายที่เรียกชื่อเขา อีอูยอนยิ้มเพียงแวบเดียวและพูดคำที่เขาคิดไม่ถึง
“คราวหน้าเราไปดูหนังด้วยกันไหมครับ”
***
‘ไปดูหนังด้วยกันไหมครับ’
เขาไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายพูดแบบนั้นออกมาในเวลาแบบนั้นได้อย่างไร ดูเหมือน…
‘ไปวันนี้เลยไหมครับ ตารางงานของผมเสร็จกี่โมงเหรอ’
แม้จะมึนงง แต่อินซอบก็ยังบอกเวลาเลิกงานให้อีกฝ่ายรู้พลางเอ่ยถามว่าอยากไปที่ไหน พอเขาถามแบบนั้นอีอูยอนก็ตอบกลับมาว่า ‘ก็จะไปดูหนังไงครับ’ ด้วยท่าทีที่เหมือนจะบอกว่าแน่นอนอยู่แล้ว สุดท้ายอีอูยอนก็ใช้โทรศัพท์มือถือจองตั๋วภาพยนตร์
“…จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ”
อินซอบเอ่ยถามอีอูยอนขณะจอดรถ แม้จะสวมหมวกเบสบอลให้ต่ำลงมาและสวมแม้กระทั่งแว่นตา แต่ไม่ว่าใครก็สามารถรู้ได้เพียงแค่มองปราดเดียวอยู่ดีว่าเขาเป็นดารา เพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น
“คนไม่เยอะขนาดนั้นหรอกครับ เพราะเป็นตอนกลางคืนของวันธรรมดา”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าจะมีคนพอสมควรนะครับ”
“ถ้ามีแล้วจะเป็นยังไงเหรอครับ ผมไม่ได้มาก่ออาชญากรรมซะหน่อย”
“…”
อินซอบไม่กล้าตอบว่าที่เขาเป็นแบบนี้ เพราะเหมือนกับว่าเขาได้ทำความผิดจริงๆ
“แต่จอดรถตรงนี้จะไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอครับ”
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ที่จอดรถชั้นใต้ดินกำลังทาสีอยู่นี่นา”
แล้วทำไมวันนี้จะต้องบอกว่ากำลังก่อสร้างอยู่ด้วย พวกเขาเลยต้องมาจอดรถในที่จอดรถแถวๆ ข้างทางแทน อินซอบชอบที่จอดรถชั้นใต้ดินมากโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะต่อให้ที่จอดรถที่อยู่บนดินจะอยู่ในหลืบแค่ไหน ก็ยังดึงดูดสายตาของผู้คนอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นรถที่อีอูยอนนั่งอยู่ตอนนี้ก็ยิ่งดึงดูดสายตาของผู้คนไปกันใหญ่ เพราะมันไม่ใช่รถที่สามารถเห็นได้โดยทั่วไป แต่ก็โชคดีที่มันไม่ใช่รถตู้ รถตู้เป็นรถที่ไม่ต่างอะไรกับการเขียนว่า ‘ในนี้มีดารานั่งอยู่’ แปะไปไหนมาไหน
อินซอบจอดรถไว้ในหลืบที่สุดก่อนจะลงจากรถ อีอูยอนที่ลงจากรถตามมาคาบบุหรี่ไว้ในปากและจุดไฟ หลังจากที่เขาขออนุญาตอินซอบว่า ‘แป๊บหนึ่งนะครับ ขอแค่มวนเดียว’ แล้ว เขาก็ค่อยๆ อมควันบุหรี่และพ่นออกมา แม้จะเป็นการกระทำที่เป็นธรรมชาติเหมือนกับน้ำไหล แต่ก็ยังดึงดูดสายตาอยู่ดี ส่วนปลายของบุหรี่ติดไฟทุกครั้งที่อีอูยอนเม้มปากและดูดตรงไส้กรองของบุหรี่
ควันของบุหรี่ที่ลอยในอากาศทำให้รอบตัวของอีอูยอนเลือนราง แต่เขากลับรู้สึกว่าการมีอยู่ของอีอูยอนกลับชัดเจนยิ่งขึ้นในนั้น
อินซอบจงใจหันหน้าไปอีกฝั่ง และรอจนกว่าเขาจะสูบบุหรี่จนหมดมวน
“เสร็จแล้วครับ ไปกันครับ”
อีอูยอนโยนบุหรี่ลงถังขยะก่อนจะเอ่ย ชเวอินซอบเดินห่างจากด้านข้างของอีอูยอนประมาณหนึ่งเมตร เป็นระยะห่างที่พอดีแล้ว ถ้าอยู่ห่างมากเกินไป ก็น่าจะโดนจับได้ว่าเขากำลังรู้สึกอะไร แต่ถ้าอยู่ใกล้เกินไป อีกฝ่ายก็น่าจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นตึกตัก
***
ในระหว่างที่เดินอยู่ในที่จอดรถที่เชื่อมกับโรงภาพยนตร์ อินซอบพยายามที่จะไม่มองไปทางอีอูยอน ห้างร้านต่างๆ ปิดหมดแล้ว และไม่ค่อยมีคนเดินสักเท่าไร แต่คนที่เดินผ่านไปอีอูยอนไปกลับหยุดเดิน และหันหน้ากลับมามองเขา
“นานมากแล้วนะครับเนี่ย ที่ผมได้มาดูหนังที่โรงหนังไม่ใช่ที่งานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์”
“…อย่างนั้นเหรอครับ”
“กินป๊อปคอร์นไหมครับ”
“ครับ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร…”
พอพวกเขามาถึงด้านหน้าของโรงภาพยนตร์ อีอูยอนก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาตรงหน้าร้าน แม้ชเวอินซอบจะบอกว่า ‘ผมจะจ่ายเอง’ แต่ก็ไร้ประโยชน์ อินซอบรู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะแม้แต่ตั๋วภาพยนตร์อีอูยอนก็เป็นคนจ่าย
พนักงานพาร์ทไทม์ของโรงภาพยนตร์ที่จำอีอูยอนได้ยื่นป๊อปคอร์นกับโค้กให้หลังถามถึงสองรอบว่าใช่อีอูยอนจริงๆ หรือเปล่าด้วยน้ำเสียงตกใจ แม้เธอจะขอลายเซ็น แต่อีอูยอนก็ปฏิเสธโดยพูดอ้อมๆ ว่าเวลาที่ภาพยนตร์จะฉายเหลืออีกไม่มากเท่าไรแล้ว อีอูยอนยื่นป๊อปคอร์นให้อินซอบก่อนจะพูดต่อ
“คุณกำลังจะบอกว่า ‘ผมต้องจ่ายค่าป๊อปคอร์น’ ใช่ไหมครับ”
“…ครับ”
“คุณอินซอบรู้ไหมครับว่าในหนึ่งปีผมมีรายได้เท่าไร”
“รู้คร่าวๆ ครับ”
“ถึงแม้จะรู้ แต่ก็ยังคิดที่จะจ่ายค่าป๊อปคอร์นเหรอครับ”
อีอูยอนหยิบป๊อปคอร์นที่อินซอบถืออยู่ขึ้นมากินก่อนจะเอ่ยถามอย่างขี้เล่น
…ในเวลาแบบนี้เขาดูเป็นคนขี้เล่น
อินซอบถอนหายใจก่อนจะเอ่ยตอบ
“ไม่ว่ายังไงเงินก็เป็นเงินเหมือนกันนี่ครับ ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีค่าเพราะเป็นเงินของคนรวยซะหน่อย”
“ช่วยไปพูดคำนั้นกับคนที่กำหนดเงินภาษีในรายได้ของผมหน่อยนะครับ”
“เรื่องนั้นต้องไปปรึกษากับพวกนักบัญชี…”
“ฮ่าๆๆๆ”
อีอูยอนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพลางยื่นตั๋วให้กับพนักงานตรวจตั๋ว คราวนี้พนักงานก็จำเขาได้ และทักทายเขาเหมือนเดิม อีอูยอนก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะพูดกับอินซอบ
“รีบมาเถอะครับ ได้เวลาที่หนังจะเริ่มฉายแล้ว”