โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน - ตอนที่ 1 ใครสนกัน?
บทที่ 1 ใครสนกัน?
[ตัวเอก]
หนึ่ง สอง สาม แบงก์ 20 บาท 3 ใบ ณ เวลานี้ เงินที่ผมเหลืออยู่มีแค่ 60 บาทเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ผมมีทั้งหมด เป็นอะไรที่น่าเศร้า ยังเหลือเวลาอีกสามวันกว่าจะได้เงินเพิ่ม
“นับวันๆ ของยิ่งแพง เฮ้อ~ สองสามปีข้างหน้าจะอยู่รอดยังไงเนี่ย?”
ถอนหายใจออกไป แม้ว่ามันจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นก็ตาม แต่ใครสน? ผมไม่ได้คาดหวังกับการถอนหายใจ แล้วเกิดปาฏิหาริย์เสียหน่อย มันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก ไอ้สิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์อ่ะ ถึงจะเกิด ก็คงไม่ได้เกิดกับผม คนบนโลกใบนี้ มีมากมายเป็นพันล้าน ผมเป็นคนตัวเล็กๆ หนึ่งในพันล้าน ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับคนแบบผมได้ยังไง?
“ชีวิตอยู่ไปวันๆ ก็เหนื่อยแล้ว ทำไมต้องคาดหวังให้เหนื่อยกว่าเดิม”
ขณะที่ผมพึมพำอยู่คนเดียวนั้น เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น ใครกันนะ? ทำไมถึงโทรมาเวลานี้? นี่มันก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว จะไม่ปล่อยให้นอนรึไง?
“สวัสดี โทรมาดึกขนาดนี้ มีปัญหาอะไรรึเปล่า? สบายดีมั้ย?”
เห็นชื่อคนโทรมา นํ้าเสียงและความคิดผมก็เปลี่ยนไปในทันที แฟนโทรมา ผมไม่สามารถใช้อารมณ์ที่ยํ่าแย่กับแฟนสาวได้ มันจะทำให้เกิดการทะเลาะกันโดยไม่เกิดประโยชน์
“เราเลิกกันเถอะ”
เพียงการพูดสั้นๆ ของแฟน ผมก็นิ่งค้างทันที มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ฝันร้ายชัดๆ โลกใบนี้มันคือนรก!
“ตกลง ขอให้ต่อจากนี้มีความสุขนะ”
พูดจบ ผมก็ตัดสายทิ้งไปในทันที รู้อยู่แล้วแหละ วันอย่างนี้คงมาถึงในสักวัน ไม่มีเงิน เป็นคนทั่วไป ไร้ความโรแมนติก ไม่มีความทะเยอทะยาน ทุ่มเท ไม่มีความเอาใจใส่ ทำแต่งาน ไม่แปลกหรอกที่จะโดนบอกเลิก
ไม่ต้องถามหาเหตุผล ไม่ต้องขอสาเหตุให้เสียเวลา ผมรู้ทั้งหมดอยู่แล้ว ทำไมชีวิตนี้ถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้กันนะ? จากลูกมหาเศรษฐี กลายเป็นคนจน เงินเดือนไม่พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน วันๆ กินแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปราคาประหยัด
“สรรพสิ่งในชีวิตล้วนไม่เที่ยง ใครจะคาดคิด มหาเศรษฐีพันล้าน ชีวิตตอนนี้สุดเลวร้าย ลูกชายของเขาไม่มีอะไรดี ไม่มีความสามารถมากพอช่วยฟื้นฟูตระกูลกลับมา น่าอับอายจริงๆ”
ผมเดินกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ ถ้าตายคงดี ทว่าไม่ตายน่าจะดีกว่า ผมยังมีพ่ออยู่ ยังมีสิ่งสำคัญอื่นๆ อยู่ ฆ่าตัวตายเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อผมหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง
ใช้เวลาไม่นาน ผมก็เดินมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านที่สภาพดูดีมาก นี่เป็นสิ่งลํ้าค่าอย่างสุดท้ายที่ครอบครัวผมเหลือ อีกไม่นาน มันน่าจะโดนยึด
“กลับมาแล้วครับพ่อ”
เปิดประตูเข้าไปภายในบ้าน สายตาผมเห็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตทันที พ่อของผม ถึงจะล้มละลาย ต่อให้จะทำธุรกิจพลาด แม้จะไม่มีเงินทองหลงเหลือ ไม่นับผม ชายคนนี้ก็คือผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต
แม่งั้นเหรอ? ผู้หญิงคนนั้น หลังจากพ่อสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป เธอก็หนีหายเลย ได้ยินว่าตอนนี้ไปแต่งงานกับมหาเศรษฐีคนอื่นแล้ว ก็ไม่เห็นจะสวยสักเท่าไหร่ ทำไมชอบกัน?
“ไปอาบนํ้าก่อนไป คงจะเหนื่อยแย่ พอต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ลูกมีสภาพเป็นแบบนี้”
ผมมองเข้าไปด้านในดวงตาทั้งสองของชายวัยกลางคน จู่ๆ ก็รู้สึกนํ้าตากำลังจะไหลออกมา โดยปกติ ผมไม่เคยร้องไห้เลย ไม่ว่าจะเผชิญความสิ้นหวังเพียงใดก็ตาม แต่ยามนี้ คล้ายมันเกินที่จะรับได้แล้ว ยิ่งได้ใจยินคำพูดของพ่ออีก สิ่งที่เก็บซ่อนอยู่ภายในก็ใกล้ระเบิดออก
“อย่าใส่ใจเลยครับ เรื่องมันเกิดไปแล้ว ผมไม่ได้คิดว่าพ่อเป็นคนผิดหรอกนะ สถานการณ์ปัจจุบัน ที่เป็นแบบนี้ นั่นเพราะผมไร้ความสามารถ ไม่สมกับเป็นลูกพ่อเอง”
เดินเข้าไปกอดชายวัยกลางคนอย่างอ่อนโยน หัวใจรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่อยู่ใกล้ๆ ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
“ผมขอไปอาบนํ้าก่อนนะครับ สภาพตอนนี้กอดนานเกินไปคงไม่ดี”
เพื่อไม่ให้สิ่งที่อยู่ในจิตใจระเบิดออกสู่ภายนอก ผมเร่งรีบขอตัวไปออกห่างจากพ่อ ขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ถอดชุด เสื้อผ้า ล้มตัวลงนอนที่เตียงนุ่มๆ เตียงคุณภาพดี ทว่าไม่รู้สึกสบายตัวสักนิด
ผมนอนอยู่สักพัก ก่อนตัดสินใจไปอาบนํ้า มองกระจก ตัวผมค่อนข้างหล่อเลยทีเดียว เสียดาย ดูโทรมไปหน่อย ไม่รู้ว่าถ้าขายตัวจะได้ประมาณเท่าไหร่
“ฉันจะไม่ทำเด็ดขาด จนกว่าจะไม่มีหนทางแล้วจริงๆ”
ไม่อยากคิดสถานการณ์ตอนที่พอเรื่อง หากผมไปทำงานอย่างงั้นจริงๆ
“ไตหนึ่งข้าง สมมุติว่าขาย เงินที่ได้น่าจะพอช่วยอยู่รอด หรือไม่ก็ช่วยหาเงินเพิ่มได้ล่ะนะ”
พรุ่งนี้จะหยุดงานไปขายไตดีรึเปล่านะ? หรือควรรอสิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ ฝันไป มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริงหรอก
ขายไต บางที ถ้าผมมีความสามารถมากพอ การเพิ่มจำนวนเงินจากการขายก็คงทำได้ ผิดกฎหมายก็ช่าง ใครสนกัน? ไม่เห็นสนใจสักนิด อยู่แบบนี้ไปก็ตาย เวลาแบบนี้จะพึ่งพาใครได้? พ่อ? คงไม่ได้ การล้มละลายทำให้ส่งผลต่อจิตใจมาก แม่? ผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นผมอยู่ในสายตาแน่ สุดท้ายแล้ว คนที่พึ่งพาได้ที่สุดก็คือตัวผม
/
/
/
/
อาบนํ้าเสร็จเรียบร้อย ผมเดินลงไปทำบะหมี่กึ่งสำเร็จให้ตัวผมและพ่อกิน พวกเราจนมาก กินนอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปราคาประหยัดแล้วไม่ได้ เงินจะไม่พอในวันถัดๆ ไป วันเงินเดือนออก ยังเหลืออีกสาม
“พ่อครับ ถ้าผมไม่อยู่แล้ว พ่อสัญญาได้มั้ยว่าจะดูแลตัวเองอย่างดี? จะใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดในโลก”
ผมพูดถามกะทันหัน ทำเอาพ่อรู้สึกตกใจ ขอโทษครับ แต่ผมจำเป็นต้องพูดอย่างงั้นจริงๆ
“ทำไมลูกถามแบบนั้นล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับลูก? ลูกอย่าจากพ่อไปนะ ถ้าลูกจากไป พ่อก็ไม่รู้จะอยู่บนโลกใบนี้ต่อทำไมแล้ว”
“ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอกครับ แค่ถามเฉยๆ อย่ากังวลเลย ผมต้องการให้พ่อมีความสุขนะ พ่อน่ะ ต่อให้ไม่มีผม พ่อจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน สัญญากับผมสิ ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม พ่อจะต้องมีความสุข และมีความสุขยิ่งขึ้น มีความสุขที่สุดในโลกอันโหดร้ายแห่งนี้!”
ผมพูดโดยใช้นํ้าเสียงจริงจัง ในจักรวาล ความเป็นไปได้มีนับล้านล้าน กรณีเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นกับผม พ่อจะต้องไม่ได้รับผลต่อจิตใจมากไปกว่าเดิม ตัวผมต้องทำให้แน่ใจว่าเขามีความสุข ถึงผมจะถึงผมจะไม่อยู่ก็ตาม
าทาง นํ้าเสียงของผม พ่อก็ไม่สามารถตอบปฎิเสธได้ เขาพยักหน้าเบาๆ เหมือนไม่อยากพยักหน้า
“สัญญาแล้วนะครับ ทุกครั้งที่รู้สึกเศร้า หรือไม่สบายใจ ให้นึกถึงคำพูดเมื่อกี้ของผมนะ”
ผมยิ้มให้อย่างมีความสุข นี่ไม่ใช่การเสแสร้ง ไม่ได้เป็นรอยยิ้มจอมปลอม เป็นรอยยิ้มที่แท้จริง รอยยิ้มที่มีความสุขจากก้นบึ้งของจิตใจ
“กินต่อเถอะครับ แล้วก็รีบนอนนะ ช่วงนี้อากาศเย็น เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ผมเป็นห่วง”
/
/
/
/
“จะต้องทำให้ไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น พรุ่งนี้ ฉันจำเป็นต้องระวังตัวให้”
ผมพูดอยู่คนเดียวขณะมองเพดาน ยกแขนขึ้นกำหมัดแน่น สายตาตอนนี้คงเต็มไปด้วยความแน่วแน่
หลับดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปตอนเช้า ผมควรพักผ่อนให้เพียงพอ
หวังว่าจะได้ราคาไม่แย่นะ ไตหนึ่งข้างของผม…
อาจเพราะจิตใจเหนื่อยล้าสะสม แถมร่างกายยังทำงานหนักเป็นเวลานาน ผมจึงหลับไปในไม่กี่วินาทีหลังปิดเปลือกตา