โชคชะตาที่ล่วงหล่น - ตอนที่ 9 ปาร์ตี้ที่ร้านอาหาร
ไป๋หล่านอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“เฮ้อา … ฉันทำได้แค่แสดงความเห็นใจเท่านั้น … ตามเงื่อนไขของเธอ … พวกคนแก่ก็เป็นแบบนี้แหละไม่ต้องคิดมาก … “
หลังจากคุยได้สักพัก ไป๋หล่านก็วางสาย
“ประธานคุยกับใครเหรอ?” เด็กชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามพร้อมกับยิ้ม
“ลูกพี่ลูกน้องของฉัน” ไป๋หล่านเปิดขวดเครื่องดื่มและดื่ม
“ลูกพี่ลูกน้องของคุณใช่คนสวยๆที่ขับฟอร์ดสีขาวมาหาคุณวันนี้หรือเปล่า คนที่ดูเจ้าอารมณ์คนนั้น?”
“ใช่”
“มีอะไรเหรอ?” เด็กชายถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
ไป๋หล่านเหลือบมองเขาราวกับว่าจะบอกว่านายทำตัวเหมือนผู้หญิงเลย แต่เธอก็ตอบแค่ว่า “ไม่มีอะไรมากหรอก ทางตระกูลหวังว่าเธอจะมีใครสักคนสักที แต่เธอชอบการอยู่เป็นโสดมากกว่า ลุงกับป้าเริ่มคะยั้นคะยอให้เธอพาแฟนมาพบอีกแล้ว เธอเลยโทรมาบ่นให้ฟัง แต่ฉันก็ทำได้แค่ปลอบใจเท่านั้น”
“เฮ้จริงเหรอ? งั้นก็แนะนำผมให้ลูกพี่ลูกน้องของคุณได้รู้จักสิ” เด็กหนุ่มพูด
“นายเนี่ยนะ?”
ไป๋หล่านตะคอก “ลูกพี่ลูกน้องของฉันฐานะดีมาก และมีมาตรฐานสูงไม่เหมือนนายพ่อของนายเป็นแค่ผู้จัดการบริษัทเท่านั้น น้องสาวของฉันไม่มีทางชอบนายแน่ๆ”
“โอ้ หากลูกพี่ลูกน้องของประธานมีมาตรฐานที่สูงแบบนี้ ในอนาคตคงจะได้พบเจอแต่กับคนที่เหมือนลู่หยวนเท่านั้น” เด็กหนุ่มพูดอย่างมีความสุข
“นี่นาย! อยากตายเหรอ?”
ไป๋หล่านเลิกคิ้ว เด็กชายจึงวิ่งหนีไปด้วยความตกใจ
ไป๋หล่านพูดขึ้นขณะที่มองไปที่ลู่หยวน
“ลูกพี่ลูกน้องของฉันยอมตายดีกว่าที่ต้องคบกับคนยากจนแบบนี้” ไป๋หล่านส่ายหัวและยืดเอวของเธอ “มันน่าเบื่อมากเลยเฟิงหลิง เราหาที่ไปกันเถอะ”
หลังจากพูดจบ เฟิงหลิงก็ยังไม่ทันได้ตอบ
Audi A4 สีดำขับมาจากหัวมุมอย่างรวดเร็วและหยุดอยู่ที่ทางเข้าสนามเทนนิส
เด็กชายในเสื้อเชิ้ตลายทางลงจากรถเขาสวมแว่นกันแดดและกางเกงขายาวสีชมพูท่าทางอารณ์ไม่ค่อยดี
“ซุนเจียง ซื้อรถคันใหม่เหรอ!”
ไป๋หล่านรีบวิ่งไปที่รถคันนั้นทันที
คนในชมรมเทนนิสคนอื่นๆก็มารวมตัวกัน
“ประธานซุนคู่ควรกับการเป็นชายหนุ่มที่ร่ำรวยที่สุดในรมชมเทนนิสของเรา แถมรถที่เขาขับยังเป็นยี่ห้อ Audi ที่มีราคาแพงมากอีกด้วย”
“รถคันนี้ราคาตั้งหลายแสนหยวน!” หญิงสาวกล่าวด้วยความชื่นชม
“ก็จริงที่รถคันนี้มีราคามากกว่า 300,000 หยวน ฉันเพิ่งได้ใบขับขี่มาและฉันซื้อมาแค่เอาไว้ซ้อมมือเท่านั้นแรงมันค่อนข้างลื่นน่ะ” ซุนเจียงพูดพร้อมกับเสยผม
แน่นอนว่ามันการกระตุ้นคำชมจากทุกคน
“เขาเป็นใครกัน?” มีเพียงแค่เฟิงหลิงและลู่หยวนเท่านั้นที่ไม่ได้เข้าไปล้อมลอบเขา พวกเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม
เมื่อเห็นว่าประธานซุนเป็นที่นิยมมากเฟิงหลิงจึงถาม
“เขาชื่อซุนเจียงเป็นรองประธาน มีฐานะค่อนข้างร่ำรวย” ลู่หยวนพูด
ลู่หยวนรู้โดยทันทีว่าซุนเจียงนั้นมีฐานะค่อนข้างร่ำรวย เพราะการจะขับ Audi A4 ในฐานะนักศึกษานั้นต้องอยู่ในตระกูลที่ไม่ธรรมดา
“ฉันรู้สึกเบื่อมาก ซุนเจียงไปขับรถเล่นกับพวกเราหน่อยสิ!” ไป๋หล่านพูดพร้อมกับขยิบตา
“ได้เลย”
เข้าทาง! ซุนเจียงขับรถคันนี้มาก็เพื่อเหตุนี้
ซุนเจียงแอบชอบไป๋หล่านมานานแล้ว
แต่เขาก็รู้ดีว่าถึงไป๋หล่านจะชอบคนรวยแต่เธอก็มีมาตรฐานค่อนข้างสูง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะเปิดใจให้เขา
ดังนั้นเข้าจึงเข้าร่วมชมรมเทนนิส
เขาพยายามเข้าหาไป๋หล่าน และได้รับตำแหน่งรองประธาน ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับไป๋หล่านมากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นไป๋หล่านก็ไม่เคยมองมาที่เขาเลย
ดังนั้นในครั้งนี้ซุนเจียงจึงยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อรถออดี้คันนี้ เพียงเพื่อให้ไป๋หล่านหันมาสนใจเขาบ้าง
“เฟิงหลิง เราไปนั่งรถเล่นกันเถอะ!”
ไป๋หล่านกวักมือเรียกเฟิงหลิงด้วยความตื่นเต้น
“ว่าแต่พวกเราจะไปขับรถเล่นที่ไหนกันดีล่ะประธาน?” หวังต้าหลี่ถาม
อันที่จริงสมาชิกชมรมเทนนิสล้วนชอบไป๋หล่าน แต่พวกเขาก็รู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซุนเจียง แต่ถึงแม้ว่าจะทำให้ไป๋หล่านชอบไม่ได้ แต่ก็ไม่เลวที่จะได้เล่นเทนนิสด้วยกัน
ยิ่งไปกว่านั้นไป๋หล่านยังพาสาวสวยอย่างเฟิงหลิงมาด้วยในวันนี้
“ไม่ดีกว่าตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เป็นโอกาศดีที่ชมรมเทนนิสของพวกเราจะไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านเว่ยปั๋วเจี่ย ครั้งนี้ให้พวกหนุ่มๆเลี้ยงละกันนะ!”
“ตกลง!” หวังต้าหลี่ตะโกนอย่างตื่นเต้น
สมาชิกคนอื่นๆก็ตะโกนว่าโอเค คนพวกนั้นไม่ได้ร่ำรวยเหมือนกับซุนเจียง แต่การที่จะเป็นเจ้ามืออาหารเย็นที่ร้านเว่ยปั๋วเจี่ยก็ไม่ได้เกินความสามารถพวกเขา
“ชวนลู่หยวนไปด้วยสิ!” เฟิงหลิงเหลือบมองไปที่ลู่หยวนเขาเหงาดูอ้างว้างมาก
“เอิ่ม” ไป๋หล่านส่ายหัว “เขาไม่มีปัญญาจ่ายค่าอาหารหรอก!”
“ผู้ชายคนนั้นมาจากคณะบริหารก็จริง แต่ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของเขายากจนมาก ฉันเคยกินข้าวนอกบ้านครั้งนึง และพบว่าเขาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร”
“เขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเรา ไม่ต้องชวนมาหรอกอายคนอื่นเปล่าๆ!”
“ใช่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไม่มีใครรับบอล เราไล่เขาออกจากชมรมเทนนิสไปนานแล้ว”
แม้แต่ไป๋หล่านก็ยังดูถูกลู่หยวน และทุกคนก็เริ่มหันไปมองลู่หยวนที่นั่งอยู่ไม่ไกล
เฟิงหลิงเห็นว่าทุกคนพูดเช่นนั้นเธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ ท้ายที่สุดเธอก็เป็นแค่คนนอกไม่ใช่สมาชิกชมรมเทนนิส
“ถ้าอย่างนั้นลู่หยวนนายทำความสะอาดสนามเทนนิส แล้วจัดการเก็บลูกเทนนิสให้เป็นระเบียบเอาไปไว้ที่ห้องเก็บของชมรมเทนนิสของเรา เข้าใจนะ!” ไป๋หล่านตะโกนบอกลู่หยวนและจากนั้นก็ขึ้นรถ
ลู่หยวนได้รับข้อความทางโทรศัพท์มือถือทันทีที่เขาเก็บกวาดสนามเสร็จ
“นายน้อยสาม งานที่สั่งเรียบร้อยแล้วนะครับ!” ข้อความนี้มาจากเหล่าเซี้ยง
ลู่หยวนพยักหน้าประสิทธิภาพของตระกูลยังโอเคใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงในการทำงานให้ลุล่วง
หลังจากนั้นไม่กี่นาที
ลู่หยวนได้รับโทรศัพท์จากเฉินเฟิงอีกครั้ง
“ลู่หยวนมาที่นี่เร็ว จิ่วเอ๋อร์กำลังจัดปาร์ตี้!” น้ำเสียงของเฉินเฟิงตื่นเต้นมากมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อเช้า
“ลู่หยวนเจอกันที่ร้านไป่เชิ่งหยวนนะ!”
“พี่ลู่พวกเรารออยู่ รีบมานะ”
ซงชุนและเตียวฮุยก็ตะโกนอยู่ข้างๆ
“ทำไมถึงมีปาร์ตี้” ลู่หยวนรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังต้องแกล้งทำเหมือนไม่รู้
แม้ว่าเขาจะช่วยฉินจิ่วเอ๋อร์ในครั้งนี้ แต่ลู่หยวนไม่ได้ต้องการจะให้เธอรู้
ที่เธอพูดวันนั้นก็ถูกทุกอย่าง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเขา ถ้าวันนั้นเขาไม่ไปที่บาร์ต้งหลีเรื่องเลวร้ายนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
“เรื่องของครอบครัวจิ่วเอ๋อร์ได้รับการแก้ไขแล้วสถานการณ์บริษัทกลับมาเป็นปกติ ตอนนี้เชิ่งถังกรุ๊ปไม่เพียงแต่ชดเชยค่าเสียหายให้ทั้งหมด แต่ยังมาขอโทษอีกด้วย”
เฉินเฟิงกล่าวว่า “ตอนนี้จิ่วเอ๋อร์ดีใจมากเธอจึงจัดปาร์ตี้ที่ร้านไป่เชิ่งหยวน นายรีบมาที่นี่เร็วเข้า!”
“ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่ไปหรอก”
ลู่หยวนกล่าว
ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไป หลังจากที่เขาแก้ปัญหานี้แล้วก็ไม่มีอะไรติดค้างกับฉินจิ่วเอ๋อร์อีกต่อไป
“น้องลู่ นายกำลังทำอะไรอยู่รีบมาเถอะจางฮุยและซงชุนก็อยู่ที่นี่ มาสนุกด้วยกันดีกว่า” เฉินเฟิงพยายามชักชวนเขาสักพัก
ในสายจางฮุยและซงชุนก็พูดชักชวนเขา
“โอเคๆ เดี๋ยวฉันไป”
ลู่หยวนครุ่นคิดสักพักและบอกกับตัวเองว่ายังไงนี่ก็เป็นเครดิตของเขาเอง ถ้าจะไปฉลองด้วยก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก
ที่ห้องอาหารไป่เชิ่งหยวนชั้นสาม
เมื่อลู่หยวนมาถึงมีคนอยู่ที่โต๊ะค่อนข้างเยอะแล้ว
ที่โต๊ะมีเฉินเฟิงและพวกเพื่อนของเขา เหอหมิน ฉินจิ่วเอ๋อร์ และเด็กผู้หญิงอีกห้าคนในที่อยู่ในหอพักเดียวกับพวกเธอ ในนี้มีเด็กชายและเด็กหญิงสองสามคนที่ลู่หยวนไม่รู้จักน่าจะเป็นเพื่อนของฉินจิ่วเอ๋อร์
ฉินจิ่วเอ๋อร์มีความสุขมากในตอนนี้
“พวกเธออยากกินอะไร สั่งได้ทุกเมนูที่ต้องการเลยนะ!” เธอผายมืออย่างภาคภูมิใจและยื่นเมนูให้ทุกคน
เมื่อฉินจิ่วเอ๋อร์หันมาเห็นลู่หยวน ใบหน้าก็เปลี่ยนไปจากตอนแรกทันที เธอดูไม่สบอารมณ์
ตอนนี้ฉินจิ่วเอ๋อร์มีริมฝีปากสีแดงและใบหน้าเนียนขาวเธอยิ้มอยู่ในชุดเดรสสั้นสีชมพู
“เฮ้ก็นายอยู่ที่นี่ด้วย นายมาที่นี่เพื่อกินฟรีอีกครั้งเหรอ?”
เพียงแค่เห็นหน้าลู่หยวน เธอก็ดูถูกเขาเหมือนอย่างเคย
เหอหมินรีบดึงฉินจิ่วเอ๋อร์
็
“อ้อลืมไป! ตอนนี้ฉันกำลังมีความสุข วันนี้นายจะกินมันเท่าไหร่ก็ได้นะ” ฉินจิ่วเอ๋อพูดจบและไม่สนใจลู่หยวน
“จิ่วเอ๋อร์ คนนี้ใครน่ะ?”
เพื่อนของฉินจิ่วเอ๋อร์ที่ไม่รู้จักลู่หยวน ถามขึ้นเมื่อเห็นฉินจิ่วเอ๋อร์แสดงท่าทางไม่พอใจลู่หยวน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
ฉินจิ่วเอ๋อร์มองที่ลู่หยวนและหลังจากนั้น
เธอปิดปากและกระซิบสองสามคำกับเพื่อนของเธอ
หลังจากนั้นเพื่อนของเธอก็ตาเบิกกว้างท่าทางประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
ถึงไม่ได้ยินเขาก็รู้ว่าฉินจิ่วเอ๋อร์พูดอะไรกับพวกเธอ มันต้องเป็นเรื่องนั้นแน่ๆ
ลู่หยวนส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย ที่เขามาที่นี่ก็เพราะไม่อยากจะให้เฉินเฟิงและเหอหมินเสียน้ำใจ เพราะทั้งสองเป็นคนกลางถ้าเขาไม่มาทั้งเฉินเฟิงและเหอหมินก็จะโทษตัวเอง
พนักงานเริ่มทยอยเสิร์ฟอาหาร
ทุกคนกินอาหารและคุยเรื่องต่างๆในโรงเรียนและทางอินเทอร์เน็ต
จู่ๆก็มีเด็กสาวคนหนึ่งถามขึ้น
“นี่จิ่วเอ๋อร์เรื่องเชิ่งถังกรุ๊ปน่ะ ใครเป็นคนจัดการเรื่องนั้นให้กับครอบครัวเธอเหรอ? มันเยี่ยมมากที่หยูต้าหยงไปที่บ้านเธอด้วยตัวเองเพื่อขอโทษพ่อของเธอ และชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดให้กับบริษัท ฉันเพิ่งรู้ว่าตระกูลของเธอมีเส้นสายที่แน่นหนามาก” กู่นากล่าว
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนสนใจ
“ใช่จิ่วเอ๋อร์ ฉันไม่รู้ว่ามาก่อนเลยว่าตระกูลของเธอมีคอนเน็คชั่นที่กว้างขวางเช่นนี้!”
“จิ่วเอ๋อร์ พวกเราควรจะเรียกเธอว่ารุ่นที่สองที่ร่ำรวยแห่งตระกูลฉิน!”
“จิ่วเอ๋อร์บอกฉันที่ว่าใครช่วยครอบครัวของเธอจัดการเรื่องนี้”
ทุกคนต่างสงสัยกันมาก เพราะเชิ่งถังกรุ๊ปนั้นมีชื่อส่งในเมืองจินหลิงมาก เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่
ทุกคนคิดว่าที่เธอทำให้คนใหญ่คนโตในบริษัทเชิ่งถังนั้นขุ่นเคือง บริษัทจิ่วเจียงจะต้องแตกสายเป็นแน่!
ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แบบนั้น
“โอเคฉันจะโทรหาพ่อเพื่อถามเรื่องนี้”
ฉินจิ่วเอ๋อร์เป็นที่ต้องการของทุกคนและเธอก็ภูมิใจกับมันมากที่เป็นเช่นนั้น
ใช่แม้แต่บริษัทเชิ่งถังก็ไม่กล้ายุ่งกับครอบครัวของเธอ นี่มันสุดยอดมาก
“พ่อ จิ่วเอ๋อร์อยากรู้ว่าใครเป็นคนช่วยบริษัทของเรา?” ฉินจิ่วเอ๋อร์พูดกับโทรศัพท์
“พ่อก็ไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้” ฉินเฟินตอบอย่างไม่มีเบาะแสอะไรมากนัก
หลังจากที่ทำให้ตระกูลหยูขุ่นเคืองและถูกหยูต้าหยงคุกคาม ฉินเฟินรู้สึกสิ้นหวังอย่างมากในตอนนั้น บริษัทของเขาเป็นเพียงบริษัทเล็กๆที่จะต้องต่อสู้กับบริษัทเชิ่งถังซึ่งมันเป็นไปไม่ได้
ในตอนนั้นเขามีความคิดที่จะส่งลูกสาวออกไปจริงๆ
เขาขอร้องให้คุณปู่ช่วยหวังว่าจะมีเส้นสายที่มีเกียรติและเขาสามารถต่อรองกับหยูต้าหยงได้เพื่อที่เขาจะได้ใช้เงินแทนในการจัดการปัญหานี้
แต่หลังจากที่ทุกคนได้ยินว่าตระกูลของฉินเฟินนั้นทำให้หยูต้าหยงขุ่นเคือง คนพวกนั้นที่เขาขอให้ช่วยก็ส่ายหัวทันทีอย่างสั่นกลัว ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้
มีเพื่อนสองสามคนที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น แม้ว่าพวกเขาจะออกไปช่วยฉินเฟินไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จ
เมื่อเมื่อฉินเฟินหมดความหวัง ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด หยูต้าหยงมาขอโทษด้วยตัวเอง
ใครกันที่ช่วยครอบครัวของเขา?
ฉินเฟินยังสอบถามทุกวิถีทาง อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณผู้สูงศักดิ์ท่านนี้มาก
“อาพ่อไม่รู้ด้วยซ้ำเหรอ? ว่าใครเป็นคนช่วยเรา” ฉินจิ่วเอ๋อร์ตะลึง
“ใช่” แต่พ่อได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ยินมาว่ามีคนเห็นว่าผู้อำนวยการหวงแห่งสำนักงานจัดเก็บภาษีไปที่บริษัทเชิ่งถังกรุ๊ปเมื่อเช้านี้” ฉินเฟินกล่าว