โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง - ตอนที่ 156 ฟื้นแล้ว
อันหรันอยู่ดีๆก็ส่งเสียงออกมา นั้นทำให้คนที่อยู่ในห้องถึงกับตกใจ
แต่เมื่อได้ยินพึมพำขึ้นว่า “อันเฮา” สีหน้าของฮั่วเทียนหลันเครียดขึ้นมา
ผู้หญิงหลับไปไม่ยอมฟื้น คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะผู้ชายที่ชื่อ อันเฮา?
อันเฮาคนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะยังเป็นเด็ก และผู้หญิงคนนี้เมื่อได้เล่นกับเขาก็ยิ่งมีความสุข
ฮัวเส้าซู่ยังคงตกใจ และไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่ในตอนนั้นทันเหว่ย ก็กดปุ่มเรียกพยาบาล
ไม่นาน หมอก็รีบวิ่งเข้ามา
อันหรันรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังพลิกดูที่เปลือกตาและทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของเธอ
เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? ทำไม่ร่างกายของเธอดูเจ็บปวดขนาดนี้?
นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกชามากๆ ซึ่งนั้นทำให้อันหรันรู้สึกว่าร่างกายของเธอสูญเสียการควบคุม
เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา ดวงตามองเห็นคนที่ใส่ชุดขาว หน้าตาไม่คุ้นเคย และก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอมาก่อน
“คนไข้ฟื้นแล้ว คนไข้ฟื้นแล้ว!” อันหรันได้ยินเสียงที่มีความสุขเหล่านี้
เธอค่อยๆมองไปรอบๆอย่างช้าๆ และดูเหมือนว่าจะเข้าใจอะไรมากขึ้นเล็กน้อย เธอคือคนป่วย?
อันหรันตื่นขึ้นมาไม่นาน ร่างกายยังคงแข็งทื่อขยับไม่ได้ ค่อยๆกรอกตามองไปรอบๆ มองเห็นฮั่วเทียนหลันยืนอยู่ไม่ไกล
ฮั่วเทียนหลันก็มาด้วยหรอ?
อันหรันลืมเรื่องราวไปมากมาย หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ
แต่มีเพียงฮั่วเทียนหลัน สามีของเธอ คนที่ปฏิบัติตัวกับเธอไม่ค่อยดีคนนี้ เธอไม่เคยลืม
หมอมาตรวจดูอาการของอันหรันอย่างละเอียดอีกครั้งหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา เขาทำการนวดไปที่กล้ามเนื้อของเธอเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายคุ้นชิน และเมื่อไหร่ที่ร่างกายของเธอกลับเป็นปกติ ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้
ฮั่วเทียนหลันเดินมาที่อันหรัน มองใบหน้าที่สดใสของเธอ ตอนเขาอยากจะพูดคำพูดอ่อนโยนออกมา แต่จู่ๆก็เปลี่ยนใจและพูดออกมาว่า “ฟื้นขึ้นมาทำไม?”
เมื่ออันหรันได้ยินเสียงที่เย็นชาของเขา ก็รู้สึกปวดใจ
นี่คือสามีของเธอ เป็นพ่อของลูกเธอ แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองยังคงไม่ดีมาโดยตลอด
“ฮั่วเทียนหลัน นี่คุณ….” อันหรันขมวดคิ้วและตะโกนออกมา
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดๆขัดๆ ฮั่วเทียนหลันก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปว่าอย่างไร
“เธอรู้ไหม เธอนอนไปกี่วันแล้ว?”
จากคำถามที่ฮั่วเทียนหลันถามมา อันหรันอยากจะส่ายหัวตอบไป แต่ว่าเธอยังไม่สามารถขยับหัวได้ ได้แต่กะพริบตาและตอบกลับไปว่า “ไม่รู้….”
ฮั่วเทียนหลันมองไปที่แววตาของอันหรัน เธอนอนหลับไปหลายวัน แต่พอตื่นขึ้นมาแววตากลับเศร้าหมอง
“หลังจากนี้เธอห้ามขับรถ ฉันจะหาคนขับรถให้ อยากจะไปไหนก็บอกก่อน จะได้ไม่ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ทุกคนในบ้านก็จะได้สบายใจด้วย…. ”
อ่า อันหรันพยักหน้าและก็พูดออกมาว่า “ฉัน…ฉันหิว…”
ฮั่วเทียนหลันตกใจ และคิดขึ้นได้ว่าอันหรันนอนหลับมาหลายวัน ร่างกายของเธอจะต้องการสารอาหารเป็นอย่างมากแน่ๆ
เขารีบเรียกให้คนนำโจ๊กมาให้ ทันเหว่ย ยืนมองอยู่ด้านข้าง เธอมองมาตั้งแต่แรก และเหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับฮั่วเทียนหลัน
ทันเหว่ย คิดในใจว่า จะมีใครทำกับภรรยาของตัวเองที่นอนป่วยหนักขนาดนี้ เหมือนกับแม่บ้าน
แต่ฮัวเส้าซู่ที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ ก็เอามือมาปิดปากเธอไว้
เมื่อฮั่วเทียนหลันพูดจบ ฮัวเส้าซู่ถึงปล่อยมือออก ทันเหว่ย ก้าวไปข้างหน้า มองเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของอันหรันและพูดว่า: “อันหรัน เธอยังจำฉันได้ไหม?”
อันหรันตั้งใจมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของเธอ คิด ส่ายหัวและพูดว่า “เธอคือ…?”
ฮั่วเทียนหลันที่ยืนอยู่ข้างๆพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เธอเพิ่งจะตื่น ยังพูดอะไรมากไม่ได้”
ทันเหว่ย ไม่ได้สนใจคำพูดนั้น และนั่งลงข้างๆอันหรัน กุมมือเธอ และก็บีบแขนเธอเบาๆพร้อมกับพูดว่า “ฉันคือทันเหว่ย ยังจำเพื่อนข้างโต๊ะเรียนของเธอคนนี้ได้ไหม? ลองนึกให้ดีๆสิ ฉันไม่ใช่ มู่เหว่ยนะ! ”
กลัวอันหรันนึกถึงคนไม่ดี ทันเหว่ย เลยรีบพูดออกมา
อันหรันมองเห็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เธอยิ้มเหมือนกับว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
แต่ว่าเธอนึกต่อไปก็รู้สึกปวดหัว พอหลังจากนั้นก็คิดอะไรไม่ออก
อันหรันต้องการขยับปา แต่กล้ามเนื้อของเธอไม่ฟัง “ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกัน ฉันคิดว่าฉันจะตายไปแล้วซะอีก!”
ทันเหว่ย ขมวดคิ้ว แล้วค่อยๆกดไปที่มือของอันหรันแล้วพูดว่า “พูดอะไรไร้สาระ? ไม่เป็นมงคล”
อันหรันยิ้มออกมา แต่เนื่องด้วยสามารถขยับปากเล็กน้อย จึงทำให้ดูน่าเกียจ
พอฟื้นขึ้นมาแล้ว ได้เห็นสามีของตัวเอง เพื่อนของตัวเอง แบบนี้ทำให้ชีวิตของเธอแลดูมีความหมายมากขึ้น
สำหรับผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆ ความรู้สึกของเขาเบาบางเกินไป ทำให้อันหรันไม่รู้สึกถึงตัวเขา
อันหรันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลครึ่งเดือน หลี่รูยาก็มาเยี่ยมเธอหลายครั้ง
ตอนนี้เธอสามารถลุกออกมาจากเตียงได้แล้ว ร่างกายก็ค่อยๆดีขึ้น
แต่ว่าแผลที่เกิดจากการกระแทกของศีรษะ ยังต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถรักษาให้หายได้
อันหรันยังโชคดี ในตอนที่เธอถูกชน เธอกำลังใส่เกียร์ถอยหลังอยู่ ภายใต้ระบบป้องกันและถุงลมนิรภัยที่แข็งแรง ทำให้ร่างกายของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย
เพียงไม่นาน หมอก็อนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาล
ในวันนั้น ฮัวเส้าซู่และหลี่รูยาเป็นคนพยุงเธอออกมา พอเดินมาถึงประตู
แต่เดิมเธอต้องนั่งรถเข็น แต่ว่าเธอต้องการกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ทำอะไรด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องรบกวนใคร
เมื่อออกมาถึงหน้าประตู ก็เห็นรถเรนจ์ โรเวอร์ที่จอดอยู่ตรงหน้า
กระจกรถค่อยๆเลื่อนลงมาอย่างช้าๆทำให้เห็นใบหน้าของฮั่วเทียนหลันที่กำลังขับรถอยู่ ฮั่วเทียนหลันเห็นอันหรันที่กำลังเดินมาเลยถามออกไปว่า “เดินด้วยตัวเองไม่ได้หรือไง!”
เขามักจะพูดจาอะไรแบบนี้ ตอนนี้อันหรันเริ่มที่จะชิน
หลี่รูยาขมวดคิ้วและมองไปที่ฮั่วเทียนหลันพร้อมกับพูดว่า “ไม่ต้องพูดมาก”
พวกเขาพยุงอันหรันขึ้นรถ เพื่อที่จะกลับมายังบ้านของพวกเขา
เพื่อให้อาการป่วยของอันหรันหายกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด หลี่รูยาจึงให้อันหรันอยู่ที่บ้านหลังนี้ และยังติดต่อกับป้าdingให้กลับมาดูแลเธอ
ฮั่วเทียนหลันทำความสะอาดห้องรับแขก และไม่อยากที่จะรบกวนการพักผ่อนของอันหรัน
และอันหรันรู้ดีว่า ฮั่วเทียนหลันไม่อยากให้เธอเห็นเขา
อยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร ได้แต่กินกับนอน แต่ว่าอยู่กับหลี่รูยาก็ยังมีเพื่อนคุยบ้าง ทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นกว่าเดิม
เธอเพิ่มเพื่อนกับทันเหว่ย ในวีแชท ทันเหว่ย จะส่งข้อความมาหาเธอประจำ ว่าดีขึ้นแล้วหรือยัง
หัวเสี่ยวน่าได้ออกไปอยู่ข้างนอกกับเกาฮั่นแล้ว เธอไม่ได้อยากไปจากที่นี่ แต่ก็ถูกหลี่รูยาบังคับให้ออกไป
เมื่อลูกสาวเติบโตแต่งงานแล้ว แต่กลับอยู่แต่บ้าน มันไม่ควรที่จะเป็นแบบนี้
รออันหรันหายกลับมาเป็นปกติ เธอจะให้ฮั่วเทียนหลันเตรียมรถให้เธอ เพื่อที่จะพาอันหรันไปที่สุสานของครอบครัวอันอีกสักรอบ
และเพื่อความปลอดภัย หลี่รูยาจึงสั่งให้มีรถติดตามเธอไปด้วยอีกสองคน ขับอยู่ด้านหน้าและด้านหลัง
เมื่อเกิดเหตุการณ์ครั้งที่แล้วขึ้น ที่สุสานก็ไม่มีใครคอยมาเฝ้าแล้ว ประตูอัตโนมัติที่เธอเคยขับรถชนก็ถูกเอาออกไปแล้ว เมื่อก่อนเคยมีประตูเหล็กบานใหญ่มาติดตั้งอยู่ แต่เหมือนว่าตอนนี้จะถูกทิ้งล้างไว้อย่างนี้
อันหรันให้เหล่าบอดี้การ์ดยืนรออยู่ด้านนอก แล้วเธอก็ค่อยๆเดินเข้าไปในสุสาน
หลุมที่เกิดจากการคุกเข่าของเธอครั้งที่แล้วยังคงอยู่ ร่อยรอยที่เป็นหลุมเป็นบ่อก็ทำให้อันหรันนึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นที่นี่
อยากตาย? เป็นไปไม่ได้
อันหรันนึกถึงเรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นได้ แต่เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็ดูแลมันไว้ให้ดี
ลูกสาวของเธอยังพึ่งพาตัวเองไม่ได้ ดังนั้นเธอจะยังตายไม่ได้
ที่เธอมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่ออยากจะมาถามพ่อแม่ของเธอว่าหาอันเฮาพบแล้วหรือยัง?
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านหาอันเฮาพบแล้วหรือยัง?” อันหรันนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าป้ายหลุมฝังศพ ที่วางของหวานที่แม่ของเธอชอบกินกับเหล้าที่พ่อของเธอชอบดื่ม
แท่งหินที่เยือกเย็น มีรูปภาพจางๆของพ่อแม่เธอติดอยู่
เธอคิดว่าควรจะนำรูปภาพมาเปลี่ยน เปลี่ยนรูปคู่ของพ่อแม่เธอและเอารูปที่มีอันเฮาอยู่เข้ามาติดแทน
รอถึงวันที่ตัวเธอเองต้องตาย ค่อยเปลี่ยนมาเป็นรูปของพวกเขาทั้งสี่คน
วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่มันไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการที่หัวใจของทั้งสี่คนอยู่ด้วยกัน
อันหรันนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าป้ายหลุมศพ จู่ๆก็เหมือนได้ยินเสียงออกมาจากประตูของสุสาน
หลังจากนั้นก็มีเสียงเดินเข้ามาจากด้านหลัง “คุณนาย มีคนของครอบครัวอันมาพบ บอกว่าต้องการมาเคารพศพ ”
เธอตอบรับและตอบกลับไปว่า “เขาคือใคร?”
ผู้พูดขมวดคิ้ว ราวกับว่ากำลังนึกอะไรบางอย่างและพูดออกมาว่า “อันหงไชและภรรยาของเขา พวกเขายังพาคนมาอีกสองสามคน”
“ให้อันหงไชเข้ามาก่อน” อันหรันสั่งออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน อันหรันก็หันกลับมาได้ยินเสียงเท้าที่เร่งรีบ พร้อมตะโกนออกมาด้วยความโมโหว่า “อันหรัน เธอหมายความว่าไง? นี่มันเป็นสุสานของครอบครัวอันนะ!”
อันหรันลุกขึ้น หันกลับไปมองที่อันหงไช และตอบกลับไปเบาๆว่า “อุบัติเหตุครั้งที่แล้ว คุณเป็นคนบงการใช่ไหม?”
อันหงไชถึงกับตะลึง อุบัติเหตุ? เขาเป็นคนบงการ?
หลังจากนั้นความโกรธในใจของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น อันหรันออกมากจากสุสานแล้วถูกรถชน สมองเขาต้องเลอะเลือนแค่ไหนถึงจะสั่งให้คนมาทำเรื่องแบบนี้
“ไร้สาระ! จะเป็นไปได้อย่างไง! วันนั้นฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอจะมาที่นี่” อันหงไชตอบกลับไปด้วยความโมโห
อันหรันสังเกตเห็นท่าทางที่มีพิรุธของเขา ในใจก็สงสัย ถ้าเขาไม่ใช่คนบงการเรื่องนี้ ก็คงไม่แสดงอาการออกมาชัดเจนขนาดนี้
“ฉันไม่สนใจว่าพวกคุณคือใคร เรื่องนี้กำลังถูกตรวจสอบอยู่ พวกคุณควรจะไปทำลายหลักฐานให้หมดซะ ถ้าเกิดถูกครอบครัวฮั่วตรวจสอบเจอขึ้นมา อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
อันหรันพูดอย่างลอยลอย จากนั้นก็เดินผ่านอันหงไชไป
อันหงไชมองร่างของอันหรันที่ไกลโพ้น เขารู้สึกว่าอันหรันเปลี่ยนไป แต่ว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้างนั้น เขาเองก็ไม่รู้
เหมือนกับว่าเธอเย็นชา และรู้จักโลกนี้มากขึ้น
เมื่ออันหรันเดินออกมาถึงที่ประตูของสุสาน ก็เห็นยี่เฉียวถงยืนโวยวายอยู่กับบอดี้การ์ด และตะโกนออกมาว่า “ฉันจะเข้าไป เข้ามา จะเอายังไงก็เข้ามา! ”
“อันหรันหละ? ยายผู้หญิงคนนั้น ให้มันออกมา จะหลบอยู่แต่อยู่ในสุสานหรือไง? ”
บอดี้การ์ดของครอบครัวฮั่วยืนอยู่เป็นแถว และกั้นไม่ให้เธอเข้าไปได้
ครอบครัวอันพวกคนพวกนี้มาด้วย อันหรันก็ยิ้มออกมาแบบเยาะเย้ย
มันน่าขำจริงๆ หมาเป็นยังไงเจ้าของหมาก็เป็นแบบนั้น
อันหงไชและยี่เฉียวถงเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาว ยี่เฉียวถงเดินขึ้นมาก่อนจึงไม่ถูกทำร้าย แต่ว่ากลุ่มคนที่เดินตามเธอมาข้างหลัง หากเดินเข้ามา แน่นอนว่าจะต้องเจ็บตัวเป็นแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แค่ยืนมองอยู่ไกลๆ
อันหรันเดินออกมาแล้วพูดว่า “ปล่อยหมาพวกนี้เข้าไปเถอะ ปะ พวกเราไปกันได้แล้ว”
หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น อันหรันก็คิดขึ้นได้ว่า
อันเฮาก็จากไปแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มี ต้องไปสนใจใครทำไม?
ทำลายหลุมฝังศพของพ่อแม่ฉัน? ทิ้งเถ้ากระดูกของพวกเขาลงน้ำ?
ถ้าหากครอบครัวอันกล้าทำแบบนั้น อันหรันจะทำให้เขารู้จักคำว่า เสียใจ ว่ามันเป็นอย่างไร