แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 449 : ผูกคอจบชีวิตตัวเอง
ตอนทีองค์หญิงเล็กใช้ให้คนมาหานางเพือให้ไปตรวจอาการของคุณหนูทีอาการ กําเริบคนนั้น เดิมทีนางจะไปแล้ว แต่พระนางเจียฮุ่ยฟื้ นขึ้นมาพอดี พระนางเจีย ฮุ่ยเป็ นเจ้าของบ้าน แน่นอนว่าความสําคัญของคุณหนูคนนั้นต้องถูกจัดอยู่หลัง พระนางเจียฮุ่ย ตอนนั้นนางก็แนะนําไปแล้วว่าควรให้หมอในจวนไปตรวจอาการ ก่อน แต่คุณหนูคนนั้นก็ยังคงไม่ยอมและชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนทีมาตรวจ อาการจะต้องเป็ นหมอเทวดาเจียงเท่านั้น
แต่ใครจะไปคิดว่าพอเสร็จธุระจากเรืองของพระนางเจียฮุ่ยแล้ว ตอนทีนางกําลัง จะไปตรวจอาการให้กับคุณหนูคนนั้น กลับได้ยินว่าคุณหนูคนนั้นไม่เป็ นอะไร และกลับจวนไปแล้ว
ตอนนั้นเจียงป่ าวชิงจึงไม่ได้เก็บเรืองนี้มาใส่ใจอีก
นีถ้าไม่ได้ยินเรืองซุบซิบนินทาในวันนี้ทีทําให้ย้อนคิดกลับไปถึงความทรงจําจาง ๆ ในใจของนาง นางก็เกือบลืมเรืองนี้ไปโดยสิ้นเชิง
เจียงป่ าวชิงจะไปคาดคิดได้อย่างไรว่าหลังจากทีฟังเรืองซุบซิบนินทาเรืองสุดท้าย เสร็จ มันจะเกียวข้องโยงมาถึงตัวเองเช่นนี้ แต่ถึงยังไง เรืองอย่างเรืองซุบซิบ นินทาก็อาจถูกพูดออกไปในทางเท็จก็ได้ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอืน อย่างน้อยคําว่า “รักษาไม่ได้” อะไรนัน นางไม่ เคยพูดแน่ ๆ
ตอนนั้นนางไม่เคยเห็นหน้าคุณหนูคนนั้นด้วยซํ้า เป็ นไปได้ยังไงทีนางจะพูดคํา ว่า “รักษาไม่ได้” ออกไปแบบนั้น
ดูเหมือนว่าธาตุแท้ของคนทีจงใจเผยแพร่เรืองซุบซิบนินทานี้จะน่าเป็ นห่วง พอสมควร
อารมณ์ของเจียงป่ าวชิงค่อนข้างแปลกเล็กน้อย ตอนทีนางกําลังจะไป ลู่เหมยก็ เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้อีกครั้ง จู่ ๆ นางก็พูดขึ้น “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ยังมีผล สุดท้ายอีกอย่าง แม่นางเจียงต้องการรับฟังไหมเจ้าคะ ?”
การฟังเรืองซุบซิบนินทาต้องมีจุดเริมต้นและจุดจบ แม้เรืองซุบซิบนินทาขาด ความสมจริงไปมาก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องปิ ดม่านให้กับมัน
เจียงป่ าวชิงหมุนตัวกลับไปก็ได้ยินลู่เหมยถอนหายใจ “จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรือง ดีอะไรนะเจ้าคะ ถือได้ว่าเป็ นผลสุดท้ายทีค่อนข้างน่าเวทนาด้วยซํ้า คุณหนูคนนั้น เหมือนจะผูกคอจบชีวิตตัวเองเมือวันก่อนแล้วเจ้าค่ะ”
ห้องทีมีเสียงคุยกันดูเหมือนจะเงียบไปในทันใด
แต่หลังจากทีเงียบกันอยู่อยู่ครู่หนึง สาวใช้เหล่านี้ต่างก็ไม่รู้จักคุณหนูคนนั้น และ ไม่รู้ด้วยซํ้าว่านางชือแซ่อะไร เป็ นธรรมดาทีพวกนางจะไม่เกิดความเห็นอกเห็น ใจ เพียงแค่พากันทอดถอนใจและพูดว่า “น่าสงสารจริง ๆ”
ทว่าลู่เหมยกับบางคนเริมพูดเรืองซุบซิบนินทาเรืองอืนกันอย่างสนใจใคร่รู้อีกครั้ง เจียงป่ าวชิงยืนอยู่ตรงนั้น นางรู้สึกหนักหน่วงในใจแปลก ๆ เล็กน้อย
ความทรงจําของนางดีมาก นางพยายามนึกย้อนกลับไปว่าแม่นางคนนั้นมีหน้าตา อย่างไร แต่ในขณะนั้นนางจําได้แค่คนเดียวคือแม่นางชิวเอ้อผู้เย่อหยิงทีอยู่ ในคน กลุ่มนั้น และยังมีกงหย่าหรูทีเคยกินแหนงแคลงใจกันตั้งแต่เนิน ๆ อีกคน แต่ไม่ รู้จักแม้แต่ชือของคนอืนด้วยซํ้า เช่นนี้จะนับถูกได้อย่างไร
แต่ในภาพความประทับใจของนาง ในบรรดาคุณหนูทีสวยงามทั้งหลาย คล้ายกับ ว่ามีแม่นางตัวเล็ก ๆ ทีสีหน้าค่อนข้างอ่อนล้ายืนอยู่ตรงมุม แม่นางคนนั้นดูไม่ เหมือนเป็ นโรคอะไรร้ายแรง ก็แค่ดูร่างกายอ่อนแอเท่านั้นเอง
นางจําได้แค่ว่ามีสาวใช้มาบอกว่าคุณหนูของตระกูลขุนนางฝ่ ายพิธีการรู้สึกไม่ สบายตัวเล็กน้อย
เจียงป่ าวชิงพยายามนึกย้อนกลับไป ความทรงจําทีฝังลึกอยู่ในหัวของนางนําคนที ผูกคอจบชีวิตตัวเองคนนั้นปะติดปะต่อกันกับคุณหนูตัวเล็ก ๆ ทียืนอยู่ตรงมุมคน นั้น …ดูเหมือนว่าความรู้สึกส่วนลึกของนางกําลังบอกว่าเป็ นแม่นางตัวเล็กคนนั้น
เจียงป่ าวชิงถอนหายใจและไม่รู้ว่าเหตุใดอารมณ์ของตัวเองถึงต้องหนักหน่วง ขนาดนี้ อาจเป็ นเพราะในข่าวลือทีเชือไม่ได้นี้เกียวข้องไปถึงตัวนางเองด้วย กระมัง
เจียงป่ าวชิงส่ายศีรษะอยู่คนเดียวและจากไปอย่างไร้อารมณ์ นางตั้งใจจะกลับห้อง ของตัวเอง
…
เจียงฉิงถือกระดาษทีเขียนตัวอักษรใหญ่สองสามแผ่นยืนอยู่ตรงหน้าห้องของนาง เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาคล้ายกับว่ากําลังรอพีสาวอยู่อย่างนั้น เมือได้ยินเสียง เดินมา เจียงฉิงก็เดินเข้าไปหาพีสาวอย่างร่าเริง “พีสาว ข้าเขียนตัวอักษรของวันนี้ เสร็จแล้ว พีช่วยดูให้หน่อยว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องหรือเปล่า ข้าจะ…” นางยังพูด ไม่ทันจบก็เห็นว่าแม้เจียงป่ าวชิงจะมีรอยยิมจาง ๆ ตรงมุมปาก แต่ ้ เหมือนหว่างคิ้ว ของอีกฝ่ ายขมวด ๆ ดูเหมือนคนไม่มีความสุข
เจียงฉิงจึงหยุดพูดอย่างฉลาด นํ้าเสียงของนางก็เปลียนจากร่าเริงเป็ นระมัดระวัง ก่อนจะถามเสียงเบา “พีสาว มีคนในบ้านทําให้พีไม่พอใจหรือเปล่าจ๊ะ ?”
นางรู้เรืองปี้ หยุนแล้ว เดิมทีนางอยากไปเหน็บปี้ หยุนสักหน่อยแต่เจียงป่ าวชิงห้าม นางไว้แล้วบอกว่านีเป็ นเรืองเล็กและมันไม่เป็ นไร ถ้าหากว่าเกิดความขัดแย้งกับ ปี้ หยุนเพราะเรืองเล็กน้อย เมือถึงตอนนั้นสิงทีจะได้รับคือเสียไมตรีจิตระหว่างผู้ เฒ่าหยุนไห่กับเจียงหยุนชานผู้เป็ นพีชาย
ตอนนี้เจียงฉิงจึงคิดว่าปี้ หยุนก่อเรืองอะไรอีก
เจียงป่ าวชิงส่ายหน้า “ไม่ใช่นางหรอก ไม่มีอะไร ข้าแค่มีเรืองคิดไม่ตกก็เท่านั้น อีกเดี0ยวก็คงค่อย ๆ ดีขึ้น” เจียงป่ าวชิงพยายามทําให้ตัวเองดูมีความสุข “มา อาฉิง ข้าจะตรวจตัวอักษรของเจ้า ครั้งทีแล้วครูเวินยังชมเกียวกับเรืองตัวอักษร ของเจ้าด้วย นางบอกว่าลายเส้นเจ้าหนักแน่น ถือว่าเขียนได้ดีกว่าเจ้าตัวแสบชุน หยู่มาก”
เจียงฉิงเองก็พยายามทําให้ตัวเองดูเหมือนเชือในคําพูดของเจียงป่ าวชิงเช่นกัน เด็กหญิงพูดขึ้นอย่างร่าเริง “พีสาวเคยสอนข้าเขียนตัวอักษรในตอนนั้น แน่นอน ว่าต้องมีรากฐานดีกว่าชุนหยู่ทีคิดแต่จะเรียนวิทยายุทธ์แน่นอนเลยจ้ะ”
เจียงป่ าวชิงเข้าไปในห้องกับเจียงฉิง มีหลิวเห็นทั้งสอง นางก็เดินถือนํ้าชาเข้ามา ในห้องอย่างรวดเร็วแล้วรินชาให้สองพีน้อง เสร็จแล้วก็ไปยืนรอรับใช้อยู่ด้านข้าง “แม่นางมีธุระอะไรก็สังข้าน้อยได้เลยเจ้าค่ะ”
เจียงป่ าวชิงพูดขึ้นยิม ๆ ้ “ทีนีจะมีธุระอะไรได้อีกล่ะ เจ้าไปดูแลสุนถาวเถอะ”
“สุนถาวไข้ลดแล้วเจ้าค่ะ” เมือพูดถึงสุนถาว มีหลิวก็รู้สึกขอบคุณเจียงป่ าวชิง อย่างยิง “การรับใช้แม่นางเป็ นหน้าทีของข้าน้อย ก่อนหน้านี้ทีแม่นางให้ข้าน้อย ไปดูแลสุนถาวนั้นเป็ นไมตรีจิต แต่ข้าน้อยก็ไม่สามารถลืมหน้าทีของตัวเองเจ้า ค่ะ”
เจียงป่ าวชิงหยุดชะงักแล้วมองมีหลิวเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ จากนั้นนาง พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นเจ้ารออยู่ตรงนี้สักครู่ เพราะข้ามีเรืองจะถามเจ้าหลังจากที ตรวจตัวอักษรให้เจียงฉิงเสร็จแล้ว”
มีหลิวดีใจทีตัวเองสามารถช่วยเจียงป่ าวชิงได้จึงพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นแล้ว หันกลับไปหยิบผ้าขี้ริ้ว เริมทําการเช็ดข้าวของทีจัดวางอยู่ภายในห้องอย่าง คล่องแคล่ว
ตัวอักษรของเจียงฉิงพัฒนาอย่างมากภายใต้การชี้แนะของครูเวิน ประกอบกับ เด็กหญิงขยันฝึ กฝนมาเป็ นเวลานาน ลําดับขีดแลดูมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง เจียงป่ าวชิงรู้สึกดีใจเมือได้มอง น้องสาวนางเขียนเก่งดีจริง ๆ จึงอดเอ่ยชมไม่ได้ “ตัวอักษรของเจ้าดีขึ้นเรือย ๆ เลย คนเก่งของพี”
เจียงฉิงเห็นว่าเจียงป่ าวชิงสบายใจแล้วจริง ๆ และดูเหมือนสบายใจเพราะ ตัวอักษรของนาง นางก็รู้สึกดีใจมาก “พีสาวคิดว่าดีจริง ๆ หรือจ๊ะ ?”
“ด้วยอายุของเจ้า นีถือว่าดีมากแล้ว” เจียงป่ าวชิงพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้ว พูดขึ้นยิม ๆ ้ “กลับไปข้าจะเอาตัวอักษรของเจ้าให้ชุนหยู่ดู ลายมือของเขาเหมือน เป็ นการทําลายพู่กันและหมึกซะมากกว่า”
สองพีน้องหัวเราะกันอย่างเฮฮา เจียงฉิงได้รับคําชม ตอนนี้นางจึงมีความมันใจขึ ้น มาก เด็กหญิงเก็บกระดาษนั้นด้วยสีหน้ายิมแย้ม ้ “พีสาว พีออกไปครึ งค่อนวัน และคงเหนือยแล้ว พีพักผ่อนสักครู่เถอะจ้ะ ข้าขอกลับห้องไปฝึกเขียนตัวอักษร ต่ออีกสักหน่อย”
เจียงป่ าวชิงจึงกําชับเจียงฉิงว่าอย่าโหมฝึ กหนักเกินไป เพราะนีกําลังเป็ นช่วงที ร่างกายเจริญเติบโต หากว่าฝึ กหนักเกินไปมันจะส่งผลต่อการเติบโตของร่างกาย
เจียงฉิงพยักหน้าเชือฟัง ก่อนจะถือกระดาษเขียนตัวอักษรของนางกลับไปอย่าง อารมณ์ดี
เมือเจียงฉิงกลับไปแล้ว เจียงป่ าวชิงถึงจะเรียกมีหลิวเบา ๆ “มีหลิว” มีหลิวไปดูทีทางเดินก่อนอย่างรู้งาน เมือเห็นว่าไม่มีใครนางก็ปิ ดประตู
เจียงป่ าวชิงเห็นแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดยิม ๆ ้ “ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าจะ ถามอะไร เจ้าก็ระมัดระวังแล้ว”
มีหลิวยืนตรงหน้าเจียงป่ าวชิงและตอบด้วยท่าทางก้มหน้าครึ งหน้าอย่างอ่อนน้อม “เมือครู่แม่นางบอกว่ามีเรืองจะถามข้าน้อยหลังจากทีคุณหนูรองกลับไปแล้ว
ข้าน้อยจึงคิดว่าแม่นางคงไม่อยากใหใครได้ยิน แม้จะเป็ นการถามธรรมดา แต่ก็ เป็ นการดีทีเรารอบคอบและระมัดระวังไว้ก่อนนะเจ้าคะ เมือวานข้าน้อยเพิง เสียเปรียบอย่างยิงใหญ่ มา แน่นอนว่าต้องมีการพัฒนาเป็ นธรรมดาเจ้าค่ะ”
มีหลิวหมายถึงเรืองทีนางเปิ ดช่องประตูแต่ถูกคนร้ายฉวยจังหวะบุกเข้ามาได้
ตอนแรกมีหลิวยังรู้สึกผิดมากเกียวกับเรืองนี้ ต่อมาเจียงป่ าวชิงพูดสอนนางว่านี ไม่ใช่ความผิดของนาง พวกคนเลวมันทําทุกวิถีทางและคิดจะบุกเข้ามา แน่นอน ว่าพวกเขาต้องหาวิธีจนได้อยู่วันยังคํา
แม้เจียงป่ าวชิงไม่โทษมีหลิว แต่กลับรู้สึกว่ามีหลิวมีทัศนคติทีดีมากต่อการ พิจารณาตนเองในตอนนี้ เห็นได้ว่านางเป็ นคนรู้จักคิด
“ทีข้าเรียกเจ้ามาเพราะมีเรืองอยากถามเจ้า” เจียงป่ าวชิงพูดขึ้นช้า ๆ “เจ้ารู้จัก บุตรสาวของตระกูลมังมีในเมืองหลวงมากน้อยแค่ ไหน ?”
มีหลิวครุ่นคิดสักครู่ “เมือก่อนข้าน้อยเคยรับงานในงานเลี้ยงหลายครั้งและรู้จัก บุตรสาวส่วนใหญ่ทีมาจวนองค์ชายเจ้าค่ะ แต่ข้าน้อยไม่รู้จักคนอืน ๆ เท่าไหร่นะ เจ้าคะ”
คิดแล้วก็จริง ธรณีประตูของจวนองค์ชายหย่งชินนั้นสูงมาก คุณหนูของตระกูลที มีอํานาจ ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าไปในงานเลี้ยงของจวนองค์ชายหย่งชินได้
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วทีนางจะหาข้อมูลเพิมเติมจากมีหลิวเกียวกับเรืองนี้