แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 423 ฟังและเชื่อโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด
ตอนที่องค์ชายหย่งชินมาถึงอันหย่วนย่วน พระชายาก็มาถึงก่อนแล้ว มีคนจำนวนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องรับรองที่ห่างจากห้องนอนของพระนางเจียฮุ่ยพอสมควร บรรยากาศเคร่งขรึมเอ่อล้นราวกับสามารถบิดน้ำออกมาได้เป็นถัง ๆ
ไม่มีใครพูดอะไร…
องค์ชายหย่งชินก้าวเข้าไปในห้องด้วยใบหน้าบึ้งตึง คนที่นั่งอยู่ในห้องพากันลุกขึ้นทำความเคารพเขาตาม ๆ กัน
องค์ชายหย่งชินยังไม่ทันได้พูดอะไรก็เห็นร่างที่สวยงามร่างหนึ่งวิ่งมาทางเขา ร่างเล็กนั้นโถมตัวเข้าใส่ในอ้อมกอดของเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร “องค์ชาย~ องค์ชายต้องตัดสินให้ข้านะเพคะ ตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาในจวนองค์ชาย ข้ายังไม่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้เลยนะ~”
น้ำเสียงของนางฟังดูละเหี่ยใจ แน่นอนว่านางไม่ลืมทำท่าทางให้ดูน่าสงสารพร้อมตีสีหน้าเศร้าระทมที่นางคิดไว้แล้วว่าผู้ที่ได้เห็นจะต้องมองว่างดงาม
เจียงป่าวชิงรู้สึกชื่นชมทักษะมารยานั้นจริง ๆ
หากฟังน้ำเสียงนี้เพียงอย่างเดียว เจียงป่าวชิงคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่องล้อมพวกพระชายารองอิงและนำเอาปิ่นปักผมมาขู่บังคับพวกนางให้จนตรอกซะอีก
องค์ชายหย่งชินตบแผ่นหลังของพระชายารองอิงด้วยสีหน้าราบเรียบคล้ายกับกำลังปลอบประโลม พร้อมกันนั้นดวงตาเหยี่ยวของเขากวาดมองสังเกตไปรอบ ๆ ห้อง
พระชายาก้มหน้าเล็กน้อยแล้วนั่งกลับลงไปบนเก้าอี้ตามเดิม นางถือถ้วยชาไว้ในมือและเม้มริมฝีปากคล้ายกับไม่คิดจะพูดอะไร
หลินยู่หยุนองค์หญิงเล็กยืนอยู่ด้านหลังพระชายา นางเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างในขณะที่เจียงป่าวชิงที่เป็นคู่กรณีของเรื่องนี้กลับไม่มีโอกาสได้พูดอะไรออกมาสักคำ
เทียบกับพระชายารองอิงที่กำลังร้องไห้อย่างเศร้าโศกแล้ว ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบอย่างเห็นได้ชัด
องค์ชายหย่งชินกระแอมไอ เขารู้สึกเก้อเขินอย่างประหลาด
“พระชายารองอิงเป็นอะไรอีก ?” เขาเอ่ยถามพวกหญิงชราที่พากันยืนหัวหดอยู่ใกล้ผนังห้อง
ตอนที่องครักษ์มารายงาน บอกเพียงว่าพระชายารองอิงทะเลาะกับแม่นางเจียงในจวน ขอเชิญให้เขาไปพิจารณาตัดสินถูกผิด แต่องครักษ์ไม่ได้บอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลังจากที่พระชายารองอิงได้ยินดังนั้น นางก็เงยหน้าจงใจอยากให้องค์ชายเห็นดวงตาที่บวมแดงของนางชัด ๆ นัยน์ตาของนางคลอไปด้วยน้ำตา แน่นอนว่านางชิงฟ้องก่อนไม่รีรอ “องค์ชายเพคะ แม่นางแซ่เจียงคนนั้นขโมยปิ่นปักผมรูปหางหงส์ประดับจี้หยกเล็ก ๆ ที่ท่านมอบให้แก่ข้า คนของข้าจับนางได้คาหนังคาเขาจึงมาถามเอาความจริงจากนางก็เท่านั้น แต่นาง… นางไม่เพียงไม่ยอมรับ ยังเอาปิ่นปักผมบนศีรษะนางออกมาชี้ขู่จะแทงข้าด้วย~ ข้ากลัวมากจริง ๆ เพคะ~”
“เกิดเรื่องนี้จริง ๆ อย่างนั้นรึ ?” องค์ชายหย่งชินขมวดคิ้ว ทว่าในแววตาของเขากลับแลดูครุ่นคิดเล็กน้อย เขาไม่เชื่อว่าเจียงป่าวชิงจะเป็นคนมองการณ์ไม่ไกลและลงมือทำเรื่องสิ้นคิดเช่นนี้ได้
ทันใดนั้น พระชายาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะเบา ๆ แม้เป็นเช่นนี้แต่ฐานของถ้วยชากระทบกับพื้นโต๊ะจนเกิดเป็นเสียง “กิ๊ง” เบา ๆ
สายตาขององค์ชายหย่งชินไปหยุดที่พระชายาในทันใด
“องค์ชาย องค์ชายไม่สามารถตัดสินโทษแม่นางเจียงเพียงเพราะปากของพระชายารองอิงได้นะเพคะ” พระชายาพูดขึ้นเสียงเบา “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไหน แม่นางเจียงเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยรักษาพระนางเจียฮุ่ย นอกจากองค์ชายควรเห็นแก่หน้าพระนางเจียฮุ่ยแล้ว ก็ยังต้องฟังสิ่งที่แม่นางเจียงอยากพูดด้วยนะเพคะ”
สายตาขององค์ชายหย่งชินเปลี่ยนจากหงุดหงิดเป็นครุ่นคิดอีกครั้ง “อ้อ ในสายตาของพระชายา ข้าเป็นคนโง่เขลาที่ฟังและเชื่อโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิดอย่างนั้นรึ ?”
พระชายาปิดปากเงียบทันที นางรู้ดีว่ามันจะเป็นเช่นนี้ อันที่จริงนางไม่ควรพูดตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เพียงพูดออกมาแอะเดียวก็ดูเหมือนองค์ชายจะมุ่งเป้าหาเรื่องมาว่านางแล้ว
ส่วนที่องค์ชายเป็นคนฟังและเชื่อโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิดหรือเปล่านั้น เหอะ นางเคยเห็นมาหลายครั้งและไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว ทุกครั้งที่เกิดการทะเลาะกันระหว่างนางกับพระชายารองอิง พระชายารองอิงมักใช้วิธีออดอ้อนทำให้ตัวเองดูน่าสงสารและชิงฟ้องด้วยน้ำตานองหน้าเสมอ จากนั้นองค์ชายหย่งชินก็จะมองนางด้วยสายตาตำหนิประหนึ่งว่านางเป็นคนผิดอยู่คนเดียว ในฐานะพระชายาหลัก นางจะทำท่าทางกระเง้ากระงอดโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีและระเบียบแบบแผนอย่างที่นางสนมทำได้อย่างไร
เป็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนพระชายาเรียนรู้ที่จะปิดปากไม่พูดอะไรตั้งนานแล้ว
ทว่าเรื่องในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเจียงป่าวชิง ไม่ว่าจะอย่างไรพระชายาก็ไม่สามารถนิ่งเงียบได้
แม้เมื่อพูดออกไปแล้วจะเป็นการหาเรื่องน่าเบื่อให้กับตัวเองก็ตาม… พระชายาก้มหน้าเล็กน้อย มีรอยยิ้มขมขื่นที่มุมปากของนางซึ่งปนกับการเยาะเย้ยตัวเองอย่างอธิบายไม่ได้
องค์ชายหย่งชินหัวเราะอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรอีก พร้อมกันนั้นความลำพองใจฉายวาบอยู่ในแววตาของพระชายารองอิง
องค์ชายหย่งชินเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวบนในห้องรับรอง ส่วนพระชายารองอิงก็นั่งบนเก้าอี้ตัวล่างด้านซ้ายขององค์ชายหย่งชิน องค์ชายมองเจียงป่าวชิงที่นั่งเงียบอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอดก่อนจะยิ้มอย่างเย็นชาและเอ่ยขึ้น “ในเมื่อพระชายาพูดขอความเมตตาแทนเจ้า ถ้าอย่างนั้นข้าจะเจียดเวลาฟังเจ้าก็ได้ พระชายารองอิงบอกว่าเจ้าขโมยปิ่นปักผมของนาง นั่นเรื่องจริงรึ ?”
พระชายารองอิงรีบพูดเสริมจากด้านข้าง “นั่นไม่ใช่ปิ่นปักผมธรรมดานะเพคะ องค์ชายลืมไปแล้วหรือว่าปิ่นปักผมนั้นคืออันที่เป็นรูปหางหงส์ประดับจี้หยกเล็ก ๆ นั่นเป็นของแทนใจที่องค์ชายมอบให้แก่ข้าเลยนะ”
องค์ชายหย่งชินชะงัก น้ำเสียงของเขาหนักแน่นขึ้น “อ้อ เช่นนั้นก็ต้องทำการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างดีเสียแล้ว เจียงป่าวชิงเจ้าว่ายังไง ?”
เจียงป่าวชิงสงบนิ่งมาก “ใช้ข้ออ้างมาเป็นเหตุผลในการทำร้ายผู้อื่น องค์ชายควรถามพระชายารองอิงก่อนว่าพระชายารองอิงพิจารณาจากตรงไหนที่คิดว่าข้าน้อยเป็นคนขโมยปิ่นปักผมของนาง”
องค์ชายหย่งชินมองพระชายารองอิง
พระชายารองอิงถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงด้วยความโกรธเคือง “เจ้ายังกล้ามาเถียงข้าง ๆ คู ๆ ต่อหน้าองค์ชายได้อีกนะ ข้าจับเจ้าได้คาหนังคาเขา ใครก็ได้พาตัวสิงหวู่เข้ามา!”
คนรับใช้สองสามคนลากสิงหวู่ที่ถูกมัดอย่างแน่นหนาเข้ามาแล้วโยนลงตรงกลางห้อง จากนั้นพระชายารองอิงก็หันไปพูดกับองค์ชายหย่งชิน “องค์ชายเพคะ นี่คือสิงหวู่ วันนี้เขาคิดจะหอบกล่องผ้าไหมจำนวนหนึ่งออกไปจากจวนอย่างลับ ๆ แต่กลับถูกหญิงชราที่รับใช้อยู่ในจวนของข้าพบเห็นเสียก่อน นางเห็นว่ากล่องผ้าไหมเป็นสิ่งของล้ำเลิศมาก ไม่ใช่ของที่คนอย่างสิงหวู่จะมีใช้ได้จึงจับสิงหวู่มาถามและพบว่าสิงหวู่คนนี้ทำงานให้เจียงป่าวชิง เขากำลังนำของไปส่งที่นอกจวน นี่เป็นการคิดจะทำลายของโจรเพคะ!”
องค์ชายหย่งชิน “อ้อ สิงหวู่ เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ อย่างนั้นรึ ?”
ปากของสิงหวู่ในตอนนี้ไม่ได้ถูกปิดไว้ เขารู้สึกขมขื่นเหลือหลาย เดิมทีเขาโลภมากอยากได้เงินที่มี่หลิวมอบให้และคิดจะหารายได้พิเศษตอนที่ออกไปซื้อของด้านนอก แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะจับพลัดจับผลูกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญเช่นนี้
สิงหวู่โน้มศีรษะลงนาบพื้นเพื่อแสดงความเคารพองค์ชายหย่งชิน “องค์ชาย ข้าน้อยไม่รู้เรื่องจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ถ้าหากว่าข้าน้อยรู้ตั้งแต่แรกว่านี่เป็นของโจร ต่อให้ท่านมอบความกล้าแก่ข้าน้อยสิบเท่าข้าน้อยก็ยังไม่กล้าช่วยขนของออกจากจวนด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะ เป็นมี่หลิวที่มาหาข้าน้อยและบอกว่าองค์ชายกับพระชายามอบของรางวัลให้แก่แม่นางเจียงมากมาย นางขอให้ข้าน้อยช่วยขนไปที่บ้านของแม่นางเจียง แล้วนางยังรับปากอีกด้วยว่าจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน ข้าน้อยไม่ได้คิดอะไรมากมายจึงตอบรับไปพ่ะย่ะค่ะ”
พระชายารองอิงพูดขึ้นอย่างลำพองใจ “องค์ชาย ท่านได้ยินแล้วใช่ไหมเพคะ ? พยานบุคคลกับพยานหลักฐานต่างมีครบ เห็นได้ชัดแล้วว่าข้าไม่ได้ปรักปรำนาง!”
เจียงป่าวชิงยิ้ม “ทำไมเจ้าคะพระชายารองอิง ข้าน้อยไม่สามารถหาคนมาขนของของข้าน้อยออกไปจากจวนได้หรือเจ้าคะ ?”
พระชายารองอิงตบที่พักแขนเก้าอี้ “เจ้าช่างกล้านักนะ! ปิ่นปักผมรูปหางหงส์นั้นเจ้ายังกล้าบอกว่าเป็นของของเจ้าอีกรึ ?! ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าเป็นหัวขโมย ขโมยของแล้วยังไม่ยอมรับอีก!”
“ในโลกนี้มีของที่ไม่ใช่ของข้าน้อยมากมายเจ้าค่ะ ข้าเองเป็นคนรู้ผิดชอบชั่วดีและรู้ว่าอะไรควรมิควร ในกล่องมีของเกินมาเช่นนี้ หรือว่ามีใครยัดของใส่ในกล่องของข้าน้อยแล้วสามารถตัดสินว่าข้าน้อยเป็นขโมยได้ ?” เจียงป่าวชิงถากถางกลับ “เช่นนั้นตอนนี้ถ้าหากว่าข้าน้อยยัดสิ่งของใส่ในอ้อมแขนของพระชายารองอย่างเงียบ ๆ ก็แสดงว่าพระชายารองขโมยของของข้าน้อยอย่างนั้นสิเจ้าคะ ?”
พูดถึงตรงนี้ เจียงป่าวชิงก็หยุดชะงักก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็นเล็กน้อย “จะว่าไปแล้ว ข้าน้อยนึกเรื่องอะไรบางอย่างได้…”
.
.
.