แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 405 จัดการทั้งตระกูลของเจ้า
พวกเขาค้นหาที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยมหยุนช่างแล้ว และพบว่ามีหญิงหน้าตาสวยงามอยู่สองสามคนแต่ไม่ใช่คนที่กู่หวายเจี๋ยคิดถึงทั้งวันทั้งคืนคนนั้น
กู่หวายเจี๋ยไม่ตายใจ เขาอาศัยความแรงของเหล้าช่วยให้คึกจนขึ้นไปชั้นสองและค้นหาทีละห้อง
ไม่รู้ว่าดวงสมพงศ์กันหรืออะไร ก่อนที่คนเฝ้าโรงเตี๊ยมหยุนช่างจะทันได้ห้ามกู่หวายเจี๋ย เขาหาสาวงามคนนั้นเจอซะก่อน
ช่วงเวลาที่เห็นเจียงป่าวชิงอยู่ในห้องส่วนตัวนี้ ความดีใจฉายวาบขึ้นมาบนใบหน้าของเขา เขาเกือบสะดุดแขนขาตัวเองเพราะความเมาอยู่แล้ว ร่างหนาเดินโซซัดโซเซเข้าไปหาหญิงสาว แววตากะลิ้มกะเหลี่ยอยากที่จะเข้าไปลวนลามเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงนั่งคีบอาหารอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ นางยังคงรับประทานอาหารตรงหน้าต่อไปอย่างเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่ากู่หวายเจี๋ยยังไม่ทันได้เข้าใกล้นาง ก็ถูกพละกำลังแข็งแกร่งถีบกระเด็น
กระแสสังหารเย็นยะเยือกฉายวาบอยู่บนใบหน้าของกงจี้
ดีจริง! ไม่คิดว่าจะมีไอ้บ้าหน้าไหนกล้าคิดลวนลามเจียงป่าวชิงต่อหน้าเขาเช่นนี้ เกรงว่าพวกนั้นคงอยากรู้ถึงวิธีเขียนคำว่า “ตาย” แล้วกระมัง!
เจียงป่าวชิงมองเท้าของกงจี้ด้วยความเป็นห่วง “เจ้าอย่าออกแรงมากเกินไปสิ ขาเจ้าอาจเจ็บได้”
“เฮ้ย! ไอ้หน้าอ่อน เจ้ากล้าดียังไงมาลงไม้ลงมือคุณชายกู่วะ รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร ?!”
“ไม่รู้ แต่ข้าคิดว่าพวกเจ้าเบื่อการมีชีวิตอยู่แล้ว…” กงจี้ตอบเสียงเย็น
เหล่าสหายที่แทบเรียกได้ว่าลูกกะจ๊อกที่ไม่รู้จักกงจี้ตะโกนเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามกลัว แต่กลับไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าเลยสักคน พวกเขาไม่ได้ตาบอด ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือท่าทางของคนตรงหน้า ความสูงศักดิ์เจือเย็นชานั้นเหมือนจะถูกสลักลึกเข้าไปในกระดูก ชายหน้าอ่อนคนนี้ดูอย่างไรก็สูงศักดิ์กว่าคุณชายกู่ บุตรชายของขุนนางอันดับสองที่พวกเขาประจบเสียอีก ไม่ต้องนึกถึงเรื่องลำดับศักดิ์ในวงศ์ตระกูลเลย คงไม่แย่อย่างแน่นอน ประกอบกับกระแสสังหารที่ไม่เหือดหายไปแม้แต่น้อยนั้น ต้องสมองมีปัญหาจริง ๆ ถึงจะกล้าไปหาเรื่องเขาคนนี้
กู่หวายเจี๋ยถูกพยุงขึ้นมา มุมปากของเขายังมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกต่อยจนอยู่ในสภาพนี้ เขาหรี่ตามองกงจี้ด้วยความรู้สึกวิงเวียนศีรษะ “ไอ้หน้าขาว อย่าคิดว่าหน้าตาหล่อเหลาแล้วจะเจ๋ง! หน็อยแน่กล้าถีบข้านี่เจ้าอยากตายรึ! ข้าจะเรียกพ่อข้ามาจัดการเจ้าเดี๋ยวนี้! อ้อ ไม่สิ จัดการทั้งตระกูลของเจ้านั่นแหละ!”
กงจี้ยิ้มมุมปาก จัดการทั้งตระกูลของเขาอย่างนั้นรึ เขาค่อนข้างคาดหวังในสิ่งนี้พอสมควรจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงเขาเอง
กู่หวายเจี๋ยยังคงร้องตะโกนไม่หยุดหย่อน “หัดรู้จักเข้าใจสถานการณ์บ้างสิวะ ถ้าเจ้ายกสาวงามให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า——”
เขายังพูดไม่ทันจบ กงจี้ก็ก้าวเดินไปตรงหน้าเขาเสียก่อน พวก “ลูกกะจ๊อก” ที่อยู่ข้างกายกู่หวายเจี๋ยตกใจตัวสั่นเพราะกงจี้แผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามมาก มีเพียงข้ารับใช้สองคนที่ติดตามอยู่ข้างกายกู่หวายเจี๋ยเท่านั้นที่ยังคงยืนกรานจะเข้าไปขวางกงจี้
กงจี้ไม่มองพวกนั้นด้วยซ้ำ ทันใดนั้น องครักษ์สองคนที่อยู่ข้างกายกงจี้ชักดาบไปจ่อคอข้ารับใช้สองคนนั้นเรียบร้อยแล้ว
ในยามปกติพวกเขาเอาแต่พึ่งพาพ่อ ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงกดคนอื่น จะเคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร
ข้ารับใช้ทั้งสองตกใจจนไม่กล้าขยับตัวเลยทีเดียว
กงจี้ค่อนข้างสูงกว่ากู่หวายเจี๋ยมาก เขาก้มมองกู่หวายเจี๋ยด้วยสายตาเย็นชาอย่างผู้ที่เหนือกว่า “พูดมาสิว่าเจ้าอยากตายยังไง ?”
ต่อให้เหล้าที่กู่หวายเจี๋ยดื่มไปจะแรงเพียงใด ตอนนี้เขาก็ตระหนักได้อย่างราง ๆ ว่าตัวเองอาจเจอกับบุคคลที่แหย่ไม่ได้เข้าให้แล้ว เขาตัวสั่นงันงก พยามยามข่มขู่กงจี้ด้วยท่าทางเคร่งขรึมต่อไป “เจ้ากล้าดียังไงมาลงไม้ลงมือกับข้า ?! รู้หรือเปล่าว่าพ่อข้าเป็นใคร พ่อข้าเป็นถึงขุนนางอันดับสองของราชสำนัก! ถ้าหากว่าเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม พ่อข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ข้าขอเตือนให้เจ้าคิดดี ๆ การเป็นศัตรูกับตระกูลกู่ของข้าเป็นราคาที่เจ้าไม่สามารถจ่ายได้!”
ขุนนางอันดับสองของราชสำนักและแซ่กู่ กงจี้รู้แล้วว่าเป็นใครจึงหัวเราะอย่างเย็นชา “ที่แท้พ่อของเจ้าคือชายชราโง่เขลากู่ไห่เทียนเองรึ น่าเบื่อ พ่อเจ้ายังไม่กล้าพูดจาไร้สาระต่อหน้าข้าเลย แต่เจ้ากลับเก่งกว่าพ่อเจ้า”
พูดถึงกู่ไห่เทียน ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนนี้กลับพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามไม่เกรงกลัว กู่หวายเจี๋ยพลันเบิกตากว้างโดยไม่รู้ตัว “เจ้า——”
กงจี้ถีบกู่หวายเจี๋ยจนล้มคว่ำ ครั้งนี้เขาใช้กำลังภายในถีบไปเต็มแรงจนกู่หวายเจี๋ยขดตัวอยู่บนพื้น กระอักเลือดออกมาอย่างน่าสมเพช
กู่หวายเจี๋ยรู้สึกเพียงว่าอวัยวะภายในของเขาเจ็บปวดราวกับกระแสน้ำที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง
น้ำเสียงของกงจี้ดังเข้าไปในโสตประสาทกูหวายเจี๋ยอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า “ดูจากท่าทางได้ใจของเจ้าวันนี้แล้ว เจ้าคงเคยกวนผู้หญิงของข้ามาไม่น้อย ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จากนี้ไปอยู่ให้ห่างจากผู้หญิงของข้า ถ้าหากว่าเจ้าเข้าใกล้นางแม้เพียงปลายเล็บ ข้าจะสับแขนขาเจ้าแล้วโยนให้ปลาในคูเมืองกิน อ้อ แล้วเจ้าไม่ต้องห่วง ต่อให้ข้าฆ่าเจ้า ชายชราโง่เขลาอย่างกู่ไห่เทียนก็ไม่กล้าต่อว่าข้าแม้แต่คำเดียว”
สุดท้าย กงจี้ก็สรุปอย่างกระชับว่า…
“ไสหัวไป!”
สหายลูกกะจ๊อกรีบพากันลากกู่หวายเจี๋ยออกไปอย่างลุกลี้ลุกลน
เจ้าของโรงเตี๊ยมหยุนช่างกล่าวขอโทษขอโพยกงจี้ไม่หยุด “แม่ทัพกง ร้านเราต้อนรับท่านไม่ดีเอง ถึงได้ให้คนแบบนั้นมารบกวนการรับประทานอาหารของท่าน ทางร้านจะจ่ายค่าอาหารครั้งนี้เองขอรับ ถือว่าเป็นการขอโทษต่อท่าน หวังว่าท่านจะให้อภัย…”
กงจี้พ่นลมออกมาทางจมูกอย่างเย็นชาโดยที่ไม่พูดอะไร เจียงป่าวชิงจึงเป็นฝ่ายพูดกับเจ้าของโรงเตี๊ยมหยุนช่างเพื่อให้เรื่องจบลงด้วยดี “อื้ม หวังว่าเถ้าแก่จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากขึ้นในภายภาคหน้า”
เจ้าของร้านรู้สึกว่าแม่นางคนนี้เป็นนางฟ้าตัวน้อย นางไม่เพียงแต่น่ารักจิ้มลิ้มเท่านั้น ยังมีคุณลักษณะที่ดีอีกด้วย เขาโค้งคำนับด้วยความขอบคุณและถอยออกไป
“ข้าล่ะอยากแต่งเจ้ากลับไปเร็ว ๆ” จู่ ๆ กงจี้ก็พูดขึ้น “ทุกคนจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ใครที่อยากลงไม้ลงมือกับเจ้า มันผู้นั้นต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าคุ้มหรือไม่”
เจียงป่าวชิงใช้ตะเกียบคีบเนื้อห่านสีแดงเข้าปากอย่างช้า ๆ หลังจากที่เคี้ยวและกลืนแล้ว นางก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “ข้าแต่งคุณชายกงกลับไปแทนได้ไหม ? ขอพูดตามตรงนะคุณชาย เรื่องที่บ้านเจ้าช่างน่ารำคาญจริง ๆ”
กงจี้เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่สนใจ “ใช่ว่าจะไม่ได้ อย่าว่าแต่เจ้าเลย ข้าเองก็ยังคิดว่าพวกนางน่ารำคาญมาก”
เจียงป่าวชิงมองกงจี้นิ่ง ๆ นางยืดตัวตรงพลางลูบแก้มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง “ข้าล้อเล่น การที่อะไรก็ตามที่เป็นของเจ้าถูกยกให้กับคนต่ำทราม มันเป็นเรื่องยอมไม่ได้ ข้าทนไม่ไหวเมื่อคิดว่าเจ้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรมนี้ เจ้าไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไปและจะเผชิญเรื่องเหล่านี้ไปพร้อมกับเจ้า”
กงจี้ชะงักงันทันที ผ่านไปสักครู่เขาจับมือขาวนวลนั้นไว้ คิ้วที่คอยแต่จะขมวดของเขาคลายออกเล็กน้อยและยิ้มอย่างอบอุ่นให้เจียงป่าวชิง
…
ถึงตอนที่ต้องแยกจากกันในวันนี้ กงจี้ชี้องครักษ์สองคนโดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรให้เจียงป่าวชิงฟังว่าเขาชี้ทำไม คนหนึ่งเป็นคนรู้จักหรือก็คือกานซุ่ยที่เคยได้รับการฝังเข็มรักษาจากเจียงป่าวชิงระหว่างทางกลับเมืองหลวง ส่วนอีกคนถือว่าเป็นคนรู้จักเก่า เขาคือองครักษ์ตัวน้อยนามว่าเจิ้งหนานที่เคยดูแลไป๋จีซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านในอำเภอฉือเจีย
ทว่าไม่นานเจียงป่าวชิงก็เข้าใจว่าเขาจะให้องครักษ์ทั้งสองมาคอยดูแลตน นางไม่อยากให้มันยุ่งยากจนเกินไป “แบบนี้มันจะเป็นที่สะดุดตาเกินไปหน่อยน่ะสิ” นางบอก
“ไม่หรอก ในเมื่อข้าป่าวประกาศออกไปแล้วว่าเจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ยังไงรอบคอบคอยดูแลเจ้าไว้ก่อนก็ดี ยิ่งกว่านั้นพวกเขาทั้งสองจะแอบคุ้มครองเจ้าอย่างลับ ๆ ไม่เป็นที่สะดุดตาอะไรหรอก” กงจี้อธิบาย “เจ้าเองก็คงไม่อยากให้ข้าเป็นห่วงเจ้าทั้งวันหรอกใช่ไหม ?”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “อ้อ แต่เอ๊ะ เจ้าหมายความว่าหลังจากที่จัดสรรองครักษ์ทั้งสองให้ช่วยดูแลข้าแล้ว เจ้าก็จะไม่เป็นห่วงข้าแล้วอย่างนั้นสิ ?”
“เจ้าเป็นคนแรกที่จงใจบิดเบือนความหมายของข้าแต่ยังอยู่สบายดี” กงจี้เหลือบมองเจียงป่าวชิง “และคาดว่าคงเป็นคนสุดท้ายเช่นกัน”
กานซุ่ยและเจิ้งหนานยืนก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ ต่างคนต่างแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ได้ยิน
แน่นอนว่าสุดท้ายทั้งกานซุ่ยและเจิ้งหนานก็ถูกกงจี้จับยัดให้กับเจียงป่าวชิงโดยใช้วิธีบีบบังคับ เรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของนาง เขามักแข็งกร้าวเสมอ
เจียงป่าวชิงต้องยอมตกลงอย่างเสียมิได้