แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 394 นายท่านหญิงตี๋
กลิ่นหอมของซูเหอเซียงค่อย ๆ กระจายออกมาจากในกระถางธูปเนื้อทองแดงรูปเท้าสัตว์ เสียงอันไพเราะของหญิงสาวดังขึ้นจากนอกม่านไข่มุกที่แกะสลักเป็นรูปนกสีเขียวนวล “ท่านย่าตื่นหรือยังเจ้าคะ ? ข้ากับจิ้งเอ๋อร์มาคารวะยามเช้าเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงเอ่ยถามอันไพเราะ ก็ตามมาด้วยเสียงของเย่หลงผู้เป็นสาวใช้รุ่นอาวุโสที่ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ตอบคุณหนูหว่าน นายท่านหญิงตื่นแล้วเจ้าค่ะ นายท่านกำลังหวีผมอยู่ข้างในเจ้าค่ะ”
ท่าทีเด็กสาวดีอกดีใจอย่างมาก “ท่านย่าตื่นเร็วมาก ดีจริง เช่นนั้นข้าจะไปปรนนิบัติท่านย่า” พูดเสร็จพลันเกิดเสียงเลิกม่านไข่มุกเข้ามา เด็กสาวเข้าไปในห้องข้างในราวกับผีเสื้อที่โบยบินมาพร้อมกลิ่นหอมซูเหอเซียง
“ท่านย่าเจ้าขา” น้ำเสียงไพเราะส่งเสียงเรียก
ตี๋ชื่อ หรือนายท่านหญิงของจวนติ้งกั๋วโฮ่วยิ้มอ่อนโยนพลางมองกงหว่าน หลานสาวที่อยู่เบื้องหลังกระจกทองเหลือง “ไอ้โยหว่านเอ๋อร์มาแล้วรึ มาตั้งแต่เช้าตรู่เชียว หลานย่าตื่นไหวด้วยหรือไง ?”
กงหว่านรับหวีมาจากมือของเย่ชุ่ยสาวใช้อย่างเป็นธรรมชาติ แล้วเริ่มต้นหวีผมให้ท่านย่าตี๋ชื่อ “ข้ากตัญญูต่อท่านย่า ข้าตื่นไหวแน่นอนเจ้าค่ะ”
เย่ชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ ถือโอกาสเอ่ยชมประจบประแจง “คุณหนูหว่านช่างมีจิตใจดีรู้จักกตัญญูจริง ๆ เจ้าค่ะที่มาที่นี่ทุกวันโดยไม่มีอะไรขวางกั้นได้ ในช่วงฤดูหนาวอันแสนหนาวเหน็บเช่นนี้ เด็กผู้หญิงทั่วไปต่างก็ชอบขลุกตัวอยู่ในผ้าห่มให้นานกว่านี้หน่อยกันทั้งนั้น สมแล้วที่คุณหนูหว่านเป็นหลานน้อยที่นายท่านหญิงเคยสั่งสอนด้วยตัวเอง คุณหนูช่างรู้จักมารยาทและกตัญญูมากที่สุดเลยเจ้าค่ะ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพียงความกตัญญูของคุณหนูหว่านที่มีต่อนายท่านหญิงนั้นก็น่าเลื่อมใสมากแล้วเจ้าค่ะ”
กงหว่านส่งสายตาพึงพอใจให้เย่ชุ่ย
“ใช่ ข้ามีหลานชายและหลานสาวมากมาย แต่หว่านเอ๋อร์เป็นคนจิตใจดีรู้จักกตัญญูมากที่สุด”
เย่ชุ่ยถือโอกาสประจบนายท่านหญิงตี๋ด้วย ซึ่งนายท่านหญิงตี๋เองก็รู้สึกพึงพอใจกับการประจบสอพลอของสาวใช้ นางยิ้มจนรอยย่นบนใบหน้าเบียดมารวมกันแล้ว
ทว่า… การสนทนากันตั้งแต่ต้นจนจบนี้ ไม่มีใครสนใจหรือพูดถึงกงจิ้งที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะนางเป็นลูกสาวของเมียน้อย และเมื่อพูดในประเด็นของความสัมพันธ์ทางสายเลือด นางไม่ถือว่าเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของตี๋ชื่อด้วยซ้ำ นายท่านหญิงเป็นคนที่แสดงอารมณ์ออกมาให้เห็นทางใบหน้าตรง ๆ ในเมื่อนางไม่ชอบกงจิ้งนางก็แสดงออกมา ทำให้พวกสาวใช้ของจวนนี้ไม่กล้าพูดถึงกงจิ้งไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม
กงจิ้งทำได้เพียงยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างสุภาพสง่างามและที่สำคัญคือยืนเงียบ ๆ อย่างรู้งาน เห็นได้ชัดว่านางคุ้นชินกับการถูกเลือกปฏิบัติเช่นนี้แล้ว
กงหว่านคอยปรนนิบัตินายท่านหญิงตี๋ให้ล้างหน้าล้างตาและยังอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยในขณะรับประทานอาหาร หลังจากที่นายท่านหญิงตี๋รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว กงหว่านก็ลืมตัว นางพูดอะไรบางอย่างออกมาโดยไม่ตั้งใจ “ข้าได้ยินมาว่าพี่ชายใหญ่จะกลับมาในวันนี้”
มือของนายท่านหญิงตี๋ที่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากหยุดชะงักเล็กน้อย สีหน้าของนางค่อนข้างดูซับซ้อน
เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกงจี้ผู้เป็นหลานชายคนโต อารมณ์ของนายท่านหญิงตี๋มักขุ่นมัวมาโดยตลอด เขาเคยเป็นความภาคภูมิใจของทุกคนในครอบครัว โหงวเฮ้งดีมีความสว่างโชติช่วงและสง่าผ่าเผยมาตั้งแต่ยังเล็ก หนุ่มงามในเมืองหลวงคนใดก็ไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้เลยสักคน เดิมทีนายท่านหญิงตี๋คิดว่าอนาคตของตระกูลกงคงจะตกอยู่ในกำมือหลานชายคนโตคนนี้เสียแล้ว
แต่เมื่อหลายปีก่อนเกิดเรื่องขึ้น หลานชายคนโตของนางทำผิดและเลือกหันหลังให้วงศ์ตระกูลก่อนจะหนีหายไป นี่เขาก็จากไปนานกว่าสิบปีแล้ว หากไม่ใช่เพราะเมื่อสองสามวันก่อน ฮ่องเต้มีพระราชโองการให้เขากลับมารับยศที่เมืองหลวงก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลับบ้านเมื่อไหร่
ช่างเป็นหลานไร้ความกตัญญูจริง ๆ คนแก่ที่น่าสงสารอย่างนางอายุตั้งขนาดนี้แล้ว นางยังไม่เคยเห็นเขาทำตัวกตัญญูเลยสักวันเดียว
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ใช่ว่านายท่านหญิงตี๋จะไม่รู้สึกดีอกดีใจอะไรเกี่ยวกับการกลับมาของหลานชายคนโต
นายท่านหญิงตี๋วางผ้าเช็ดหน้าที่ใช้เช็ดปากลง “อืม จี้เอ๋อร์ยอมกลับมาเช่นนี้ เขาคงยอมรับผิดแล้ว ข้าบอกแล้วว่าครอบครัวเราจะมีความเกลียดชังข้ามคืนไม่ได้ แค่พี่น้องนั่งจับเข่าคุยกันให้ชัดเจนก็สิ้นเรื่อง…”
รอยยิ้มหวานของกงหว่านแข็งทื่ออยู่บนใบหน้าชั่วขณะ ทว่าจากนั้นไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ นางพูดขึ้นยิ้ม ๆ โดยใช้มือป้องปากเอาไว้ “ท่านย่าลำเอียงไปทางพี่ชายใหญ่ เมื่อพี่ชายใหญ่กลับมา ท่านย่าก็คงจะลืมหว่านเอ๋อร์แล้วกระมัง”
นายท่านหญิงตี๋รู้สึกสบายใจจนนางอดพูดหยอกเย้าไม่ได้ “หว่านเอ๋อร์ เจ้าหึงย่าได้แม้กระทั่งพี่ชายใหญ่ของเจ้ารึ ?!”
กงหว่านโถมตัวเข้าไปออดอ้อนในอ้อมกอดของนายท่านหญิงตี๋ “ก็หว่านเอ๋อร์กลัวว่าท่านย่าจะลืมหว่านเอ๋อร์ถ้าท่านย่ามีพี่ชายใหญ่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นท่านย่าห้ามลำเอียง คอยแต่จะสนใจพี่ชายใหญ่คนเดียวนะเจ้าคะ”
“ได้ ๆ ๆ ย่ารักทุกคนนั่นแหละ” นายท่านหญิงตี๋อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด นางตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง
จังหวะนั้นเอง กงหว่านพูดขึ้นด้วยท่าทางไร้เดียงสา “ท่านย่า เมื่อก่อนพี่ชายใหญ่เป็นคนกตัญญูที่สุด แต่ตอนที่เขาหนีออกจากบ้านข้ายังเด็ก ข้าได้ยินแม่นมบอกว่าเมื่อพี่ชายใหญ่ล่าสัตว์ได้ในตอนที่ออกล่า เขามักจะให้ท่านย่าเลือกก่อนเสมอ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในแววตาของนายท่านหญิงตี๋มีความภาคภูมิใจราง ๆ นางหัวเราะดีใจ “ใช่ ตอนนั้นพี่ชายใหญ่ของเจ้าเพิ่งอายุได้สิบขวบเอง เขาเข้าร่วมการล่าสัตว์กับฮ่องเต้คนปัจจุบัน เขายิงธนูไปถูกจิ้งจอกสีเงินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะได้ภายในครั้งเดียว ตอนนั้นพี่ใหญ่ของเจ้าถือหางจิ้งจอกตัวนั้นและมอบให้ท่านย่าราวกับมอบของล้ำค่ายังไงยังงั้น”
เมื่อพูดถึงเรื่องในอดีต นายท่านหญิงตี๋มักมีเรื่องให้พูดมากมาย เมื่อคนเราอายุมากขึ้นก็มักพูดจากลับไปกลับมา กงหว่านฟังจนรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่าจะไปทำการบ้านเพื่อหนีออกไปได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว จึงต้องพยายามข่มอารมณ์ทนฟังนายท่านหญิงตี๋พูดจากลับไปกลับมาด้วยท่าทางสนใจ
กงหว่านส่งสายตาให้กงจิ้ง กงจิ้งจึงรับคำพูดของนายท่านหญิงตี๋อย่างเข้าใจ แม้ว่าในยามปกตินายท่านหญิงตี๋จะไม่ค่อยถูกชะตากับกงจิ้งลูกเมียน้อย แต่นางกำลังคุยอย่างออกรสออกชาติในขณะนี้จึงไม่สนใจว่าคนที่รับฟังนางจะเป็นกงหว่านหรือกงจิ้ง
กงหว่านหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากและยกยิ้มอยู่ด้านข้าง
พูดอย่างมีความสุขไปเถอะ ยิ่งมีความสุขในตอนนี้ก็จะยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอหลานชายแสนดีคนนั้น แต่อีกเดี๋ยวก็จะยิ่งผิดหวัง…
ผ่านไปไม่เท่าไหร่ เย่ชุ่ยผู้เป็นสาวใช้ที่ออกไปยกชาก็เลิกม่านเข้ามา นางพูดกับนายท่านหญิงตี๋อย่างตื่นเต้นดีใจ “นายท่านหญิงเจ้าคะ ข้าน้อยได้ยินคนกระจายข่าวคราวข้างบอกว่าขบวนรถม้าของคุณชายใหญ่ผ่านประตูเข้ามาแล้วเจ้าค่ะ!”
นายท่านหญิงตี๋นั่งตัวตรงในทันใด แต่นางไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าจริง ๆ แล้วนางตั้งหน้าตั้งตารอหลานชายคนโตที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานมาเข้าพบ นางจึงแสร้งทำเป็นพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “รู้แล้ว มีอะไรให้บอกต่อกัน หลานอกตัญญูคนนั้นไม่กลับบ้านนานกว่าสิบปี ข้าไม่ยอมเจอเขาหรอก”
ปากบอกว่าไม่ยอมเจอ แต่อันที่จริงแม้แต่กงหว่านก็มองเห็นถึงความคาดหวังที่อยู่ในใจของนายท่านหญิงตี๋ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพียงมองจากการแต่งกายของวันนี้ก็รู้แล้ว แต่งเสียอลังการกว่าวันธรรมดาขนาดนี้ ถ้าใครยังจะเชื่อว่าท่านย่าไม่อยากเจอกงจี้ก็บ้าแล้ว
กงหว่านแสดงท่าทางดีอกดีใจ “ไอ้ยา! ท่านย่า ด้วยความกตัญญูของพี่ชายใหญ่ คิดว่าอีกเดี๋ยวเขาคงจะมาคารวะท่านย่าอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านย่าช่วยดูให้หน่อยว่าข้าผมยุ่งหรือเปล่า ?”
นี่เหมือนเป็นการเตือนนายท่านหญิงตี๋อย่างไรอย่างนั้น นายท่านหญิงตี๋จึงมองสำรวจกงหว่านเล็กน้อย “ไม่ถือว่ายุ่งอะไร” แล้วนางก็ส่งเสียงเรียกเย่ชุ่ยอย่างเร่งรีบ “เย่ชุ่ย เจ้ามาดูผมข้าหน่อยสิ หว่านเอ๋อร์เจ้าเด็กซนโถมตัวใส่เมื่อกี้นี้ ดูให้หน่อยว่ามันยุ่งหรือเปล่า”
เย่ชุ่ยพูดขึ้นยิ้ม ๆ “นายท่านหญิงเจ้าขา นายท่านหญิงสำรวมที่สุด ผมจะยุ่งได้ยังไงล่ะเจ้าคะ”
กงหว่านเองก็รีบพูดสำทับ “ใช่เจ้าค่ะท่านย่า… ท่านย่าทำใจให้สบายและรอพี่ชายใหญ่มาคารวะยามเช้าก็พอแล้วเจ้าค่ะ เมื่อถึงตอนนั้นพี่ใหญ่จะต้องพูดว่านี่คือท่านย่ารึ ? ไม่เจอนานกว่าสิบปีแต่ทำไมยังสาวยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย”
“เจ้าเด็กชอบยั่วเย้าคนอื่นอย่างเจ้าบังอาจมาหยอกเย้าท่านย่าของเจ้าได้นะ” นายท่านหญิงตี๋ตำหนิกงหว่านอย่างไม่พอใจ แต่นางกลับรู้สึกสบายใจกับคำพูดนี้ หัวคิ้วนางคลายออกเล็กน้อย