แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 392 ลงโทษ
“ถุย!”
เผิงชื่อจินถุยน้ำลายใส่หน้าติงเหลียนเชิงอย่างสะใจจนสีหน้าติงเหลียนเชิงพลันเปลี่ยนไป หลังจากที่เขาลุกยืนขึ้นมาได้ก็ถีบหน้าเผิงชื่อจินเข้าเต็มเปา
“ลุงเผิง!” เผิงไฉ่เสียเห็นลุงตัวเองล้มกองอยู่บนพื้นก็เบิกตาโตรีบโถมตัวไปตรงหน้าผู้เป็นลุงโดยไม่สนใจความเจ็บปวดตามร่างกายอีกแล้ว ทั้งร่างของนางสั่นเทิ้มแต่ท่าทีกลับแน่วแน่มาก
“พี่ติง พี่… พี่อย่าเป็นแบบนี้” นางรวบรวมความกล้าเอ่ยห้าม
ติงเหลียนเชิงเชยคางให้เผิงไฉ่เสียเงยหน้าขึ้น “อย่าเป็นแบบนี้คือยังไง ที่ข้าเป็นคือมันเป็นแบบไหนล่ะ เดิมทีเราต่างก็สบายดีกันทั้งคู่ เจ้าเป็นคุณนายติงของเจ้าไป ส่วนข้าเป็นพี่ติงของข้า แต่ดูเจ้าสิ แต่งกับข้าแล้วยังไปพูดแทนไอ้บัดซบถูคนนั้นอีก หืม ? เสียเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าเจ้าควรถูกลงโทษไหม ?”
น้ำตาใสไหลลงมาจากหางตาเผิงไฉ่เสีย “พี่ติง… ทุกสิ่งทุกอย่างนี่คือพี่หลอกข้ารึ ?”
“ข้าจะหลอกในสิ่งที่เราต่างก็สมัครใจได้ยังไงเล่า ?!” ติงเหลียนเชิงปล่อยคางเผิงไฉ่เสียแล้วหัวเราะลำพองใจ ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาอยากได้ก็ตกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว เรื่องความสัมพันธ์กับแม่นางเผิงไม่สำคัญกับเขาอีกต่อไป
เผิงไฉ่เสียไร้เรี่ยวแรง รู้สึกสิ้นหวังอยู่ตรงหน้าเผิงชื่อจิน “ถ้าอย่างนั้นไอ้เลวที่มาก่อกวนข้าเมื่อวันก่อนคือคนที่พี่ส่งมาจริง ๆ ใช่ไหม ?”
ติงเหลียนเชิงหยุดหัวเราะ เขามองสาวน้อยตรงหน้านิ่ง ๆ น้ำเสียงของเขาแทบเรียกได้ว่าเยาะเย้ย “เสียเอ๋อร์ ทำไมผู้หญิงอย่างเจ้าต้องซักถามจุกจิกให้มากความด้วย หลงเหลือความสวยงามไว้สักนิดเถอะ จะได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างราบรื่น”
นี่เท่ากับเป็นการยอมรับแล้ว
สำหรับเผิงไฉ่เสีย ความทรงจำเกี่ยวกับพี่ติงของนางในอดีตพังทลายอยู่ในสมอง สุดท้ายนางก็ร้องไห้ออกมาด้วยความสิ้นหวังแสนเศร้าใจ
เพียงน้ำตาหยดเดียวหยดลงพื้น เสียงคำรามดังขึ้นทันควัน “ใช้ชีวิตต่อไปบ้านแม่เจ้าสิ!” ถูซีว่างพุ่งตัวเข้ามาจากรถเข็น ง้างหมัดซัดจมูกติงเหลียนเชิงเต็มแรง
ในระยะใกล้เช่นนี้ ติงเหลียนเชิงไม่ทันได้ตอบสนองอะไรก็ถูกถูซีว่างต่อยหน้าหงาย เลือดเขาไหลออกมาจากจมูกทันทีจนต้องใช้มือป้องจมูกด้วยท่าทางจนตรอก เขาทั้งโมโหทั้งอับอาย “เฮ้ยพวกเอ็ง! ฆ่ามันให้ตาย! ฆ่ามัน!”
เขาไม่คาดคิดว่าถูซีว่างจะไม่เป็นอัมพาตตามที่เขาตั้งใจไว้ ซ้ำร้ายยังกล้าบุกเดี่ยวเข้ามาในงานแต่งงานของเขาด้วย เดิมทีเขาคิดว่าถูซีว่างเป็นอัมพาตจึงปล่อยตัวตามสบายไม่ทันได้ระมัดระวังอะไรมากนัก
ถูซีว่างถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างแรงด้วยท่าทางไม่กลัวตาย “ไอ้เด็กน้อยตระกูลติงชิงหมาเกิด! วันนี้เจ้ากล้ารังแกน้องเผิง ข้าจะสู้กับเจ้าให้ถึงที่สุด!”
ผู้คนนับไม่ถ้วนกรูกันเข้ามาใกล้ถูซีว่างพร้อมด้วยอาวุธในมือ ด้านหลังเขาเป็นเผิงไฉ่เสียกับเผิงชื่อจิน บางคนจึงรู้สึกลังเลเล็กน้อย “แล้วจะทำยังไงกับเจ้าสาวล่ะพี่ใหญ่ติง ?”
ติงเหลียนเชิงพูดอย่างไร้ความปราณีด้วยรอยยิ้มน่าขยะแขยงเต็มทน “เดิมทีถ้านางยอมเป็นเมียข้าอย่างว่านอนสอนง่าย ข้าสัญญาว่าจะทำให้นางได้อยู่ดีกินดี แต่ในเมื่อนางเลือกเป็นศัตรูกับข้า เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าโหดเหี้ยม! ถึงยังไงสิ่งที่ข้าอยากได้ก็อยู่ในมือข้าแล้ว นอกนั้นไม่สำคัญอะไรอีก ฆ่าทิ้งให้หมด เมื่อถึงวันพรุ่งก็บอกว่าเจ้าสาวตายหลังจากทำพิธีไหว้ฟ้าดินเสร็จ”
ชายคนหนึ่งหัวเราะและพูดขึ้น “โธ่พี่ใหญ่ติงอย่าทำแบบนั้นสิ เจ้าสาวพี่ผิวนวลเนียนละเอียดอ่อน ถ้าฆ่าทิ้งคงน่าเสียดายแย่ พี่ส่งต่อให้พวกข้าได้ลองลิ้มชิมรสให้ถึงอกถึงใจดีกว่า~”
น้ำเสียงหื่นกามตัณหามาเต็มเช่นนี้ เผิงไฉ่เสียไม่เคยลืมเลย… เขา… ไอ้ผู้ชายคนนี้คือคนที่ขวางทางนางในซอยในวันนั้นและพยายามทำมิดีมิร้าย
เขาเป็นคนของติงเหลียนเชิงจริง ๆ!
ทว่าชายคนนั้นยังพูดไม่ทันจบก็เห็นว่ามีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาตรงหน้า ก่อนที่หมัดหนัก ๆ จะต่อยมาอย่างโหดเหี้ยม อีกฝ่ายต่อยจนเขาล้มกระแทกพื้นเลยทีเดียว
เผิงไฉ่เสียใช้มือปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงออกมา ขณะเดียวกันถูซีว่างต่อยชายคนนั้น ดวงตาเขาแดงก่ำโกรธแค้น “ลองลิ้มรสหมัดข้าก่อนสิวะไอ้เวรเอ๊ย!”
ชายคนนั้นส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา แต่ความน่าเกรงขามของถูซีว่างมีมากเกินไปจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาชั่วขณะหนึ่ง
“พวกเจ้าจะยืนงงอยู่ทำไม ?! ไปฆ่ามัน!” ติงเหลียนเชิงตะโกนอย่างเดือดดาล
ทันใดนั้นเอง ประตูลานบ้านเปิดกว้าง เจ้าหน้าที่ทั้งขบวนก็เข้ามาในลานบ้านอย่างน่าเคารพยำเกรง แต่ละคนมีดาบอยู่ตรงเอว พวกเขาก้าวเข้ามาภายใต้การนำของผู้นำ
ชายผู้เป็นผู้นำแต่งกายในแบบหัวหน้าสายตรวจ เขาโบกมือก่อนจะพูดขึ้น “กลางวันแสก ๆ มารวมตัวกันทะเลาะวิวาทอย่างโจ่งแจ้ง วุ่นวายนัก จับพวกเขาทั้งหมด!”
คนพวกนี้ไม่มีใครคิดว่าอาวุธในมือของพวกเขาจะกลายเป็นหลักฐานกระทำความผิดและถูกจับพร้อมของกลางเช่นนี้ พวกอันธพาลท้องถิ่นที่ยังคงทำท่าทางน่าเกรงขามเมื่อครู่ถูกใส่กุญแจมือทีละคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ติงเหลียนเชิงตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าหน้าที่จะมากันเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาเองก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว แม้แต่ถูซีว่างที่ชกต่อยคนอื่นก็ถูกควบคุมตัวเช่นกัน
สถานการณ์เลวร้ายลง คนทั้งหมดต่างก็ถูกคนของทางฝ่ายราชกาควบคุมตัวไป
เผิงไฉ่เสียถึงกับพูดไม่ออก ส่วนเผิงชื่อจินผู้เป็นลุงลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบากพลางเช็ดเลือดตรงมุมปาก “นี่…”
ผู้นำเจ้าหน้าที่พูดขึ้นอย่างน่าเกรงขาม “เราได้รับรายงานมาว่ามีคนจัดงานแต่งงานหลอก ๆ และพยายามทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมในงาน เมื่อครู่ที่พวกข้าอยู่ข้างนอก ข้าได้ยินเสียงตะโกนว่าฆ่าคนอย่างชัดเจน ตอนนี้คนเหล่านั้นถูกจับแล้ว ทางเราจะควบคุมตัวพวกเขาไปที่ว่าการ”
เมื่อผู้นำคนนั้นโบกมือ พวกคนที่อยู่ในลานบ้านก็ถูกควบคุมตัวไปทั้งหมด แต่เผิงชื่อจินกับเผิงไฉ่เสียนั้นถูกพบว่าตกเป็นผู้เคราะห์ร้าย ทางฝ่ายราชการจึงปล่อยตัวพวกเขาไปในขณะที่คนก่อกวนอย่างถูซีว่างได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตัดสินความผิด ลงโทษโดนตีรวมสามสิบไม้กระดาจากกรณีชกต่อย ส่วนพวกพกอาวุธที่เหลือทั้งหมดถูกลงโทษด้วยการตีคนละสามสิบไม้กระดานเช่นกันเนื่องจากรวมตัวกันทะเลาะวิวาท นี่ไม่ถือว่าเป็นการลงโทษหนักหนาสาหัสอะไร ทว่ามีอยู่คนหนึ่งต้องรับโทษหนัก ไม่รู้เป็นยังไงมายังไง จู่ ๆ ติงเหลียนเชิงก็ทำตัวมีพิรุธแปลก ๆ จนเจ้าหน้าที่ผู้เก่งกาจคนหนึ่งสงสัยและสืบสวนจนได้เรื่องได้ราวว่าติงเหลียนเชิงเคยคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วถึงสามชีวิต!
จับคนร้ายตัวเป้งได้ ก็เท่ากับว่านี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คาดไม่ถึง
ตอนที่ถูซีว่างถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากถูกตีสามสิบไม้กระดาน พวกลูกน้องกลุ่มหนึ่งของเขาปิดกั้นตรงทางเข้าที่ว่าการเพื่อมารับเขากลับ พวกลูกน้องต่างพากันชมเปาะว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาห้าวหาญมาก สามารถจับศัตรูเข้าคุกเข้าตารางได้
ถูซีว่างมองไปรอบบริเวณแล้วไม่เห็นสองลุงหลานเผิงชื่อจินกับเผิงไฉ่เสีย เขาจึงถอนหายใจด้วยความผิดหวังก่อนจะเดินคอตกกลับออกไปโดยมีกลุ่มลูกน้องตามหลัง
ในซอยที่อยู่ไม่ไกล เจียงป่าวชิงกับเผิงไฉ่เสียยืนมองถูซีว่างอยู่ที่นั่น ตอนนี้เผิงไฉ่เสียนางเปลี่ยนจากชุดเจ้าสาวเป็นชุดธรรมดา ๆ เรียบร้อยแล้ว นางมองตามจนกระทั่งถูซีว่างลับสายตาไปพร้อมลูกน้องกลุ่มใหญ่ถึงถอนหายใจออกมายาวเหยียดแล้วหันกลับไปก้มศีรษะขอบคุณเจียงป่าวชิง “ข้าต้องขอขอบคุณแม่นางเจียงมากที่ช่วยเราไว้”
แต่เจียงป่าวชิงกลับไม่เต็มใจที่จะยอมรับการก้อมศีรษะของเผิงไฉ่เสียจึงหลบหลีก ปากก็เอ่ยปัด “ไม่หรอก ๆ ข้าแค่ไปบอกให้เจ้าหน้าที่ทราบเรื่องเท่านั้น นี่ก็ปลายปีแล้ว ที่ว่าการต้องเร่งทำผลงาน ตอนที่เจ้าหน้าที่แต่ละคนจับกุมคนร้ายแทบจะเรียกได้ว่าพวกเขาเป็นหมาป่ากระหายเหยื่อได้อยู่แล้ว ส่วนคนโง่อย่างติงเหลียนเชิง เขาแค่ปะทะเข้ากับคมมีดของที่ว่าการเข้าอย่างพอดิบพอดีเท่านั้น”
เมื่อพูดถึงติงเหลียนเชิง สีหน้าเผิงไฉ่เสียสุดแสนเย็นชา แม้นางยอมรับความจริงที่ว่าติงเหลียนเชิงหลอกนางเพื่ออะไรบางอย่างแล้ว แต่นางยังคงไม่อาจปล่อยวางได้ลง
“ข้าไม่รู้เลยว่าพี่ติงจะเป็นคนทุเรศเช่นนี้…” เผิงไฉ่เสียพึมพำ “หรือว่าตอนที่เขาช่วยข้าขึ้นจากน้ำครั้งแรก เขาวางแผนไว้ก่อนแล้ว…”
เดิมทีเจียงป่าวชิงกำลังจะกลับ แต่นางกลับชะงักเมื่อได้ยินที่เผิงไฉ่เสียพูดพึมพำกับตัวเอง “หืม…? ติงเหลียนเชิงเองก็เคยช่วยเจ้าขึ้นจากน้ำด้วยรึ ?”
“ก็เคยช่วยด้วยอย่างนั้นรึ ?” เผิงไฉ่เสียชะงักงัน “แม่นางเจียงหมายความว่ายังไง ?”