แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 391 มีตาหามีแววไม่
ลูกน้องที่เข็นรถให้ถูซีว่าง เข็นมุ่งเข้าไปตรงพรมแดงในงานแต่งงาน
ถูซีว่างตะคอกเสียงดังโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะเยาะของคนอื่นเลย “ไอ้เลวแซ่ติง เจ้าคู่ควรจะแต่งงานกับไฉ่เสียรึไง ?!”
ติงเหลียนเชิงเลิกผ้าคลุมศีรษะสีแดงของเผิงไฉ่เสียออกแล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดตัวเอง “คู่ควรไหมมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า เสียเอ๋อร์เป็นคนตัดสินใจ เสียเอ๋อร์ เจ้าบอกสิว่าข้าคู่ควรที่จะแต่งงานกับเจ้าหรือเปล่า ?”
แม้การแต่งงานในวันนี้แสนเรียบง่าย แต่เผิงไฉ่เสียแต่งกายอย่างสมเกียรติ นางถูกเลิกผ้าคลุมศีรษะเจ้าสาวออกต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ก็ทำอะไรไม่ถูก ไหนจะยังมาถูกติงเหลียนเชิงฉุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างหยาบคายและยังได้ยินเสียงคนผิวปากทั่วบริเวณอีก
นางรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย
แต่เผิงไฉ่เสียเป็นคนรู้จักอะไรสำคัญไม่สำคัญ นางบอกตัวเองว่านี่เป็นเพียงการทำให้นักเลงแซ่ถูคนนั้นเลิกตอแยนาง นางพยายามกลั้นความไม่สบายใจไว้และพูดขึ้นเสียงเบา “ไฉ่เสียเต็มใจแต่งงานกับพี่ติงคนเดียวเท่านั้นจ้ะ…”
ติงเหลียนเชิงหัวเราะยกใหญ่ “ไงล่ะ ได้ยินเต็มสองหูเจ้ารึยัง ? ถูซีว่าง เจ้ามันเป็นคนชั่วช้าที่เหยียดหยามครอบครัวของเสียเอ๋อร์มานาน วันนี้ข้าจะออกหน้าแทนนางเอง เจ้าต้องชำระหนี้อย่างสาสม!” พูดจบ เขาก็โบกมือส่งสัญญาณ ทันใดนั้น ลูกน้องของเขาหลายคนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงานทยอยชักมีดยาวออกมา
เผิงชื่อจินตกใจหน้าถอดสี แสงสีเงินวาบสะท้อนจากใบมีดแวววาวนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“พี่ติง นี่มัน…” น้ำเสียงเผิงไฉ่เสียสั่นคลอนขณะมองหน้าติงเหลียนเชิงที่เต็มไปด้วยความลำพองใจ เขายิ้มบ้าคลั่งอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
“เสียเอ๋อร์เอ๋ย เจ้าไม่ต้องกลัว นี่เป็นเพียงการสับเปลี่ยนฮวงจุ้ยเท่านั้น วันนี้ถ้าเราสามารถจัดการตัวปัญหาอย่างไอ้ถูซีว่างได้แล้ว ต่อไปพื้นที่ที่ไอ้ถูมันเคยคุมก็จะกลายเป็นของเรา”
เผิงไฉ่เสียตกตะลึงมองติงเหลียนเชิง ในความประทับใจของนาง พี่ติงเป็นคนอ่อนโยนเหมือนผิวน้ำไหลเอื่อย ๆ เสมอมา เขามีด้านที่บ้าคลั่งน่าหวาดกลัวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
น่าแปลกที่ในหัวใจของเผิงไฉ่เสียเกิดความรู้สึกหวาดกลัวติงเหลียนเชิงที่อยู่ในสภาพนี้โดยไม่รู้เลยว่ามันเริ่มต้นจากจุดใด
หลังจากนั้นสักพักใหญ่ เผิงไฉ่เสียถึงเข้าใจว่าคนที่นางเคยชอบน่าจะเป็นติงเหลียนเชิงที่ตรงตามความเพ้อฝันของนางคนนั้น แต่ตอนนี้ที่ธาตุแท้ของเขาเผยให้เห็นต่อหน้าทีละนิด จู่ ๆ นางกลับพบว่านี่ไม่ใช่ติงเหลียนเชิงที่นางรู้จักเลย ว่าที่สามีของนางคนนี้แตกต่างกับพี่ติงที่นางรู้จักอย่างสิ้นเชิง ความหวาดกลัวไม่มีที่มาที่ไปในใจนี้ประหนึ่งความมืดอันไม่สามารถสลัดออกได้ และมันกำลังรัดหัวใจของนางไว้แน่น
“ถุย!” ถูซีว่างถ่มน้ำลายลงพื้น “ไอ้หัวขโมยติง เจ้าเผยหางจิ้งจอกออกมาแล้วสิ นี่ยังมีหน้ามาด่าว่าข้าเป็นอันธพาลท้องถิ่นอีก เจ้าเองก็ไม่ต่างกันนั่นล่ะวะ แม่นางเผิงเลือกไปเลือกมา ดันไปเลือกคนชั่วอย่างเจ้า มีตาแต่หามีแววไม่!”
เผิงไฉ่เสียฟังเงียบ ๆ โดยไม่ได้ปริปากพูดอะไรแม้แต่น้อย
ติงเหลียนเชิงเย้ยหยัน “โย! ไอ้ถู เจ้ากลายเป็นคนที่เอาแต่พูดอย่างเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่วะ นี่เจ้าคงจะขยับตัวไม่ได้แล้วล่ะสิ ?!”
ถูซีว่างหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ต่อให้ข้าขยับตัวไม่ได้ ข้าก็ฆ่าเจ้าให้ตายได้! ไอ้หัวขโมยติง เจ้าบอกมาตามตรงว่าเจ้าส่งคนให้มาทุบข้าด้วยไม้พลองใช่ไหมวะ ?!”
มีหรือที่ติงเหลียนเชิงยังจะให้ความสนใจถูซีว่างอีก ในความคิดของเขา ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่ถูซีว่างควรถูกเขาแย่งชิงอำนาจ
ติงเหลียนเชิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ข้าจะบอกตรง ๆ ก็ได้ว่าข้าเป็นคนสั่งให้ทำเอง เดิมทีแค่ต้องการทำให้เจ้าไม่ต้องมาขัดหูขัดตา ชอบมายุ่งเรื่องของข้ากับเสียเอ๋อร์ดีนัก แต่ไม่คิดว่าไม้พลองนั่นจะทำเอาเจ้ากลายเป็นคนพิการเช่นนี้ เห็นไหมว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยังทนดูหน้าเจ้าต่อไปไม่ได้!”
เผิงไฉ่เสียตกใจเอามือปิดปาก ติงเหลียนเชิงที่อยู่ตรงหน้าแตกต่างกับพี่ติงในความประทับใจของนางมากขึ้นเรื่อย ๆ…
“เจ้ายังอยากพูดอะไรอีกไหม ?” ติงเหลียนเชิงยิ้มลำพองใจ “ก่อนเจ้าจะตาย ข้าทำให้เจ้าเป็นผีที่รู้เรื่องทุกอย่างได้ ถือซะว่าการแต่งงานของข้ากับเสียเอ๋อร์ทำให้เจ้ามีความสุขก่อนตายก็แล้วกัน!”
“ได้! ข้าจะถามเจ้าเรื่องสุดท้าย” ถูซีว่างมองติงเหลียนเชิงนิ่ง ๆ“ ก่อนหน้านี้ที่ไฉ่เสียเกือบถูกรังแก ตอนนั้นไอ้นั่นบอกว่าข้าเป็นคนส่งมันไป แต่ข้าไม่เคยส่งใครไป ไหนเจ้าลองบอกมาซิว่าไอ้บ้านั่นเป็นคนที่เจ้าส่งไปหรือเปล่า!”
ร่างของเผิงไฉ่เสียส่ายไปมา นางโซเซยืนจะล้มเต็มที
ติงเหลียนเชิงโอบกอดเผิงไฉ่เสียแล้วพูดเสียงเย็นชา “คนอย่างเจ้ามันชั่วร้ายมาก ข้าต้องการแต่งเสียเอ๋อร์เข้าบ้าน แล้วข้าจะสั่งให้คนไปรังแกนางได้ยังไง เจ้าจงใจพูดแบบนี้เพื่อสร้างรอยร้าวระหว่างเสียเอ๋อร์กับข้า เจ้ามันชั่ว! เอาล่ะ ข้าไม่ไว้หน้าเจ้าแล้ว เฮ้ยพวกเจ้า! พาตัวมันออกไปแล้วโยนลงไปเป็นอาหารปลาในคูเมืองวันพรุ่ง!”
ติงเหลียนเชิงออกคำสั่งเสียงดัง
แต่ร่างของเผิงไฉ่เสียกลับแข็งทื่อ นางรู้ดีว่านางไม่ควรสงสัยในตัวติงเหลียนเชิง แต่พี่ติงในวันนี้ดูแปลกไปจากเดิมจริง ๆ แปลกมากจนดูเหมือนเป็นคนละคน ไม่เหมือนกับพี่ติงในยามปกติแม้แต่นิดเดียว
“เดี๋ยว…” เผิงไฉ่เสียได้ยินเสียงของตัวเองที่ดังขึ้นด้วยความยากลำบาก
ติงเหลียนเชิงมองนางอย่างประหลาดใจ ในความคิดของเขา นางเป็นเพียงดอกไม้ที่เชื่อฟัง ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง และจะมั่นคงที่สุดเมื่อแต่งผู้หญิงแบบนี้กลับมาเก็บไว้หลังบ้าน
ไม่คิดว่านางจะกล้าพูดคำว่า “เดี๋ยว” ออกมาเช่นนี้ ติงเหลียนเชิงจึงมองเผิงไฉ่เสียอย่างนึกสนใจ “เสียเอ๋อร์ เจ้าอยากพูดอะไรรึ ?”
ทุกอย่างมักยากในตอนเริ่มต้นเสมอ แต่หลังจากที่เผิงไฉ่เสียพูดว่า “เดี๋ยว” ออกไปแล้ว คำพูดต่อไปของนางก็ราบรื่นขึ้นมาก นางกัดริมฝีปากล่าง “พี่ติง แม้อันธพาลท้องถิ่นนั่นจะน่ารังเกียจ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องฆ่าเขาหนิ ทุบตีเพื่อระบายอารมณ์ก็พอ…”
ความโหดร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของติงเหลียนเชิง เขาคว้าคอเสื้อเผิงไฉ่เสีย น้ำเสียงของเขาโหดร้ายแบบที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน “อ้อ เมื่อกี้เจ้าขอความเมตตาจากข้าแทนไอ้อันธพาลท้องถิ่นนั่นรึ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังพูดอะไร ?!”
ติงเหลียนเชิงที่เผิงไฉ่เสียเคยเห็นนั้นอ่อนโยน สุภาพ เอาใจใส่ และจิตใจดี ต่างจากอันธพาลท้องถิ่นถูซีว่างที่ชอบข่มเหงนางอย่างสิ้นเชิง นี่ทำให้นางรักติงเหลียนเชิงอย่างไม่ลังเลและถึงกับเคยคิดว่าจะหนีไปกับเขาด้วยซ้ำ
แต่ในตอนนี้ นางกลับรู้สึกสิ้นหวังที่พบว่าความอ่อนโยนจิตใจดีต่างเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ! พี่ติงตัวจริงคือชายที่จ้องนางอย่างโหดเหี้ยมราวกับอยากฉีกนางเป็นชิ้น ๆ ให้รู้แล้วรู้รอดที่อยู่ตรงหน้านางคนนี้ต่างหากเล่า!
“เสียเอ๋อร์ อยู่ดี ๆ ทำไมเจ้าต้องขอความเมตตาแทนไอ้เถื่อนนั่นด้วย ?” ติงเหลียนเชิงตบแก้มเผิงไฉ่เสียเบา ๆ น้ำเสียงเขาอ่อนโยนแต่สีหน้ากลับโหดร้ายทารุณ “หรือว่าเจ้าเคยแอบไปมีความสัมพันธ์กับไอ้คนเถื่อนนั่น ?! พูดสิ!”
เขาคว้าคอเสื้อนางราวกับต้องการบีบคอที่อ่อนปวกเปียกของนาง
“เจ้าปล่อยไฉ่เสียเดี๋ยวนี้นะ!” เผิงชื่อจินเปลี่ยนจากความตกตะลึงเป็นความโกรธระคนร้อนใจ แต่เขาเพียงแค่มางานแต่งงาน แตกต่างจากพวกของติงเหลียนเชิงที่พกอาวุธติดตัวครบมือ
เผิงชื่อจินเพิ่งพุ่งตัวเข้าไป แต่เขาคนเดียวยากที่จะเอาชนะคนมากมาย ไม่นานก็ถูกพวกลูกน้องของติงเหลียนเชิงถีบจนล้มลงกับพื้น
ติงเหลียนเชิงโยนร่างเผิงไฉ่เสียไปด้านข้างก่อนจะเดินไปตรงหน้าเผิงชื่อจินที่ถูกถีบล้มลง เขานั่งยอง ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน “ลุงเผิงรู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่ ข้าเป็นหลานเขยของลุงนะ ตะเพิดใส่ข้าทำไม ฮึ ?”