แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 385 ฟื้นแล้ว
หวังชื่อเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ นางตบขาดังฉาด “อ้อ ใช่แล้ว ข้าต้องไปหาพ่อของเขาเพื่อบอกว่าไม่ต้องซื้อโลงศพขจัดเสนียดจัญไรอะไรนั่นแล้ว ถ้ามีอะไรผิดพลาด เรายังมีหมอเทวดาคอยดูแลให้”
พูดจบ นางก็เหลือบมองเจียงป่าวชิงอย่างมีความหมายก่อนจะพ่นลมออกมาทางจมูกแล้วเลิกม่านประตูเดินออกไป
เจียงป่าวชิงไม่สนใจหวังชื่อ แต่ครูเวินกลับโมโหเหลือจะทน นางรู้สึกว่าใบหน้าแก่ของนางถูกฝังทั้งเป็นที่นี่ในวันนี้จนไม่เหลืออะไรแล้ว
ฟังสิ่งที่หวังชื่อพูดสิ นางอายุมากแล้วแต่กลับต้องมาอับอายหน้าแดงก่ำเช่นนี้
ผู้หญิงที่ดีอย่างแม่นางเจียงซึ่งไม่ใช่ญาติแม่นมของนางอุตส่าห์เห็นแก่นาง อีกฝ่ายถึงได้มาที่นี่กับนางในตอนเช้าตรู่ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็น
ไม่ได้รับคำขอบคุณก็ว่าแย่แล้ว หวังชื่อยังมาพูดเหน็บแนมเสียมารยาทอีก นางอยากมุดลงไปใต้พื้นดินด้วยเพราะอับอายจริง ๆ!
“แม่นางเจียง ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยจริง ๆ” ครูเวินกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด “ข้าอาศัยที่ว่าตัวข้าเป็นครูสอนหนังสืออาฉิงกับชุนหยู่เพื่อมาขอความช่วยเหลือเจ้าและข้าเทหมดหน้าตัก เดิมทีที่เจ้ายอมมาด้วยก็เป็นความกรุณายิ่งใหญ่มากแล้ว แต่เจ้ากลับต้องมาเจอเรื่องน่าเบื่อเช่นนี้ นี่มันช่าง… ช่าง…”
นางไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
ครูที่มีคุณธรรมเพียบพร้อมกลับต้องมารู้สึกอับอายขายหน้าต่อหน้านางนี่น่าสงสารนัก เจียงป่าวชิงไม่ได้เก็บคำพูดของหวังชื่อมาใส่ใจ ต่อให้นางโกรธจริง ๆ ก็ไม่มีอารมณ์อะไรแล้วในตอนนี้
“เราเลือกเองไม่ได้หรอกจ้ะครู ว่าต้องการมีญาติแบบไหน” เจียงป่าวชิงปลอบ “ข้าเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ครูเวินไม่ต้องรู้สึกผิดนะจ๊ะ”
ครูเวินได้ยินเจียงป่าวชิงพูดมาเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิด นางจึงตัดสินใจในใจว่าจะต้องสอนหนังสืออาฉิงกับชุนหยู่อย่างเต็มที่ที่สุด มิเช่นนั้นจะเป็นการทำผิดต่อความจริงใจของแม่นางเจียง
หลังจากปลอบครูเวินเสร็จแล้ว เจียงป่าวชิงก็เปิดกล่องยาที่นำมาด้วย และหยิบกระเป๋าใส่เข็มออกมา
นี่คือเข็มที่ถูกทำขึ้นโดยร้านขายเครื่องเงินที่นางหาได้เมื่อไม่กี่วันก่อน และเนื่องจากเข็มจำนวนมากไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่คาดหวังไว้ นางจึงส่งกลับไปให้ที่ร้านทำเข็มขึ้นใหม่อยู่หลายครั้ง
เจียงป่าวชิงขอให้ครูเวินไปหาเหล้ากับเทียนไขมาให้ หลังจากที่เตรียมของเรียบร้อยแล้วก็ขอให้ครูเวินช่วยถอดเสื้อผ้าของฉินโผ จากนั้นนางนำเข็มไปแทงตรงจุดฝังเข็มทั้งหก โดยแบ่งเป็นจุดเฟิ่งฉือ จุดไป่ฮุ่ย จุดยิ้นถัง จุดเหอกู่ และจุดไท่ชง
นี่เป็นครั้งแรกที่ครูเวินเห็นเจียงป่าวชิงฝังเข็ม นางตะลึงตาค้างพูดไม่ออกเลยทีเดียว “นี่… นี่คือ…”
“นี่เป็นสิ่งที่ผู้วิเศษที่ซ่อนเร้นความสามารถของตัวเองไว้ท่านหนึ่งเคยสอนข้าในอดีตน่ะจ้ะ” เจียงป่าวชิงโกหกเกี่ยวกับเรื่องการฝังเข็มโดยไม่ได้ตั้งใจ และฝังเข็มต่อไปด้วยสีหน้าราบเรียบคงเดิม “มันเป็นวิธีการรักษาอย่างหนึ่ง ครูเวินไม่ต้องตกใจไปจ้ะ”
ต้องบอกว่าครูเวินเป็นคนที่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีจริง ๆ คนที่อ่านหนังสือมากเท่าไรก็จะยิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของโลกเท่านั้น ไม่แปลกที่จะมีสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
ไม่นานครูเวินก็สงบลงพลางมองเจียงป่าวชิงแทงเข็มเงินทั่วร่างของฉินโผ
แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นฉากนี้เป็นครั้งแรก หัวใจของครูเวินก็กระโดดขึ้นมาถึงคอหอย แต่เมื่อเห็นท่าทางสุขุมเยือกเย็นของเจียงป่าวชิง ความมั่นใจของนางก็มีมากขึ้นเช่นกัน
…
เวลาผ่านไปสองก้านธูป ซุนจงเลี่ยงก็วิ่งกลับมาพร้อมยาสองสามห่อ เนื่องจากร้านขายยาที่อยู่ในละแวกนี้ยังไม่เปิด เขาจึงวิ่งตามหาร้านขายยาอยู่หลายที่ ในที่สุดก็ซื้อยากลับมาจนได้
เมื่อซุนจงเลี่ยงเข้ามา เขาก็เห็นว่าสาวน้อยหน้าตาสะสวยคนนั้นกำลังดึงบางอย่างออกจากร่างของท่านย่าเขา เมื่อจ้องมองดูดี ๆ ถึงพบว่ามันคือเข็ม!
ซุนจงเลี่ยงตกใจจนห่อยาในมือร่วงหล่นลงไปบนพื้น ทว่าเจียงป่าวชิงไม่สนใจการตกใจนี้ในขณะที่ครูเวินตกใจตามเล็กน้อย แต่นางก็รีบกระแอมและอธิบายให้ซุนจงเลี่ยงรับรู้ “เอ่อ… นี่คือทักษะเฉพาะของแม่นางเจียง เจ้าไม่ต้องตกใจไป นี่เป็นวิธีรักษาอย่างหนึ่ง”
ซุนจงเลี่ยงยังคงลังเล แต่ด้วยความไว้วางใจในตัวครูเวินเขาจึงไม่พูดอะไรมากไปกว่า “แบบนี้ท่านย่าจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหม ?”
ตอนนี้เจียงป่าวชิงเก็บเข็มเงินใส่ในกระเป๋าใส่เข็มสำรองแล้ว นางจับชีพจรให้ฉินโผอีกครั้ง “อื้ม ดีขึ้นเล็กน้อย ถ้ายืดหยัดรักษาต่อไปก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไรตามมา”
ซุนจงเลี่ยงดีอกดีใจอย่างมาก
เจียงป่าวชิงยิ้มให้กำลังใจพลางสั่งให้ซุนจงเลี่ยงไปหาไม้กระดานที่ตรงและแข็งมากมาสักสองแผ่น นางจะทำให้ขาที่หักของฉินโผคงที่โดยการดามด้วยไม้ เสร็จแล้วก็สั่งให้ซุนจงเลี่ยงไปต้มยา นางใช้ซุนจงเลี่ยงจนเขาวิ่งวุ่นไปทั่วแต่เขาก็เต็มใจ
ส่วนครูเวินนั้นนางก็อยากช่วย แต่ถูกเจียงป่าวชิงห้ามไว้
ตามคำพูดของเจียงป่าวชิงคือตระกูลซุนต้องออกแรงเพื่อช่วยฉินโผบ้าง
ครูเวินถอนหายใจเงียบ ๆ
ผ่านไปไม่เท่าไหร่ ฉินโผก็ฟื้นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ทันทีที่ครูเวินเห็น นางก็ตื่นเต้นยากที่จะปกปิดอาการไว้ได้ นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับถูกหวังชื่อที่มาถึงอย่างพอดิบพอดีผลักไปข้าง ๆ ก่อน แล้วหวังชื่อก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปพูดกับฉินโผอย่างกระตือรือร้น
“แม่ ในที่สุดแม่ก็ฟื้นซะทีนะ เราตกใจกันแทบแย่” พูดจบ นางก็แสร้งทำเป็นหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดที่หางตา “แม่ไม่รู้อะไร ที่แม่สลบไปทำให้คนในบ้านยุ่งวุ่นวายไปกันหมด ข้ากับเอ้อมู่ร้อนใจแทบแย่ ส่วนจงเลี่ยงก็มีจิตใจกตัญญู เขาวิ่งไปวิ่งมาทั่วทุกที่เพื่อจัดการเรื่องให้แม่ ไม่สิ ยาต้มที่แม่ดื่มเมื่อกี้น่ะ เป็นยาที่จงเลี่ยงไปตามหาอยู่หลายร้านถึงจะสามารถซื้อกลับมาให้แม่ได้!”
ซุนจงเลี่ยงรู้สึกเก้อเขินอย่างมาก แต่เขาไม่สามารถเลื่อยขาเก้าอี้แม่ตัวเองได้จึงทำได้เพียงยืนยิ้ม ลูบศีรษะอยู่ตรงนั้น และปล่อยให้แม่ของเขาส่งสายตาให้เขาโดยที่เขาไม่ได้เดินเข้าไปโอ้อวดความดีความชอบอะไร
ฉินโผไม่สนใจหวังชื่อ นางหมุนศีรษะอย่างยากลำบากราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง “เมื่อสักครู่ เหมือนข้าได้ยินเสียงของอาหนาน…”
อาหนานเป็นชื่อเล่นของครูเวิน หลังจากที่ครูเวินออกเรือนในเวลาต่อมา ฉินโผก็ไม่ได้เรียกครูเวินด้วยชื่อเล่นอีก แต่เรียกชื่ออย่างเป็นทางการ
ครูเวินขานรับด้วยน้ำตาคลอเบ้าพลางก้าวเท้าเดินเข้าไปหาฉินโผ “อาหนานอยู่นี่จ้ะ”
ฉินโผหรี่ตาลงเพื่อรับแสงอยู่สักครู่ราวกับเพิ่งเห็นครูเวินอย่างชัดเจน นางยิ้มอย่างปลื้มใจพร้อมทั้งลูบมือครูเวิน และถึงแม้ว่าน้ำเสียงของนางจะอ่อนแอแต่นางกลับดูมีชีวิตชีวามาก
“ข้าบอกแล้วว่าข้ายังไม่ถึงขั้นหูหนวกตาลาย ก็เห็นอยู่ว่าได้ยินเสียงเจ้า”
“แม่นม…” ครูเวินเรียกอย่างเป็นกังวล นางยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
ฉินโผตบมือครูเวินเบา ๆ “เอาล่ะ เจ้ากลับไปเถอะ ที่บ้านข้าทั้งมืดสลัวและอบอ้าว เจ้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ยังไงก็อย่าอยู่ที่นี่นานเกินไปจะดีที่สุด”
หวังชื่อหัวเราะและรีบพูด “ใช่ ๆ ๆ มีเราคอยดูแลอยู่ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว เจ้ารีบกลับไปเถอะ”
ฉินโผกลับยังคงไม่สนใจหวังชื่อ นางเพียงเรียกชื่อของลูกชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย “เอ้อมู่! ส่งคุณนายเวินกลับ”
ซุนเอ้อมู่เดินออกมายืนอย่างประหม่า “เอ่อ… คุณนายเวิน ข้าจะไปส่งพวกท่าน”
ครูเวินจึงต้องพยักหน้า “แม่นม แล้วข้าจะมาเยี่ยมแม่นมใหม่นะจ๊ะ”
ตอนที่พาครูเวินกับเจียงป่าวชิงมาส่งถึงที่หน้าบ้าน ซุนเอ้อมู่ก็พูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิดและลำบากใจเล็กน้อยว่า “เมื่อครู่จงเลี่ยงเล่าให้ข้าฟังแล้ว โปรดคุณนายอย่าได้นำเรื่องวันนี้มาใส่ใจเลยนะ… ผู้หญิงคนนั้นเป็นแบบนี้แหละ เอาแต่คิดจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่ร่ำไป…”
ครูเวินถอนหายใจเบา ๆ “เอ้อมู่ ข้าไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับหวังชื่อสักหน่อย ทำไมต้องนำมาใส่ใจด้วยล่ะ แต่พอดูจากทัศนคติของหวังชื่อแล้ว เจ้าเองก็ต้องระวังไว้หน่อยนะ”
ครูเวินยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
“เฮ้อ… ข้ารู้” ซุนเอ้อมู่ตอบรับเสียงละเหี่ย
ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจความหมายในคำพูดของครูเวินหรือเปล่า