แม่มดสาวมุ่งผึ้ง ตอนที่ 30 ใต้เตียง
ตอนที่ 30 ใต้เตียง
ฮันเปาเม่ยเดาว่ารัศมีสีเหลืองนี้น่าจะเกิดจากเวทย์มนต์วิเศษเพื่อใช้จัดการกับเธอแต่ตันหลี่หมิงไม่ใช่พ่อมดหรือผู้มีอิทธิฤทธิ์
แล้วประกายสีเหลืองอร่ามนี้มาจากไหน?
หรือว่าจะเป็นลูกประคําพุทธคุณที่ข้อมือของเขา?
แม่มดสาวเหลือบตามองไปที่ข้อมือของชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงและต้องการเอื้อมมือไปสัมผัสมัน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะสัมผัส ทันใดนั้นแม่มดสาวก็มีอาการเวียนศีรษะและรู้สึกว่าตนเองเริ่มหายใจติดขัด
ฮันเปาเม่ยจึงรีบหดมือกลับมาและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้
ตัว
“เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าแมวน้อยเบิกตากว้างพร้อมกับเอ่ยถาม
“ไม่รู้ แต่รู้สึกเหมือนโดนดูดพลัง” แม่มดสาวตอบด้วยน้ําเสียงสั่นสะท้าน
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกและนางพยาบาลสาวสวยก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดที่มียาอยู่ด้วย
“คุณต้นคะ! ได้เวลาทานยาแล้วค่ะ!”
“รีบสะกดจิตเร็วเข้า” แมวสีขาวสังอย่างร้อนรน
เมื่อได้ยินคํากล่าวนั้น แม่มดสาวก็เริ่มร่ายมนต์เพื่อสะกดจิตให้พยาบาลถอดสร้อยข้อมือลูกประคําพุทธคุณออกจากมือของต้นหลี่หมิง
“ถอดสร้อยข้อมือก่อนนะคะ…เพราะดิฉันต้องวัดความดัน!”
“ครับ ๆ ” แม้ตันหลี่หมิงจะรู้สึกสงสัยบ้าง แต่เขาก็ยินยอมแต่โดยดี
“ดิฉันขอตัวออกไปเอาเครื่องวัดความดันด้านนอกสักครู่”
พยาบาลสาวคนนั้นเดินกลับออกไปพร้อมกับสร้อยข้อมือลูกประคํา จากนั้นแม่มดสาวก็เริ่มเพ่งพลังจิตอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ดินแดนแห่งความทรงจําของผู้ชายตรงหน้าและครั้งนี้เธอก็สามารถทําได้สําเร็จ
แม่มดสาวพยายามค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับตุ๊กตาเวทมนตร์ของเธอ และพบว่ามันเริ่มต้นจากตันหลี่หมิงได้รับโทรศัพท์ตอนเที่ยงคืนเป็นครั้งแรกและเหตุการณ์ดําเนินไปจนกระทั่งเขาสามารถคาดเดาตัวตนของเปาซื้อได้ในที่สุด
จากนั้นตันหลี่หมิงก็ใช้ชื่อของเด็กผู้หญิงที่ชื่อหลิงเอ๋อจับกุมเด็กผีมากักขังเอาไว้ในโกดังเก็บของแห่งนั้น
” ทําไมถึงโง่อย่างนี้นะ?”แม่มดสาวบ่นพึมพําอย่างหงุดหงิดอีกว่า
“เป็นผีแท้ ๆ ..ดันให้คนหลอกได้ว”
ต่อมาแม่มดสาวก็พยายามสืบหาความจริงเกี่ยวกับหัวข้อต่อไปซึ่งนั่นก็คือสาเหตุการตายของเปาจือ”
ครั้งนี้เธอเห็นภาพเหตุการณ์ที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในช่วงฤดูหนาวและมีเด็กอายุประมาณสี่ขวบสวมหมวกไหมพรมสีแดงสดกําลังอุ้มร่างของทารกน้อยอายุประมาณสามเดือนซึ่งถูกห่อหุ้มอย่างนั้นแน่นหนาวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยอาการตื่นตระหนก
“อาป่าตันครับ! มีคนทิ้งน้องคนนี้ไว้ที่ประตูทางเข้าครับ”
“ไหน? ขอป้าดูซิ” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนอีกว่า
“โอ้! เป็นเด็กผู้หญิงซะด้วย!”
และแม่มดสาวจําได้ในทันที่ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นคือเปาจ่อที่มีอายุประมาณสี่ขวบจากนั้นเธอก็เห็นภาพของตันหลี่หมิงกับเปาจื่อช่วยกันดูแลเด็กหญิงตัวน้อยอย่างอบอุ่น
“เปาจอ! หลิงเอ๋อ เป็นน้องของเธอ…ต่อไปเธอจะต้องดูแลน้องสาวคนนี้ให้ดี
“ครับ! อาป่าตัน..ผมจะปกป้องหลิงเออตลอดไป”เปาจื่อกล่าวอย่างจริงจัง
จากนั้นก็เป็นภาพของเปาจ่อที่ดูเหมือนจะโตขึ้นและใส่ชุดนักเรียนกําลังวิ่งกลับเข้ามาในห้องของหลิงเอ๋อที่อยู่ในบ้านเด็กกําพร้า
“หลิงเอ๋อ …”เปาจื่อวางกระเป๋านักเรียนลงและโผเข้าหาเด็กหญิงที่มีอายุประมาณสามขวบซึ่งนอนอยู่บนเตียง
“เปาจื่อระวังด้วย…หลิงเอ๋อไม่ค่อยสบายๆ
ตอนน้ําเปาจ่อยิ้มอย่างรู้สึกผิดและมีท่าที่อ่อนโยนขึ้นพลางกระซิบกับเด็กหญิงคนนั้น
“หลิงเอ๋อ..อาการดีขึ้นหรือยัง? ยังเจ็บหน้าอกอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่เจ็บแล้ว…หนูกินยาตามที่อาป่าสั่งทุกครั้ง” หลิงเอ๋อกล่าวอย่างเชื่อฟัง
“ดีแล้ว! น้องจะได้ไม่ต้องไปนอนโรงพยาบาลเหมือนกับจินจิน”
“หนคิดถึงพี่จินจินจังเลยค่ะ “ หลิงเอ๋อกล่าวหันไปกล่าวกับชายวัยกลางคนอย่างอ่อนแรงอีกว่า
“อาป่าตัน! เมื่อไหร่จินจินจะกลับมาครับ?” เด็กชายเอ่ยถามบ้าง
“วันนี้ฉันจะไปรับจินจินกลับบ้านแล้ว อีกสักครู่เธอช่วยพาหลิงเอ๋อย้ายออกไปนอนที่ห้องรวมนะเพราะหญิงเหรอจะต้องนอนที่นี่เหรอจ๊ะเธอกลับมาจากโรงพยาบาล”
“ครับ” เปาจื่อตอบรับ
ขณะนี้ภาพในความทรงจําเริ่มกลายเป็นสีดํา และเป็นช่วงเวลากลางคืนในห้องที่หลิงเอ๋ออาศัยอยู่ในตอนกลางวันเวลานี้มีเด็กผู้หญิงอีกคนนึ่งนอนอยู่
ซึ่งนั่นก็คือจินจิน และตันหลี่หมิงที่ยืนอยู่ข้างเตียงเขากําลังปลอบเธออย่างอ่อนโยน
“จินจินเป็นยังไงบ้าง? อดทนนะ! อีกไม่นานเธอก็จะไม่ต้องทรมานอีกต่อไปแล้ว!”
จินจินดูอ่อนแอมากแต่เธอก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะฟังคํากล่าวของตันหลี่หมิงโดยการลืมตากว้าง
“หนูง่วง…” จินจินกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ถ้าง่วงก็นอนซะ” ตันหลี่หมิงห่มผ้าและร้องเพลงกล่อมเด็กอย่างอ่อนโยนหลังจากนั้นการหายใจของจินจินก็แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ จนแทบจะไม่ได้ยินในที่สุด
ในเวลานี้ประตูลับของห้องถูกผลักให้เปิดออก และชายในชุดคลุมสีขาวก็เดินเข้ามาโดยเขาเดินตรงไปที่เตียงนอนของเด็กหญิง จากนั้นก็เอื้อมมือไปตรวจสอบลมหายใจของจินจิน
“เธอไม่หายใจแล้วผมจะเอาตัวเธอไป!”
“รอเดี๋ยว” ตันหลี่หมิงหยุดผู้ชายคนนั้นด้วยการยื่นมือออกไปและจัดระเบียบเสื้อผ้าของจินจินพร้อมกับกระซิบกับเด็กหญิงว่า
“ชาติหน้าขอให้เธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์และมีสุขภาพแข็ง
แรงนะ”
“ฮีฮี..” ชายในชุดคลุมสีขาวยิ้มเยาะ
ตันหลี่หมิงหันหน้าพร้อมกับส่งสายตาพิฆาตไปยังผู้ชายคนนั้นส่งผลให้เขาเปลี่ยนแปลงท่าที่และสงบลงในทันใดหลังจากรอสักพักผู้ชายคนนั้นก็กําชับว่า
“ถ้าปล่อยเอาไว้นานกว่านี้ อวัยวะภายในของเธอจะได้รับความเสียหาย ซึ่งมันจะส่งผลต่อจํานวนเงินที่คุณจะได้รับนะ!”
ในที่สุดทางตันหลี่หมิงก็ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นอุ้มร่างไร้วิญญาณของเด็กหญิงตัวน้อยไป และเขาทั้งคู่ก็เดินไปที่โกดังเก็บของด้วยกัน แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่ทราบว่าเปาจื่อได้แอบอยู่ใต้เตียงและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
จากนั้นภาพก็หมุนกลับไปที่โกดังเก็บของ โดยผู้ชายในชุดขาวอุ้มจินจินเข้าไปด้านใน และต้นหลี่หมิงยืนรออยู่ที่บริเวณประตูหน้าห้องประมาณครึ่งชั่วโมง ต่อมาผู้ชายในชุดคลุมสีขาวก็เดินกลับออกมาพร้อมกับอุ้มกล่องโฟมเก็บความเย็นออกมาหนึ่งใบ
“ร่างนั้นถูกเย็บและทําความสะอาดเรียบร้อยแล้ว! คุณสามารถนําร่างของเธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและส่งไปฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ได้เลย” เขายิ้มเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวอีกว่า
“เงินจะถูกโอนไปที่บัญชีของอดีตภรรยาคุณครึ่งหนึ่งส่วนที่เหลือจะถูกโอนเข้าบัญชีของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าในนามของการบริจาค” หลังจากกล่าวจบชายแปลกหน้าก็เดินจากไปพร้อมกับกล่องโฟมใบนั้น
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์แม่มดสาวก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า
“ไอ้คนชั่ว! สาระเลว…ทําทุกอย่างเพื่อเงิน”
ต่อมาเมื่อตันหลี่หมิงนําร่างของเด็กหญิงกลับมาที่เตียงเดิมที่เธอนอนในตอนแรกแล้ว เขาก็ห่มผ้าให้กับร่างนั้นและเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชั่วอึดใจต่อมาเปาจอก็คลานออกมาจากบริเวณใต้เตียงอีกครั้ง
MANGA DISCUSSION