แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1183 ล้มป่วย
ตอนที่ 1183 ล้มป่วย
คุณป้าถานดึงหลินม่ายเข้ามาในห้องและถามด้วยความเป็นห่วง “หนูเอ๋ย เป็นยังไงมายังไงถึงอยู่ในสภาพนี้? แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ?”
ขณะที่พูด นางยืดศีรษะเพื่อมองไปด้านหลังหลินม่าย
หลินม่ายรู้สึกทั้งเหนื่อยและหิวมาก แต่เธอไม่สนใจที่จะขอป้าถานทำอาหารให้เธอกินด้วยซ้ำ
เธอกล่าวว่า “คนอื่น ๆ ถูกคนจากหมู่บ้านหุบเขาจับตัวไว้ ฉันจะไปที่ว่าการเมืองเพื่อรายงานเรื่องนี้”
หลังจากนั้น เธอตรงไปยังรถสองแถวที่จอดหน้าบ้านตระกูลถานเพื่อขับออกไป
แต่ลุงถานกลัวว่าเธอจะหลงทางระหว่างกลับออกไป จึงยืนกรานที่จะติดตามเธอไปด้วย
ทั้งสองขับรถไปที่ว่าการเมืองและรายงานสถานการณ์ให้นายกเทศมนตรีเมืองทราบ
คดีใหญ่เช่นนี้เกี่ยวข้องกับคนมากกว่า 100 คนทั่วทั้งหมู่บ้าน และแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพากองกำลังตำรวจขนาดเล็กในเมือง
นายกเทศมนตรีเมืองจึงรีบโทรหาผู้ว่าการมณฑลและรายงานเรื่องนี้
ผู้ว่าการดำเนินการทันทีและระดมกำลังตำรวจครึ่งหนึ่งของรัฐ พวกเขารีบเดินทางข้ามคืนไปยังหมู่บ้านหุบเขา และในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านก่อนรุ่งสาง
ชาวบ้านที่รับผิดชอบในการสอดแนมพบกองกำลังตำรวจก่อนที่พวกเขาจะบุกเข้าไปในหมู่บ้าน
มีประชาชนถืออาวุธหลั่งไหลออกมากว่าร้อยคน ทั้งผู้สูงอายุ ผู้หญิง และเด็ก ซึ่งกองกำลังของตำรวจไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้เลย
สักพักตำรวจและคนร้ายก็เผชิญหน้ากัน
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตะโกนเสียงดังเพื่อขอให้ชาวบ้านมอบตัวแต่โดยดี
แต่ไม่มีชาวบ้านคนใดวางไม้ มีดทำครัว และอาวุธอื่น ๆ ของตนลง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากประนีประนอมเรียกร้องให้ชาวบ้านปล่อยตัวเจ้าหน้าที่สามคนและต๋าเฮ่อออกมา แต่ชาวบ้านกลับไม่ยอม
ต๋าเฮ่อและคนอื่น ๆ คือไพ่ตาย แล้วพวกเขาจะยอมปล่อยไปได้อย่างไร!
หลังจากหลินม่ายแจ้งความ เธอไม่สนใจสิ่งใดอีก และเพียงพักผ่อนอยู่ในบ้านพักในเมือง
เธอวางแผนจะอาบน้ำ กินอาหาร และล้มตัวนอนทันที โดยไม่สนใจว่าใครจะโทรมา
เธอเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์ในวันนั้น ทั้งปวดหัวหนักราวกับจะระเบิด และยังยากลำบากมากในทุกก้าวที่เดิน
เธอรู้สึกว่าตนเองต้องการนอนหลับอย่างเพียงพอโดยเร่งด่วนเพื่อฟื้นพละกำลัง
หลินม่ายเข้าห้องน้ำพร้อมเสื้อผ้าสะอาดที่พนักงานของบ้านพักเตรียมไว้ให้
เมื่อเธอถอดเสื้อผ้าและยืนอยู่ใต้หัวฝักบัว จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเจ็บแสบที่หลังมือขวา
เมื่อยกมือขวาขึ้นมาดู เธอก็เห็นตุ่มขนาดใหญ่พอ ๆ กับถั่วงอก ซึ่งคงจะเกิดจากการถูกแมลงกัด
หลิน่มายไม่สนใจและออกจากห้องอาบน้ำด้วยความงุนงง พนักงานของบ้านพักเข้ามาพร้อมกับซุปไก่ชามใหญ่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหลิน นายกเทศมนตรีขอให้พ่อครัวปรุงอาหารจานนี้ให้คุณค่ะ”
หลินม่ายกล่าวขอบคุณและนั่งลงดื่มซุปไก่
เมื่อเห็นว่าพนักงานหญิงยังไม่ออกไป หลินม่ายจึงถามเธอด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรติดอยู่บนหน้าของฉันหรือเปล่าคะ?”
พนักงานหญิงยิ้มด้วยความเขินอาย “เปล่าค่ะ ฉันเห็นว่าหน้าของคุณแดงมาก คุณรู้สึกไม่สบายหรือเปล่าคะ?”
หลินม่ายส่ายหัว “ไม่ค่ะ ฉันแค่เหนื่อยมากและอยากนอน”
ซุปไก่ชามใหญ่เกินไป หลินม่ายดื่มได้เพียงครึ่งเดียวก็รู้สึกอิ่ม
เธอขอให้พนักงานยกชามไปเก็บ จากนั้นปิดประตูเพื่อเตรียมเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะฟางจั๋วหรานกำลังรับประทานอาหารเช้าและอ่านหนังสือพิมพ์ สายตาของเขาพลันเห็นข่าวหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจ
พาดหัวข่าวคือ พบฝิ่นจำนวนมากในหมู่บ้านหุบเขาของเขตปกครองตนเองเอินซือ ชาวบ้านออกมาเผชิญหน้ากับตำรวจขณะที่พยายามบุกเข้าไป
ทันทีที่เขาเห็นคำว่าหมู่บ้านหุบเขา ฟางจั๋วหรานก็อ่านเนื้อหาข่าวอย่างตั้งใจทันที
ยิ่งเขาอ่านมากเท่าไหร่ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันมากขึ้น คุณย่าฟางเห็นสิ่งผิดปกติจึงถามว่า “หลานอ่านข่าวอะไร? ถึงได้หน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้น?”
ฟางจั๋วหรานตอบกลับ “ม่ายจื่อไปที่หมู่บ้านหุบเขาเพื่อตรวจสอบ และพบว่าหมู่บ้านหุบเขากำลังปลูกดอกฝิ่น เมื่อวานเธอคงเหนื่อยมากหลังจากวิ่งบนภูเขาทั้งวันเพื่อมาแจ้งตำรวจ ผมอยากไปดูเธอเสียหน่อย”
คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และลุงฝูต่างเร่งเร้าให้เขารีบไป
ฟางจั๋วหรานโทรไปลาหยุดกับโรงพยาบาลและขับรถไปที่เอินซือ
เขาขับรถเร็วมากและมาถึงบ้านพักในเมืองที่หลินม่ายอาศัยอยู่ในตอนเที่ยง
เขามาที่แผนกต้อนรับและถามอย่างสุภาพว่า “ขอโทษครับ สหายหลินม่ายอาศัยอยู่ที่ห้องไหน?”
พนักงานต้อนรับเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นความหล่อเหลาของชายหนุ่มก็พุ่งปะทะจนใบหน้าของหล่อนเปลี่ยนเป็นสีแดง
หล่อนถามตะกุกตะกัก “คุณเป็นใครคะ?”
“ผมเป็นสามีของหลินม่ายชื่อฟางจั๋วหรานครับ”
“คุณหลินพักอยู่ที่ห้อง 206ค่ะ” พนักงานต้อนรับอธิบายอย่างขอโทษ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะสอบสวนคุณนะคะ แต่ผู้ว่าการกำชับให้ฉันปล่อยคุณหลินม่ายพักผ่อน และบอกว่าอย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปรบกวนหล่อน”
ฟางจั๋วหรานไม่รอให้เธอพูดจบ เขารีบสาวเท้าไปทางบันไดทันที
ภายในสิบนาทีเขาก็กลับมาอีกครั้ง
พนักงานต้อนรับมองเขาอย่างงงงวย
ฟางจั๋วหรานพูดว่า “ประตูเปิดไม่ได้ คุณช่วยนำกุญแจไปเปิดให้ได้ไหมครับ?”
“ได้ค่ะ” พนักงานต้อนรับนำกุญแจแล้วขึ้นไปชั้นบนกับฟางจั๋วหราน
ระหว่างทาง หล่อนก็กล่าวว่า “เมื่อวานคุณหลินกลับมาด้วยความเหนื่อยล้า หล่อนอาจหลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูของคุณ”
เมื่อพวกเขามาถึงห้อง 206 พนักงานต้อนรับเปิดประตูด้วยกุญแจสำรอง และเห็นหลินม่ายนอนอยู่บนเตียง หล่อนหันมายิ้มให้ฟางจั๋วหรานและขอตัวออกไป
ฟางจั๋วหรานเข้ามาในห้องและปิดประตู จากนั้นเดินไม่กี่ก้าวไปยังเตียงพร้อมเรียกหญิงสาวหลายครั้ง “ม่ายจื่อ”
ผู้หญิงบนเตียงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย
ฟางจั๋วหรานมองไปยังแก้มแดงที่เหมือนกับลูกท้อของหลินม่ายพลางขมวดคิ้ว ก่อนวางหลังมือลงบนหน้าผากของเธอ
หน้าผากของเธอร้อนผ่าวจนน่ากลัว
เขาดึงมือกลับ ช้อนตัวหลินม่ายที่หมดสติขึ้นและเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินผ่านแผนกต้อนรับ พนักงานต้อนรับลุกขึ้นด้วยความตกใจและถามอย่างกังวลว่า “สหายฟาง เกิดอะไรขึ้นกับคุณหลินคะ?”
“หล่อนไม่สบาย ผมจะพาหล่อนไปโรงพยาบาลประจำเขตเพื่อรับการรักษา”
พนักงานต้อนรับเดินตามเขาและถามว่า “คุณต้องการให้ฉันรายงานเรื่องนี้กับนายกเทศมนตรีเพื่อเตรียมรถให้ไหมคะ?”
“ไม่ต้อง ผมมีรถของตัวเอง”
ฟางจั๋วหรานอุ้มหลินม่ายวางลงที่เบาะหลังของรถแลนด์โรเวอร์ จากนั้นเขาเห็นว่าหลินม่ายที่หมดสติไม่สามารถนั่งนิ่งได้
เขาหันไปหาพนักงานต้อนรับและพูดว่า “คุณเตรียมพนักงานสักคนมาช่วยผมจับเธอนั่งขณะที่ไปโรงพยาบาลประจำเขตได้ไหม?”
พนักงานต้อนรับรีบเรียกพนักงานเพื่อมาช่วยประคองหลินม่ายทันที
ฟางจั๋วหรานขับรถอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาลประจำเขต
หลังจากที่เขาขับรถออกไป พนักงานต้อนรับโทรหานายกเทศมนตรีและบอกเขาว่า จู่ ๆ หลินม่ายก็ล้มป่วย ตอนนี้สามีของหลินม่ายกำลังพาเธอไปยังโรงพยาบาลประจำเขต
นายกเทศมนตรีจึงโทรแจ้งโรงพยาบาลประจำเขตและขอให้พวกเขาเตรียมตัวสำหรับการรักษา
ทันทีที่รถของฟางจั๋วหรานมาถึงประตูโรงพยาบาลประจำเขต บุรุษพยาบาลก็เข้ามาหาและถามว่าหลินม่ายกำลังนั่งอยู่ในรถคันนี้ใช่หรือไม่
ฟางจั๋วหรานตอบรับ จากนั้นบุรุษพยาบาลสี่คนรีบวิ่งไปเปิดประตูรถพร้อมเตียงคนไข้
แต่ฟางจั๋วหรานอุ้มหลินม่ายออกจากรถและวิ่งตรงเข้าไปในโรงพยาบาล
เมื่อเห็นเช่นนั้น บุรุษพยาบาลก็รีบไล่ตามฟางจั๋วหรานและนำทางเขาไปยังห้องฉุกเฉิน…
หลินม่ายรู้สึกว่าตนเองหลับไปนานมาก เมื่อลืมตาตื่นขึ้น เธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาล
ขณะกำลังสับสน เสียงอันอ่อนโยนของฟางจั๋วหรานก็ดังเข้ามาในหูของเธอ “ม่ายจื่อ คุณตื่นแล้วหรือ?”
หลินม่ายหันกลับมาและเห็นฟางจั๋วหรานนั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้ โดยมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนและเป็นห่วงเป็นใย
หลินม่ายถาม “ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลล่ะคะ?”
ทันทีที่อ้าปากพูด เธอรู้สึกว่าเสียงของตัวเองแหบแห้งเหมือนเสียงเป็ดร้อง
ฟางจั๋วหรานเทน้ำอุ่นหนึ่งแก้วและกำลังจะช่วยเธอลุกขึ้นดื่มน้ำ ทว่าหลินม่ายพยายามดิ้นรนที่จะลุกนั่งด้วยตัวเอง
เขายื่นแก้วน้ำให้หลินม่ายและพูดว่า “คุณติดเชื้อไข้เลือดออกและอาการทรุดหนัก โรงพยาบาลประจำเขตไม่สามารถรักษาคุณได้ ดังนั้นผู้ว่าราชการจึงส่งคนไปพาคุณมารักษาในโรงพยาบาลของรัฐเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน ต้องใช้เวลาถึงสองวันสองคืนกว่าคุณจะพ้นขีดอันตราย คุณยังไม่หายดี เช่นนั้นคุณจะอยู่ไหนได้อีกถ้าไม่ได้นอนอยู่ในโรงพยาบาล?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ติดเชื้อไข้เลือดออกโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว ถ้าพี่หมอไม่ออกตามหาก็คงม่องอีกรอบแล้วม่ายจื่อเอ๊ย
ไหหม่า(海馬)