แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1177 บนรถไฟ
ตอนที่ 1177 บนรถไฟ
ถู่เจียเสียงพูดตะกุกตะกักและทักทายตำรวจทั้งสอง “สหายตำรวจ พะ… พวกคุณคงยังไม่ได้กินอาหารกลางวัน เช่นนั้นแล้วมะ… มาร่วมกินอาหารด้วยกันสิครับ”
เพื่อบรรเทาความตึงเครียดและความกลัวในใจ เขาหัวเราะกลบเกลื่อน “แต่ผมคงไม่มีอาหารดี ๆ มาให้ความบันเทิงแก่พวกคุณ”
ตำรวจเหลือบมองโต๊ะกินข้าว นอกจากไก่ย่างแล้ว ยังมีชามหมูผัดพริกหวาน ทั้งที่เขาบอกว่าไม่มีอาหารดี ๆ ต้อนรับ แต่มันกลับตรงข้ามกับที่เขาพูด!
เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณถูกสงสัยว่ายุยงให้ผู้อื่นแพร่ข่าวลือใส่ร้ายสหายหลินม่าย และบ่อนทำลายตลาดการลงทุนในรัฐนี้ เช่นนั้นช่วยไปสถานีตำรวจกับเราเพื่อให้ปากคำด้วยครับ”
ใบหน้าของถู่เจียเสียงหมองหม่นกลายเป็นขี้เถ้า
เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ ตำรวจก็รีบสอบสวนถู่เจียเสียงทันที
เขาไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางโครงการน้ำแร่ของหลินม่ายเลย แท้จริงเขาเปิดร้านขายปุ๋ยในตัวเมืองและธุรกิจไปได้ดี เขาไม่เคยคิดที่จะมาทำธุรกิจน้ำแร่เลย
อย่างไรก็ตามพี่เขยของเขาซึ่งเป็นผู้บริหารทั่วไปมักจะเดินทางไปทำธุรกิจในเมืองใหญ่ ๆ เมื่อรู้ว่าตอนนี้เครื่องดื่มขายดี เขาจึงคิดที่จะเริ่มธุรกิจเครื่องดื่ม
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายซื้อบ่อน้ำแร่เซียนหนิ่วเพื่อเริ่มต้นธุรกิจน้ำแร่ เขาก็คิดที่จะแย่งชิงแนวคิดของหลินม่ายทันที
หลินม่ายเป็นผู้ประกอบการเอกชนชื่อดัง เธอต้องการเริ่มต้นธุรกิจน้ำแร่เช่นนี้ นั่นหมายความว่าเธอจะสามารถทำรายได้จากธุรกิจดังกล่าว
เขาแค่อยากจะคว้าโครงการนี้มาทำเองและสร้างรายได้มหาศาล
แต่พี่เขยของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและไม่สามารถทำธุรกิจได้ เขาจึงปล่อยให้ถู่เจียเสียงเป็นหุ่นเชิดเพื่อหาเงิน และทั้งสองจะแบ่งรายได้กัน 40-60
พี่เขยของเขาได้ 60 ส่วนเขาได้ 40
อย่างไรก็ตามรองผู้ว่าการต้วนคอยคุ้มกันให้หลินม่าย และทำให้พี่เขยของเขาล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมาย
พี่เขยของเขาจึงขอให้เขาติดสินบนบาลาซึ่งเกลียดชิวกั๋วจื้ออย่างสุดซึ้ง และขอให้ชายคนนี้แกล้งทำเป็นผีหลอก โดยหวังว่าจะทำให้หลินม่ายหวาดกลัวและล้มเลิกโครงการน้ำแร่โดยสมัครใจ แต่มันก็ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย
เขาจึงสั่งให้บาลาแอบฆ่าสัตว์ปีกและปศุสัตว์ของชาวบ้านบางส่วน ทำให้เกิดข่าวลือในหมู่บ้านว่าสัตว์ปีกและปศุสัตว์เหล่านี้ถูกวิญญาณอาฆาตฆ่าตายทั้งหมด เพื่อให้ชาวบ้านขับไล่หลินม่ายออกไปในอนาคต
ถู่เจียเสียงสั่งให้เขาทำให้คนงานต่างถิ่นหวาดกลัว บาลาจึงไปที่ไซต์ก่อสร้างเพื่อแกล้งทำเป็นผี
เมื่อคนงานไม่สามารถทำงานได้ หลินม่ายจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ และผลที่ตามมาก็คือความล้มเหลว
ในท้ายที่สุด ถู่เจียเสียงวางแผนที่จะใช้พ่อมดเพื่อเผยแพร่แนวคิดความเชื่ออันโง่เขลาของคนในท้องถิ่นเพื่อบังคับหลินม่ายออกไป แต่กลับล้มเหลวอีกครั้ง
ผู้ว่าราชการและรองผู้ว่าการพยายามดึงดูดการลงทุน ถู่เจียเสียงและพี่เขยก็พยายามวางแผนต่อต้านหลินม่ายให้มาลงทุน นี่ไม่ใช่การบ่อนทำลายผลประโยชน์ของรัฐหรือ?
ดังนั้นทั้งเขาและพี่เขยจึงถูกลงโทษอย่างรุนแรง พี่เขยของเขาถูกไล่ออกจากราชการและถูกตัดสินจำคุก 2 ปี
เมื่อคนในท้องถิ่นรู้ความจริงแล้ว พวกเขาก็ไม่ขอให้หลินม่ายย้ายสถานที่ก่อสร้างอีกต่อไป
เหล่าผู้ที่มีความสามารถด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวที่หลินม่ายคัดเลือกมา ต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการเดินทางไปทั่วพื้นที่ภูเขาของเขตปกครองตนเองเอินซือ โดยคัดแยกจุดชมวิวมากกว่าร้อยแห่งที่สามารถพัฒนาได้ และจุดขายที่ออกแบบเฉพาะสำหรับจุดชมวิวแต่ละแห่ง
บางแห่งมีส่วนร่วมในโครงการสันทนาการ บางแห่งมีส่วนร่วมในอนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรม และบางแห่งมีส่วนร่วมในลักษณะทางชาติพันธุ์…
หลินม่ายใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการอ่านรายงาน
เธอจัดการประชุมและถามเจ้าหน้าที่กระทรวงการท่องเที่ยวด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่งว่า ทำไมไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเอินซือแกรนด์แคนยอน?
ในชีวิตชาติก่อน แกรนด์แคนยอนเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเอินซือ
หากปราศจากความสง่างามของแกรนด์แคนยอน ก็คงไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากมาย
เจ้าหน้าที่ตอบว่า “ไม่ใช่ว่าเราจะไม่รวมแกรนด์แคนยอนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะพัฒนา แต่ชาวบ้านในท้องถิ่นไม่เต็มใจที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการให้โลกภายนอกมารบกวนชีวิตอันสงบสุข”
ผู้บริหารระดับสูงอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ผมไม่รู้ว่าคนที่นั่นคิดอะไรอยู่ พวกเขายากจนมาก แต่กลับกลัวที่จะทำลายชีวิตอันสงบสุขของพวกเขา การกินเนื้อสัตว์สำคัญน้อยกว่าการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหรือ? เมื่อได้ยินว่าถิ่นที่อยู่ของพวกเขากำลังจะถูกเปลี่ยนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อบรรเทาความยากจน ชาวบ้านจากพื้นที่อื่น ๆ ก็แสดงความอิจฉาหวังว่าพื้นที่ของตนจะได้รับการพัฒนาเช่นเดียวกัน คนเหล่านั้นไม่สนใจที่จะสูญเสียวิถีสงบสุขของตนเอง”
ขณะนี้เป็นเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติซึ่งมีอากาศหนาวเย็น
เมื่อไม่นานมานี้ไป๋เซี่ยส่งจดหมายแจ้งว่าเขาจะแต่งงานกับจ้าวเชี่ยนหรูในวันที่ 28 เดือน 12 ตามจันทรคติในปีนี้
ครอบครัวหลินม่ายจะไปมณฑลกานซูเพื่อเข้าร่วมงานแต่งงานของไป๋เซี่ยพร้อมกับพ่อไป๋และคนอื่น ๆ
หลินม่ายวางแผนจะไปเยือนแกรนด์แคนยอนอีกครั้งหลังจากกลับจากมณฑลกานซู เพื่อดูว่าเหตุใดชาวบ้านจึงปฏิเสธที่จะพัฒนาแกรนด์แคนยอน
เธอไม่เชื่อว่าชาวบ้านจะปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงแกรนด์แคนยอนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพราะกลัวจะทำลายความสงบสุข นี่เป็นเพียงข้อแก้ตัวเท่านั้น
ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว เนื่องจากหลินม่ายและครอบครัวของเขากำลังจะไปมณฑลกานซูเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ในปีนี้ พวกเขาจึงจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำเล็ก ๆ เพื่อส่งท้ายปีเก่าล่วงหน้าล่วงหน้า
หลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า ครอบครัวของพวกเขาจะออกเดินทางมาเมืองหลวงก่อน จากนั้นจึงพบกับพ่อไป๋และคนอื่น ๆ เพื่อไปที่มณฑลกานซูและร่วมงานแต่งงานของไป๋เซี่ย
ฤดูหนาวที่มณฑลกานซูหนาวเย็นมาก ครั้งนี้เธอไม่ได้พาผู้สูงอายุทั้งสามไปด้วย เพราะกลัวว่าจะปรับตัวเข้ากับอากาศหนาวไม่ได้และเกิดอาการช็อก
ในวันที่สองหลังจากมาถึงเมืองหลวง ครอบครัวทั้งเจ็ดของหลินม่ายเดินทางมาถึงสถานีรถไฟ
แม้ว่าจะเพิ่งจะหกโมงเช้าเท่านั้น แต่สถานีรถไฟก็หนาแน่นไปด้วยผู้คนแล้ว
ผู้คนที่ออกมาทำงานนอกบ้านต่างก็เดินทางกลับบ้านเพื่อร่วมฉลองวันหยุดกับครอบครัว
การทำงานหนักตลอดทั้งปีจะได้รับการเยียวยาในช่วงวันหยุดสั้น ๆ นี้ จากนั้นคุณจะต้องกลับไปทำงานหนักอีกครั้ง นี่คือวิธีชีวิตของคนธรรมดาทั่วไปในยุคสมัยนี้
ครอบครัวหลินม่ายและพ่อไป๋นัดพบกันที่ทางเข้าร้านเล็ก ๆ ด้านนอกสถานีรถไฟ
เมื่อครอบครัวทั้งเจ็ดมาถึง พวกเขาเห็นแม่ไป๋อยู่ที่นั่นด้วย
หลินม่ายไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ไป๋เซี่ยแต่งงานแล้ว และเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิต มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เชิญแม่ไป๋
แม่ไป๋เริ่มทักทายหลินม่าย และหลินม่ายก็ตอบรับหล่อนอย่างสุภาพ
เป็นเวลาแปดถึงเก้าปีที่ผันผ่านไปโดยไม่รู้ตัว และความคับข้องใจมากมายก็จางหายไป
ทันทีที่รถไฟมาถึงสถานี ผู้โดยสารทุกคนก็รีบไปที่ประตู
ถ้าเบียดผ่านประตูไม่ได้ ก็ต้องปีนทางหน้าต่าง
โชคดีที่พ่อไป๋ขอให้คนรู้จักขึ้นรถไฟล่วงหน้าเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่รถไฟช่วยเหลือพวกเขาหลีกเลี่ยงฝูงชนและความยุ่งยาก
แม้ว่าพี่น้องเสี่ยวมู่ตงทั้งห้าจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่หลินม่ายก็ไม่ได้เลี้ยงดูพวกเขาในช่วงห้าปีที่เธอถูกกักบริเวณในบ้านที่สรัฐอเมริกา
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางแก่มากแล้ว และไม่มีแรงจะพาพวกเขาไปเที่ยว
ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายพาพวกเขาไปเที่ยวปีละครั้งเท่านั้น และเด็กทุกคนต่างก็ชอบเดินทางมาก
ครั้งนี้ครอบครัวเดินทางไปมณฑลกานซูพร้อมกับพ่อแม่และตายาย มู่ชุน มู่เซี่ย และมู่ชิวต่างก็ตื่นเต้นกันมาก สิ่งนี้เป็นแรงกระตุ้นให้กับไป๋จื้อเสวียลูกชายของเผิงอันน่ากับพ่อไป๋ และไป๋เซียนเซียนลูกสาวของไป๋ลู่ให้เริ่มตื่นเต้นเช่นกัน
เถียนเถียนและมู่ตงก่วนของไป๋เหยียนไม่สามารถควบคุมมันได้อีกแล้ว พวกเขาวิ่งไปมาพลางชี้นั่นชี้นี่
ตั่วตั่วอยู่ในอ้อมแขนของฟางจั๋วหรานขณะเฝ้าดูพี่น้องหลายคนวิ่งไปมาในขบวนรถไฟ
ต่อมาฟางจั๋วหรานและคนอื่น ๆ กลัวว่าเด็กทั้งหลายจะรบกวนผู้โดยสารคนอื่น จึงดุอย่างรุนแรงหลายครั้ง จากนั้นเด็กทุกคนก็หยุดวิ่งไปรอบ ๆ ตู้รถไฟ และพักผ่อนในท่านอนของตัวเอง
หลินม่ายหยิบลูกอมไปมอบให้ผู้โดยสารที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อแสดงความขอโทษ
เมื่อครู่ลูก ๆ ของพวกเขาส่งเสียงดังรบกวนเป็นอย่างมาก!
ความไม่พอใจของผู้โดยสารต่อเสียงเด็กเล็กที่ดังจนสมองแทบจะระเบิดถูกคลี่คลายในที่สุด
ในเมื่อไม่สามารถเล่นบนรถไฟได้ เด็กกลุ่มหนึ่งจึงพบหาความสนุกอื่นอย่างรวดเร็ว
นั่นก็คือการรวมตัวกันชมทิวทัศน์ภายนอก
สมัยก่อนเมื่อครอบครัวพาไปเที่ยว พวกเขามักจะพาไปโดยเครื่องบิน
บางครั้งที่พวกเขามีโอกาสได้นั่งรถไฟมักได้ชมทิวทัศน์อันเขียวชอุ่ม แม้จะไม่มีตลอดทาง แต่ก็งดงามมาก
แตกต่างจากที่พวกเขาเห็นครั้งนี้ เพราะใบไม้ได้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแดงทั่วทุกหนทุกแห่ง และดูสวยงามมาก
เด็ก ๆ ตื่นเต้นในวันแรก เบื่อหน่ายในวันที่สอง และร่วงโรยรวมกันในวันที่สาม
เด็กอายุราว 7 ถึง 8 ขวบเป็นช่วงที่มีชีวิตชีวามาก แต่กลับต้องถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่คับแคบในท่านอน ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ เมื่อรถไฟเดินทางต่อ สภาพแวดล้อมโดยรอบเริ่มรกร้าง แม้แต่ทิวทัศน์ที่ไม่น่าดึงดูดนัก ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกเบื่อมากขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เด็กเล็กๆ ที่ควบคุมไม่ได้แล้ววิ่งไปวิ่งมารบกวนคนอื่นนี่มันเป็นอะไรที่รำคาญจริงค่ะ บางคนหนักกว่านี้คือร้องไห้ดังไปทั่วห้องโดยสารเลย
ไหหม่า(海馬)