แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1035 รับข้าวกระสอบใหญ่
ตอนที่ 1035 รับข้าวกระสอบใหญ่
ตอนที่ 1035 รับข้าวกระสอบใหญ่
ไช่หานปิงต้องการที่จะได้รับทุนไปเรียนต่อต่างประเทศจากรัฐ
หล่อนถามด้วยความเขินอาย “ผู้อำนวยการจูคะ แล้วเมื่อไหร่จะมีโควตาทุนไปเรียนต่อต่างประเทศอีกล่ะคะ? นอกจากทำงานดีแล้ว ยังมีเงื่อนไขอะไรอีกไหม”
ผู้อำนวยการจูตอบกลับว่า “ถ้าปกติแล้วก็ทุกเดือนพฤษภาคมของของทุกปี ถ้าต้องการจะได้รับทุนเพื่อเรียนต่อต่างประเทศ คุณจะต้องผ่านการทดสอบสามอย่าง อย่างแรกคือได้รับคัดเลือกจากเพื่อนร่วมงานในสำนักงาน และคนที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะได้รับการตรวจสอบจากผม จากนั้นก็จะส่งต่อให้ผู้อำนวยการของโรงงานตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย พวกคุณทุกคนเป็นนักศึกษาที่มีความสามารถ ตราบใดที่สามารถผ่านเงื่อนไขของผมได้ ผมก็สามารถเสนอต่อผู้อำนวยการเป็นการส่วนตัวให้ได้”
หลังจากผู้อำนวยการจูพูดอย่างนั้น หญิงสาวหลายคนหันมองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
ผู้อำนวยการจูเงยหน้าขึ้นและลอบมองหลินม่ายเล็กน้อย เวลานี้เขาเห็นชัดว่าอีกฝ่ายกำลังขะมักเขม้นกับการเคี้ยวซี่โครงไม่หยุดหย่อน หลังจากคิดไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขารู้สึกว่าไม่ควรเข้าใกล้เธออีก
จนถึงวันนี้นิ้วเท้าของเขายังไม่หายบวม
แต่เขารู้สึกไม่สบายใจนักถ้าไม่สามารถเอาชนะเธอได้
และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีสวัสดิการของโรงงานแจกจ่าย เขาจึงเกิดความคิดบางอย่าง
เขาเดินเข้าหาหลินม่ายก่อนจะพูดว่า “สหายหลินม่าย วันนี้โรงงานจะแจกข้าวให้กับพนักงานทุกคน รวมถึงเด็กฝึกงานด้วย อย่างนั้นคุณควรไปยกมันมาแจกจ่ายให้เพื่อน ๆ ด้วย”
ข้าวในกระสอบหนึ่งหนักประมาณ 22 ชั่ง
ผู้หญิงธรรมดาอาจจะไม่สามารถยกมันได้ แต่ไม่ใช่หลินม่าย
เธอไม่เพียงแต่เรียนรู้ทักษะศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังฝึกฝนวิชายิงปืนสำหรับเตรียมพร้อมที่จะไปศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ไม่ว่าจะศิลปะการต่อสู้หรือการแม่นปืน ทั้งหมดล้วนใช้พละกำลังของแขน
นี่คงเป็นการแก้แค้นที่ไม่ยอมให้เขาเอาเปรียบก่อนหน้านี้ แล้วยังเหยียบเท้าเขาอย่างแรงอีกด้วย!
หลินม่ายกล่าวถามอย่างจงใจ “ผู้อำนวยการจูคะ คุณกำลังใส่รองเท้าคู่เล็ก(1ให้ฉันอยู๋หรือเปล่า?”
เสียงของเธอค่อนข้างดัง และดึงดูดพนักงานหลายคนที่กำลังรับประทานอาหารในโรงอาหาร
โก่วเวินและไช่หานปิงรู้สึกว่าพวกเขากำลังจะได้รับชมอะไรดี ๆ
พวกเขาอยากให้หลินม่ายต่อสู้กับผู้อำนวยการจู ไม่ว่าหลินม่ายแข็งแกร่งแค่ไหนหล่อนก็เป็นแค่เด็กฝึกงาน หากทำให้ผู้อำนวยการจูโกรธขึ้นมา เธอจะต้องไม่ผ่านการฝึกงานแน่นอน!
ผู้อำนวยการจูขุ่นเคืองทันที “สหายตัวน้อย ผมขอให้คุณทำอะไรบางอย่างให้เพื่อนร่วมงานทุกคน แล้วทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ?”
ผู้อำนวยการจูกล่าวจริงจังทันที ราวกับกลัวคนอื่นจะทราบว่าเขากำลังกลั่นแกล้งเด็กคนนี้อยู่
หลินม่ายถามกลับ “แล้วทำไมคุณถึงสั่งให้ฉันไปเอาข้าวให้คนในออฟฟิศทั้งสิบคน โอ้ แล้วรวมถึงยกมาให้คุณด้วยไหมคะ? คุณคิดว่านี่เป็นสิ่งที่พนักงานหญิงทำได้ไหม? มันจะไม่ใช่การสวมรองเท้าเล็กให้ฉันยังไง? หรือว่าฉันทำอะไรให้คุณขุ่นเคืองเหรอคะ คุณถึงมากดดันฉันด้วยเรื่องนี้?”
ผู้อำนวยการจูเห็นแล้วว่าหลินม่ายไม่กลัวเลยว่าเรื่องราวจะบานปลาย ตอนนี้กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิด และเกรงว่าตนเองจะถูกกล่าวหาว่ารังแกเด็กฝึกงาน
เขากล่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าไม่อยากไปยก ก็ไม่ต้องไปยกสิ จะมาทะเลาะกับผมทำไม?”
เขาหันมองจางซานก่อนจะพูดว่า “หลังกินเสร็จแล้วก็ไปยกกระสอบข้าวพวกนั้นมาที่สำนักงานด้วย”
จางซานผู้สัตย์ซื่อเพียงพยักหน้ารับ
ผู้อำนวยการจูเหลือบมองหลินม่ายอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนจะหันหลังกลับไป
หลินม่ายหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาเจียวอิงจวิ้นก่อนจะบอกให้เขาส่งคนงานมาช่วยจางซานยกข้าว
ไม่เพียงแต่เขาที่ตื่นตระหนกเท่านั้น ยกเว้นโก่วเวินแล้ว นักศึกษาฝึกงานหลายคนจากมหาวิทยาลัยชิงหวาคนอื่น ๆ ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน
เด็กฝึกงานคนนี้มีโทรศัพท์มือถือใช้แล้ว เธอยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน?
ผู้อำนวยการจูเองเป็นคนจากภาครัฐเช่นกัน เมื่อเห็นว่ามีเรื่องผิดปกติจึงรีบหยุดยั้ง
เขาหันไปบอกกับจางซาน “ไม่ต้องไปยกข้าวแล้ว หลังเลิกงานเดี๋ยวทุกคนไปยกเอง”
หลินม่ายได้ยินแล้วก็ใช้โทรศัพท์ของเธอคุยกับเจียวอิงจวิ้น “ไม่ต้องส่งใครมาแล้ว”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลินม่ายเดินออกจากโรงอาหาร
จางซานวิ่งตามมาก่อนจะกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ
หลินม่ายโบกมือก่อนจะกล่าวตอบตามตรงว่า “ไม่เป็นไร ฉันแครำคาญผู้อำนวยการจูนั่นเต็มที และเอาเรื่องช่วยเหลือนายมาเป็นข้ออ้างเผชิญหน้ากับเขา”
“ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องขอบคุณ สุดท้ายแล้วฉันคือคนได้รับประโยชน์” หลังพูดจบ จางซานกล่าวเสียงแผ่วว่า “อีกอย่าง อย่าไปยุ่งกับฉีฟางนะ”
แล้วเขาจากไปทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบจากหลินม่าย
หลินม่ายมองแผ่นหลังของเขาพร้อมยกยิ้มมุมปาก ก่อนหน้านี้เธอนึกว่าเขาอ่อนต่อโลก แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะฉลาดพอสมควร และรู้วิธีตอบแทนผู้อื่น
เวลานี้ฉีฟางเดินติดตามมา และยืนเคียงข้างกับหลินม่าย
หล่อนมองแผ่นหลังของจางซานก่อนจะถามขึ้นว่า “จางซานคุยอะไรด้วยเหรอ?”
หลินม่ายตอบกลับเย็นชา “ทำไมฉันต้องบอกด้วยล่ะ?”
ฉีฟางยิ้ม “แค่สงสัยน่ะ ปกติไม่เคยเห็นเขาคุยกับผู้หญิงคนไหนเลย”
เห็นว่าหลินม่ายไม่คิดตอบ หล่อนรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ผู้อำนวยการจูคงโกรธมาก แต่เขาก็สมควรแล้ว คิดได้ยังไงให้เธอไปยกข้าวทั้งหมดกลับมาให้ทุกคนในสำนักงาน ฉันอยากจะด่าเขาสักชุด”
หลินม่ายหันไป “แต่เธอก็ไม่ทำ”
ฉีฟางสะดุ้งก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันไม่ได้มีคนสนับสนุน หรือมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ ฉันเลยไม่กล้า เธอ… เธอคงจะไม่ดูถูกฉันหรอกใช่ไหม?”
หลินม่ายถามต่อ “แล้วเธอว่าไง?”
นังชาเขียว(2) ดอกบัวขาว(3)อะไรพวกนี้ เธอเกลียดชังคนแบบนี้ที่สุด
ตอนนี้เธอเร่งฝีเท้าและพยายามจะเดินหนีฉีฟาง เพราะไม่ต้องการพูดคุยกับหล่อนอีกต่อไป
ระฆังในช่วงบ่ายดังขึ้น ฉีฟางเก็บข้าวของและออกจากสำนักงานพร้อมกับโก่วเวินและไช่หานปิง
ไช่หานปิงมีจักรยาน และหล่อนต้องแบกกระสอบข้าวขึ้นจักรยานกลับไปที่มหาวิทยาลัย
ข้าวกระสอบนี้ยังกินไม่ได้ จะต้องเอาไปไว้ในหอพักก่อน หลังเรียนจบค่อยจัดการกับมัน
ทั้งสามคนมาถึงแผนกวัสดุ ตอนนี้มีพนักงานจำนวนมากมารับข้าว
ทุกคนเป็นมิตรและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พนักงานบางคนที่มีจักรยานจะมีข้าวสารอย่างน้อยสองถุงอยู่บนเบาะหลัง บางคนมีถึงสี่ถุง
เพื่อนร่วมงานบางคนที่มีจักรยานก็ย่อมถูกฝากข้าวกลับไปด้วยเป็นธรรมดา
โกดังเก็บของของแผนกวัสดุทั้งลึกและใหญ่มาก ทั้งมีบันไดขึ้นลงมากกว่าสิบขั้น
ผู้หญิงสามคนในกลุ่มฉีฟางขนกระสอบข้าวจากโกดังไปที่จักรยานของไช่หานปิง
ในที่สุดหลังจากแบกข้าวสองถุงไปที่จักรยานของไช่หานปิงแล้ว ฉีฟางกำลังจะไปยกข้าวกระสอบที่สาม ตอนนี้เองที่ไช่หานปิงพูดขึ้นว่า “ขอบคุณนะฉีฟาง เดี๋ยวพวกฉันไปก่อนแล้วกัน”
จากนั้นหล่อนก็ถีบจักรยานออกไป
โก่วเวินเองก็กล่าวขอบคุณด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ช่วยเข็นจักรยานและจากไปพร้อมกับไช่หานปิง
ฉีฟางรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกใช้
แม้หล่อนจะไม่ได้พูดชัดจนว่าจะใช้จักรยานของไช่หานปิงขนข้าวกลับหอพักก็ตาม
สุดท้ายหล่อนช่วยยกข้าวมาให้พวกหล่อน จุดประสงค์ของหล่อนชัดเจนแล้ว แต่พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่ทราบและทิ้งหล่อนไว้
แม้ฉีฟางจะโกรธจัด แต่ก็เคยชินที่จะทำตัวอ่อนโยนโดยสันชาตญาณ “จ้ะ ไม่เป็นไร”
จากนั้นก็มองไช่หานปิงกับโก่วเวินที่เดินห่างออกไป
ฉีฟางถูกทิ้งไว้อย่างนั้น ดวงตาของหล่อนกลายเป็นโศกเศร้า
เวลานี้มีเสียงรถหยุดลงใกล้ ๆ กับเธอ
ฉีฟางหันกลับมาและเห็นหลินม่ายกับจางซานลงจากโรลส์รอยซ์พร้อมกัน
ขณะทั้งสองเดินไปด้วยกัน พวกเขายังพูดคุยเรื่องงานไม่หยุด
ฉีฟางรีบเดินนำหน้าไปเพื่อให้หลินม่ายและจางซานเห็นว่าตนอยู่ตรงนี้ แต่ก็ไม่ได้ขวางเส้นทางของพวกเขา
แต่หลินม่ายและจางซานเมินเฉยหล่อน และเดินผ่านไปราวมองไม่เห็น
ฉีฟางจำใจต้องตะโกนออกมา “หลินม่าย”
หลินม่ายกับจางซานหันกลับมา เวลานี้ฉีฟางยกยิ้มไร้เดียงสาให้กับหลินม่าย
หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่ได้เลิกงานพร้อมกับไช่หานปิงกับโก่วเวินหรอกเหรอ? ทำไมยังไม่กลับบ้านอีกล่ะ?”
“ฉันไม่ได้อยากไปกับพวกหล่อนสักหน่อย เพราะพวกหล่อนลากฉันไปต่างหาก ฉันเลยไม่มีทางเลือก ก่อนหน้านี้ไช่หานปิงจะใช้จักรยานของหล่อนช่วยฉันขนข้าวกลับไปที่มหาวิทยาลัย แต่เพราะหล่อนบอกว่าเพิ่งซื้อจักรยานนี้มาใหม่ และฉันกลัวมันจะพังเลยหาข้ออ้างเพื่อจะอยู่ที่นี่เพื่อรอเธอมาน่ะ”
หลินม่ายอุทานว่า “โอ้” ก่อนจะเดินไปยกข้าวกับจางซาน
ฉีฟางคิดช่วยเหลือ แต่หลินม่ายและจางซานปฏิเสธหนักแน่น
ทั้งสองวางกระสอบข้าวสองกระสอบลงที่ท้ายรถโรลส์รอยซ์ก่อนจะเดินขึ้นทันที
ฉีฟางหน้าแดงก่ำ ตอนนี้เธอเอ่ยปากขึ้นว่า “หลินม่าย ช่วยฉันขนข้าวกลับไปที่มหาวิทยาลัยหน่อยได้ไหม? ฉันแบกมันกลับไปไม่ได้หรอก”
หลินม่ายปฏิเสธทันที “ไม่ล่ะ ฉันไม่สะดวก” จากนั้นเธอกับจางซานก็ขึ้นรถแล้วเคลื่อนตัวออกไปทันที
พี่สาวเซี่ยเข้ามาพร้อมกับจักรยานของหล่อน ก่อนจะถามฉีฟางว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉีฟางยิ้มก่อนจะพูดว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่ขอให้หลินม่ายช่วยเอาข้าวกลับไปที่มหาวิทยาลัย แต่หล่อนปฏิเสธ หล่อนคงมีเรื่องงานต้องการคุยกับจางซานเลยไม่อยากให้ฉันขึ้นรถไปด้วยมั้งคะ”
พี่สาวเซี่ยกลอกตาไปมาก่อนจะสบถ “ถ้าคุยเรื่องงานจริง ๆ ทำไมจะไปด้วยกันไม่ได้ล่ะ? เว้นแต่จะไปทำเรื่องน่าอับอายซะมากกว่า!”
ตอนนี้หล่อนจึงพูดขึ้นอย่างอาสา “มา เดี๋ยวฉันช่วยขนข้าวกลับไปที่มหาวิทยาลัยเอง”
ฉีฟางกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะยกกระสอบข้าวขึ้นรถจักรยานของพี่สาวเซี่ย
ทั้งสองคนเข็นจักรยานที่มีข้าวสองกระสอบวางอยู่ออกจากโรงงาน
เมื่อผ่านสถานีขนส่งหน้าโรงงาน หล่อนก็เห็นหลินม่ายช่วยจางซานแบกกระสอบข้าวขึ้นรถบัสกลับมหาวิทยาลัย
เห็นอย่างนั้นแล้ว ฉีฟางก็พูดขึ้นว่า “นึกว่าหลินม่ายจะพาจางซานเอาข้าวกลับมหาวิทยาลัย กลายเป็นว่าพามาส่งที่สถานีขนส่งเท่านั้นเอง”
พี่สาวเซี่ยไม่ตอบอะไร แต่หยุดฝีเท้า “อย่างนั้นฉันส่งเธอแค่นี้นะ”
หล่อนเองมีอายุสี่สิบกว่าแล้ว จะถูกหลอกลวงให้เดินทางระยะไกลได้อย่างไรกัน?
พี่สาวเซี่ยยกกระสอบข้าวของฉีฟางออกจากจักรยานก่อนจะขึ้นจักรยานแล้วถีบออกไปทันที
แน่นอนว่าตอนนี้ฉีฟางจำเป็นต้องยกกระสอบข้าวกลับมหาวิทยาลัยด้วยตัวเองอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
………………………………………………………………………………………………………………………….(1)กลั่นแกล้ง สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้คนอื่น ทำให้ผู้อื่นรู้สึกอึดอัด รู้สึกถูกบีบคั้น
(2)หญิงสาวที่ดูเรียบร้อย แอ๊บแบ๊วใสซื่อ อ่อนต่อโลก แต่ทำตัวแพศยา
(3)ดอกบัวขาว กลายเป็นคำสแลงจีนใช้ว่าผู้หญิงแรดที่ประพฤติตัวไม่ดี เหลวไหล ดัดจริต
สารจากผู้แปล
ที่บ้านเป็นนักประกอบจักรยานหรือเปล่าเนี่ยฉีฟาง ปั่นเก่งเหลือเกิน
ไหหม่า(海馬)