แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน - ตอนที่ 16.1 แผนการของจิโนเรียส (ในมุมมองของอนาสตาเซีย) (1)
- Home
- แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน
- ตอนที่ 16.1 แผนการของจิโนเรียส (ในมุมมองของอนาสตาเซีย) (1)
ฉันได้รับข่าวจากสาวใช้มาว่าท่านจิโน่จะขอลาเร็วกว่าปกติในวันนี้เพราะว่าเขารู้สึกไม่ค่อยสบาย
มันทำฉันอยู่ไม่สุขและรีบมุ่งหน้าไปยังห้องของท่านพ่อด้วยความเป็นห่วง
ฉันพบกับท่านจิโน่ระหว่างทางที่ฉันกำลังมุ่งไปยังห้องทำงาน เขากำลังเดินมาทางนี้
ใบหน้าดูซีดเซียว และดูราวกับพร้อมจะล้มพับไปได้ทุกเมื่อ
“ฉันได้ยินมาว่าคุณรู้สึกไม่ค่อยดี เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อื้ม เดี๋ยวพักสักหน่อยก็หายดีแล้วล่ะ”
ท่านจิโน่พูดเช่นนั้น แต่ดูราวกับเขากำลังเจ็บปวดอยู่
พวกเราได้คุยกันนิดหน่อย แต่เขาดูเหมือนกับว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“จะว่าไปแล้ว แอนนา เธอคิดว่าองค์ชายลำดับที่หนึ่งเป็นยังไงบ้าง?”
ท่านจิโน่ถามฉันก่อนที่เขาจะขึ้นไปยังรถม้า
“องค์ชายลำดับที่หนึ่งหรือคะ? ฉันเชื่อว่าเขานั้นปฏิบัติตนเท่าเทียมกับทุกคน ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร และเขายังเป็นชายที่แสนวิเศษและชาญฉลาด มีเหตุมีผลและเด็ดขาดค่ะ”
การเป็นพระราชนัดดาขององค์จักรพรรดิ์ ฉันจึงถูกรายล้อมไปด้วยคนคุ้มกันที่ถูกส่งมาโดยราชวงศ์
ฉันจะพูดเรื่องหยาบคายต่อราชวงศ์โดยที่มีข้ารับใช้รายล้อมอยู่ไม่ได้ ฉันจึงเลือกที่จะตอบกลับด้วยคำตอบที่ปลอดภัย
ท่านจิโน่ยิ่งดูแย่ลงไปอีกหลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่ฉันพูด
“เขาเป็นคนที่น่าเคารพนับถือหรือเปล่า?”
ท่านจิโน่ถามอีกครั้ง
“ค่ะ ฉันมีความนับถือและชื่นชอบพระองค์ค่ะ พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ปฏิบัติกับฉันราวสตรีคนหนึ่งโดยไม่เกี่ยงเรื่องรูปลักษณ์ค่ะ”
ฉันตอบกลับอย่างรอบคอบอีกครา ด้วยการตระหนักว่ามีคนคุ้มกันจากทางราชวงศ์รายล้อมตัวฉันอยู่
อันที่จริงแล้ว องค์ชายลำดับที่หนึ่งอาจจะทรงปฏิบัติตนเฉกเช่นสุภาพบุรุษเพียงแค่ผิวเผิน แต่นั่นเพียงเพราะว่าเขารับรู้ถึงอำนาจทางการเมืองที่ตระกูลเซเว่นสเวิร์ธถือครองอยู่
เขาเป็นเหมือนจิ้งจอกเฒ่า และยังเก็บซ่อนความเจ้าเล่ห์ที่มีติดตัวนั้นเอาไว้ได้ไม่เก่งด้วย
“แอนนา แล้วเธอคิดยังไงกับเรื่องการเป็นราชินีล่ะ? พี่สาวอดอร์นิก็เคยบอกกับผมว่าราชินีนั้นทรงเป็นคนที่ทะเยอทะยานที่สุดในหมู่สตรีทั้งมวล และใครๆต่างก็อยากที่จะเป็นองค์ราชินีถ้าหากว่าเป็นได้”
ท่านจิโน่กล่าวถึงพี่สาวแท้ๆของตน ใช้ความเห็นของท่านวิเวียน่าในการหยั่งเชิงความคิดของฉัน
“ฉันก็เห็นด้วยกับคุณหนูวิเวียน่านะคะ ยังไงพระองค์ก็ทรงยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสตรีทุกนาง ฝ่าบาทยังทรงเป็นผู้สร้างกระแสแฟชั่นครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย พอคิดว่าพระองค์จะทรงเป็นศูนย์กลางของกระแสต่างๆทั้งหมดในสมัยนิยมนี้แล้ว ฉันก็เชื่อว่าเป็นธรรมดาที่จะมีสตรีมากหน้าหลายตาต่างก็ต้องการที่จะได้ตำแหน่งนั้นมาครอง แต่จะยังไงก็ตาม ฉันไม่เหมือนกับคุณหนูวิเวียน่าค่ะ ฉันไม่เคยคิดเรื่องที่ตัวเองจะกลายเป็นราชินีเลย ฉันหน้าตาเป็นอย่างนี้ด้วย เพราะงั้น…”
และเป็นอีกคำตอบที่ปลอดภัยจากฉัน
ที่จริงแล้ว พระองค์ควรที่จะเป็นผู้ที่อยู่เหนือผู้อื่นเมื่อเป็นเรื่องของกระแสความนิยมต่างๆในปัจจุบัน แต่ที่จริงแล้ว ตำแหน่งนั้นเป็นของท่านแม่ต่างหาก
พระสนมก็ได้เป็นผู้สร้างกระแสบ้างเป็นบางครั้งบางคราว แต่ลงท่านแม่ที่ทั้งมีเงินทองมากมายและเส้นสายที่กว้างขวางแล้ว ท่านแม่จึงเป็นผู้ที่ทำเช่นนั้นมากที่สุด
แต่ว่ามันคงจะเป็นการไม่เคารพหากจะพูดเช่นนั้นออกมาตรงๆ ฉันจึงเปลี่ยนคำพูดนิดหน่อยและตามน้ำไปได้
โดยปกติแล้วท่านจิโน่จะต้องจับมือฉันก่อนจะขึ้นรถม้า แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้นในวันนั้น เขาตัวโยกเยกไปมาในขณะที่ปีนขึ้นไปในรถ
เขาคงจะไม่สบายจริงๆ
ดูเหมือนกับว่าเขาจะสะดุดล้มได้ทุกเมื่อแม้ว่าเขาจะเข้าไปภายในรถม้าได้แล้ว
ฉันเป็นกังวลจัง
◆◆◆◆◆
“ท่านจิโน่ สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย ไม่ใช่ว่าคุณฝืนตัวเองอยู่หรอกนะคะ?”
ท่านจิโน่ดูซีดเผือดยิ่งกว่าเมื่อวานนี้เสียอีก
ฉันเริ่มเป็นห่วงเขาว่าสบายดีจริงหรือ จึงถามออกไป
“ผมสบายดี”
(!!!?)
ถ้าหากเป็นอย่างทุกที เขาคงจะรออยู่สักพักและสนทนากับเราก่อนที่จะเดินไปด้วยกันในขณะที่พวกเราค่อยๆเดินไปยังห้องทำงานอย่างเอื่อยเฉื่อย
แต่ว่านอกจากจะไม่พูดคุยกับฉันแล้ว เขายังไม่แม้แต่จะมองมาที่เราในขณะที่มุ่งหน้าไปยังห้องทำงาน
ฉันก้าวขาไม่ออกเพราะตกอยู่ในอาการตกใจ
‘เราต้องวิ่งตามเขาไป’ — ในตอนที่เรารู้สึกตัวและคิดได้อย่างนั้น ท่านจิโน่ก็ได้อยู่นอกทัศนวิสัยไปแล้ว
บางทีเราอาจจะทำอะไรบางอย่างพลาดไปแล้วทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจก็ได้
มือและขาของฉันสั่นเทิ้มจากอาการช็อคและน้ำตาก็ได้พรั่งพรูออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณหนู ท่านจิโนเรียสรู้สึกไม่ค่อยสบาย เขาเลยไม่มีทางเลือกมากนัก เดี๋ยวเขาก็หายดีแล้วล่ะค่ะ แล้วเขาก็จะกลับมาอ่อนโยนเหมือนอย่างทุกที เพราะงั้นมาเถอะค่ะ กลับไปที่ห้องของท่านและพักผ่อนสักหน่อยเถอะค่ะ”
บริดจ์เจ็ตปลอบฉันในขณะที่เดินพาไปที่ห้อง
เมื่อกลับมาที่ห้อง น้ำตาก็ได้ไหลรินออกมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ฉันคงจะทำอะไรลงไปแน่เลย ฉันมั่นใจ
ฉันทำได้แค่ถามเขาว่าฉันทำอะไรพลาดไป และต้องขอโทษอย่างถึงที่สุด
ฉันกระวนกระวายรอให้ท่านจิโน่ทำงานของเขาให้เสร็จ
หลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าท่านจิโน่เสร็จงานแล้ว ฉันก็รีบมุ่งหน้าไปยังห้องทำงาน
“ท่านจิโน่!”
ฉันเห็นท่านจิโน่ที่โถงทางเดินด้านล่าง ฉันจึงเรียกเขาออกไป
“อะไรเหรอ?”
ไม่ใช่ท่านจิโน่อย่างทุกที
ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าทำอะไรผิดพลาดไปแน่ๆ
“ฉันขออภัยด้วยค่ะ ฉันคงจะได้ทำอะไรที่ทำให้ท่านจิโน่รู้สึกไม่สบายใจลงไปสินะคะ”
ฉันกล่าวถ้อยคำขอโทษออกไปด้วยความจริงใจ
“เธอไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ไม่ต้องขอโทษหรอกนะ”
ท่านจิโน่โยนคำเหล่านั้นออกมาในขณะที่เดินผ่านฉันเข้าไปยังโถงทางเข้า
มันช่างน่าตกใจจริงๆ
ถ้าหากเป็นอย่างทุกทีเขาคงจะปรับฝีเท้าให้เข้ากับของฉันตอนเดินด้วยกัน
แต่ท่านจิโน่วันนี้เดินรวดเร็วจนเกินไป ฉันจึงต้องวิ่งเตาะๆไปเพื่อตามเขาให้ทัน
“เอิ่ม เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? วันนี้คุณดูหน้าซีดเซียวมากเลย”
ฉันวิ่งตามท่านจิโน่และเรียกเขาออกไป
“ผมสบายดี”
ด้วยการตอบกลับมาห้วนๆของเขา การสนทนาระหว่างเราจึงจบลงเท่านั้น
ฉันร้องเรียกเขาอีกหลายครั้ง
แต่ท่านจิโน่ก็จะคอยตัดจบบทสนทนาเพียงคำสองคำเท่านั้น และการพูดคุยระหว่างเราก็ไม่ได้คืบหน้าไปมากกว่านั้น
หลังจากที่ส่งท่านจิโน่ขึ้นรถม้า ฉันก็มุดตัวน้ำตานองหน้าอยู่ในห้อง
◆◆◆◆◆
“ท่านจิโน่ พักจิบชาหน่อยเถอะค่ะ ถ้าหากว่าคุณ—”
“ขอโทษทีนะ ผมจำเป็นต้องไปแล้วเพราะมีงานที่บริษัทน่ะ”
ฉันได้ชวนท่านจิโน่มาดื่มชาด้วยกัน แต่เขาก็ปฏิเสธเราอีกครั้ง
ไม่ว่าฉันจะมาหาเขากี่ครั้ง พวกเราก็ไม่สามารถที่จะสนทนาร่วมกันได้ และไม่ว่าฉันจะชวนเขามาดื่มชาสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยมาเลย
ฉันพยายามนึกหัวข้อพูดคุยที่ท่านจิโน่อาจจะสนใจ และถึงกับตระเตรียมชาหายากเอาไว้เพื่อเขา เพื่อที่จะไม่ถูกปฏิเสธ
“…งั้นหรือคะ…”
ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ปล่อยให้เสียงของฉันสั่นคลอน แต่ช่วยไม่ได้ที่ฉันจะรู้สึกเสียใจ
ไม่สิ ไม่ได้นะ
ไม่มีชายใดที่อยากจะดื่มชาและพูดคุยกับหญิงที่เศร้าหมองหรอก
ฉันจะต้องยิ้มแย้มสดใสเข้าไว้
“อย่าพึ่งยอมแพ้!
อย่ายอมแพ้ที่จะมีความสุข!
คุณเองก็สามารถที่จะมีความสุขได้!
จะแค่ฝันว่าได้มีความสุขก็ได้ไม่เป็นไร!
เพราะงั้นช่วยอย่ายิ้มแบบนั้น เหมือนกับว่าคุณยอมแพ้ไปแล้ว!
ชีวิตของคุณพึ่งจะเริ่มต้น เข้าใจนะครับ!”
เมื่อไหร่ที่ฉันรู้สึกหดหู่ ฉันก็มักจะคิดถึงคำพูดของท่านจิโน่ในตอนที่เขาสารภาพรักกับฉัน
สิ่งต่างๆมากมายเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากที่เขาพูดคำเหล่านั้นกับฉัน
“อย่ายอมแพ้ที่จะมีความสุข”
เขาพวกนี้ได้กลายเป็นคติประจำใจของชีวิตฉัน
ตัวฉันในอดีตคงจะต้องหดหู่และอาจจะยอมแพ้ไปแล้วในตอนนี้ แต่ไม่ใช่กับตัวฉันในปัจจุบัน
ฉันเปลี่ยนไปหลังจากได้พบกับท่านจิโน่
ใบหน้าที่อัปลักษณ์ของฉันอาจจะเต็มไปด้วยรอยตะปุ่มตะป่ำ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้ที่ในความสุขของตัวเองไม่ว่ายังไงก็ตาม
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
พิสูจน์อักษรโดย: Rain K.