แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน - ตอนที่ 12.3 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน เสาะหาบันทึกการแพทย์ (3)
- Home
- แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน
- ตอนที่ 12.3 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน เสาะหาบันทึกการแพทย์ (3)
นี่ประเทศของผมไปทำอะไรให้ [ราชันย์จอมเวท] โมโหเข้างั้นเหรอ?
คงจะทำลงไปสินะ
ก็เป็นสังคมที่ไม่ได้ประสบคู่แข่งทางการเมืองมาเป็นระยะที่ยาวนานนี่นา และการคอรัปชั่นก็ยังมีเยอะแยะอีก
จะยังไง ผมก็ดีใจนะที่ [ราชันย์จอมเวทแห่งดิน] เป็นคนทำลายพื้นที่บริเวณนี้น่ะ
ถ้าหากว่าเป็น [ราชันย์จอมเวทแห่งเพลิง] ล่ะก็ ตัวอาคารของมหาวิทยาลัยแห่งนี้คงจะเหลือเพียงเถ้าถ่าน
ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็คงจะหาตำราทางการแพทย์ที่หลงเหลือเป็นสมบัติในยุคปัจจุบันของพวกเราไม่ได้
ด้วยความคิดเช่นนั้นในหัว ผมดำเนินการขุดเจาะต่อไปอีกสามวัน ตอนนั้นเองที่ในที่สุดผมก็ขุดมาถึงที่ที่คงจะเคยเป็นห้องสมุดมาก่อน
ผมค่อยๆนำดินและทรายด้านในสิ่งก่อสร้างออกอย่างระมัดระวัง และย้ายมันไปด้านนอกก่อนที่จะยังคงเสาะหาต่อไปภายในโครงสร้างตึกนี้
สมกับที่เป็นห้องสมุดของมหาวิทยาลัย มันมีลูกบอลคริสตัลอยู่พอสมควร
ถึงแม้ว่าผมจะบอก ‘หนังสือบันทึกการแพทย์’ แต่หนังสือที่ทำมาจากกระดาษนั้นไม่ค่อยใช้กันในอดีต แทนที่จะทำอย่างนั้น มันง่ายดายกว่ามากหากจะเก็บเอกสารเอาไว้เป็นข้อมูล โดยมีลูกแก้วคริสตัลเป็นสื่อกลางจัดเก็บ
นั่นก็เพราะความเปราะบางตามธรรมชาติของกระดาษ พวกมันจึงเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆอย่างเลี่ยงไม่ได้เมื่อเวลาผันผ่าน แต่ว่าด้วยการร่ายเวทคงสภาพไว้กับลูกแก้วคริสตัลและบันทึกข้อมูลเอาไว้ในนี้ มันจึงอยู่เกือบจะตลอดไป
ผมยังคงดำเนินการขุดเจาะห้องสมุดไปอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น
ลูกแก้วคริสตัลที่ผมค้นพบมีจำนวนมากกว่าสองพันลูก ผิดคาดเลยแฮะ
เอาจริงดิ?
สูงแก้วแต่ละลูกมีอยู่ราวๆหนึ่งพันบันทึก เพราะฉนั้นสิ่งที่สะสมมาถึงตอนนี้คงอยู่ที่ราวๆกว่าสองล้านบันทึกได้แล้ว
ไม่ได้การแล้ว
ผมจำเป็นต้องหาระบบคัดกรองหนังสือแล้วล่ะ
ผมค้นพบลูกแก้วตัวอ่านบันทึกอีกนิดหน่อยในระหว่างตามหาระบบค้นหาของห้องสมุด
โชคไม่ดี ไม่มีอะไรที่ดูจะใช้การได้เลยในตอนนี้
ถึงกระนั้น ก็ยังมีของบางคนที่ยังไม่ได้สูญเสียเวทมนตร์คงสภาพคลังข้อมูล และบ้างก็ยังคงดูเหมือนว่าสามารถใช้กับส่วนอื่นๆได้
อุปกรณ์ที่ได้รับการติดตั้งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะนั้นได้รับการร่ายมนตร์คงสภาพที่ทรงพลังเอาไว้ทำให้พวกมันหลีกเลี่ยงจากการเสื่อมสภาพอย่างง่ายดายมาได้
โชคยังดี ที่ในครั้งนี้ก็เป็นอย่างนั้น
ผมตัดสินใจที่จะนำพวกมันทั้งหมดออกมากับผม
ในที่สุดผมก็พบระบบค้นหาหนังสือของห้องสมุดอยู่ที่บริเวณใกล้กับทางเข้าชั้นที่หนึ่ง แต่แก่นข้อมูลสำคัญได้แตกหักไปแล้ว
นั่นก็หมายความว่าพวกเราจะต้องค้นทุกซอกทุกมุมกว่าสองล้านบันทึกนี้เพื่อตามหาข้อมูลที่พวกเราต้องการ
ผมช่วยไม่ได้ที่จะทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น ท่วมท้นไปด้วยปริมาณงานมหาศาลที่ผมจำเป็นจะต้องทำในอนาคตนี้
เหล่าขุมสมบัติที่เราจัดการขุดขึ้นมานั้นมีมากเกินไปเสียจนเป็นไปไม่ได้สำหรับผมที่จะนำพวกมันกลับไปด้วยมือคู่นี้
เพราะอย่างนั้น ผมจึงใช้กลุ่มเคลื่อนย้ายสิ่งของที่ผมได้ติดตั้งเอาไว้เพื่อเคลื่อนย้ายสมบัติไปยังฐานใต้ดินที่อยู่ของเหล่าโกเลมที่ตั้งอยู่บริเวณรอบนอกของเมืองหลวง ผมทำเรื่องนี้ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ดำเนินการขุดเจาะ และใช้เวลาไปราวสามวัน
◆◆◆◆◆
ผมกลับมาโดยใช้กลุ่มเคลื่อนย้ายที่ย้ายสมบัติไปยังที่อยู่ของโกเลม
ออฟฟิศโกเลมทำงานโดยไม่หยุดไม่หย่อนในการจัดเรียงเหล่าสมบัติที่นำมาเก็บอันแล้วอันเล่า
ผมเองก็ยังไม่ได้อาบน้ำมาเกือบเดือนแล้ว ผมจึงไปอาบน้ำก่อน
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็รีบตั้งเป้าไปที่การสร้างลูกแก้วคริสตัลตัวอ่านข้อมูลทันที
ของกล้วยๆ
ผมมีตัวต้นแบบที่เอาไว้ใช้อ้างอิงแล้ว และวัตถุดิบที่จะต้องใช้ก็ได้รวบรวมมาไว้ได้ขนาดหนึ่งเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสร้างลูกแก้วคริสตัลตัวอ่านข้อมูล แต่ถึงเห็นผมเป็นอย่างนี้ ผมก็เป็นอดีตวิศวกรมาก่อน
วัตถุดิบก็เกือบจะครบสมบูรณ์แล้ว และพวกเราเองก็มีต้นแบบ เพราะงั้นผมอาจจะสามารถสร้างตัวอ่านข้อมูลสักตัวหนึ่งขึ้นมาได้
ผมบอกพวกเขาว่าผมจะกลับมาภายในสองเดือน ผมจึงยังพอมีเวลาอยู่บ้าง
และดงันั้น ผมจึงหมกตัวอยู่ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์และเร่งทำงานในทันที สืบเสาะและค้นหาผ่านทุกข้อมูลบันทึกทางการแพทย์ที่ผมพอจะยื่นมือไปถึง
ผมจะใส่รหัสชื่อหนังสือและสารบัญเสร็จสรรพพร้อมลงไปบรรจุในลูกแก้วคริสตัลที่ว่างเปล่า พยายามที่จะเข้าใจถึงความคิดโดยรวมของเนื้อหาในหนังสือโดยอิงจากข้อมูลตรงนี้
เรื่องที่จำเป็นต้องสืบค้นด้วยวิธีนี้ดูจะลงเอยที่กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะผมจะต้องกลับมาตรวจสอบหนังสือที่ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกันอีกในภายหลัง
ถ้าหากผมพยายามที่จะเก็บบันทึกมากกว่านี้ล่ะก็ ผมคงจะสามารถมาดูทีหลังอีกทีได้ง่ายๆ และนั่นคงจะช่วยประหยัดเวลาของผมไปได้โข
นี่ก็เป็นเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ผมเรียนรู้มากจากประสบการณ์การเป็นวิศวกรของผม
ผมสร้างตัวอ่านอีกสองตัวและให้ออฟฟิศโกเลมมาช่วยด้วยเหมือนกัน
และเมื่อจวนจะถึงเส้นตายแล้วนั่นเองที่ในที่สุดผมก็ได้พบเข้ากับ หนังสือ ที่พวกเราน่าจะกำลังตามหากัน
[โรคเวทมนตร์และมนตร์รักษา]
คงจะเป็นเล่มนี้นี่แหละ!!
ผมเปิดอ่านผ่านๆอย่างเร่งรีบ
โชคไม่ดีที่มันเป็นหนังสือวิชาการที่น่าจะตั้งเป้าไปที่ผู้ที่มีคุณสมบัติระดับประเทศในการกลายเป็นนักเวทรักษา การเป็นคนที่ไม่มีความรู้อย่างผมกับของแบบนี้นั้น มันช่างเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจจริงๆ ผมไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี ผมก็ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาแล้ว
ตามหนังสือเล่มนี้บันทึก [โรคเอ็กซ์ตรีมไฮเปอร์มาเกีย] เป็นโรคที่จะทำให้เกิดรอยปูดบวมโผล่ขึ้นมา ผู้ที่ไม่ได้ถือครองปริมาณของมานาที่เทียบเท่ากับ [ราชันย์จอมเวท] จะไม่ติดโรคนี้ แต่คนธรรมดาปกติเองก็อาจจะติดอะไรสักอย่างที่คล้ายกับโรคนี้บ้าง
โรคนี้ที่ติดกับคนธรรมดาจะถูกเรียกว่า [ภาวะขัดข้องในระบบหมุนเวียนเวทมนตร์เรื้อรัง] และผู้ป่วยจะมีตุ่มขึ้นหนึ่งถึงสี่ตุ่มที่ร่างกาย
นั่นก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะพวกเขานั้นเป็นคนธรรมดา พวกเขาจึงมีตุ่มขึ้นเพียงน้อยนิด แต่โดยธรรมชาติของโรคนี้แล้วก็เหมือนกับ [ภาวะเวทมนตร์เกินขีดจำกัด] ที่ทั้งร่างกายของผู้ป่วยจะมีรอบปูดบวมโผล่ขึ้นเต็มไปหมด
สำหรับขั้นตอนการรักษา มันเขียนบอกไว้ว่าการรักษาผู้ป่วยด้วยเวทแสงจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงระยะเวลาอันสั้น มันคงจะมากจนเกินไปสำหรับผู้ป่วย และถ้าหากว่าโรคนี้มีอาการที่หนัก อาจจะทำให้เกิดอาการช็อคและถึงแก่ความตายได้
ดังนั้น วิธีการสำหรับการรักษาสำหรับกรณีที่มีอาการหนักคือการรับยาอย่างต่อเนื่องและค่อยๆบรรเทาอาการลงไปอย่างอ่อนโยน
หัวข้อหลักของหนังสือคือวิธีการเลือกการรักษาอย่างเหมาะสม และเมื่อไหร่ต้องใช้โพชั่นเวทมนตร์ เมื่อไหร่ที่ต้องใช้มนตร์รักษา แต่ผมไม่ได้คิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องกัน ผมจึงข้ามในส่วนนั้นไป
[ภาวะเวทมนตร์เกินขีดจำกัด] เป็นกรณีที่รุนแรงอย่างมากของ [ภาวะขัดข้องในระบบหมุนเวียนเวทมนตร์เรื้อรัง]
ถ้าหากผู้คนปกติบาดเจ็บจากอาการรุนแรงของภาวะขัดข้องในระบบหมุนเวียนเวทมนตร์เรื้อรังจนตายจากอาการช็อคจากเวทมนตร์รักษา ผู้ที่มี [โรคเอ็กซ์ตรีมไฮเปอร์มาเกียร์] ก็จะต้องตายด้วยอย่างแน่นอนเหมือนกัน
ถ้าเป็นอย่างนั้น การรักษาด้วยโพชั่นเวทมนตร์จะเป็นสิ่งที่จำเป็น
ในที่สุดผมก็ได้เบาะแสที่ผมต้องการมาแล้ว ผมจึงต้องการที่จะทำงานนี้ต่อไป แต่ผมจำเป็นต้องกลับไปแล้ว
ดังนั้นผมจึงปล่อยให้ออฟฟิศโกเลมรับหน้าที่บันทึกชื่อหนังสือและสารบัญลงไป และออกมาจากคฤหาสน์พร้อมกับ “ของฝาก” ที่ผมได้เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว
สิ่งแรกที่ผมจำเป็นต้องทำคือการไปรับม้าและรถม้าคือมา
มันคงจะใช้เวลาหลายวันในการที่จะตั้งพื้นที่สำหรับเทเลพอร์ตที่ปลอดภัยสำหรับคนในการที่จำผ่านเข้าไป เพราะงั้นยมันคงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเสียกว่าที่จะทำอย่างนั้นหากระยะทางไม่ได้ไกลมากนัก
ดังนั้น ผมจึงไม่ได้ติดตั้งพื้นที่เทเลพอร์ตใกล้กับเมืองที่ผมทิ้งรถม้าเอาไว้
ไม่มีทางเลือกนอกจากใช้วิธีเดินทางเดิมๆไปยังเมืองนั้น ผมจึงตัดสินใจขี่เซนทอร์โกเลมไปในยามค่ำคืน
ผมไม่ควรที่จะสวนกับใครในเมื่อผมเดินทางในเวลากลางคืน แต่ผมก็ยังเลี่ยงถนนเชื่อมเมืองเอาไว้เพื่อความแน่ใจ
จากนั้น ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เซนทอร์โกเลมของผม — ซึ่งสามารถที่จะเดินทางบนถนนที่ไม่ได้ถูกปูทางเอาไว้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องพักนั้น — ก็ได้เดินทางมาถึงระยะทางที่ตามปกติแล้วจะต้องใช้เวลาราวสามวันโดยรถม้า
ผมรอรุ่งเช้าอยู่ข้างในป่า ที่ห่างจากเมืองมาเล็กน้อย
หลังจากที่ประตูเมืองเปิดออกในยามรุ่งสาง ผมก็ได้ส่งโกเลมกลับก่อนที่จะเข้าไปในเมือง
หลังจากนั้น ผมก็ได้รถม้าคืนและมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองหลวง
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex