กึง กึง กึง กึง กึง
ภายในปราสาทของจอมมารนั้น หญิงสาวที่ถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดที่แท้จริง ฟารูน เธอกำลังนั่งเคาะโต๊ะทำงานของเธออย่างต่อเนื่อง เสียงเคาะด้วยปลายนิ้วที่ไม่เหมือนกับการเคาะโต๊ะนั้นทำให้เหล่าทหารยามด้านนอกถึงกับขนลุกและกดดันกันจนยืนขาสั่นไม่หยุด เพราะเสียงเคาะนี้มันดังต่อเนื่องมานับตั้งแต่วันที่ฟารูน แบกเอาโลงเหล็กประหลาดกลับมา
“ เมื่อไหร่…จะเปิดมันได้สักที เจ้าพวกบ้านั้นก็อีแค่โลงเหล็ก… เดี๋ยว….รินรินเท ก็…อึก ”
ณ ตอนนี้ฟารูนเธอได้แต่นั่งในห้องรอให้พวกนักวิจัยจัดการกับโลงศพเหล็กที่เธอเชื่อว่าข้างในนั้นมีข้ารับใช้คนสำคัญ รินรินเท กำลังนอนไม่ได้สติอยู่ โดยตลอดเวลาของการเอาออกมาเพื่อประคองชีวิตไว้เธอจึงสั่งให้พวกแพทย์มารักษาอาการของคนข้างในตลอดเวลา ทั้งยังห้ามไม่ให้การเปิดมันออกโดยการใช้กำลังเพราะไม่งั้นคนข้างในก็คงจะไม่รอดแน่ๆ
ก็อก ก็อก
“ ขออนุญาตครับท่านฟารูน!! ”
เปรี้ยง ฟู่…
“ เข้ามา!! ”
เสียงขออนุญาตจากข้างนอกนั้นดังขึ้น แต่ว่าแทนที่จะเป็นการอนุญาตด้วยการตอบกลับธรรมดา ฟารูนในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ผิดไปจากปกติมากเธอจึงไม่คิดจะพูดแล้วทำลายประตูห้องนั้นด้วยการชี้นิ้วเพียงอย่างเดียว และทันทีที่ประตูถูกระเบิดกลายเป็นผงไป ก็เห็นได้ว่าทหารในเกราะหนักเองก็กำลังยืนตัวสั่นไม่หยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ
“ มีอะไร!! รีบพูด…หรือแก…อยากจะหายไปอีกคน… ”
“ ค ครับผม!! ตอนนี้พวกเราเปิดโลงออกได้แล้วครับ!! ”
กึก
ฟารูนไม่พูดอะไรอีก สิ่งนั้น คำพูดนั้นเป็นสิ่งที่เธอรอมาตลอดหลายวัน หลายชั่วโมง และก็เพราะแบบนี้ ฟารูนจึงรีบลุกแล้วหยิบเอาผ้าคลุมมาใส่ก่อนจะเดินออกจากห้องไปในทันที มุ่งตรงไปยังใต้ปราสาทยังสถานที่ที่เธอให้พวกทหารและข้าราชบริวารไปจัดการเปิดผนึกกล่องเหล็กนั้น
ปึ้ง ฟู่
“ ฮี๊!!! ”
“ ท ท ท่านฟารูนเสด็จแล้ว!! ”
ประตูเหล็กที่กั้นห้องด้านล่างนี้กับโลกภายนอกถูกระเบิดออกกลายเป็นผง ทุกคนในนั้นต่างหวาดกลัวแล้วรีบหันมามองก่อนที่จะคุกเข่าก้มหัวลงทำความเคารพหญิงสาวที่ด้านนอกนั้น ฟารูน เธอไม่สนใจเจ้าพวกเศษขยะพวกนี้แม้แต่น้อย เธอเดินตรงไปยังโลงเหล็กอย่างเร่งรีบก่อนจะใช้มือพลักส่วนที่ถูกตัดออกเพื่อมองดูข้างใน
“ ท ท่านฟา… ”
กึก กร็อบ
อย่างไรก็ตามพอเปิดมันออกได้ แทนที่เธอจะทักทายหรือพูดอะไรฟารูนกลับบีบใบหน้าคนที่อยู่ข้างในนั้นจนแตกกระจายออกเป็นเพียงเศษเนื้อ ก่อนที่เจ้าตัวจะได้พูดจนจบ ส่วนคนที่ลงมือนั้น ฟารูนตอนนี้แต่สีหน้าของเธอนั้นช่างว่างเปล่า แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจจะอธิบายได้ ออร่าของเธอแผ่ออกมาจนคนในห้องถึงกับล้มลงไปหมดสติ ออร่าสีดำเข้มที่เกินกว่าจะต้านทานได้
“ ยูโทเปีย… พวกแก… ”
……
…
กึก กึก กึก กึก
“ รีบๆออกไปจัดการเร็วเข้า!! พวกมันเริ่มโจมตีแล้ว!! ”
“ ว่ายังไงนะ?!? ทั้งๆที่การประกาศสงครามพึ่งมาถึงเมื่อวานเนี่ยนะ?! ”
“ เหอะน่า!! รีบไปช่วยกันป้องกันเร็ว!! ”
ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นที่ด้านนอกของตัวปราสาท เองก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย จากการที่ทหารของกองทัพจอมมารต่างเคลื่อนเข้าออกกันเพื่อไปจัดการกับสถานการณ์วุ่นวายมากมายที่ทยอยเกิดขึ้นรอบๆ ซึ่งทุกคนต่างก็คิดว่านี้คือฝีมือของยูโทเปีย จากการที่ข่าวเรื่องการประกาศสงครามพึ่งมาถึงเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ วุ่นวายกันจังเลยน้าาาา แต่ข่าวกว่าจะมาถึงก็ช้าเหมือนกันนะเนี่ย?!? ทั้งๆที่เทเสล่าเผาค่ายไปตั้งหลายชั่วโมงแล้วแท้ๆ ”
“ อืม… ตรงนี้ก็ไม่ใช่ ”
และแน่นอนว่าด้วยความวุ่นวายที่ใกล้มาถึงขนาดนี้ ก็มีอีกความหมายหนึ่งด้วยนั้นคือ…ตัวก่อความวุ่นวาย ได้มาถึงแล้ว มาร์และเพนเททั้งสองกำลังนั่งอยู่ที่ริมกำแพงปราสาท โดยที่ตัวของมาร์เองก็กำลังลูบคลำกำแพงไปมาอย่างช้าๆเหมือนกับกำลังตามหาอะไรบางอย่าง
“ ว่าแต่นายท่านค๊าาา นี้ก็ 2 วันแล้วนะค๊า???!? แบบนี้ไม่บุกเข้าไปเลยจะดีกว่าอ๋อ?!? ”
เพนเทที่นั่งรออยู่ข้างๆก็บ่นๆ เพราะเธอรอแบบนี้มาได้ 2 วันกว่าแล้ว รอนายท่านของเธอตามหาอะไรสักอย่างโดยที่ตัวของเขาไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาตลอดหลายวันนี้
“ อืม… นั้นสินะ… ตรงนี้เองก็ไม่ใช่ ”
“ งืออ!! ตอบแบบนี้อีกแล้วอ่า!! ”
[ เส้นมันต่อมาที่นี้ ก็น่าจะไม่ไกลนี่น่า…แต่ก็ไม่ใช่… ]
ส่วนตัวของมาร์เองก็ไม่ได้จะสนใจอะไรรอบข้างนักแล้วตอบกลับเหมือนกับหุ่นยนต์ด้วยคำตอบเดิมๆ เพราะตอนนี้สมองเกินร้อยละ 80 ของเขากำลังพยายามคลำหาสิ่งที่คนทั่วไปคงจะแยกไม่ออกและไม่อาจรู้สึกถึงได้ นั้นคือตำแหน่งที่เรียกว่า จุดอ่อนของการร่ายเวทย์ หรือก็คือจุดที่ห่างจากการร่ายมากที่สุด เป็นจุดที่ผู้ใช้จะไม่อาจสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของมันได้ โดยส่วนใหญ่คนมักจะเข้าใจว่าเป็นจุดที่อยู่บนสุดหรือล่างสุด แต่ไม่ใช่เลย จริงๆแล้วมันคือจุดที่มานาวิ่งไปท้ายสุดต่างหาก ซึ่งแม้แต่ตัวผู้ใช้ก็กำหนดมันไม่ได้และนั้นเองก็ทำให้มาร์มานั่งหาด้วยตาและสัมผัสของตัวเอง
[ อึก… ตรงนี้เองก็ยังมีการดักจับอีกแหะ คนร่าย… ไม่สิมากขนาดนี้ไม่ใช่แค่คนเดียวแหงๆ ]
สาเหตุที่ทำการค้นหาช้าเพราะว่า การค้นหาจุดนี้ จะมีวิธีแยกอยู่ 2 ทาง ทางแรกคือการสวนกระแสด้วยผ่านการยัดมานาลงไปบนกำแพงซึ่งเป็นวิธีที่เร็วและมีประสิทธิภาพทว่าถูกตรวจจับได้ง่ายเพราะมานาที่ใช้กางสกิลใดๆไว้จะถูกแทนที่และผู้ใช้จะรู้สึกตัวได้ ทำให้เหลืออีกวิธีคือการมองด้วยตาที่เห็นมานา มองคลำตามกระแสเพื่อตามหาจุดอ่อนนั้นแล้วลงมือจัดการเอง
“ นายท่านค๊าา?!? สนใจเค้าหน่อยจี่… อือ…. เขาจะถอดชั้นในแล้วน๊า… แหง่ะ เมินเหมือนเดิมเลยอ่า แง~~ TwT ”
[ หรือว่าเราจะลองใช้หวนกระแสคืน…แต่ ไม่อ่ะไม่ ถ้าเกิดจู่ๆย้อนแรงไปล้มฟุบกันขึ้นมาล่ะก็… เห้อ มีแต่ต้องทำแบบนี้สินะ ]
ซึ่งระหว่างที่มองหานี้แหล่ะ แทนที่มาร์จะสั่งให้เพนเทไปช่วยคนอื่นๆ เขาเลยต้องดึงตัวเธอเอาไว้คอยดูสถานการณ์รอบๆให้ และนั้นก็ทำให้ทั้งสองมาอยู่ในสภาพแบบนี้ โดยในระหว่างที่เขาทำมาร์ก็เกิดไอเดียแปลกๆอย่างการดึงกระแสมานา หรือย้อนมานากลับ แต่ว่าเขาก็ไม่แน่ใจแล้วก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะทำเพราะถ้าเผลอทำไปแล้วคนใช้ออกอาการอะไรจนถูกจับได้ขึ้นมาคงทำให้แผนแตกแน่ๆ
“ อ๊ะ? ”
[ เจอสักที… ขอบคุณจริงๆนะเจ้าอิฐ ]
ทว่าในระหว่างที่กำลังคลำๆไป มาร์ก็หยุดมือลงก่อนจะจับไปที่ขอบกำแพง ตรงที่มีอิฐก้อนหนึ่งที่ยื่นออกมามากกว่าจุดอื่น ยื่นออกมาเป็นแท่ง เขาก้มมองดูมันแล้วก็พยักหน้าก่อนจะ ทำในสิ่งที่เขาวางแผนไว้
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
“ ในที่สุด!! นายท่าน!! ก็เจอแล้ว!! ฮึก ฮึก ฮึก ”
มาร์เริ่มใช้มือที่หุ้มมานาของตนกระเทาะช่องว่างนั้นออกทีละนิดเหมือนกับการแกะสลักหิน จากรูเท่าอิฐก้อนเดียวกลายมาเป็นรูที่ใหญ่พอให้คนคนหนึ่งสามารถมุดผ่านเข้าไปได้ โดยเพนเทที่เห็นก็ถึงกับน้ำตาไหลเลยทีเดียว สิ่งที่เธอรอคอยมานานในที่สุดก็เริ่มคืบหน้าสักที
เปรี๊ยะๆๆ แปรก
[ อืม ทำระบบกันเยอะชิบหาย แต่ดันมีแค่เนี้ย… แค่ชั้นเดียว… มั่นใจมากเกินไป หรือ โง่เกินไป หรือ ไม่มีคนที่ทำได้กันหว่า?!? ช่างเถอะ แบบนี้ก็ดีแล้ว ]
แต่ในตอนที่ทำเสร็จมาร์ก็แอบบ่นในใจเช่นนั้น บาเรียตรวจจับนี้มันมีข้อดีที่หนาและกันได้หลายอย่าง แต่ดันมีแค่มันอยู่ชั้นเดียว นั้นแสดงว่าใช้คนร่ายหลายคนเพื่อให้มานาพอจะร่าย แต่ไม่ได้ใช้หลายคนเพื่อจะได้ร่ายหลายๆชั้น ซึ่งถ้าเป็นแบบหลายชั้นเมื่อไหร่มันก็คงต้องกินเวลาอีกหลายวันกว่าจะเข้าไปได้โดยไม่ถูกตรวจจับเลย
“ ทีนี้ก็…กำแพงของจริงสินะ เห้ออ ”
“ นายท่านคะ!? ให้เค้าพาเข้าไปเลยหรือเปล่าค๊าาา?!? จริงๆ รูแค่เข็มก็เข้าไปได้น้าาา!! ”
อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีกำแพงมานาแล้ว มันก็ยังมีกำแพงจากอิฐ จากหินที่ก่อเรียงกันอยู่ดี เพนเทเลยมองดูก่อนจะถามมาร์ด้วยความที่เธอสามารถผ่านเข้าไปได้แล้วโดยไม่ถูกตรวจจับจากบาเรียก่อนหน้าแน่ๆ แต่มาร์ก็ส่ายหน้าก่อนจะพร้อมกับมองผ่านไปยังจุดต่างหลังกำแพง
“ คงต้องงดล่ะนะเพนเท ข้างในนั้นมีมานาเคลื่อนที่ไปมาในที่ที่ไปไม่ได้เยอะเลย คงเป็นกลุ่มดาร์กเอนทิตี้ที่วนเวียนอยู่แน่ๆ แถมด้านในสุดเองก็มีมานาที่หายเข้าออกแบบเดียวกับเพนเทอีก อ่า…แกรนด์ดาร์กเอนทิตี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีล่ะนะ ที่จะเราเข้าไปด้วยสกิลทางวิญญาณน่ะ ”
“ ชิ… เข้าใจแล้วค่ะ ”
“ ยังไงก็… อืม กว้างสักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง [สร้าง] ”
ซึ่งด้วยความที่เป็นมาร์เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้มันยากเย็นนัก เขาหันกลับไปมองเพนเทอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเปิดกำแพงตรงนี้ด้วยการสร้างรูขนาดพอให้ทั้งสองผ่านไปได้ จากการใช้สกิล สร้าง ของเขา รู้นั้นมันขยายออกอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุหรือส่งเสียงที่ดังเกินไป และพอเขาตรวจดูว่ามันเรียบร้อยดีแล้วมาร์ก็ค่อยๆคลานผ่านเข้าไป ก่อนจะตามมาด้วยเพนเท
[ ชิ… กำแพงบางแค่นี้จะไปกันอะไรได้ล่ะยะ!! ทำไมไม่สร้างให้หนาสัก 2 ถึง 3 เมตรล่ะ!! โธ่!! ]
แกรก
กำแพงนี้มันไม่ได้หนามากทำให้เพนเทดูจะเสียใจที่ไม่ได้จ้องมองมาร์จากด้านล่างและหลัง ซึ่งมาร์ที่เข้ามาถึงแล้วก็หยิบเอาปืนของตนเองขึ้นมาเตรียมพร้อมและเฝ้าระวังรอบๆ ระหว่างที่เพนเทคลานเข้ามาแต่ว่า…
กึก
“ อ๊ะ?!? แย่จังมันติดอ่า… นายท่านค๊าาา ช่วยดึงเค้าหน่อยยจี่ ”
อย่างที่มาร์กำลังก้มมองดูอยู่ เพนเทแม้ท่อนบนจะเล็กแต่ท่อนล่างโดยเฉพาะตอนท้าย(ก้น)ของเธอนั้นค่อนข้างจะใหญ่ มันเลยทำให้เธอติดแล้วเข้ามาไม่ได้ สภาพตอนนี้เจ้าตัวเลยนอนหงายพร้อมกับเสื้อท่อนบนที่เปิดออกให้เห็นท้องของเธอ และกางเกงที่ยังติดอยู่กับรูกำแพงนั้นจนดึงลงให้เห็นสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าเอวลงมานิดหน่อย เธอเงยหน้าขอร้องให้นายท่านของเธอช่วยดึง ด้วยสีหน้าและรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเขินอาย
“ อยู่นิ่งๆนะเพนเท… ”
“ ค ค๊า!! ”
ตึก
แต่การทำแบบนั้นก็ทำให้เธอดูจะไม่เป็นผล เพราะมาร์ไม่คิดจะเสี่ยงทำให้เกิดเสียงดังหรืออะไร เขาเลยลงไปนั่งคุกเข่าตรงข้างๆรูกำแพงนั้นซึ่งมันก็อยู่ระดับเดียวกันกับช่วงเอวของเพนเทที่ตอนนี้ถ้าเลื่อนขึ้นอีกหน่อยก็คือเห็นทุกอย่างใต้กางเกงแล้ว แต่มาร์ไม่ได้มองไปที่ตรงนั้น เขามองลงไปตรงส่วนที่ติดอยู่ก่อนจะวางมือลงบนกำแพงอย่างช้า
“ [ สร้าง ] … ”
ครืด… ครืด…
รูนั้นค่อยๆขยายออกอย่างช้าๆ จนไม่นานนักมันก็กว้างพอจะให้ตัวของเพนเทลอดผ่านได้แบบเฉียดฉิวโดยที่ไม่ดึงรั้งเสื้อผ้าของเธอให้หลุดทิ้งไว้อีกฝั่ง อย่างไรก็ตามพอเธอลอดออกมาได้แล้วก็อยู่ในสภาพหน้าบึ้งสุดๆ แต่นายท่านของเธอก็ไม่ได้จะถามหรืออะไรเพราะเขาคิดว่าสาเหตุนั้นคงเป็นเพราะเธออายที่ติดแบบนี้ ทว่าความจริงคือ…
[ บ้าเอ้ย!! อุตส่าห์พยายามกลั้นตอนนั้นแล้วนะ โอกาสดีขนาดนี้แล้วแท้ๆ!! นายท่านเองก็ไม่เล่นด้วยเลยอ่าา!! หึยยยย!! แต่ว่า… ]
อืม เพนเทอยากจะจับมือกับนายท่านของเธอเป็นอย่างมาก เพื่อจะได้สร้างโมเม้นท์โรแมนติด ถึงขนาดที่ตอนมาร์หันมามองเธอ เธอลงทุนแขม่วพุงกับก้นของตนเองอย่างสุดความสามารถแล้วหวังว่านายท่านของเธอจะเขินอายกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่ผลลัพธ์ดันตรงกันข้ามเลย
[ ดูทำหน้าเข้าสิ! ไม่สนใจแล้วยังจะ ข ข เข้ม…อีก อึก ]
ตึก ตึก ตึก ตึก
เขาไม่รู้สึกอะไรสักนิดแถมยังเข้มจนหัวใจเธอเต้นไม่หยุดอีก อย่างไรก็ตามตอนนี้พอเข้ามาข้างในได้แล้วเพนเทก็หยิบเอามีดของตนเองออกมาก่อนจะหายใจเข้าออกช้าๆ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆว่า
“ ได้เวลาเริ่มงานแล้วเพนเท… แถมงานนี้ก็เป็นงานคู่กับนายท่าน…ทำตัวให้เป็นโปรหน่อย ”
……
MANGA DISCUSSION