5 วันถัดมา หลังจากการเปิดภาคเรียน นักศึกษาหน้าใหม่ก็ต่างพากันเข้าเรียนแล้ว ช่วงเช้าถึงเที่ยงก็จะไม่ค่อยได้เห็นใครนอกห้องเรียนนัก….ยกเว้น นักศึกษาพิเศษคนหนึ่ง "มาร์"
ตั้งแต่วันนั้นเขาก็มีห้องส่วนตัวอยู่ในโรงเรียนแล้ว วราเรย์ผู้เป็นแม่แรกๆก็ห่วงกับคำตัดสินใจของมาร์ที่ว่า
"แม่ครับ ผมจะไปอยู่ในโรงเรียนตามหลักสูตรพิเศษนะครับ!!!" นั้นคือสิ่งที่มาร์บอกกับแม่ของเขา
ตอนแรกวราเรย์ได้แต่กังวลว่า "มาร์จัง จะเป็นอะไรหรือเปล่าน้า…. ไปอยู่คนเดียวจะไหวหรือเปล่าน้า…" แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ค่อยเป็นห่วงลูกแล้วเพราะครูใหญ่เป็นคนรับรองความปลอดภัยของมาร์ให้เอง
ก่อนหน้านี้ วราเรย์ ได้พบกับเคโอทิคตอนที่เขามาสั่งเครื่องแบบนักเรียน เธอเลยได้รู้ว่ามาร์นั้นผ่านเข้าหลักสูตรนี้
เคโอทิคพูดขอร้องกับวราเรย์ผู้เป็นแม่ ให้เธออนุญาตมาร์ให้มาอยู่ในหอที่เขาเตรียมไว้ให้
ซึ่งเธอเองในใจก็อยากอยู่กับมาร์ เพราะว่า มาร์เป็นลูกคนแรกตั้งแต่เธออยู่มาบนโลกนานกว่า …. ปี เธอจึงห่วงเขามากๆ
แต่ว่าเพื่ออนาคตของลูก เธอจึงตกลง รวมทั้งวราเรย์เอง ก็ไม่กล้าปฏิเสธครูใหญ่ด้วยเพราะตัวตนระดับนั้นมาก้มหัวขอร้องให้ลูกของเธอไปอยู่ที่โรงเรียนพร้อมพยายามพูดน้าวโย้มใจวราเรย์อยู่นานหลายชั่วโมงอีก ถ้าเธอปฏิเสธคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
เพราะแบบนี้มาร์จึงได้ย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนคอลลาจอย่างเป็นทางการแล้ว โดยทางการนี้คือ….ครูใหญ่ติดประกาศที่ทางเข้าโรงเรียนให้ทุกคนได้ทราบกันเลยทีเดียว
ทีนี้ต้องอธิบายก่อนว่า โรงเรียนคอลลาจนั้นแตกต่างจากโรงเรียนทั่วๆไป ที่นี้เหมือนมหาลัยที่มีระบบหอใน หอนอก เนื่องจากนักศึกษาหลายคนไม่ได้อาศัยอยู่ในทวีปนี้
พวกเขาเลยต้องหาที่อยู่สำหรับมาเรียน ผลก็คือมีหอถูกสร้างขึ้นทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน
หอในโรงเรียนคือหอที่แบ่งชายหญิงและไร้เพศออกจากกัน จึงมี 3 หอ หอละ 50 ห้อง ห้องนึงนอน 4 คน หอในจึงมีความจุ 600 คน แต่จำนวนก็ไม่ใช่สิ่งที่โดดเด่นอย่างเดียวขนาดห้องเองก็ด้วย
เพราะความเป็นหอในของสถาบันก็เลยค่อนข้างอลังการเป็นพิเศษ ขนาดไหนนะเหรอ ก็ขนาดห้องเพนท์เฮ้าส์ ของโรงแรมระดับ 5 ดาว ยังต้องก้มกราบขอร้องว่า "พอเถอะ ถ้ายังมีแบบนี้ต่อธุรกิจโรงแรมหรูล่มจมแน่ๆ"
ส่วนหอนอกมีไว้สำหรับคนที่ยื่นเกณฑ์เข้าหอในไม่ได้ กฎเข้าหอในไม่ยากเลยแม้แต่น้อยแค่มีคะแนนติดท็อป 15 คนแรกของแต่ละวิชาก็พอแล้ว
หอนอกก็มีหลายระดับแต่ไม่มีหอนอกไหนเหนือไปกว่าหอในเลยในด้านคุณภาพการอยู่อาศัย
แต่ว่าหอนอกก็มีดีถึงขนาดที่เด็กหอในยอมเดินทางไกลหลายกิโลออกไป เพราะที่หอนอกนั้นมีแต่ร้านอาหาร…ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แบบเหล้า เบียร์
ที่หอในไม่มีเป็นเพราะหอในอยู่ในเขตโรงเรียนเลยห้ามการขายของพวกนั้น ทำให้เด็กบางคนมีความ"เสี้ยน" ที่จะดื่ม
ส่วนห้องของมาร์นะเหรอ เพราะความเป็นเด็กหลักสูตรพิเศษ ห้องของเขาเลยตั้งอยู่ในตึกวิจัยที่โรงเรียนเตรียมไว้ให้ มันเป็นตึกขนาด 4 ชั้น และใหญ่พอๆกับโรงยิม ตั้งอยู่ข้างๆหอในฝั่งชาย มันเป็นอาคารที่ทนทาน ทั้งยังเพรียกพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆสำหรับวิจัย
ที่สำคัญคือ 1 ตึก 1 คน ดังนั้นทั้งตึกนี้คือที่ของมาร์!!!
แต่ห้องนอนที่อยู่ข้างในนั้นเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ครั้งแรกที่มาร์เข้าไปและเคโอทิคแนะนำส่วนต่างๆในห้อง มาร์ก็มีความคิดขึ้นมาว่า
[ นั้นเตียงนอนหรืออะไรวะนั้น!!! กว้างไปแล้วเว้ยยย จะให้กี่คนนอนละ 10 คน? แล้วไอ้ตู้เสื้อผ้าดันมีตู้เดียวแต่ของที่เอามาทำเป็นตู้จนไม่อยากเปิด คืออะไรห๊ะ? เดี๋ยวนะในตู้มีแต่เครื่องแบบนักเรียนพิเศษ? ไรวะเนี้ย เอ้อ!! เอาเข้าไป!!! แล้วไอโต๊ะอ่านหนังสือนั้นกะจะให้ขึ้นไปนอนอ่านหรือไง ใหญ่ไปเว้ย ใหญ่เกิ๊น!!! ]
ในห้องที่ครูใหญ่เคโอทิคได้เตรียมไว้มาร์นั้น คือห้องนอนขนาด 6*6 เมตร ที่มีเตียงโคตรคิงไซค์อยู่ ตู้เสื้อผ้าก็ทำจากไม้ราคาแพงลงสลักอย่างสวยงามแต่ข้างในมีแต่เครื่องแบบของนักเรียนหลักสูตรพิเศษ
ที่พื้นห้องปูด้วยหินอ่อนสีดำสลับขาว และมีพรมที่ทำจากหนังมอนสเตอร์ขนาดใหญ่สีขาว มุมห้องนั้นมีโต๊ะอ่านหนังสือและชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่ทำจากหินสีขาว โต๊ะนั้นใหญ่มากขนาดที่พอจะให้คนขึ้นไปนอนได้สบายๆ ตัวห้องมีระบบไฟที่ใช้มานาของผู้ที่อยู่ในห้อง
หมายความว่าถ้าเป็นคนอื่นเข้ามาใช้ห้องอาจจะอยู่ได้ไม่นานก็คงสลบหรือตายไป แต่สำหรับมาร์อัตราการดูดมานาของห้องนี้ไม่ได้เยอะเลย
ยิ่งห้องน้ำสำหรับห้องมาร์นั้นเองก็หรูมากจนขนาดที่วันแรกๆของมาร์ เขาเอาแต่แช่ในอ่างน้ำร้อนนานกว่า 2 ถึง 3 ชั่วโมง ทั้งเช้าและเย็น
และตอนนี้ มาร์ก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียน ชีวิตของเขาเริ่มมีความฟรีสไตล์มากขึ้นกว่าเดิม มากกว่าตอนอยู่ที่บ้าน แต่ว่าในใจเขาก็รู้สึกเหงาๆเหมือนกันที่ไม่ได้เจอหน้าครอบครัวในตอนเช้าอย่างในอดีต
เช้าวันนี้มาร์ที่ตื่นขึ้นมาจากเตียงนอน ก็กระโดดออกจากเตียงแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปแช่น้ำทันที ก่อนที่จะออกมาแต่งตัวที่ตู้เสื้อผ้า
"เอาละ ไหนดูสเตตัสปัจจุบันของเราหน่อยดีกว่า" มาร์ยืนอยู่ที่หน้ากระจกที่อยู่ในห้องโดยมีเพียงผ้าขนหนูคาดเอวของเขาเพียงผืนเดียว
—————————————————————————————————–
Stats : ปัจจุบัน
LV : * ”ถ้าว่างแล้วจะมาใส่ให้ จากพระเจ้า”
RACE : HUMAN
JOB : * “อันนี้เดี๋ยวรอไปก่อนนะ คือข้ายังหาอันที่เหมาะกับเจ้าไม่ได้เลย ฮ่าๆ จากพระเจ้า”
AGES : 15
HP : 8025 (N) 16050 (SP) [ BASE(HUMAN) 25 + SOUL 5000*lv + Training 3000 ]
MP : 280010 (N) 560020 (SP) [ BASE(HUMAN) 10 + SOUL 50000*lv + Training 230000 ]
STR : 908 (N) 1816 (SP) [ BASE(HUMAN) 8 + SOUL 200*lv + Training 600 ]
DEX : 685 (N) 1370 (SP) [ BASE(HUMAN) 10 + SOUL 200*lv + Training 475 ]
CON : 401 (N) 802 (SP) [ BASE(HUMAN) 1 + SOUL 200*lv + Training 200 ]
INT : 2710 (N) 5420 (SP) [ BASE(HUMAN) 5 + SOUL 200*lv + Training 2505 ]
WIS : 1328 (N) 2656 (SP) [ BASE(HUMAN) 6 + SOUL 200*lv + Training 1122 ]
CHA : 741 (N) 1482 (SP) [ BASE(HUMAN) 9 + SOUL 200*lv + Training 532 ]
SKILLs :
[EX] Absolute Evolution [ แค่เห็น เรียนรู้ อ่าน ฟัง สัมผัส รู้สึก โดน ก็สามารถเลือกที่จะก็อปสกิลนั้นมา แล้วพัฒนาไปอีกขั้น ]
[EX] Absolute Deny [ สามารถเลือกที่จะ ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น จะเกิดขึ้น อย่างสมบูรณ์ ]
ภาษา อิคดีย์ ระดับ ศาตราจารย์
*NEW* ก้าวข้ามขีดจำกัดขั้นต้น ระดับ 9 จาก ปลุกปั่นพลังกาย ระดับ 6
ฟื้นฟูมานา-สูงสุด ระดับ 9
รังสรรค์ ระดับ 11
เวทย์พื้นที่มิติ ระดับ 10
วางเพลิง ระดับ 2
ถ่วงน้ำ ระดับ 2
บอลดิน/น้ำ/ลม/ไฟ/แสง/มืด – ใหญ่ ระดับ 4
กำแพงดิน/น้ำ/ลม/ไฟ/แสง/มืด – กลาง ระดับ 3
เหยียบฟ้า (เวทย์สำหรับวิ่งบนท่องฟ้า) ระดับ 8
รักษาสมบูรณ์ ระดับ 9
รู้ใจจริง ระดับ 6
ข้อมูลปลอมสมบูรณ์ ระดับ 15
[EX] มองกลางคืน (สี) [มองกลางคืนได้เหมือนมองในตอนลกลางวัน]
เปิดเผยตัวตน ระดับ 14
*NEW* [EX] เก็บแสงสุริยัน [ สเตตัส*2 หากพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า ] จาก
[EX] ใต้แสงสุริยัน [ สเตตัส*1.5 หากพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า ]
*NEW* [EX] นิรันดร์ใต้แสงสุริยัน [ อายุยืนขึ้น 2 เท่า และร่างกายจะไม่เปลี่ยนไปหลังจากอายุ 18 ปี ] จาก
[EX] เยาว์วัยใต้แสงสุริยัน [ อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า และร่างกายจะไม่เปลี่ยนไปหลังจากอายุ 21 ปี ]
*NEW* [EX] ความเย้ายวนของซัคคิวบัส – สูง [ สามารถหว่านเสน่ห์ให้หลงไหลได้และคุ้มครองการโดนครอบงานทางจิตใจจากสกิลระดับต่ำกว่า ] จาก
[EX] ความเย้ายวนของซัคคิวบัส – กลาง [ สามารถหว่านเสน่ห์ให้หลงไหลได้และคุ้มครองการโดนครอบงานทางจิตใจจากสกิลระดับต่ำกว่า ]
APTITUDEs :
ทักษะ ปืน/มีด/ระเบิด/มือเปล่า : สูงสุด
ทักษะ ดาบสั้น/เรเพียร์/ยาว/สองมือ/หอก/ขวาน : สูง
ทักษะ ธนู/หน้าไม้ : กลาง
อาวุธง่ายๆ : สูง
ทักษะทำอาหาร : ที่ 1 ในประเทศ
ทักษะเอาชีวิตรอด : อยู่สบายกว่าอยู่บ้าน
ทักษะขโมย : ปลดเปลื้องผ้าโดยไม่รู้ตัว
ทักษะประกอบอาวุธ สร้างอาวุธ : โดดเด่นไม่อาจเลียนแบบได้
วิชาดาบ : ล้านแสง
—————————————————————————————————–
"เพิ่มมาเยอะเหมือนกันแหะ แต่ว่าข้อจำกัดจากสังคมก็เยอะเหมือนกันนะที่โลกนี้" เพราะว่าที่โลกนี้การจะใช้สกิลนั้นเป็นเรื่องที่ต้องคิดก่อนใช้ ไม่ใช่อยากจะใช้ก็ใช้ได้แบบที่มาร์คิดตอนเด็กๆ หรือแบบที่เขาได้เข้าใจมาจากโลกในอดีต
มาร์ได้รู้ว่า [ การจะใช้สกิลใส่ใคร…หรือใช้ตามใจอยาก…เป็นเรื่องที่โคตรเสี่ยงคุกชิบหาย!!! ]
มีสกิลเพียงหยิบมือที่อนุญาตให้ใช้ได้ ตามใจคือ สกิลประเภทตรวจสอบ สกิลประเภทปกปิด สกิลประเภทใช้กับตนเอง หรือใช้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น
เพราะว่าสกิลพวกนั้นที่โลกนี้มองว่าเป็นการใช้กับตนเองหรือใช้เพื่อหาข้อมูลพื้นฐาน จึงไม่จำเป็นต้องห้ามแต่อย่างใด ทั้งไม่ได้ไปล่วงละเมิดใครด้วย เขาจึงไม่ห้ามกัน ดังนั้นมาร์จึงคิดเสมอว่า [ ถ้าเราจะใช้สกิลกับคนอื่นหรือว่าเอาไปทำอะไรตามใจ จะต้องไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นคนใช้เด็ดขาด ไม่งั้นงานหยาบแน่ ]
เพราะว่าถ้าถูกจับได้ จะจบด้วยการเข้าคุก ไปรับโทษตามความเสียหายที่เกิดขึ้น แถมพอเข้าไปแล้วในคุกพวกนั้นจะดึงมานาออกมาทำเป็นแหล่งพลังงานส่งไปชดใช้ให้กับเมืองที่นักโทษก่อปัญฆา และมีมานาเหลือให้นักโทษเพียงพอแค่อยู่ใช้ชีวิตไปได้…..มันจึงเป็นนรกสำหรับคนบนโลกนี้
และการเข้าจับกุมของตำรวจของทวีปพ็อกซ์เองก็ใช่ย่อย พวกเขาพร้อมจะทุ่มสุดกำลังเพื่อจับผู้ร้ายเพียงคนเดียว [ในอดีตมีเรื่องเล่าว่า มีคนใช้สกิลตามใจฆ่าผู้คนในเมืองอย่างต่อเนื่อง ทวีปเลยส่งกองกำลังขนาดใหญ่มาตามจับผู้ที่ก่อเหตุ การตามล่านั้นเป็นไปนานกว่า 1 เดือน ตอนแรกส่งมาเพียงตำรวจไม่กี่ราย พอนานๆเข้าก็กลายเป็นส่งยันนักเวทย์ อัศวินมาล่ากันเลยทีเดียว]
ไม่พอระบบจำกุมของที่ทวีปนี้เองก็ให้รางวัลกับคนที่มีส่วนร่วมในการจับกุม แม้เพียงมอบน้ำอาหาร หรือระบุตำแหน่งให้ ก็รับรางวัลได้ แบบนี้พอมีเหตุอะไร ประชาชนก็จะเป็นฝ่ายไล่จับก่อนที่ตำรวจจะมาถึงเสียอีก
มาร์เลยต้องวางแผน เพิ่มเป็นพิเศษมากกว่าเดิม เพราะเขาจะใช้สกิลทั้งหมดได้เฉพาะตอนกลางคืน เท่านั้น เป็นช่วงเวลาที่มาร์จะทำอะไรตามใจได้มากสุด เพราะไม่มีคนมาจับตาดูหรือเป็นจุดเด่นมากนัก รวมไปถึงทักษะของเขาเองที่มีประโยชน์มากๆในเวลากลางคืน เช่นมองกลางคืน หรือเหยียบฟ้า เป็นต้น
ที่สำคัญเลย หลังจากที่มาร์ได้สกิลต่างมาๆเขาก็ลองใช้ แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาปวดหัวคือสกิล [ รังสรรค์ ]
มาร์ก็ลองใช้หลายครั้งแล้วก็รู้ว่า สกิลนี้ ได้แค่ "สร้าง" ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าจะเปลี่ยนแปลงคือต้องทำลายและสร้างใหม่ แถมยังไม่สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตได้ ทั้งยังต้องการวัตถุดิบอีกด้วย เช่น
ตอนที่ได้สกิลมาใหม่ๆ มาร์พยายามจะเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองเวลาออกไปนอกบ้าน แต่กลายเป็นว่ามันทำลายเสื้อผ้าจนหมดและสร้างขึ้นมาใหม่จนไม่เหลือความเป็นเสื้อผ้า เพราะวัตถุดิบไม่พอ
หรือแม้แต่มาร์เองก็ได้ลองสร้าง"แมว"ขึ้นมา แต่ว่า สิ่งที่ได้มันก็เป็นเพียงก้อนเนื้อรูปร่างแมวที่มีขน แต่ไร้จิตวิญญาณ พอปล่อยทิ้งไว้ได้ 10 นาทีก็เริ่มส่งกลิ่นเหม็นออกมา
[ ตอนนี้สกิลที่พอจะมีประโยชน์ก็…เวทย์พื้นที่มิติ เพราะเราใช้มันแทบจะตลอดทั้งวัน แต่แบบว่าถ้าไม่ติดที่มันดูน่าสยดสยองจะดีกว่านี้ละนะ ] สกิลเวทย์มิติของมาร์ ทุกครั้งที่ใช้สภาพเหมือนกับมีเงาของคนรอยขึ้นมาอยู่ข้างหลังของเขา แถมยังปล่อยออร่าที่น่าขยะแขยงออกมาด้วย มาร์จึงจำกัดให้มันทำงานอยู่ในสภาพของคนร่างเท่านิ้วก้อยของเขา
[ ส่วนสกิล Absolute Evolution เองก็ด้วย เราพึ่งก็จะรู้ว่ามันมีข้อจำกัดที่เราจะต้อง เห็น เรียนรู้ อ่าน ฟัง สัมผัส รู้สึก โดน หมายความว่า….เราจะต้องรับรู้ถึงการมีอยู่ของสกิลนั้นหรือโดนกับตัวเองตรงๆ ไม่ใช่จะนึกและสร้างขึ้นมาได้เพราะมันไม่ได้เกิดตามจินตนาการของตัวเราเอง.. ชิ!!! อุตส่าห์นึกว่าจะสร้างเวทย์ปั้มตังได้แล้วแท้ๆเชียว พระเจ้านี้รอบคอบชะมัด!! ]
มาร์เดินวนอยู่ในห้องของเขา พร้อมกับคิดเรื่องต่างๆคนเดียวอย่างกับคนบ้า ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความครุ่นคิดอย่างหนัก ที่วัยเด็กเขาไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้
[ Absolute Deny เองก็ด้วย มันไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเรา หมายความว่าถ้าเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นเราก็จะรอดได้ง่ายๆ….แต่คนอื่นสิ เราไม่มีทางช่วยได้ด้วยสกิลนี้เลย แถมสกิลมันเองก็ไม่ทำงานตามที่เราอยากด้วย….เหมือนกับว่ามันมีความคิดเป็นของตัวเอง..]
นั้นคือความจริง สกิลทั้ง 2 อย่างที่มาร์ขอพระเจ้ามาร์ มันใช้กับมาร์ได้เพียงคนเดียว!! แถมข้อจำกัดพระเจ้าก็ทำให้มันไม่สามารถทำเกินกว่าที่พระเจ้าเคยบอกไว้ว่า "สกิลที่ขัดกับกฎธรรมชาติข้างล่างขนาดนั้นน่ะ ข้าไม่ให้หรอกนะ"
"เอาเถอะ มีแค่นี้ก็พอแล้วละ ส่วนวิธีใช้เดี๋ยวคืนนี้ก็ลองดูอีกทีละกัน ถึงหลายๆวันมานี้เราจะเอาแต่สนุกอยู่ในนี้ก็เถอะนะ ฮ่าๆๆๆ" มาร์ขำเป็นบ้าอยู่คนเดียวในห้องนอนของเขา
แต่ว่าแม้มาร์จะขำออกมาแบบนั้นแต่ในใจเขากลับรู้สึก "เหงา" ที่ไม่ได้เจอครอบครัวที่เขารัก
ย้อนกลับไปในอดีตก่อนที่มาร์จะมาโลกนี้ เขาเป็นทหารรับจ้างที่ชีวิตค่อนข้างจะอาภัพ อยู่พอตัว พ่อกับแม่หย่ากันตั้งแต่เขายังเป็นทารก แล้วพ่อก็พามาร์เข้ามาอยู่ตอนที่ตัวของพ่อเป็นทหารรับจ้าง แต่พอเข้าได้ไม่นานพ่อเขาก็ตาย ชีวิตเลยขาดความทรงจำของสิ่งที่เรียกว่า"ครอบครัว" มาโดยตลอดยิ่ง หน้าของ"แม่" เขาก็ไม่เคยจะได้เห็นแม้แต่รูปเลย
พอมาที่โลกนี้มาร์ก็เลยตัดสินใจว่า [ กุจะใช้ชีวิตใหม่กับครอบครัวในแบบที่กุไม่คยได้มีโอกาสมีมาก่อน ]
วันนี้เป็นวันที่มาร์คิดว่าจะลองไปเข้าเรียนดูสักครั้งเพื่อจะได้ไอเดียอะไรมาพัฒนาปืน หรือทำวิจัยอื่นตามที่ครูใหญ่อยากให้เขาทำ
[ เห้ออออ นี้ไม่ได้ทำเพราะว่าเงินวิจัยจริงๆนะเออ… ] มาร์อยากจะพูดแบบนั้นแต่ในดวงต่อตอนนี้กลายเป็นเหรียญทองไปแล้ว
"เอาละ วันนี้ไปเข้าห้องเรียนไหนดีน้า? " มาร์พูดออกมาในตอนที่กำลังเปลี่ยนไปใส่เครื่องแบบนักเรียนหลักสูตรพิเศษ แต่เขาตัดแต่งมันเพิ่มเติมที่กางเกงเล็กกิ้งนั้นเขาใช้ "รังสรรค์" สลายกางเกงบางตัวไปแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ให้เป็นกางเกงสูทสีดำ ส่วนรองเท้าที่สีสดใสเขาก็ทำให้มันกลายเป็นสีดำแทน
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้วมาร์ก็เดินออกจากตึกของเขา และตรงไปยังตึกเรียนที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก ……. 12 กิโลเมตร
"อ่า…ชิบหายละ รถม้าไปที่ตึกเรียนมันให้ขึ้นก่อนตี 5 นี้หว่า แต่นี้มันก็..เวร 7 โมงเช้าแล้ว อีก 1 ชั่วโมงเข้าเรียน มีแต่ต้องวิ่งแล้วสินะ!!! ยายสปีดโปรดส่งความเร็วของยายมาทีเถอะ!!! ไม่งั้นผมไปกินข้าวเช้าที่โรงอาหารไม่ทันก่อนเข้าเรียนแน่ๆ!!! " มาร์ตะโกนออกมาก่อนที่จะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยสกิล [ ก้าวข้ามขีดจำกัดขั้นต้น ]
มาร์ไม่รู็ตัวเลยว่าที่ข้างหลังนั้นมีผู้หญิงคนนึงกำลังแอบมองดูเขาอยู่เธอมีผมสีแดง และยังสวมฮู้ดกับผ้าปิดปากสีดำ
"แฮ่กๆ มาร์คุงในที่สุดก็ออกมา…แล้วสินะ ฮ่าห์..กลิ่นของมาร์คุง หะ หอมจังเลย" เธอพูดพร้อมกับส่งเสียงหอบแปลกๆออกมา
"นี้เน่จัง รีบไปได้แล้วนา ไม่งั้นเดี๋ยวที่สภาก็มีเรื่องหรอก โดดมา 5 วันแล้วไม่ใช่อ๋อ เนี่ย เพราะแบบนเนี้ยพวกสภามาถามผมทุกวันเช้าเย็นเลยอ่ะ เน่จัง เน่จัง ได้ยินอ่ะเปล่า ฮัลโหลลล" ชายหนุ่มผมสีขาวหูยาวสวมแว่นตากลม พยายามสะกิด พี่สาวของเขาแต่เหมือนเธอจะไม่สนใจเข้าเลย
[ เห้อออ เน่จังน้า ไปโดนอะไรมาละนั้น ถึงไปสนใจนักเรียนใหม่คนนั้นน้าาา แต่ช่างเถอะ! ถามไปมีหวังได้ฟังคำร่ายคุณงามความดีแหงๆ ]
เด็กชายคนนั้นทำเป็นไม่สนใจพี่สาวของเขาและเริ่มเดินตรงไปทางเดียวกับที่มาร์วิ่งไป ปล่อยให้พี่สาวของเขายืนหายใจหอบ *แฮ่ก* *แฮ่ก* ที่ตรงทางเข้าตึกของมาร์
"อึ๋ยยยย ยังยืนดมอยู่ตรงนั้นอีกเหรอเนี้ยยย แบบนี้แจ้งให้จารย์แพทย์มาดูดีไหมเนี่ยยยย ไม่สิแจ้งตำรวจมาจัดการจะดีกว่าละมั้ง…หยึยย ขนลุก เน่จังนี้เกินเยียวยาเกินไปแล้ว…" เขาแอบหันกลับไปมองก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอายแทนพี่สาวของเขา
….
MANGA DISCUSSION