[เอเลี่ยนเกยตื้น] สเปซทรัคเกอร์ รูดี้คุง - ตอนที่ 6 อะไรสักอย่างที่ดูเหมือนจระเข้
ตอนที่6 อะไรสักอย่างที่ดูเหมือนจระเข้
ผ่านไปได้ราว1ชั่วโมงหลังจากต่อสู้กับก๊อบลิน รูดี้ ก็เดินทางมาจนถึงบริเวณใกล้เคียงกับยานร้าง เขาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ๆ
การเดินทางในป่านั้นค่อนข้างยากลำบากแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขากลับไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแต่อย่างได เขารู้สึกว่ามันแปลก แต่ก็แค่ยักไหลแล้วเลิกคิดถึงมัน
“ฮาล ได้ยินหรือเปล่า”
[ครับ มาสเตอร์ สัญญาณชัดเจน]
เมื่อฉันติดต่อกับฮาล ผ่านสมองอิเล็กทรอนิกส์ เขาก็ตอบกลับทันที
“ฉันมาถึงที่หมายแล้ว ว่าแต่ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
[ตัวยานบางส่วนได้รับความเสียหายจากการกระแทก แต่ก็ไม่ถึงกับเป็น ปัญหาร้ายแรง เราสามารถกลับไปที่ ไนกี้ ได้ทุกเมื่อ]
“รับทราบ หลังจากนี้ฉันจะเริ่มการแทรกซึมเข้าไปในยานแล้ว ช่วยส่งโดรนสำรวจมาทางนี้ที”
[ครับ มาสเตอร์]
โดรนต่อต้านแรงโน้มถ่วงที่รออยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เคลื่อนตัวเข้ามาข้างๆ รูดี้
“ถ้าข้อมูลของยานยังไม่เสียหายเราอาจจะได้รับข้อมูลของดาวดวงนี้ก็เป็นได้”
[กรุณาระวังตัวด้วย]
“ถ้ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวจะติดต่อไป”
รูดี้จบการสื่อสารกับฮาลแล้วก็เริ่มเดินเข้าไปในตัวยานพร้อมกับโดรน
ประตูหลักของยานลำนี้ถูกปิดสนิทและไม่สามารทเปิดออกได้ แต่ทว่ามันมีรอยแตกอยู่ได้ท้องยานในส่วนที่พื้นดินโดยรอบมีรองรอยของการถูกขูดออกไปและรอยแตกนั้นก็ยังกว้างพอที่จะให้เขาผ่านเข้าไปได้
ที่นี่มันเป็นจุดยานตกงั้นเหรอ? เขาคิดในใจระหว่างที่มองตามร่องรอยของหลุมบนพื้นไปที่ท้ายตัวยาน
เมื่อเปลี่ยนตาซ้ายเป็นโหมดกล้องส่องทางไกล เขาก็เห็นได้ว่ามีหลุมยุบและรอยขูดจากการกระแทกยาวออกไปหลายร้อยเมตร
ตามที่ฮาลได้กล่าวไว้ ดูเหมือนว่ายานลำนี้จะมีอายุมากกว่า1,200ปี มีความเป็นไปได้สูงว่ามันเดินทางมาถึงที่ดาวดวงนี้ในช่วงเวลานั้น
เมื่อเขาเข้าไปในตัวยานก็พบกับโถงทางเดินมืดๆที่แสงเข้าไม่ถึง เขาจึงสั่งให้โดรนส่องไฟทำให้เห็นได้ถึงการเสื่อมสภาพของทางเดินที่ทอดยาวออกไป ผนังเองก็ถูกปรกคลุมไปด้วยเฟิร์นที่บุกรุกเข้ามาจากภายนอก
เมื่อเดินตามโถงทางเดินลึกเข้าไปสักพักเขาก็เจอเข้ากับแผงเทอมินัล(*แผงควบคุมการเชื่อมต่อ) โผล่ขึ้นมาจากพุ่มเฟิร์นรกๆ เขาจึงพยายามที่จะทดลองใช้งานมันดูแต่มันกลับไม่มีการตอบสนองไดๆ
เพราะมันเป็นของที่อยู่มานานกว่า1200ปี แหล่งจ่ายพลังงานคงจะหยุดทำงานไปนานแล้ว รู้ดี้เองก็คาดไว้แบบนั้นเมื่อเห็นสภาพด้านนอกของตัวยาน
เขาตรวจสอบอักขระที่อยู่บนแผงควบคุมแล้วก็เห็นได้ว่ามันเป็นภาษาเดียวกันกับที่ใช้ใน กาแลคติก เอมไพร์ ทำให้รูดีมั่นใจว่านี่เป็นยานของจักรวรรดิ
ฉันควรจะไปค้นหาห้องของ AI ที่ควบคุมยานลำนี้ได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่านะ? ไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าจะมาพบเข้ากับสถานการณ์เช่นนั้นได้เร็วขนาดนี้ หลังจากที่ออกจากยานลงจอดมาได้เพียงไม่นาน เสียดายชมัดที่ไม่ได้พกปืนมาด้วย
จะมาเสียดายเอาตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขาตัดใจแล้วก็เดินลึกเข้าไปทางส่วนท้ายของยาน
หลังจากที่เดินลึกเข้าไปอีกสักครู่ เขาก็เริ่มสังเกตเห็นมีเศษกระดูกกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นพลาสติกแข็งโทรมๆ
พอหยิบขึ้นมาตรวจสอบดูก็พบว่ามันมีร่องรอยของการถูกกัดแทะอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าพวกมันจะโดนกินโดยสัตว์กินเนื้อบางประเภทละมั้ง? ขนาดตัวมันก็พอๆกับก๊อบลินด้วยสิ มันคงจะเป็นพวกเดียวกันกับก๊อบลินพวกนั้นแหงๆ
ก็ตามที่คิดไว้ว่าคงไม่อาจรู้ได้ว่ากระดูกพวกนี้มันมาอยู่ตรงนี้ไดนานแค่ไหนแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าฉันจะเจอพวกก๊อบลินระหว่างทางมาที่นี่ แล้วยานลำนี้ก็น่าจะเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัยได้ แต่กลับไม่เห็นว่าจะมีก๊อบบลินอาศัยอยู่ในนี้สักตัว ถ้างั้นก็หมายความว่า……
“มีสัตว์กินเนื้ออาศัยอยู่ในนี้”
ก่อนที่เขาจะคิดไปถึงบทสรุปเล็กน้อย ก็มีเสียงขู่และเสียงฝีเท้าของสัตว์ร้ายลอยออกมาจากส่วนลึกของโถงทางเดิน
รูดี้ก้จ้องเข้าไปตามทิศทางของเสียงนั้นและลุกขึ้นยืน
ใบหน้าของมันเข้ามาในระยะของแสงไฟจากโดรน
มันมีความสูงประมาณ2เมตรครึ่ง มีโครงสร้างร่างกายแบบเดิน4ขา และใบหน้าที่ดูเหมือนกับจระเข้ โดยที่ส่วนบนของปางมันสามารถกางแยกออกมาได้เป็น3ส่วน ปากของมันมีความกว้างพอที่จะกลืนหัวของรูดี้เข้าไปได้ในคำเดียว
ลำตัวของมันถูกปรกคลุมไปด้วยขนสีดำและมีส่วนที่ไร้ขนเป็นรอยด่างกลมๆกระจายอยู่ทั่วร่าง ผิวหังที่เห็นได้ผ่านรอยด่างพวกนั้นนั้นเป็นสีเทาที่ดูเข็งราวกับหิน
ดวงตาสีเหลืองกับรูม่านตาสีดำที่แตกออกเป็นแฉก*(TL note ลูกโอชิ?)ที่ดูคมกริบราวกับนักล่านั้นต้อนรับรูดี้ด้วนสายตาที่ดูตื่นเต้น
มันจ้องฉันอย่างกับว่าฉันน่าอร่อยสุดๆเลยแน่ะ……รูดี้มองไปที่น้ำลายที่ไหลย้อยออกมาจากปากของมัน พลางคิดเรื่องไร้สาระไปด้วย
เขาชักดาบสั้นของเขาออกมาถือไว้ในมือขวาตั้งใบมีดไปด้านหน้าแล้วสั่งให้โดรนดับไฟ
ทันทีที่โถงทางเดินมืดลง รูดี้ก็เปิดใช้งานโหมดมองกลางคืนของตาซ้าย ในความมืดมิดนั้นเขามองเห็นสัตว์ร้ายตัวนั้นได้อย่าชัดเจน
เจ้าสัตว์ร้ายที่จู่ๆก็ถูกห้อมล้อมด้วยความมืดอย่างกะทันหัน เสียการมองเห็นไปก็คำรามแล้วพยายามมองหารูดี้ มันสัมผัสถึงจิตสังหารของเขาได้จึงหันไปทางซ้าย
ภายในความมืดนั้นรูดี้ได้ฟาดฟันใส่เจ้าสัตว์ร้ายที่อยู่ตรงหน้า
ใบมีดโดนเข้าที่ส่วนบนของปากมัน แต่ทว่าผิวหนังแข็งๆของมันกลับสะท้อนใบมีดออกไป
ไม่อยากเชื่อกับความถึกของเจ้าสัตว์ร้าย รูดี้ ตระหนักได้ว่ามันยังมองไม่เห็นในความมืด ทำให้เขายังมีความได้เปรียบอยู่
เขาฟาดฟันใส่มันอีกครั้งโดยเล็งไปที่คางของมันแต่ใบดาบก็ยังโดนสะท้อนออกมาเหมือนเดิม
เจ้าสัตว์ร้ายสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของรูดี้จากทิศทางที่มันโดนโจมตีจึงอ้าปากเพื่อที่จะงับเขา
รูดีถึงกับตาค้างเมื่อเห็นว่าปากที่อ้ากว้างและเต็มไปด้วยน้ำลายของมันพุ่งมาอยู่ตรงหน้าของเขา
เขาฟาดมันด้วยดาบสั้นในขณะที่กระโดดถอยออกไปทางขวา
หลังจากการเข้าประทะครั้งแรก ทั้งรูดี้และสัตว์ร้ายนิรนามก็ถอยห่างจากกัน รูดี้ ตั้งดาบขึ้นมาเตรียมพร้อมในขณะที่สัตว์ร้ายทำเสียงขู่
ฟันมันไม่เข้าเลย แล้วไอ้ความเข็งจนเหลือเชื่อนี่มันอะไรกันน่ะ ดาบเล่มนี้มันตัดได้แม่กระทั่งหินเลยนะ
เขากลืนน้ำลายอย่างแรงและจ้องเขม็งไปที่สัตว์ร้าย ในขณะเดียวกัน มันก็ได้รับรู้แล้วว่ารูดี้ไม่ใช่เหยื่อที่จะเคี้ยวได้ง่ายๆ จึงจ้องเขม็งกลับมาเช่นเดียวกัน
ในโถงทางเดินอันมืดมิดนั้น การต่อสู้ระหว่างสัตว์ร้ายและชายคนหนึ่งก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
รูดี้ฟาดฟันดาบสั้นของเขาใส่เจ้าสัตว์ร้ายอย่างต่อเนื่อง แต่เพราะผิวหนังที่แข็งราวกับเหล็กของมัน ได้สะท้อนทุกการโจมตีออกไป
เจ้าสัตว์ร้ายเองก็พยายามอ้าปากอันน่าสยดสยองของมันเพื่อที่จะกัด และตะปบเขาด้วยกรงเล็บของมัน แต่เขาก็ใช้ดาบสั้นในมือเพื่อปัดป้องการโจมตีของมัน และยังเตะใส่มันเป็นบางครั้งอีกด้วย
ทั้งสองฝ่ายต่างเคลื่อนไหวไม่หยุด อาวุธของพวกเขาประทะกันอย่างรุนแรงก่อให่เกิดประกายไฟ
ในขณะที่การประทะยังดำเนินต่อไป รู้ดี้ก็ค่อยๆตกเป็นฝ่ายที่ถูกกดดัน
เขาเพิ่มการเคลื่อนไหวของการฟาดฟันในรูปแบบต่างๆไปในการโจมตี แล้วก็ฉวยโอกาสโจมตีจากจุดบอดด้วยการเตะสูงเข้าที่กรามของมันก่อนที่จะกระโดดถอยออกมา
หลังจากการต่อสู้โดยไร้การโจมตีตัดสินนานกว่า10นาที เขาก็ถอยออกมาจากมันและใช้เวลาตอนนั้นในการเริ่มคิดแผนรับมือ
ยังไม่มีวิธีแก้ไขสถานการณ์ที่ชักเจน…สายตาของมันก็ปรับจนชินกับความมืดแล้วด้วย ทำให้ความได้เปรียบในตอนแรกหายไป….ฉันควรจะใช้ (โซน) ดีไหม? ไม่สิ นั่นมันยังไม่ทำให้แน่ใจได้ว่าฉันจะชนะ…ถ้าอย่างนั้นละก็…
รูดี้ล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่ด้านหลังของเขาด้วยมือซ้าย
“เปิดไฟ”
เขาสั่งให้โดรนที่ลอยอยู่ด้านหลังของเขาส่องแสงออกมา ดวงตาของเจ้าสัตว์ร้ายที่คุ้นชินกับความมีดแล้วเมือเจอแสงสว่างอย่างฉับพลันก็ทำให้มันเสียการมองเห็นชั่วคราวไปอีกครั้งแล้วพยายามหันหน้าหนี
สมองอิเลคทรอนิคส์ของรูดี้เข้าสู่การเร่งความเร็วการประมวลผลอีกครั้ง แม้ว่าโลกรอบตัวเขาจะดูช้าลงแต่ทันทีที่เขาเข้าใกล้เจ้าสัตว์ร้าย เขาก็ขว้างระเบิดขนาดเล็กที่ควักออกมาจากกระเป๋าเข้าไปในปากของมัน
โดยปรกติแล้วชนวนกระทบของมันจะไม่ทำงานถ้าแรงกระแทกไม่เพียงพอ แต่รูดี้ขวางมันในขณะที่เขาใช้(โซน) ทำให้มันพุ่งไปด้วยความเร็วมากกว่าปรกติถึง3เท่า
ผลที่ได้คือระเบิดพุ่งเข้าไปในปากของมันด้วยความเร็วประมาณ200กิโลเมตรต่อชั่วโมง กระแทกเข้ากับฝาปิดกล่องเสียงในคอของมันแล้วระเบิดออกมาจากด้านใน
หลังจากนั้นรูดี้ก็ถอยออกมาสังเกตการณ์อย่างระมัดระวัง เมื่อควันจางลงเขาก็เห็นว่าเจ้าสัตว์ร้ายล้มลงไปชักกระตุกเล็กน้อยอยู่บนพื้น
…นั่นน่าจะพอสำรับฆ่ามันล่ะนะ เขาเก็บดาบเข้าฝัก
พอมาลองคิดดูดีๆแล้วเขาเข้าก็รู้สึกว่าการใช้ระเบิดแบบนั้นมันอาจจะเป็นการทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย
“ฮาล ได้ยินรึเปล่า?”
[การรับสัญญาณ ชัดเจนดีครับ]
“มันมีสัตว์กินเนื้อดุร้ายมาอาศัยอยู่ข้างในนี้ จากที่ดูแล้วก็ไม่เห็นว่ามีสัตว์ชนิดอื่นที่โดนมันกินด้วย…เคลื่อนยานลงจอดมาที่นี่ได้เลย “
[ครับ มาสเตอร์ ผมจะส่งยานลงจอดมันไปที่นั่น]
หลังจากที่จบการสื่อสารกับฮาล เพื่อแสดงความเคารพต่อเจ้าสัตว์ร้าย รูดี้ ก็โค้งคำนับให้กับร่างของมัน แล้วเดินลึกเข้าไปของโถงทางเดิน