[เอเลี่ยนเกยตื้น] สเปซทรัคเกอร์ รูดี้คุง - ตอนที่ 11 ผลข้างเคียงคือการโด๊ป
ตอนที่ 11 ผลข้างเคียงคือการโด๊ป
ถึงแม้ว่าจะมีการโจมตีของมอนสเตอร์ แต่ฐานที่พักก็สร้างเสร็จตอน หนึ่งทุ่มพอดี
“คุณสร้างมันเสร็จได้ใน4ชั่วโมงจริงๆด้วย ถึงฉันไม่เคยเห็นโครงสร้างแบบนี้มาก่อนก็ตาม แต่เท่าที่เห็นมันก็ดูแข็งแรงจนเหลือเชื่อเลย ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ต่อให้เป็นการโจมตีของมอนสเตอร์แบบไหนก็ไม่น่าจะพังมันไม่ได้”
แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดไปแล้วนาโอมิก็ยังไม่ไปไหน แต่กลับ เดินเคาะกำแพงสำรวจไปรอบๆเข้าไปดูข้างในอย่างสนอกสนใจในโครงสร้างของมัน แล้วกลับไปชื่นชมมันให้รูดี้ฟัง
คนๆนี้ไม่ได้คิดจะกลับไปเลยสินะ ในขณะที่รูดีกำลังคิดแบบนั้นอยู่ ฮาลก็ติดต่อเข้ามา
[มาสเตอร์ เมื่อฐานที่พักพร้อมสำหรับการใช้งาน หลังจากนี้เราจะส่งยานลงจอดกลับไปเติบเสบียงที่ ไนกี้ คาดว่ามันจะกลับมาถึงอีกครั้ง เวลา 11 นาฬิกา ของพรุ่งนี้ ครับ]
“เข้าใจละ อย่างแรกเลยฉันอยากจะยืนยันว่า AI ของยานลำนั้นยังรอดอยู่ ส่งโดรน สำหรับซ่อมบำรุง AI สำรองมาด้วย”
[ครับ มาสเตอร์]
เครื่องยนต์ของยานลงจอดคำรามดังสนั่นระหว่างที่มันเริ่มลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
นาโอมิที่กำลังสำรวจด้านในของฐานที่พักก็วิ่งออกมาเมื่อได้ยินเสียงของมัน
“เกิดอะไร…..ขึ้น?”
นาโอมิยืนทึ่งเมือเธอเห็นยานลงจอดที่ยาวกว่า150เมตรกำลังลอยขึ้นไปบนฟ้า
“มันบินอยู่จริงๆด้วย…”
หลังจากนั้นยานลงจอดจุดเครื่องยนต์หลัก แล้วพุ่งขึ้นสู่อวกาศอย่างรวดเร็ว
“เรือลำนั้นมันขึ้นไปในอวกาศเหรอ?”
“ใช่แล้ว เดส”
เขาพยักหน้าตอบคำถามของเธอ
“สักวันหนึ่งฉันเองก็อยากจะไปบ้างเหมือนกัน”
นาโอมิจ้องมองไปที่ยานลงจอดที่ดูเหมือนกับดาวบนท้องฟ้าไปแล้วอย่างไม่ละสายตา
“แล้วตอนนี้คุณอยากจะทำอะไรต่อเหรอ? เดส”
ถึงแม้ว่านาโอมีจะใช้เวทมนต์ได้ แต่จะปล่อยให้เธอเดินผ่านป่าที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ตอนกลางคืนแบบนั้น ในฐานะผู้ชายแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะทำย่างไร เขาจึงเอ่ยปากถามเธอ
“นี่คุณจะปล่อยให้ผู้หญิงตัวคนเดียวออกไปในป่ามืดๆอย่างงั้นเหรอ?”
นาโอมิจ้องหน้ารูดี้ขณะที่ตอบคำถามของเขา
“จะเอายังไงก็ได้ เดส”
“ล้อเล่นน่า อะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ฉันเหนื่อยพอตัวเลย กะว่าจะกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่นด้วยอีกที ผากตัวด้วยล่ะคุณเพื่อนบ้าน”
“บ้ายบาย…”
เขาโบกมือให้กับแผ่นหลังของนาโอมิที่เดินเข้าไปในป่าโดยไม่ได้หันกลับมา เธอโบกตอบครั้งหนึ่งก่อนที่จะหายเข้าไปในป่านั้น
เป็นคนที่น่าสนใจดีนะ
คิดเช่นนั้นรูดี้ที่ออกมาส่งนาโอมิเองก็เดินกลับเข้าไปในฐานที่พัก
ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรมาในช่วงบ่ายรูดี้จำทำแค่ อุด้ง มากิน เพราะคิดว่าแค่นี้ก็พอแล้ว
ยานไนกี้นั้นประสบอุบัติเหตุและหลุดออกนอกเส้นทางระหว่างภารกิจขนส่งสินค้าไปยังดาวบุกเบิก และหนึ่งในสินค้าพวกนั้นคืออาหารแช่แข็ง ที่เพียงพอสำหรับให้คน10,000คน กินได้นานถึง1ปี ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร
หลังจากมื้อเย็นรูดี้ก็ไปอาบน้ำ แล้วนอนลงบนเตียงที่มีรูปร่างราวกับโลงศพรูปใข่ เขาเข้าสู่กระบวนการสแกนทั้งตัว และตรวจเลือดเพื่อดูความคืบหน้าของวัคซีน ผลที่ได้คือร่างกายของเขาแสดงความผิดปรกติออกมา
ความเข้มข้อนของอ๊อกซิเจนในเลือดของเขาเพิ่มขึ้น ทำให้ความพละกำลังของกล้ามเนื้อ ความอดทน และอัตราการฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ก็แลกมาด้วยการเผาผลาน แคลอรี่ ที่มากขึ้นเช่นกัน ชิ่งเขาเองก็พอจะรู้สึกถึงเรื่องนั้นอยู่บ้าง เมื่อเขานึกย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ระหว่างที่เปรียบเทียบมันกับข้อมูลทางการแพทย์ที่ได้รับ
เขาได้เดินทางผ่านป่าทึบ สู้กับฝูงก๊อบลิน เดินไปรอบๆซากยานอวกาศ ค้นหา AI และสู้กับ สัตว์ร้าย และได้เจอกับขนพื้นเมือง แม้ว่าจะต้องผ่านกิจกรรมมากมายมาทั้งวัน แต่เขากลับไม่รู้สึกเหนื่อย กลับกัน เขารู้สึกหิวแทบตายด้วยเหตุผลบางอย่าง
[ดูเหมือนว่ามันเป็นผลข้างเคียงของวัคซีนนะครับ คาดไม่ถึงมาก่อนเลย]
“ถ้าผลลัพธ์ของวัคซีนวัคซีนมันคาดการณ์ไม่ได้ มันก็ใช้ไม่ได้ไม่ใช่รึไง!!”
[ถึงแม้ว่าจะไม่มีความผิดพาดในข้อมูลก็ตามที…]
รูดี้ ตบมุขให้กับคำตอบ ที่เหมือนกับการแก้ตัวด้วยน้ำเสียงอันงุนงงของ ฮาล
“จนถึงตอนนี้ นอกจากความหิวแล้วก็ยังไม่เจอปัญหาอื่นล่ะนะ”
[นอกจากนั้นก็ไม่พบปัญหาอะไรครับ]
“ผลกระทบที่เด่นชัดของมาล่ะ?”
[เรื่องนั้นไม่พบปัญหาอะไรเป็นพิเศษครับ มานาที่เข้าสู้ร่างกายได้ถูกกำจัดออกไปจนหมดแล้วแล้วครับ]
“แล้วสภาพแบบนี้จะคงอยู่ไปจนถึงเมื่อไหร่เหรอ?”
[จากผลสรุปของข้อมูล เมื่อร่างกายของมาสเตอร์สามารถต้านทานต่อมานาได้ อาการเหล่านี้ก็จะหายไปครับ]
“แล้วมันต้องใช้เวลานานาแค่ไหนล่ะ?”
[หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งปีครับ]
“นานแค่นั้นก็ได้แล้วเหรอ…มีอะไรอีกหรือเปล่า?”
[ถ้าอย่างนั้นละก็ ผมขอแนะนำให้คุณฝึกร่างกายครับ]
รูดี้ขมวดคิ้วให้กับคำแนะนำที่ไม่คาดคิด
“ถ้าทำแบบนั้นมันจะยิ่งหิวหนักเข้าไปอีกไม่ใช่หรือไง”
[ถึงแม้ว่าผมจะยืนยันไม่ได้จนกว่าเราจะทดสอบมันในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าหากว่า คุณฝึกฝนร่างกายในระหว่างที่ยังมีอาการเหล่านี้อยู่ ผลการฝึกที่ได้ จะสูงกว่าปรกติถึง8เท่าตัว ครับ]
“ขนาดนั้นเลย?”
[ขณะนี้มันยังเป็นแค่เพียงการคาดเดา แต่ผมมั่นใจว่าผลจะเป็นแบบนั้น]
“เข้าใจละ ยังไงซะฉันก็ว่างอยู่ด้วย เดี๋ยวฝึกร่างกายไปด้วยเลยละกัน “
[ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะบรรจุห้องฝึกเข้าไปในยานลงจอดด้วยเลยนะครับ]
“อืม…เอาตามนั้นแหละ…ถ้างั้นแค่นี้ละกัน ฉันจะนอนแล้ว”
[ราตรีสวัสดิ์ครับ]
หลังจบการติดต่อกับฮาลได้ไม่นาน รูดี้ก็ผล็อยหลับไป
วันรุ่งขึ้น รูดี้ที่ตื่นขึ้นมาตอน8โมงเช้า ก็ไปอาบน้ำและเริ่มทำอาหาร
มื้อเช้าของเขาประกอบด้วย ขนมปังปิ้ง ซุปคอนซูมเม่ เบค่อนกับใช่ดาว และสลัดปลาทูน่า
ปรกติแล้วรูดี้จะกินอะไรสักอย่างที่มันไม่ยุ่งยาก และปริมาณไม่มากนัก อย่างพวก ซีเรียล และอาหารอัดแท่ง แต่เมื่อคำนึงถึงสภาพร่างกายในปัจจุบัน เขาจึงคิดว่าควรจะกินให้เยอะกว่าเดิม
ขณะที่เขากำลังเคี้ยวขนมปังปิ้งทาเนยดัง กร๊วบๆ อยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูมาจากหน้าฐานที่พัก
เมื่อมองไปที่หน้าจอที่ฉายภาพของกล้องวงจรปิดที่ถูกติดตั้งไว้หน้าฐานเขาก็เห็นนาโอมีกำลังเคาะประตูอยู่ แม้ว่าจะมีปุ่มสำหรับกดกริ่งติดเอาไว้ข้างๆประตู แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้จักมัน
เมื่อวานนี้ฉันลืมอธิบายเรื่องนั้นให้เธอฟังนี่นะ เขายักไหล่ระหว่าที่มองไปที่จอ แล้วเปิดประตูด้วยคำสั่งระยะไกลผ่านการเชื่อมต่อของสมองอิเลคทรอนิกส์ของเขา นาโอมิที่ดูร่าเริงตั้งแต่เช้าก็เดินเข้ามา
“อรุณสวัสดิ์ กลิ่นหอมน่ากินโชยมาเลยนะ”
“กินซะ?”
“ตรงนั้นน่ะ ไม่ใช่ (กินซะ?) แต่เป็น (กินไหม?) ต่างหาก ยังไงก็เหอะ อุตส่าห์ชวนกันทั้งที่งั้นก็ขอรับไว้ด้วยความยินดีเลยละกัน “
รูดี้ได้ยินการตอบรับของนาโอมิก็ส่งเมนูไปที่โดรน แล้วให้มันทำอาหารให้นาโอมิ แล้วเขาก็กินส่วนของต่อไป
“วันนี้มีแผนจะทำอะไรเหรอ?”
“หงับๆ..กรึ้บ..ก่อนเที่ยง เราจะรอให้ยานลงจอดกลับมา แล้วหลังจากนั้นผมจะเข้าไปข้างใน เดส “
“จะเข้าไปในเขาวงกตนั่นเหรอ? ขอฉันเข้าไปด้วยได้ไหม?”
“ไม่ว่าอะไร เดส”
“งั้นเหรอ! ถึงจะอยากแค่ไหน แต่เพราะเจ้า มาดาระ ฉันก็เลยไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้มาก่อนเลย เพราะงั้นเลยได้แต่อดใจรอมานานแล้ว”
“จัดการล้มมันไปก็ได้นี่นา? เดส”
“จัดการกับมันงั้นเหรอ? ค่าความต้านทานเวทมนต์ของมันสูงเกินไปน่ะ เลยใช้เวทมนต์กับมันไม่ได้เลย”
ไม่รู้ว่าค่าความต้านทานเวทมนต์คืออะไร รูดี้ก็ได้แต่เอียงหัว
“ค่าความต้านทานเวทมนต์ก็ตรงตามตัวอักษรเลยนั่นแหละ ว่ามัน ต้านทาน พลังเวทย์ ทั้งเวทย์ไฟและเวทย์น้ำที่ฉันแสดงให้ดุเมื่อวาน มันไม่ใช่ของจริง จำได้ไหมว่าฉันเคยบอกไว้ว่ามันสร้างมาจากมานา?”
เขาพยักหน้าให้กับคำถามของนาโอมิ
“ถ้าเป้าหมายมีความต้านทานพลังเวทย์สูง ไม่ว่าจะเป็น ทั้งน้ำ ทั้งไฟ พวกนั้นก็จะโดนลบหายไปทั้งหมดเลย เพราะมันไม่ใข่ของจริงแต่เป็นของปลอมที่ทำมาจากมานายังไงล่ะ”
“อย่างนี้นนี่เอง เดส”
“เจ้าอสูรที่เรียกว่า มาดาระนั่น มันมีความด้นทานพลังเวทย์ที่สูงจนผิดปรกติ ที่แม้ว่าฉันจะพยายามเผามัน มันก็ไม่ไหม้ จะอุดปากมันให้ตายด้วยน้ำ น้ำก็หายไป แล้วพอเข้าไปโจมตีมันตรงๆ ผิวของมันก็แข็งจนขนาดที่อาวุธทำอะไรมันไม่ได้ มันมีปากสามแฉกที่สามารถบดขยี้ได้ทุกอย่าง มีนักผจญภัยหลายคนแล้วรวมถึงฉันด้วยที่เคยไปท้าทายมันแต่ก็โค่นมันไม่ลง เพราะงั้นเลยไม่เข้าใจว่ารูดี้จัดการกับมันไต้ยังไง?”
เมื่อพูดจบเธอก็โน้มตัวมาข้างหน้าเพื่อฟังคำตอบของเขา
“เอาระเบิดยัดปาก แล้วหัวมันก็ปลิวออกมา เดส”
“ระเบิด? แต่รูดี้บอกว่าใช้เวทยมนต์ไม่ได้นี่นา”
“ระเบิดของจริง เดส”
เมื่อได้ยินว่าระเบิดของจริง นาโอมิก็หัวเราะออกมา
“อาฮาฮาฮา อย่างนี้นี่เอง ระเบิดของจริงเองหรอกเหรอ! จุดบอดอันเบ่อเริ่มเลยนะนั่น! มันก็จริงที่มนุษยบนดาวดวงนี้รวมถึงตัวฉันเองรู้จักกับเวทย์ระเบิด แต่เราไม่เคยเห็นระเบิดของจริงมาก่อนเลย”
เมือได้ยินแบบนั้นรูดี้ก็ได้แต่คิดว่า “เวทมนต์นี่มันช่างลึกลับจริงๆ”