เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 511 หลายฝ่ายช่วงชิงความเป็นใหญ่ ความเจ็บปวดที่ต้องชดใช้ด้วยเลือด (4)
- Home
- เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
- ตอนที่ 511 หลายฝ่ายช่วงชิงความเป็นใหญ่ ความเจ็บปวดที่ต้องชดใช้ด้วยเลือด (4)
ความหมายชัดเจนมาก เขารู้ผลการสืบสวนแล้ว แต่ที่นี่มีคนเยอะเกินไป บางวาจา จะกล่าวออกมาก็ต้องไตร่ตรองเช่นกัน มิเช่นนั้น อาจถูกคนโยนความผิดฐานสร้างความลำบากให้ผู้อื่น และถูกจับจุดอ่อนเอาได้
มั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจ แต่ในใจก็จนปัญญาอยู่บ้าง
เดิมควรจะเป็นงานเลี้ยงอวยพรที่ครึกครื้นงานหนึ่ง แต่กลับต้องสิ้นสุดลงแบบนี้ จึงปวดใจเล็กน้อย
ทว่าเมื่อมองไปทางผู้คน นางกลับอดกลั้นความปวดใจ และข่มเพลิงโทสะเอาไว้
“ทุกท่าน! ขออภัยด้วย เป็นเพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป จึงทำให้ทุกท่านต้องเสียอารมณ์ นี่เป็นความผิดพลาดของจวนกั๋วกง ทุกท่านโปรดให้อภัยด้วย!”
มั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยน้ำเสียงเกรงใจ เฉยเมย ด้วยสีหน้าเย็นชา ทำให้คนฟังไม่ออกถึงความรู้สึกใดๆ แม้แต่น้อย
นางทำความเคารพทุกคนอย่างแช่มช้อย แสดงท่าทีไล่คนอย่างเห็นได้ชัด
คนที่นั่งอยู่ล้วนไม่ใช่คนโง่ ย่อมเข้าใจว่า เจ้าบ้านตั้งใจขับไล่คนแล้ว
แม้จะเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ได้ยินรายละเอียดเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลับจำเป็นต้องจากไป
คงจะให้เจ้าบ้านเอ่ยปากไล่ แล้วค่อยไปไม่ได้หรอกใช่ไหม ถึงตอนนั้นขึ้นมา พวกเขาได้อับอายขายขี้หน้าจริงๆ แน่
ทุกคนเอ่ยไม่เป็นไร อีกฝ่ายเอ่ยรักษาตัวด้วย ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป คนภายในห้องโถงก็ถูกเชิญออกไปหมด
เฟิงอวี้เฉินออกไปส่งแขก ควบคุมดูแลให้ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างพยายามแสดงท่าทีที่ผู้เป็นพี่ใหญ่สมควรมี
สุดท้ายพิธีหมั้นหมายก็สิ้นสุดลงท่ามกลางคดีสังหารคน
จย่าฮูหยินไม่สนใจเรื่องเหล่านั้น แม้จะรู้ว่าทูตจากชายแดนตะวันตกที่ตายไปหลายคนนั้น สำคัญต่อมั่วเชียนเสวี่ยมาก แต่ว่ากันตามตรง คนที่นางเป็นห่วงมากที่สุด ก็ยังคงเป็นมั่วเชียนเสวี่ยที่เป็นบุตรีบุญธรรมคนนี้
มั่วเชียนเสวี่ยหอบเอาสภาพจิตใจที่อ่อนล้า ออกไปส่งจย่าฮูหยิน
“เชียนเสวี่ย บางเรื่องก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยกำลังคนเช่นพวกเรา เปิดใจให้กว้างหน่อยจะดี อย่างไรเสีย คนตายก็ฟื้นคืนชีพไม่ได้ สุดท้ายแล้ว เจ้าก็ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพของตนเอง รู้หรือไม่”
นางไม่ห่วงเรื่องอื่นๆ แค่กลัวว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะไม่ดูแลสุขภาพตนเอง ทำให้สุขภาพตนเองแย่ลงอะไรพวกนี้ เช่นนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ
มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกอบอุ่นใจ ความรู้สึกที่มีผู้อาวุโสเป็นห่วงนี่ดีจริงๆ
“ท่านแม่บุญธรรม…” เพิ่งจะเอ่ยปาก น้ำตาก็รินไหลลงมาเสียแล้ว
“เด็กดี เหตุใดพูดไปพูดมาถึงได้ร้องไห้เสียเล่าไม่ร้องนะ ไม่ดีกับดวงตา” จย่าฮูหยินรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาบนใบหน้ามั่วเชียนเสวี่ยอย่างทุกข์ใจไปด้วย
เด็กคนนี้คิดมากเกินไป คาดว่าจะต้องแบกความรับผิดชอบไว้บนร่างตนเองทั้งหมดแน่นอน!
“ท่านแม่บุญธรรม เชียนเสวี่ยทุกข์ใจยิ่งนัก! พวกเขาตายเพราะข้า ข้าผิดต่อพวกเขาจริงๆ!” มั่วเชียนเสวี่ยในตอนนี้ ไม่ใช่มั่วเชียนเสวี่ยที่สงบเยือกเย็น ควบคุมความรู้สึกตนเองได้คนนั้นอีกแล้ว
ความรู้สึกที่แม้นางจะโกรธแค้นชิงชัง แต่กลับไม่ได้มีความคิดจะสังหารเขา ทว่าความโกรธแค้นชิงชังของข้า กลับทำให้เขาถูกสังหารตายเช่นนี้ เจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดซึ้ง!
บนโลกใบนี้ คนที่ดีกับนางด้วยความจริงใจนั้นมีไม่มาก คนชายแดนตะวันตกดีกับนางจริงๆ โดยเฉพาะแม่ทัพจางผู้นั้น แม้ว่าจะมีท่าทีป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม แต่ระหว่างสนทนากลับปกป้องคุ้มครองนางอย่างดี
จย่าฮูหยินจะไม่เข้าใจความคิดในใจของเด็กคนนี้ได้เช่นไร แต่กลับไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร
สุดท้ายก็ทำได้แค่ตบไหล่นางเงียบๆ
“เด็กน้อย เข้มแข็งขึ้นมานะ คนที่ล่วงลับไปเหล่านั้นยังรอให้เจ้าเรียกความยุติธรรมคืนให้อยู่!”
มั่วเชียนเสวี่ยมองส่งท่านแม่บุญธรรมของตนเอง
หนิงเซ่าชิงก็ไปส่งบิดาตนเองเช่นกัน
เขาเป็นห่วงมั่วเชียนเสวี่ย จึงไม่ได้วางแผนกลับไปพร้อมกับหนิงเหล่าเหยีย
หนิงเหล่าเหยียก็ไม่ได้เกลี่ยกล่อมอะไร แค่ตบไหล่เขานิ่งๆ แล้วขึ้นรถม้าไป
เขาก็เคยผ่านช่วงเวลาที่เยาว์วัย เคยมีคนที่รักกัน ความเสียใจในภายหลังของเขา ชดเชยอย่างไรก็กลับคืนมาไม่ได้
ขึ้นไปรถม้าแล้ว ถึงได้เอ่ยปาก
“พ่อกลับถึงเมืองหลวงแล้ว จะเชิญให้สำนักดูดาวหลวงดูฤกษ์ยามให้พวกเจ้า จากนั้นก็จะยื่นฎีกาให้ฮ่องเต้ เพื่อกำหนดวันแต่งงานโดยเร็ว”
เอ่ยจบ รถม้าก็เคลื่อนตัว
หนิงเซ่าชิงมองส่งรถม้าเงียบๆ
มีเพียงแค่บิดาที่ทำเพื่อเขา วางแผนเพื่อเขากับเชียนเสวี่ยอย่างแท้จริง
นอกจากหนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยที่อยู่ในห้องโถงตอนนี้ ก็มีคนสนิทอีกไม่กี่คน
“ตอนนี้ เจ้าก็บอกมาเถอะ…” มั่วเชียนเสวี่ยเหนื่อยล้าเล็กน้อย กล่าวความจริง คนที่สะเทือนใจมากที่สุดจากการที่ทูตชายแดนตะวันตกถูกสังหารคือ นาง!
ทว่า แม้นางจะเหนื่อยล้า แต่แผ่นหลังกลับเหยียดตรง
หนิงเซ่าชิงยื่นมือไปตบบ่านางด้วยความสงสาร ตอนนี้เขาไม่อาจรั้งมั่วเชียนเสวี่ยเข้ามากอดได้อีก
นางมองหนิงเซ่าชิงอย่างอ่อนล้าแวบหนึ่ง และพยักหน้าให้เขา ให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง
ปฏิกิริยาโต้ตอบเล็กน้อยระหว่างกันตกอยู่ในสายตาซูชี เขาถอนหายใจเบาๆ
ไม่ว่าเวลาไหน สถานที่ใด เขาก็ไร้คุณสมบัติที่จะปกป้องนาง รักทะนุถนอมนาง ปลอบโยนนางตลอด
“พวกเราเก็บสิ่งนี้ได้ในที่เกิดเหตุ”
ซูชีเอ่ยจบ องครักษ์นายหนึ่งก็ประคองกระบี่เล่มหนึ่งขึ้นมาข้างหน้า พลางยื่นมือทั้งสองข้างออกมา แสดงให้ทุกคนดู
มั่วเชียนเสวี่ยไม่เข้าใจ ชังมู่และคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่ากระบี่เล่มนี้เล่มหนึ่งหมายความว่าอะไร
หนิงเซ่าชิงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้
เขาก็ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงได้มีจุดที่แปลกประหลาดเผยออกมาเต็มไปหมด ที่แท้มีสิ่งสำคัญรอพวกเขาอยู่ที่นี่!
“นี่คืออะไร กระบี่ที่มือสังหารทิ้งเอาไว้หรือ” มั่วเชียนเสวี่ยก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง พิจารณามองกระบี่เล่มนี้อย่างละเอียด แต่กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ!
มั่วเชียนเสวี่ยไม่มีความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการทหารทั้งนั้น จึงมองไม่ออกถึงสาเหตุที่เป็นเช่นนี้
แต่ตระกูลซูของซูชี ควบคุมดูแลกำลังทหารเกือบครึ่งของเทียนฉี ทหารแต่ละหน่วยใช้อาวุธใด รูปร่างแบบไหน เขาล้วนรู้หมด!
กล่าวความจริง เขารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างในตอนที่เห็นกระบี่เปื้อนเลือดเล่มนี้
และในครั้งนี้ ผู้ที่ตอบคำถามมั่วเชียนเสวี่ยคือ หนิงเซ่าชิง
“กระบี่ยาวสามฟุตเล่มนี้ เป็นอาวุธที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจิ้นหนานอ๋องใช้ประจำ”
เจิ้นหนานอ๋อง?
เอ่ยออกมาขนาดนี้แล้ว ยังจะมีอันใดไม่เข้าใจอีก?
“สมควรตาย! ข้าจะไปหาเขา! แล้วสังหารตาเฒ่าที่โง่เขลาผู้นั้นทิ้งเสีย!”
เจิ้นหนานอ๋อง ตาเฒ่าโง่เขลาผู้นี้! นางรู้อยู่แล้วว่าเขามีเจตนาไม่ดี! มั่วเชียนเสวี่ยพลันระเบิดโทสะออกมา
ตั้งแต่ที่ได้ยินว่า เจิ้นหนานอ๋องเดินทางมาเมืองหลวงเป็นการลับ ใจนางก็ไม่สงบอีกเลย! มักจะรู้สึกว่า ต้องมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้แน่นอน!
เดิมนึกว่า แม้จะเป็นเรื่องไม่ดี แต่ก็ควรจะเกิดขึ้นกับตัวนาง ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่า ผู้ที่ประสบภัยในตอนท้ายจะเป็นคนจากชายแดนตะวันตกเหล่านั้น!
ท่าทีระเบิดโทสะของมั่วเชียนเสวี่ยถูกหนิงเซ่าชิงยับยั้งเอาไว้
“เชียนเสวี่ย ใจเย็นๆ!”
“ท่านจะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไร” ตอนนี้มั่วเชียนเสวี่ยกำลังบันดาลโทสะ! วาจาของผู้ใดก็ฟังไม่เข้าหูทั้งนั้น!
มั่วเชียนเสวี่ยถูกทำให้โมโหจนนัยน์ตาทั้งคู่แดงฉาน
“หากไม่ใช่เพราะข้า! คนจากชายแดนตะวันตกจะเร่งเดินทางนับหมื่นลี้มายังเมืองหลวงได้เช่นไร หากไม่ใช่เพราะข้า คณะเดินทางของแม่ทัพจางทั้งสามคน จะสิ้นชีพในต่างแดนได้เช่นไร หากไม่ใช่เพราะข้า พวกเขาจะประสบเคราะห์ร้ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองได้เช่นไร”