เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 222 การแข่งขัน ก่อนจะโจมตีข้าศึกต้องให้ความสำคัญกับภายในก่อน (1)
- Home
- เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
- ตอนที่ 222 การแข่งขัน ก่อนจะโจมตีข้าศึกต้องให้ความสำคัญกับภายในก่อน (1)
“คุณหนู” มั่วเหนียงนั่งอยู่ในรถม้า มองมั่วเชียนเสวี่ยด้วยความฉงน
มั่วเชียนเสวี่ยสงบสติอารมณ์ คล้ายรู้แต่แรกว่ามั่วเหนียงจะมองมาที่ตนอย่างไรอย่างนั้น “คนเหล่านี้ไม่ใช่ขอทาน อย่าให้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว”
มั่วเหนียงดึงสติกลับมาทันที นางกระโดดออกจากรถม้าแล้วยืนคุ้มกันหน้ารถม้า เมื่อครู่นางคิดว่าขอทานเหล่านั้นสายตาไม่ดี จึงมองไม่เห็นเศษเงินที่โยนออกไปจากรถม้า
แต่ว่า สายตาไม่ดีหนึ่งคนยังพอจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าสายตาไม่ดีทั้งสิบกว่าคน เป็นไปไม่ได้
แม้มั่วเหนียงจะทะยานออกไปคุ้มกันรถม้า ทว่านางไม่ได้ทำตามคำสั่งของมั่วเชียนเสวี่ย ไม่ได้สังหารขอทาน! ที่นี่คือเมืองหลวง คือเมืองของโอรสแห่งสวรรค์ จะสังหารคน ต้องไตร่ตรองให้ดี
นางครุ่นคิด น่าจะเป็นเพราะคุณหนูถูกกลั่นแกล้งในวังหลวง จึงอยากจะระบายความโกรธเคือง แต่ตนไม่อาจสังหารคนโดยไม่ไตร่ตรอง
แม้มั่วเชียนเสวี่ยจะสั่งให้สังหารคน แต่นางไม่คิดจะลงจากรถม้า นางไม่ใช่มั่วเชียนเสวี่ยที่มาจากโลกยุคปัจจุบัน และไม่ใช่มั่วเชียนเสวี่ยคนที่อยู่ในหมู่บ้านหวังจยา ตอนนี้นางคือบุตรีสายตรงของทานกั๋วกง
บุตรีตระกูลอื่นอาจจะไม่มีอะไร แต่นางแตกต่างกับบุตรีตระกูลอื่นๆ นางมีตำแหน่งติดตัว ทุกคำพูดและการกระทำของนางล้วนเป็นตัวแทนความน่าเกรงขามของท่านกั๋วกง
บนโลกใบนี้มีไม่มีขอทานคนใดเห็นเงินแล้วไม่ไปเก็บ
เห็นชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแผนการที่วางไว้ แม้นางจะไม่รู้ว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังใช่ฝีมือของคนตระกูลมั่วหรือไม่ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา นางไม่เกรงกลัวที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู
เห็นมั่วเหนียงออกไปแล้วไม่ทำตามคำสั่งของนาง มั่วเชียนเสวี่ยร้องตะโกนเสียงดัง “ฆ่า! ผู้ใดกล้าขวางทาง ฆ่าให้หมด มีปัญหาอะไรข้ารับผิดชอบเอง”
พวกขอทานได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยบอกว่าจะฆ่า พวกเขาจึงหยุดชะงัก สิ่งที่พวกเขาต้องการคือทรัพย์ คนที่จ้างวานพวกเขาบอกว่า ครั้งนี้ผู้ใดสามารถขืนใจสตรีในรถม้าได้ ผู้นั้นจะได้เงินสองร้อยตำลึง ส่วนคนที่ช่วยข่มขู่ จะได้เงินยี่สิบตำลึง นี่เป็นเงินจำนวนมหาศาล เศษเงินที่โยนออกไปจะเทียบกับเงินก้อนนี้ได้อย่างไร แน่นอนว่าย่อมไม่มีผู้ใดไปเก็บเศษเงินเหล่านั้น
แต่ต้องทิ้งชีวิตเพื่อเงินสองร้อยตำลึง เกรงว่าคงต้องยำเกรงสักหน่อย
“คุณหนู ที่นี่คือเมืองหลวง!” ไม่ใช่ถิ่นทุรกันดาร…อาซานและอาอู่ที่คอยรักษาความปลอดภัยรถม้าลำบากใจเล็กน้อย ฆ่าคนกลางท้องถนนแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ยโสโอหังที่สุด หรือว่าจะเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ผู้มีอำนาจสูงสุดก็ไม่กล้าทำ
“มีอะไรต้องเกรงกลัว พวกเขาล่วงเกินบุตรีท่านกั๋วกงเท่ากับดูหมิ่นพระมหากรุณาธิคุณของฮ่องเต้ สมควรตาย” คำพูดเพียงประโยคเดียว ทำให้พวกเขาทุกคนมีโทษมหันต์ติดตัว ข้องเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของฮ่องเต้ แม้คนเหล่านี้ตายก็ไม่สาสมกับความผิดที่กระทำลงไป
คนพวกนี้คิดจะทำสิ่งใด มั่วเชียนเสวี่ยกระจ่างชัดในชั่วพริบตา
คนเหล่านี้ อยากจะอาศัยช่วยชุลมุนหยามเกียรตินาง
แม้สุดท้ายไม่อาจทำสำเร็จ แต่ในที่สาธารณะ แค่เพียงจับมือนางข้างหนึ่ง หรือชายเสื้อของนาง ก็ทำลายชื่อเสียงของนางจนป่นปี้ได้
คนจะเล่าลือกันว่า นางถูกขอทานนับสิบหยามเกียรติ ไม่แน่อาจจะพูดเป็นเรื่องเป็นราว พูดกันอย่างออกรส สุดท้ายจากที่ขอทานหยามเกียรตินางไม่สำเร็จกลายเป็นหยามเกียรตินางสำเร็จ มีความเป็นไปได้ที่จะลือกันว่านางถูกขอทานนับสิบคน…หยามเกียรติ!
คิดถึงตรงนี้ เหงื่อเย็นไหลอาบแผ่นหลัง!
นางคือบุตรีของท่านกั๋วกง เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง เมื่อถึงเวลานั้น…เมื่อถึงเวลานั้น ฮ่องเต้ไม่มีวันปล่อยให้นางตกเป็นที่หยามหยันของผู้คนและมีชีวิตด้วยความอับอายอย่างแน่นอน ต่อให้ยอมถอยหลังหมื่นก้าว แม้ฮ่องเต้จะอยากได้ป้ายไม้ดำของนาง อยากให้นางมีลมหายใจต่อ แต่คงไม่มีวันยอมให้นางมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน
สตรีที่แปดเปื้อนกลางตลาด สตรีที่ถูกบุรุษชั้นต่ำที่สุดสัมผัส ผู้ใดจะสามารถ…
นับประสาอะไรกับตำแหน่ง…
ตำแหน่งนี้ แม้นางจะไม่เห็นความสำคัญเท่าใดนัก แต่นางไม่มีวันยกให้ตระกูลมั่วอย่างแน่นอน
ขอเพียงมีจวนกั๋วกง แม้นางจะอ่อนแอเพียงใด ไม่มีอำนาจแม้เพียงน้อยนิด มีเพียงตำแหน่งกลวงๆ แต่ขอเพียงมีตำแหน่งนี้อยู่ นางก็จะเป็นบุตรีของผู้มีอำนาจ สังหารคนที่ล่วงเกินนางย่อมไม่มีความผิด อย่างมากแค่ถูกเจ้าหน้าที่กล่าวโทษเท่านั้น…
ขอเพียงทำให้ขอทานเหล่านั้นมีความผิด การถูกเจ้าหน้าที่กล่าวโทษครู่หนึ่งไม่ถึงกับชีวิต อย่างมากนางก็แค่ร่ำไห้ ในยามคับขันเช่นนี้ นางจะกลัวเจ้าหน้าที่กล่าวโทษหรือ
ไม่แน่ว่าการถูกเจ้าหน้าที่กล่าวโทษอาจจะเป็นเรื่องที่ดี! เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ บางทีคนตระกูลมั่วเหล่านั้นอาจจะตื่นตระหนก เมื่อถึงเวลาจะได้จัดการพวกเขาง่ายขึ้น
ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวของมั่วเชียนเสวี่ยอย่างรวดเร็ว ขอทานเหล่านั้นเห็นพวกอาซานเพียงชักดาบออกมา ไม่ได้ฆ่าฟัน จึงวางใจ แล้วกรูกันเข้ามา
สีหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยเยือกเย็น นางหรี่ตาลง ! ชั่วพริบตาการฆ่าครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น สังหารคนมากมายเช่นนี้ เดิมทีนางยังคงทำใจไม่ได้อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นหายไปหมดแล้ว
ดวงหน้าเล็กๆ นิ่งงันราวน้ำแข็ง เสียงของนางเย็นยะเยือกและเด็ดขาด “ฆ่า! ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว หากมีคนรอดชีวิต เช่นนั้นพวกเจ้าก็หิ้วหัวมาพบข้าก็แล้วกัน”
หากมีคนรอดชีวิต เมื่อถึงเวลาพูดเหลวไหลขึ้นมา ก็จะได้ไม่คุ้มเสีย หากจะทำก็ต้องทำให้เด็ดขาด…
อาซานและอาอู่ได้ยินคำสั่งของมั่วเชียนเสวี่ย อีกทั้งเห็นพวกขอทานกรูเข้ามาใกล้รถม้า พวกเขาไม่ลังเลอีกต่อไป กวัดแกว่งดาบในมือ “ถอยไป ผู้ใดขวางทางผู้นั้นต้องตาย”
ลำแสงเย็นยะเยือกทอประกาย ชาวบ้านที่ยืนมุงดูเรื่องสนุกและเก็บเศษเงินต่างตกใจ พากันถอยหลัง
บุตรีท่านกั๋วกงมีตำแหน่งและฐานันดรศักดิ์ ก่อนที่นางจะให้กำเนิดบุตรชาย ก่อนบุตรชายของนางจะบรรลุนิติภาวะ ตำแหน่งของนางเทียบเท่ากั๋วกงซื่อจื่อ ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปอย่างพวกเขาจะกล้ามีเรื่องด้วยได้อย่างไร
ชาวบ้านบางส่วนถอยหลัง บางส่วนเดินหนี ทว่า…
ทว่า…
ขอทานตัวปัญหาเหล่านั้นคล้ายจะมีที่พึ่งพิง พวกเขาเห็นอาซานกวัดแกว่งดาบ คิดว่าแค่ข่มขู่จึงไม่ได้สนใจ
หัวหน้าขอทานร้องตะโกนเสียงดัง “ฆ่าคน! ฆ่าคน! บุตรีท่านกั๋วกงไร้ความเมตตา อำมหิตยิ่งนัก แค่พูดไม่ถูกใจนาง ก็ฆ่าคนกลางท้องถนน นางไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้สืบทอดของท่านเจิ้นกั๋วกง”
เป็นจริงตามคาดพุ่งเป้ามาที่ตำแหน่งจริงๆ ด้วย
นำโดยอาซาน ฟันหัวหน้าขอทานโอหังคนนั้น “ฟึ่บ!” เลือดสาดลงบนพื้น หัวหน้าขอทานทำได้เพียงร้องโอดครวญ ล้มลงบนพื้น แล้วสิ้นใจ
ขอทานคนอื่นๆ ยังไหวตัวไม่ทัน ก็ถูกอาอู่ มั่วเหยียนและมั่วสิงที่พุ่งมาจากทั้งสี่ทิศแล้วฟาดฟัน
อาซาน อาอู่ มั่วเหยียนและมั่วสิง หรือแม้แต่ชูอี สืออู่และมั่วเหนียง มีคนใดบ้างที่ไม่กวัดแกว่งดาบอย่างแข็งขัน ถูกคนขวางรถม้า ต้องข่มความโกรธเคืองเอาไว้ในใจมาพักใหญ่แล้ว ประจวบเหมาะเวลานี้สามารถระบายโทสะออกไปได้
นายหญิงสั่งแล้ว หากปล่อยให้ขอทานรอดชีวิต ก็จะเอาชีวิตของพวกเขาแทน พวกเขาไม่ใช่คนจิตใจดีมีเมตตา บัดนี้ลงมือฆ่าพวกขอทานอย่างไร้ซึ่งความปรานี ฟันหนึ่งดาบหนึ่งคน ชั่วพริบตาก็สังหารไปร่วมสิบกว่าคน
ขอทานเหล่านี้เข้าใจว่าแค่ชักดาบข่มขู่พวกเขาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะลงมือจริงๆ ในตอนนั้นเองมีคนบางส่วนหน้ามืดตามัวอาศัยตอนโกลาหลพุ่งตัวไปด้านหน้า อยากจะได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้ ทั้งยังมีบางส่วนหวาดกลัวคิดอยากจะหนี
ทว่า ท่ามกลางพวกขอทานมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“บุตรีท่านกั๋วกงไร้ยางอาย ระหว่างบิดามารดาสิ้นใจ ใช้ชีวิตเสเพลกับบุรุษอื่น หลับนอนกับชายไม่เลือกหน้า…”
“สงสารก็แต่ท่านกั๋วกงผู้เลื่องชื่อ คิดไม่ถึงว่าจะมีบุตรีชั่วช้าทำเรื่องผิดศีรธรรม…” นี่จะเป็นคำพูดของขอทานได้อย่างไร
ชาวบ้านใจกล้าที่ถอยไปดูเรื่องสนุกอยู่รอบๆ หน้าเปลี่ยนสี คนที่เก็บเศษเงินได้ทำราวกับเศษเงินเหล่านั้นกัดพวกเขา อย่างไรอย่างนั้น เพียงครู่หนึ่งพวกเขาทิ้งเศษเงินแล้ววิ่งเตลิดเปิดเปิงไปคนละทิศละทาง
ร้านค้าทั้งสองด้านต่างปิดประตู หยุดทำการค้าขายทันที