เส้นทางแห่งโชคชะตา - ตอนที่ 69: ปราสาทราชาแห่งผี (4)
เล่ม 1 ตอนที่ 69: ปราสาทราชาแห่งผี (4)
“ปัง ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนใช้สกิลศิลาใต้พิภพจากนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดังกลับมาว่า “หยางซ่ง สนับสนุนจื่อเฟิงด้วยส่วนคนอื่น ๆให้ถอยหลังกลับไปในห้องกลางให้เร็วที่สุด ! ”
ในเวลานี้ มันไม่ใช่เวลาที่จะมามัวถ่อมตัวอีกต่อไปทั้งความโหดร้ายปาเถื่อนความแข็งแกร่งอย่างสุดกําลังจําเป็นจะต้องถูกนํามาใช้ทั้งลูกไฟและเทคนิคต่าง ๆ มากมายถูกประเคนไปให้ผู้พิทักษ์ประตูนรกอย่างต่อเนื่อง
มอนสเตอร์ตัวนั้นถึงกับผงะเล็กน้อย ที่มู่หรงเสี่ยวเทียนใช้สกิลศิลาใต้พิภพอย่างต่อเนื่องจากนั้นวูเฟิงก็ได้ปล่อยลูกไฟไปในอากาศสมทบไปอีกทั้งสองคนใช้สกิลเวทมนตร์โจมตีเข้าไปซ้ํา ๆ ในจุดเดิมบนร่างของผู้พิทักษ์ประตูนรก จนสามารถสร้างความเสียหายที่รุนแรงอย่างไม่สามารถป้องกันได้
ผู้พิทักษ์ประตูนรกที่ถูกโจมตีโดยลูกไฟอย่างต่อเนื่องก็เริ่มเซถลาการเคลื่อนไหวของมันนั้นช้าลงการโจมตีของพวกเขาแทบจะไม่เปิดโอกาสให้มันได้หายใจ ส่วนสายฟ้าชวนและสายฟ้าโพก็ล่อมันไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ทุกคนรีบถอยหลังกลับไปที่ห้องในบ้านผีสิงโดยที่ดาราดังจื่อเฟิงยืนขวางประตูอยู่ มู่หรงเสี่ยวเทียนและวูเฟิงเองก็ยังคงปล่อยทั้งก้อนหินและลูกไฟออกไป สายฟ้าซวนและสายฟ้าโพรีบใช้ยาเพื่อเพิ่มค่าพลังชีวิตของพวกเขา สายฟ้าปาฉีเองก็เริ่มฟื้นขึ้นมาแล้วส่วนหมิงซินนั้นก็ยังปลอดภัยดี มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถมองเห็นลักษณะที่ปรากฏออกมาของผู้พิทักษ์ประตูนรกได้อย่างชัดเจนจากนั้นสักพักเธอก็เริ่มอาเจียนด้วยอาการคลื่นไส้จากกลิ่นเหม็นสาบ
ผู้พิทักษ์ประตูนรกแทบจะไม่มีชิ้นส่วนเนื้อดี ๆ บนร่างกายของมัน บนเรือนร่างนั้นเต็มไปด้วยน้ําเหนียวๆที่มีกลิ่นเน่าคละคลุ้งณเวลานั้นมันกําลังเดินขยับใกล้เข้ามาทีละก้าว
“อรู้ว !!” ผู้พิทักษ์ประตูนรกส่งเสียงร้องโหยหวนแปลก ๆ ออกมาอีกครั้งจากนั้นมันก็เริ่มลงมือโจมตีดาราดังอื้อเฟิงที่ยืนขวางกั้นประตูด้วยหมัดที่แข็งแกร่งเลือดและน้ําเหนียวๆกระจายไปทั่วบริเวณนั้น
“ให้ตายเถอะบรรพบุรุษ ทําไมมันปาเถื่อนขนาดนี้” ในเวลานั้นสายฟ้าปาฉีที่กําลังร่างกายยังเคลื่อนไหวได้ช้าอยู่ก็แทบจะละทิ้งอา การคลื่นไส้ไปในทันทีเธอกัดฟันไว้แน่น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปพร้อม กับดาบยักษ์ในมืออย่างสุดกําลังเธอพุ่งไปยังร่างของผู้พิทักษ์ ประตูนรกตรงด้านหลังสายฟ้าซวนและสายฟ้าโพก็ชะลอตัว ลงเช่นกัน พวกเขาเข้าขวางกั้นมันอย่างรวดเร็วจากนั้นทีมสายฟ้า งสามคนก็ร่วมมือกัน พวกเขาประจันหน้าเข้าต่อสู้กับผู้พิทักษ์ประตูนรกอย่างรุนแรง
ผู้พิทักษ์แห่งประตูนรกส่งเสียงร้องโหยหวน จากนั้นมันก็ต่อยออกไปหลายครั้งพร้อมกับกลิ่นสาปแห่งความตายที่คละคลุ้งไปในอากาศสักพักบ้านผีสิงทั้งหลังก็สั่นไหว
โชคยังดีที่สายฟ้าปาฉี สายฟ้าซวน และสายฟ้าโพได้รวมพลังกันจากนั้นก็ทําการโจมตีอย่างรุนแรงเพื่อต่อต้านมันเอาไว้บวกกับมู่หรงเสี่ยวเทียนที่กําลังใช้สกิลศิลาใต้พิภพอย่างบ้าคลั่งรวมทั้งลูกไฟของวูเฟิงที่เสริมเข้ามาเป็นระรอกนั้นทําให้มันไม่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้เลยในตอนนี้
แม้ว่าจะสามารถปิดกั้นการโจมตีของผู้พิทักษ์ประตูนรกได้แต่ค่าพลังชีวิตของทีมสายฟ้านั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
“ผลัดกันต้าน !” ดาราดังอื้อเฟิงตะโกนออกมาอย่างเคร่งขรึมเขารีบเข้าไปสลับตําแหน่งของสายฟ้าโพที่กําลังอ่อนแรงส่วนหยางซึ่งนั้นก็เข้าไปแทนที่กวยหลงซึ่งมีเลเวลที่ต่ํากว่าการปล่อยให้มันเข้ามาใกล้นั้นก็เหมือนกับปล่อยให้ความตายเข้ามาหา ดังนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนจึงพยายามต้านมันเอาไว้โชคยังดีที่สายฟ้าปานี่นั้นเป็นนักรบที่เรียกได้ว่าเป็นดั่งกระทิงดุทั้งค่าพลังโจมตีและค่าพลังชีวิตที่สูงของเธอทําให้ยื้อต่อไปได้อีกชั่วขณะ
ในที่สุดสถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลายลงการโจมตีของผู้พิทักษ์ประตูนรกนั้นก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆโชคดีที่มันไม่สามารถใช้สกิลพิษของซากศพได้อีกต่อไป ดูเหมือนว่าสกิลจะติดอยู่ในช่วงลดาวน์ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะต้านต่อไปไม่ไหว
การโจมตีของผู้พิทักษ์ประตูนรกในตอนนี้เริ่มช้าลงเรื่อยๆแล้วหมอกสีดําที่อยู่รอบตัวของมันก็ค่อย ๆ กลับไปที่ร่างกายของมันและวนอยู่รอบๆและเมื่อการโจมตีอ่อนแอลงแล้วหมอกสีดํานั้นก็หนาขึ้นมาเรื่อย ๆ
“มันเป็นการย้อนกลับ พลังชีวิตของมันต่ําจนถึงขีดสุดท้ายแล้วมันกําลังจะระเบิดตัวเอง ! ”หมิงซินตะโกนขึ้นมาด้วยความกังวล
ทุกคนตกใจและรีบล่าถอยกลับไปยังห้องด้านหน้าของบ้านผีสิงนสุดกําลังการระเบิดที่รุนแรงนั้นเสียงดังราวกับว่าภูเขาทั้งลูกถล่มลงมาจนทําให้บ้านผีสิ่งนั้นสั่นสะเทือนไม่หยุดไปชั่วขณะเกิดเป็นฝุ่นควันบินว่อนตลบอบอวลหลังคาพังทลายลงมาจากนั้ นสักพักเหตุการณ์ก็สงบลงไป
ทุกคนเดินไปที่ห้องกลางอย่างระมัดระวัง ภาพตรงหน้าทุกคนนั้นถึงกับทําให้พวกเขาตกตะลึง มีเศษเนื้อตกอยู่บนพื้นอย่างกระจัดกระจายและเต็มไปด้วยน้ําเหนียวๆทั่วพื้นประตูห้องด้าน หลังมาถึงห้องตรงกลางก็ถูกระเบิดจนเป็นรูขนาดใหญ่หลายรูจนเหมือนกับมีประตูประมาณ 4 ถึง 5 บานปรากฏออกมาแต่ทว่าแต่ละบานนั้นมีความกว้างเป็นอย่างมาก
“หัว โชคดีนะที่หลบทัน ไม่เช่นนั้นฉันน่าจะกลายเป็นเศษเนื้อแบบนั้นไปแล้ว” สายฟ้าชวนพูดออกมาเขากลัวเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
“มองดูสภาพตรงนี้ ขาของฉันยังสั่นอยู่เลย”หยางซ่งอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“เป็นฉัน ฉันจะพูดว่ามันน่าละอายจริงๆที่ไม่รู้จักวิธีการอัญเชิญราชาหมาปาโลหิตกลายพันธุ์ออกมาช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์วิกฤติแบบนี้”วูเฟิงจ้องไปที่ใบหน้าของหยางซ่งจากนั้นก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ใช่ว่าลูกของฉันยังมีเลเวลต่ําอยู่ยังงั้นหรือ ? นอกจากนี้มีพวกนายอยู่ตั้งหลายคน ทําไมฉันจะต้องใช้หมาป่าโลหิตด้วยละ” หยางซ่งปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้ง
“มันน่าขยะแขยงจริง ๆอวสานอาหารเช้าของฉันซะแล้ว !” สายฟ้าปาฉีพูดออกมาอย่างหงุดหงิด
“ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ของที่ดรอปมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว” มู่หรงเสียวเทียนเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปในห้องด้านหลังจากนั้นเขาก็หยิบหนังสือสกิลขึ้นมาจากพื้นและหัวเราะอย่างมีความสุข
“อะไรนะ ?”
“นั่นมันคืออะไรกัน ? ”
หลังจากได้ยินคําพูดของมู่หรงเสี่ยวเทียน ทุกคนก็วิ่งเข้าไปในห้องนั้นอย่างตื่นเต้น
“โอ้โหววันนี้เป็นวันดีจริง ๆ”สายฟ้าโพผู้ซึ่งไม่ค่อยจะพูดก็ถึงกับต้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นเมื่อเขานั้นเห็นว่ามีไอเทมที่ไม่ได้ถูกระบุเอาไว้ตกอยู่บนพื้นถึงสามสี่อัน อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นถึงบอสเลเวล 30 สิ่งของที่ตกลงมาอย่างน้อยก็น่าจะเป็นอุ ปกรณ์ม่วงระดับที่ 3 ดังนั้นมันจะไม่ทําให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร?
“หนังสือสกิลนั้นหรือ ว่าแต่มันจํากัดให้อาชีพไหน ? ” ดาราดังเงื่อเฟิงเห็นสิ่งที่มู่หรงเสี่ยวเทียนถืออยู่เพียงแค่ดูครั้งเดียวเขาก็อุทานขึ้นมาเพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยได้ยินว่ามีใครได้รับหนังสือสกิลเลยแม้แต่คนเดียว
“เวทมนตร์พิษ มันเป็นหนังสือสกิลของนักเวทย์” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดออกมาด้วยความดีใจไม่ว่ายังไงหนังสือนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาใช้มันได้ในที่แห่งนี้ก็มีแค่เขาและวูเฟิงเท่านั้นที่คู่ควรกับมัน อย่างไรก็ตามอย่างน้อยก็มีโอกาสถึง 50 เปอร์เซ็นต์ที่หนังสือสกิลนี้จะเป็นของเขา
“พี่เทียน พี่เลือกอาชีพอะไร ? ฉันจําได้ว่าพี่เป็นนักรบไม่ใช่หรือ ?แล้วพี่จะใช้หนังสือสกิลของอาชีพนักเวทย์ได้อย่างไรกัน ? ” รู้เพิ่งรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ถ้าหากว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นเป็นนักรบจริง ๆ ฮ่าฮ่ายังไงเสียหนังสือนั้นก็จะต้องกลายมาเป็นของเขา
“ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าพี่เทียนนั้นเป็นนักรบไม่ใช่หรือ” หยางซ่งคือคนที่มีนงงมากที่สุด เขาเป็นคนที่รู้เรื่องของมู่หรงเสี่ยวเทียนมากที่สุดเพราะเขานั้นเป็นคนที่เริ่มเล่นเกมพร้อมกับมู่หรงเสี่ยวเทียน
มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ได้พูดสิ่งใด จากนั้นเขาก็เปิดแถบสเตตัสขึ้นมาต่อหน้าของทุก ๆ คนที่นี่ก็มีแต่เพื่อนที่ดีต่อกันทั้งนั้นดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก
“พระเจ้า มันยอดเยี่ยมมาก !”
“ให้ตายเถอะ แข็งแกร่งเป็นบ้า !”
“โอ้โห มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือเนี่ย ! ”
“ฉันงงไปหมดแล้ว สามอาชีพมาอยู่รวมกันได้ยังไง ? นี่เราฝันไปหรือเปล่า ! ” ทุกคนต่างตกอยู่ในความสับสน
“บ้าไปแล้ว !” หยางซ่งแสดงท่าทางเกินจริง เขาเอามือทุบกําแพงจากนั้นก็ตะโกนว่ามันไม่ยุติธรรม
“แกนั่นแหละบ้าไปแล้ว !” มู่หรงเสี่ยวเทียนเตะก้นของหยางซ่ง“อย่าดูถูกหรือทําตัวงี่เง่า ถ้าทําแบบนั้นอีก ฉันจะไม่ให้หมาป่า โลหิตกับแกนะ”จากนั้นเขาก็ไม่สนใจหยางซ่งอีกพร้อมกับเก็บไอเท็มทุกอันบนพื้นเข้าไปใส่ในแหวนแห่งความโกลาหล เมื่อเสร็จ เรียบร้อยเขาก็หันมาบอกทุกคนว่า“ฉันจะเก็บของพวกนี้ไว้ก่อนเมื่อเรากลับถึงเมืองแล้วค่อยมาแบ่งกันทีหลัง”ซึ่งทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา
To be continued…