เส้นทางแห่งโชคชะตา - ตอนที่ 59: บ้านผีสิง (2)
เล่ม 1 ตอนที่ 59: บ้านผีสิง (2)
มู่หรงเสี่ยวเทียนฆ่าผู้เล่นของพันธมิตรเจียจู๋ไปแล้วหลายคน เมื่อผู้เล่นรอบตัวเขาหันมาตอบโต้ มู่หรงเสี่ยวเทียนก็เปิดใช้สกิลแฟนธ่อมดริฟและวาร์ปไปวาร์ปมาท่ามกลางทีมนักเวทย์ของพันธมิตรเจียจู๋ราวกับว่าเป็นผียังไงยังงั้น มือข้างหนึ่งใช้สกิลศิลาใต้พิภพใส่พวกนักเวทย์ ขณะที่มืออีกข้างก็ใช้ดาบยาวฟาดฟันไปด้วย
ผู้คนทั้งหลายจากกลุ่มพันธมิตรเจียจู๋กําลังตกอยู่ในความตื่นตระหนก อันที่จริง หากมู่หรงเข้ามาต่อสู้กับพวกเขาตรง ๆ พวกเขาก็อาจจะพอรับมือไหว แต่เหตุผลหลักก็คือการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของมู่หรงเสี่ยวเทียน มันจึงทําให้เกิดความสับสนแก่พวกเขาเป็นอย่างมาก เพียงแค่การปรากฏตัวของมู่หรงเพียงครั้งเดียวก็สามารถจัดการผู้นําของทีมนักเวทย์ได้แล้ว ดังนั้นมันจึงทําให้กลุ่มของพวกเขากลายเป็นดั่งมังกรไม่มีหัว และมู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นว่องไวเป็นอย่างมาก เขาใช้ทั้งสกิลศิลาใต้พิภพและใช้ดาบโจมตีไปทั่วทุกทิศ เขาหายตัววูบวาบครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็ใช้กรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณจัดการพวกเขา สิ่งนั้นมันจึงทําให้ผู้คนจากกลุ่มพันธมิตรเจียจู๋เกิดความโกลาหลเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่รู้ว่ามีคนจํานวนเท่าไหร่กันที่กําลังโจมตีพวกเขาอยู่ และอีกอย่างก็คือพวกเขาไม่รู้ว่าทําไมมู่หรงเสี่ยวเทียนถึงมาปรากฏตัวในที่แห่งนี้ได้ เพราะหากจะเข้ามาที่ตรงนี้ได้ จะต้องผ่านด่านหน้าที่เป็นพวกนักรบซะก่อน แต่มู่หรงเสี่ยวเทียนกลับมาโผล่ที่นี่ทันที จึงทําให้พวกเขาสับสนมาก
ในช่วงเวลานี้ ทีมสายฟ้าก็สามารถผ่านเข้ามาโดยปราศจากการโจมตีของนักเวทย์จากฝังพันธมิตรเจียจู๋ สายฟ้าซวนจึงสามารถบุกเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ส่วนสายฟ้าปาฉีนั้นก็บุกทะลวงเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ดาบของสายฟ้าซวนก็เริ่มฟาดฟันอย่างรวดเร็ว ในการฟันแต่ละครั้งจะเกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาราวกับฟ้าผ่าเป็นครั้งคราว ส่วนสายฟ้าไปเหอเธอก็มีทักษะมากมาย เธอใช้เทคนิคเฉพาะตัวและร่วมมือกับเทียนหยาได้อย่างเข้ากัน ทันทีที่ถูกโจมตีอย่างรุนแรง ผู้เล่นที่อยู่ฝั่งพันธมิตรเจียจู๋ก็ไม่สามารถป้องกันได้ จากนั้นก็เริ่มล่าถอยไปในที่สุด
ขณะนั้นนักเวทย์บางคนก็เริ่มเห็นว่านักรบที่อยู่แนวหน้าเริ่มแย่แล้ว พวกเขาก็คิดที่จะช่วยโจมตีสนับสนุน แต่ทว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนจะปล่อยให้พวกเขาทําแบบนั้นได้อย่างไร เขาเพ่งความสนใจไปยังเหล่าผู้เล่นที่ตั้งท่าจะทําการสนับสนุนพวกนักรบแถวหน้า คนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากเขาจะโดนโจมตีด้วยสกิลศิลาใต้พิภพทันที ส่วนคนที่อยู่ใกล้ก็ถูกฟาดฟันด้วยดาบในมือของเขา ส่วนใครที่ดูเหมือนเป็นผู้นําและมีท่าที่หยิ่งผยองก็จะถูกกรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณของเขาส่งกลับจุดเกิดทันที ณ เวลานี้ ไม่มีใครสามารถรับมือกับมู่หรงได้เลยสักคน
เมื่อเห็นสายฟ้าซวนและคนอื่น ๆ กําลังจะฝ่าแนวป้องกันเข้ามาได้ ผู้คนส่วนใหญ่จากกลุ่มพันธมิตรเจียจู๋ก็รีบวิ่งเข้าไปเพื่อขอกําลังสนับสนุนพวกเขาจากในบ้านผีสิงทันที ตอนนี้การต่อสู้กําลังดุเดือด เมื่อเห็นว่าสายฟ้าซวนและทีมของเขาใกล้จะผ่านเข้ามาได้ เขาก็รีบวิ่งเข้าไปเพื่อช่วยสนับสนุน
มู่หรงเสี่ยวเทียนพุ่งเข้าไปหาชายคนหนึ่ง และเมื่อเข้าปะทะกัน ชายคนนั้นกลับหลบได้อย่างความว่องไว เขาเดินโซเซ ร่างกายเหวี่ยงไปมาจนสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะของมู่หรงเสี่ยวเที่ยนได้ เขาพุ่งไปด้านหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการปะทะกับมู่หรงให้เสียเวลาแม้แต่น้อย
สิ่งนั้นทําให้มู่หรงรู้สึกตกใจมาก มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้เล่นคนอื่นที่มีสกิลที่รวดเร็วจนกลายเป็นภาพติดตาเหมือนเขา นับตั้งแต่ที่เขาสามารถสร้างทักษะแฟนธ่อมดริฟขึ้นมาได้ ความภาคภูมิใจนั้นได้สร้างแรงบัลดาลใจรวมถึงจุดประกายความสามารถของเขาอีกด้วย ร่างของเขานั้นหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันกลับมาและตะโกนออกมาพร้อมกับพุ่งเป้าไปที่ชายคนนั้น “กรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณ !”
ผู้เล่นคนนั้นร่างกายกระตุกเล็กน้อย ร่างกายของเขาหมุนกลับมา จากนั้นเขาก็พุ่งไปยังมู่หรงเสี่ยวเทียน
มู่หรงเสี่ยวเทียนใช้กรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณโจมตีไปที่อีกฝ่ายอย่างรุนแรง จากนั้นร่างกายของอีกฝ่ายก็กลายเป็นภาพติดตาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของมู่หรงเสี่ยวเทียน แต่นอกจากนี้เขายังสามารถสร้างร่างเงาหลอกตาขึ้นมาได้อีก มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่าอันไหนเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม
“ปัง! ปัง ! ” เสียงดังจากการปะทะที่รุนแรงดังขึ้น ผู้เล่นคนนั้นถูกกรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณของมู่หรงเสี่ยวเทียนโจมตีจนล้มลงไปบนพื้น เขาพยุงตัวขึ้นและพุ่งเข้าใส่มู่หรงเสี่ยวเทียน ทันใดนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็ลอยไปบนฟ้าเพราะถูกผู้เล่นคนนั้นเตะจนกระเด็น เขาลอยไปมากกว่า 3-4 เมตร จากนั้นก็ตกลงมาอยู่บนพื้น
มู่หรงเสี่ยวเทียนลุกขึ้นจากความหดหู่และฝืนยิ้ม การเตะครั้งเดียวของอีกฝ่ายนั้นทําให้พลังชีวิตของเขาลดไปมากกว่า 3 ใน 4 เลยทีเดียว
ในเวลาเดียวกัน สายฟ้าปาฉีและคนอื่น ๆ ก็ได้ส่งเสียงเชียร์ดังขึ้นมา สายฟ้าปาฉีเป็นคนแรกที่ฝ่าแนวป้องกันของนักรบจากพันธมิตรเจียจู๋เข้ามาได้ เธอรีบเข้าไปยังทีมนักเวทย์จากนั้นก็โจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าเป็นหมาป่าไล่ขย้ำลูกแกะที่กําลังยืนอยู่ ด้วยการโจมตีของสายฟ้าซวนและทีมสายฟ้า ผู้เล่นที่อยู่เบื้องหลังตรงปากทางเข้าหุบเขาผีสิงก็เริ่มทยอยเข้ามาข้างในทีละคนสองคน มีผู้เล่นบางคนก็เริ่มจับตัวผู้เล่นของพันธมิตรเจียจู๋โยนออกมาจากหุบเขาที่ละคนอย่างไร้ความปราณี จากตอนแรกมีคนเข้ามาแค่ประปราย ตอนนี้กลับเข้ามาจนชุลมุนวุ่นวายไปหมด ในที่สุดมันก็กลายเป็นการต่อสู้ที่สร้างความอลหม่านไปทั่วบริเวณนี้
“พี่น้องสายฟ้า เร็วเข้า บุกเข้าไปในบ้านผีสิงกันเถอะ ถ้ามัวอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะรอความตายเท่านั้น” มู่หรงเสี่ยวเทียนพุ่งมาตรงหน้าของสายฟ้าซวนในทันที เขาทักทายทุกคนก่อนที่จะพาพวกของสายฟ้าซวนออกไป ส่วนสายฟ้าโพและคนอื่น ๆ นั้นยังคงตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่บ้าคลั่ง พวกเขาวิ่งออกมาตามคําพูดของมู่หรงเสี่ยวเทียน และละทิ้งจากฝ่ายตรงข้ามออกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาตามมู่หรงเสี่ยวเทียนไปที่บ้านผีสิงนั้น
ตอนนี้สงครามตรงหุบเขาผีสิงกลายเป็นการต่อสู้ระยะประชิด ในตอนแรกผู้เล่นที่วิ่งเข้ามาจากนอกหุบเขาจะโดนกลุ่มพันธมิตรใช้เวทมนตร์ในการโจมตีพวกเขาจนไม่สามารถเข้าไปใกล้พวกนักรบได้เลย แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนักรบที่วิ่งเข้าไปนั้นเริ่มที่จะเข้าไปสู้กับพวกนักรบของกลุ่มพันธมิตรเจียจู๋ได้แล้ว สําหรับนักเวทย์เอง สถานการณ์ของพวกเขาก็ไม่สู้ดีนัก พวกเขามักจะโจมตีระยะไกลด้วยลูกไฟ ศรน้ำแข็ง และก้อนหินที่ถล่มทับลงมาในตอนแรก แต่ตอนนี้มันคงจะถึงตาของพวกเขาแล้ว ผู้คนด้านนอกที่บุกเข้ามาเริ่มที่จะไล่ล่าพวกเขา ส่วนผู้เล่นที่อยู่ฝั่งพันธมิตรเจียจู๋บางคนก็สับสนและโจมตีพวกของตัวเอง
สิ่งนี้มันจะไม่เกิดขึ้นถ้าหากว่าฟังก์ชั่นกลุ่มทหารรับจ้างถูกเปิดใช้งาน และมันไม่มีทางที่จะตั้งค่าโหมดการโจมตีแบบกลุ่มโดยไม่ต้องจัดตั้งกลุ่มทหารรับจ้าง แม้ว่ากลุ่มจะถูกสร้างขึ้นแต่มันก็จํากัดเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น หากเวทมนตร์กระทบร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจมันก็จะสามารถสร้างความเสียหายได้เช่นกัน ผู้เล่นที่โดนกลุ่มของตัวเองโจมตีนั้น พวกเขาก็ไม่มีความสุขมากนักเท่าใด ดังคําที่ว่า หากว่าใครมารังแกเล่าจื๊อ เล่าจื๊อก็จะไม่มีวันสุภาพกับเขา
หุบเขาผีสิงตอนนี้เต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวาย ไม่มีใครสามารถแยกแยะได้ว่าคนไหนเป็นศัตรูหรือมิตร ทันทีที่พวกเขาเจอหน้ากัน พวกเขาก็จะโจมตีอย่างบ้าคลั่งไม่สนใจอะไร ถ้าไม่ถูกดาบเชือดให้ตาย บางคนก็จะถูกเผาด้วยลูกไฟ ศรน้ำแข็ง หรือแม้แต่ก้อนหินทับจนตาย เสียงของอาวุธต่าง ๆ ที่ปะทะกัน เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วทุกหนแห่งในหุบเขาผีสิง ความวุ่นวายนี้ทําให้สถานที่แห่งนี้เละเทะไปหมด
มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่มีความคิดที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เพราะอาจจะมีผู้เล่นมีฝีมือออกมาสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรเจียจ์เมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อสักครู่นี้เขาได้ต่อสู้กับผู้เล่นที่มีชื่อว่า หยินหยิน ซึ่งอีกฝ่ายได้ทําให้พลังชีวิตของเขาหมดไปถึง 3 ส่วน 4 และตอนนี้มู่หรงเองก็ไม่มียาเพิ่มเลือดเลยแม้แต่ขวดเดียว ตั้งแต่เข้ามาในเดสตินี่ เขาก็แทบจะไม่ได้ดื่มยาเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงครั้งแรกเท่านั้นที่ได้มาจากวู่เฟิง เพราะเขานั้นตายบ่อยเหลือเกิน หากจะดื่มยาเพิ่มเลือด คงจะเปลืองตั้งไม่น้อย
ทางเดินของบ้านผีสิงในหุบเขาผีสิงแบ่งออกเป็นสามทางเหมือนกับใบพัดของพัดลม ยกเว้นทางเข้าแล้ว ทางเดินอื่น ๆ มันกระจัดกระจายออกไปเป็นสามชั้น จากด้านนอกสู่ด้านใน ลักษณะของมันเหมือนขั้นบันได มู่หรงเสี่ยวเทียนและทีมสายฟ้ารีบวิ่งขึ้นไปชั้นสุดท้ายของหุบเขาผี ทันใดนั้นเขาก็ถึงที่นั่นในช่วงอึดใจ