เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 289 สร้างความเสียหาย
ตอนที่ 289 สร้างความเสียหาย
……….
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของซ่งจื่อเซวียน หวังเฉิงยงก็ยิ้ม “เหอะๆ ฉันเดาว่านายคงไม่เข้าใจ”
“เสี่ยหวังอธิบายหน่อยสิครับ”
ซ่งจื่อเซวียนดูเหมือนจะเอาจริงเอาจังกับหวังเฉิงยงขนาดนี้ไม่บ่อยนัก อย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนแก่ที่จริงจังอะไร แต่ในช่วงเวลาสำคัญนี้ ไม่จริงจังคงไม่ได้
หวังเฉิงยงพยักหน้า หยิบถ้วยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม “ดื่มถ้วยหนึ่งก่อน”
ซ่งจื่อเซวียนก็รีบหยิบถ้วยแล้วดื่มทันที
“การเล่นกับไฟน่ะ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญที่สุดคือการควบคุม ไม่ว่าไฟจะมีขนาดไหนหรือแรงแค่ไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการควบคุม”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ และฟังอย่างอดทน
“ถ้าไฟแรงก็จะมีขนาดใหญ่ ถ้าไฟอ่อนก็จะมีความพิถีพิถัน ซ่งจื่อเซวียน ถ้านายเล่นไฟตอนนี้ก็เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น ไม่ได้เรียกว่าทักษะ”
“สิ่งนี้ผมรู้ครับ เสี่ยหวัง ตอนที่ผมช่วยเถ้าแก่หยางวันนั้น ผมคาดไม่ถึงว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ จากความเข้าใจของผมเกรงว่ามันจะต่างกันไม่น้อยเลย” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
หวังเฉิงยงพยักหน้า “แน่นอน นายยังไม่ถึงกำลังไฟที่เผาได้ที่ แต่สิ่งที่ฉันจะบอกนายในวันนี้คือถ้าไม่ถึงกำลังไฟที่เผาได้ที่แล้วจะเล่นไฟได้ยังไง”
ได้ยินประโยคนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็เบิกตากว้าง “ได้โปรดสอนผมด้วย!”
“ไม่เอาน่า ให้ค่าสอนหน่อยสิ”
“ค่าสอนเหรอครับ”
หวังเฉิงยงคลี่ยิ้ม สูบบุหรี่หนึ่งมวนแล้วขยับนิ้วราวกับกำลังนับเงินอยู่
“ทำอะไรเนี่ย เฮ้ ผู้เฒ่าหวัง คุณแค่สอนผมนิดๆ หน่อยๆ แล้วยังต้องการเงินอีกเหรอ”
หวังเฉิงยงส่ายหัว “ไร้สาระ ฉันไม่สนใจเรื่องเงิน นายดูสิ ฉันสอนนายฟรีๆ คงจะไม่สมเหตุสมผลแน่นอน ถ้านายไม่ให้ของบางอย่างกับฉัน งั้นก็…”
“เฮ้ยไอ้เจ้าเด็กนี่ ให้ฉันพูดให้จบก่อนสิ ดูความขี้งกของนายสิ แล้วยังคิดจะมาเรียนรู้อะไรบางอย่างอีกเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขายอมเสียชีพแต่ไม่ยอมเสียทรัพย์
ถ้าให้เขามอบสิ่งของเหล่านั้นแก่ผู้อื่น เขายอมปล่อยให้เลคริเซียสเผามันทิ้งไปดีกว่า…
“อะแฮ่ม…เอาล่ะ งั้นคุณพูดต่อเลย”
หวังเฉิงยงกลอกตามองเขา “งั้นก็เตรียมเหล้าให้ฉัน รวมถึงอาหารจานนั้นที่เป็นเส้นๆ จานนั้นน่ะ…เรียกว่าอะไร”
“น้ำแกงห้าสายน่ะเหรอ ฮ่าๆ ได้ ผมจะให้พวกเขามาเสิร์ฟให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”
อันที่จริงเมื่อครู่นี้ซ่งจื่อเซวียนได้เตรียมน้ำแกงห้าสายไว้หลายที่แล้วและวางไว้ในครัว ตอนนี้คาดว่าอาหารน่าจะเริ่มเสิร์ฟแล้ว
จากนั้นเขาจึงโทรหาซางเทียนซั่ว
“เทียนซั่ว เอาน้ำแกงห้าสายมาให้เสี่ยหวังด้วย”
“หา? อาจารย์ ขายไปหมดแล้วนะ วันนี้ยอดขายปังมากเลย!”
ซ่งจื่อเซวียนตกตะลึง “ให้ตายเถอะ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ขายหมดทั้งยี่สิบที่แล้ว?”
ได้ยินดังนั้น หวังเฉิงยงก็จ้องเขม็งซ่งจื่อเซวียนอย่างดุดัน
หลังจากวางสาย ซ่งจื่อเซวียนก็พูดด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา “เสี่ยหวัง ช่วยไม่ได้ ขายหมดแล้วครับ”
“ฉันว่านะซ่งจื่อเซวียนเอ๊ย นี่นายแกล้งทำเป็นเก่งเหรอ กิจการของร้านนายเป็นยังไงนายไม่รู้เหรอ แล้วนี่ยังจะแกล้งว่าเป็นเรื่องไม่คาดฝันอีก…”
ได้ยินคำพูดแทงใจดำของหวังเฉิงยง ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เอาล่ะๆ ผมแค่ล้อเล่น พอเห็นว่าคุณจริงจังแบบนี้ ผมจะไปทำให้ชามหนึ่ง”
บอกกันว่าทำไม่เกินยี่สิบที่ แต่วันนี้ต้องละเว้นให้จริงๆ
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าหวังเฉิงยงสามารถสอนให้เขาควบคุมไฟเพื่อเอาชนะเลคริเซียสได้
แต่เพียงเพื่อเรียนรู้ทักษะการควบคุมไฟ ซ่งจื่อเซวียนยอมเสียเท่าไรก็ได้ แน่นอนว่ายกเว้นการปล่อยให้หวังเฉิงยงเอาสิ่งของที่เขาสะสมไป
“หยุดก่อนเถอะ ไอ้หนู อย่ามาทำกับฉันแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายไปจะไม่มีใครดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉัน”
“งั้นคุณจะให้ทำยังไง”
“นั่งดื่มเหล้ากับฉันก่อน หลังจากนี้ก็ติดหนี้ ติดหนี้…เหล้าสิบครั้ง!”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็หัวเราะออกมา “ผมต้องใจกว้างอีกหน่อย สิบเอ็ดครั้ง!”
“มีคุณธรรมแฮะ!”
หวังเฉิงยงดื่มเหล้าหนึ่งแก้ว “ต่อไปถ้าฉันมาดื่มเหล้า ไม่ต้องเตรียมอาหารเยอะ มันสิ้นเปลือง จัดมาแค่ถั่วลิสงกับน้ำแกงอะไรนั่นมาก็พอ”
“ได้เลยผมจะทำตามนั้นครับ งั้นเราเอาเหล้าเป็นเหมาไถแล้วกัน!”
หวังเฉิงยงพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ใส่ใจดี
ไอ้หนู บอกเลยว่าถ้าจะแข่งกับฝรั่งคนนั้นจะต้องเลือกวัตถุดิบให้ได้ นายต้องจำไว้ให้ดีว่าต้องผัดไฟแดง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ชะงัก “หืม เพราะอะไรครับ”
อันที่จริงโดยพื้นฐานทั่วไปแล้ว การตุ๋นอาหารเหมาะสมสำหรับการควบคุมไฟมากกว่า เพราะไม่ว่าจะใช้เครื่องครัวชนิดใดก็ตาม การตุ๋นอาหารก็ไม่ต้องทำตั้งแต่ต้นจนจบ และสามารถละมือเพื่อมาควบคุมเปลวไฟได้
แต่การผัดไฟแดงนั้นแตกต่างกัน ระยะเวลาในการปรุงอาหารนั้นใช้เวลาไม่นานและต้องใช้กระทะและตะหลิวพลิกอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองมือจึงไม่ว่าง ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมไฟ
หวังเฉิงยงยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับเท้าศอก จากนั้นหยิบถั่วเข้าปาก “ตามที่นายคิดคือปล่อยมือให้ว่างจะดีกว่าใช่ไหม ไม่งั้นนายจะควบคุมไฟไม่ได้”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“เหอะๆ นายคิดผิดแล้ว นายต้องรู้ว่าไฟแบบไหนที่ควบคุมได้ดีที่สุด ศัพท์เฉพาะเรียกว่าไฟแบบไหนที่ติดง่าย”
ได้ยินประโยคนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกว่ามีหลายวิธีเกินไปจึงถามด้วยความกระตือรือร้น “งั้นคุณบอกมาหน่อยสิ”
หวังเฉิงยงกระตุกยิ้ม “ไอ้หนู ไฟของผัดไฟแดงจะลุกโชนมากที่สุดและยังไม่กระทบถึงอาหาร อาหารที่ตุ๋นน่ะใช้ไฟอุ่น ต่อให้นายเล่นไฟแทบตาย กำลังไฟก็มีไม่มากนัก”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ “นี่มันก็สมเหตุสมผล แต่…ยอดฝีมือที่ควบคุมไฟล่ะ พวกเขาแข่งกันตอนผัดไฟแดงหมดเลยเหรอ”
หวังเฉิงยงโบกมือ “นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ในจีนของเราไม่เห็นด้วยกับวิธีแบบนี้ ถ้าฝรั่งพวกนี้ไม่มาหาเรื่อง ใครจะเล่นกับไฟอยู่อีกล่ะ
แต่ในเมื่อสนุกเราก็ต้องสืบสานสิ ทำไมล่ะ เพราะถ้าพูดถึงเรื่องเล่นกับไฟ เชฟชาวจีนของเราคือบรรพบุรุษของพวกเขา!”
คำพูดนี้ทำให้ซ่งจื่อเซวียนเดือดพล่านและเผยรอยยิ้มออกมา “เสี่ยหวัง คำพูดของคุณมีพลังมาก เพื่อความสะใจ ชนอีกแก้ว!”
ทั้งสองคนจิบคนละอึก หวังเฉิงยงก็เอ่ยต่อ “ไอ้หนูฉันจะบอกนายให้ การเล่นกับไฟไม่จำเป็นต้องใช้มือ”
“อะไรนะ ไม่ใช่มือแล้วให้ใช้เท้าเหรอ”
“ไร้สาระ ฉันบอกว่าให้ใช้เท้าหรือไง การเล่นกับไฟน่ะใช้มือง่าย แต่ใช้กับเครื่องครัวยาก แต่คนทั่วไปไม่รู้จริงๆ ว่าถ้ามีตะหลิวดีๆ การเล่นกับไฟจะน่าตื่นเต้น!”
“หืม?”
“วิธีการก็เหมือนกัน นายลองทำดูก็ได้ ใช้ตะหลิวผลักเปลวไฟออกมาตรงๆ แบบนี้จะเหมาะสำหรับช่วงแรก พออีกฝ่ายรู้ทางป้องกันก็คงจะไม่ค่อยแน่นอนแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนคลี่ยิ้มเมื่อได้ยิน “นี่คุณจะสอนกลยุทธ์ให้ผมเหรอ”
“เลอะเทอะ เล่นอะไรไม่ต้องให้ความสำคัญกับกลยุทธ์บ้าง”
“ก็ถูก”
“จำไว้นะ ตอนเลือกวัตถุดิบ นายต้องเลือกวัตถุดิบสำหรับการตุ๋น”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตุ๋น? คุณบอกกว่าผัดไฟแดงไม่ใช่เหรอ ผมว่าเลิกดื่มเหล้าเถอะ คุณเชื่อถือได้หรือเปล่าเนี่ย”
“อย่าพูดแทรก ฟังนะ เพราะสิ่งที่นายเลือกจะส่งผลต่อการเลือกของอีกฝ่ายได้ง่าย อีกฝ่ายคงจะเลือกวัตถุดิบที่ใกล้เคียงกับนาย
เวลานี้นายจะได้เปรียบ เพราะเมื่อเขาเลือกเสร็จแล้วก็จะต้องตุ๋นแน่ๆ แต่นายจะแตกต่างออกไป เพราะนายวางแผนที่จะผัดไฟแดง”
ซ่งจื่อเซวียนก็ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “ร้ายกาจจริงๆ”
“มันต้องทำ” หวังเฉิงยงกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ “เปลวไฟของการผัดไฟแดงที่ลุกโชน รวมถึงแรงของตะหลิว มีความเป็นไปได้ที่จะล้มคู่แข่งได้ในทันที!”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “สมเหตุสมผล แต่…เสี่ยหวัง ฝีมือเลคริเซียสไม่ธรรมดาเลยนะ”
“ก็ใช่ เพราะงั้นเราไม่คาดหวังว่าจะล้มเขาในทันที แต่ในนาทีนี้เราจะสร้างความเสียหายให้เขาอย่างหนัก นี่เรียกว่าลงมือก่อนได้เปรียบ นายดูหยางต้าฉุยที่กำลังป้องกันสิ นั่นเรียกว่ารอให้อีกฝ่ายลงมือ”
“หลังจากนั้นล่ะครับ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยถาม
“หลังจากนั้นเหรอ อีกฝ่ายจะเตรียมตัวป้องกันในเวลานี้ และอาจจะสู้กับนายโดยไม่สนใจวัตถุดิบในการทำอาหาร ที่จริงเวลาแบบนี้เป็นประโยชน์กับนายพอดี”
“ทำไมถึงยังมีประโยชน์ล่ะ เขาจะเสี่ยงชีวิตเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
หวังเฉิงยงขมวดคิ้ว “ตอนที่นายฉลาดก็ฉลาดจริงๆ นะ แต่ตอนที่โง่ ทำไมเหมือนในสมองเต็มไปด้วยขี้เลื่อยล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดไม่ออกครู่หนึ่งจึงกลอกตามองหวังเฉิงยง
“ข้อได้เปรียบของนายคือการผัดไฟแดง มันสุกเร็ว แต่จำไว้ว่าหลังจากปรุงสุกอย่าป่าวประกาศว่าทำเสร็จแล้ว เพราะจะหมายความว่านายยังปรุงอาหารอยู่ และตอนนี้แหละ…คือตอนที่นายจะเล่นงานเขา ห้ามให้เขานำอาหารออกมาเด็ดขาด ขอแค่อาหารไม่ออกมานายก็จะชนะแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือให้
เขาส่ายหัวช้าๆ “หวังเฉิงยงหนอหวังเฉิงยง ไม่เคยคิดเลยว่าอายุเท่านี้คุณจะร้ายกาจขนาดนี้ คุณเป็นคนที่คิดกลอุบายที่ร้ายกาจแบบนี้ออกมาได้เนอะ”
“เจ้าโง่ สำหรับคนประเภทนี้ ถ้านายไม่ร้ายใส่เขา เขาจะร้ายยิ่งกว่านายเสียอีก นายจะยอมโดนกระทำหรือจะยอมใช้กลอุบายจัดการกับเขาล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ “งั้นคงต้องจัดการกับเขา และต้องจัดการให้สิ้นซาก!”
“ก็แค่นั้นแหละ แต่ฉันไม่กล้ารับประกันหรอกนะว่านายจะชนะ ยังไงถ้าพื้นฐานการเล่นไฟของนายไม่ดี สองสามวันต่อจากนี้นายจะต้องพยายามมากให้ขึ้น ถ้ามันไม่ได้ผลก็ถอย”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ผมกำลังคิดจะทำแบบนี้เลย วันนี้ผมได้ปรึกษาหย่าฉีด้วย อาหารจานหลักจะหยุดขายสักสองสามวัน ส่วนผมจะเก็บตัวเพื่อฝึกฝน”
“ดูจากศักยภาพอันน้อยนิดของนายแล้ว นี่ยังจะต้องปรึกษาอีกเหรอ ลูกผู้ชายเวลาจะทำอะไรต้องให้ผู้หญิงมาจัดการเหรอ ให้ตายเถอะ ข้าน่ะอยากจะทำอะไรก็ทำ มายุ่งกับฉันงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
ขณะที่เขาพูด หวังเฉิงยงก็ทำท่าทางจุ๊ปาก
ซ่งจื่อเซวียนหรี่ตาลงและเม้มริมฝีปาก “โอ้ๆๆ คุณเจ๋งจริงๆ ดีนะที่คุณไม่มีผู้หญิงเคียงข้าง ไม่งั้นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นยังไง”
“เลอะเทอะ ข้าเป็นลูกผู้ชายตัวจริงแน่นอน นายคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนนายเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนคลี่ยิ้ม “เอาล่ะ ผมไม่เถียงกับคุณแล้ว แต่…เสี่ยหวัง การใช้ตะหลิวเล่นกับไฟ ตะหลิวต้องมีคุณสมบัติอะไรหรือเปล่า”
“ใช่ ตะหลิวธรรมดาไม่มีประโยชน์ เมื่อถึงเวลาก็ใช้กระทะเหล็กเขียวใบนั้นที่ฉันให้นาย แล้วฉันจะให้ตะหลิวเหล็กเขียวอีกอันเพื่อจัดการกับเขา!”
“จริงเหรอ”
“ใช่แล้ว แต่เราต้องตกลงกันให้ดี ใช้เสร็จแล้วต้องคืนให้ฉัน นายจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้นะ”
ซ่งจื่อเซวียนดีใจจนรีบพูดว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ถึงเวลาคุณให้ผมยืม พอใช้เสร็จก็ต้องคืนกลับที่เดิมอยู่แล้ว”
“ดีมาก ชน!”
คืนนั้น หลังจากดื่มเหล้าเสร็จแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็ให้ซางเทียนซั่วไปส่งหวังเฉิงยง
ส่วนเขาวางแผนจะอยู่ในร้าน
ปกติแล้วเวลากลางวันจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในร้าน ถึงแม้จะมีเตาเฉพาะก็ยังยุ่งวุ่นวายอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงกลางคืนเขาจะสามารถฝึกฝนได้พอดี
ยามค่ำคืน…
ภายในห้อง โจวเผิงจิบเหล้าหนึ่งอึกและดูวิดีโอบนมือถือของเขาต่อไป
ทันใดนั้นเขาก็เห็นข้อความตอบกลับส่วนตัว
‘คุณโจว คุณเลคริเซียสบอกว่าถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง เรามาเจอกันได้’
เมื่อเห็นข้อความตอบกลับนี้ มุมปากของโจวเผิงก็ยกขึ้นเล็กน้อย
เขารีบตอบทันที ‘ตกลง เมื่อไรครับ นัดที่ไหน’
‘เขตวิลล่าถังหย่า หมายเลขสิบห้า’ ขณะเดียวกัน อีกฝ่ายก็แนบหมายเลขโทรศัพท์มาด้วย
โจวเผิงคลี่ยิ้ม แม้ว่าใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว แต่เขาก็รีบลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าทันที
………………………………….