เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 59 จัดการผู้ชาย
น้ำเสียงตอนจบของเฉินซู่ฟังดูเศร้า ดูอ้อน และยังมีไหวพริบที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอคนเดียวด้วย
เหลยถิงเงียบไปครู่หนึ่ง "เข้าใจแล้ว"
เฉินซู่แทบจะส่งเสียงดีใจออกมา เธอทำท่าโอเคให้หลี่เทียนโซ่วที่อยู่ไม่ไกล "รองผู้จัดการ เรากลับบริษัทกันเถอะค่ะ"
หลี่เทียนโซ่วแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่า "ทำไมถึงดูดีใจขนาดนั้นล่ะครับ?"
"อีกเดี๋ยวคุณก็รู้ค่ะ เรากลับบริษัทก็ไม่ต้องกลัวว่าวังโห้วจะมาตรวจสอบด้วย"
เฉินซู่และหลี่เทียนโซ่วนั่งแท็กซี่กลับมาที่บริษัท เฉินซู่สังเกตเห็นว่าหลี่เที่ยนโซ่วไม่มีรถ รองผู้จัดการฝ่ายการเงินไม่มีรถ และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง รู้ได้เลยว่าวังโห้วตัดแต่ผลประโยชน์จนไม่ถึงหลี่เทียนโซ่วเลย
มาถึงบริษัท เฉินซู่และหลี่เทียนโซ่วก็แสร้งทำเป็นทำโอที
ไม่นานวังโห้วก็มาจริง ๆ มาหลังพวกเขาแค่ประมาณสิบนาที
"ทำโอทีจริงเหรอ?" วังโห้วที่เมามายเอาแต่อยากเข้าหาเฉินซู่
เฉินซู่หลบด้วยความขยะแขยง หลี่เทียนโซ่วเองก็เข้ามาช่วย "ผู้จัดการครับ เฉินซู่กำลังยุ่ง คุณไปรอด้านข้างดีกว่านะครับ ผมจะไปเทน้ำมาให้ครับ"
"แกกล้าดียังไง?" วังโห้วตบหลี่เทียนโซ่วจนถอยออกไป
เฉินซู่กล่าวถาม "รองผู้จัดการคะ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ"
"ไม่เป็นไรครับ" หลี่เทียนโซ่วโบกมือปัด
เฉินซู่ชี้ไปที่เอกสารที่อยู่ตรงหน้า "ผู้จัดการวังคะ คุณช่วยอย่าสร้างปัญหาได้ไหมคะ ตอนนี้มันเป็นเวลาเลิกงานแล้ว ฉันไม่อยู่ในความควบคุมของคุณนะคะ"
"แต่งานในมือเธอเป็นฉันที่ต้องรับผิดชอบนะ?" วังโห้วยิ้มและพยายามจะเข้ามา
เฉินซู่แค่นเสียง "นี่คือเอกสารของท่านประธานเหลย คุณยังต้องสนเหรอคะ? ฉันว่าคุณคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในนี้เขียนอะไรบ้าง"
คืนนี้วังโห้วดื่มไปเยอะ มองข้อมูลก็ยังเวียนหัว เขาจะไปรู้อะไรล่ะ!
"ฉันไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามันคืออะไร ฉันแค่ต้องรู้ว่าแผนกการเงินทั้งหมดนี้เป็นของฉัน" วังโห้วเอื้อมมือไปทางใบหน้าของเฉินซู่ "แล้วก็เธอด้วย ไม่ช้าก็เร็วก็จะเป็นของฉัน"
เฉินซู่อยากจะอาเจียนเพราะรังเกียจ สายตาก็เห็นว่าวังโห้วกำลังจะต้อนเธอไปถึงมุมห้องแล้ว
"ฝ่ายการเงินของบริษัทเหลยเปลี่ยนเจ้าของตั้งแต่เมื่อไร?" เสียงต่ำของเหลยถิงดังขึ้น
วังโห้วก็กำลังจะตอบโต้ "ใครหน้าไหน…ท่านประธานเหลย?"
เขาได้สติขึ้นมามากขึ้น ขาที่ใหญ่เหมือนช้างของเขาก็เริ่มสั่นทันจนไขมันตามตัวก็ยังสั่น
"ฉันถามอยู่นะ ว่าแผนกการเงินของบริษัทเหลยกลายเป็นของคุณตั้งแต่เมื่อไร?" เหลยถิงถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
"ท่านประธานเหลย ผมแค่ล้อเล่นกับเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้พูดจริงจังนะครับ ผมเป็นพวกดื่มแล้วชอบคุยโวไปเรื่อยน่ะครับ" ภายในวินาทีเดียววังโห้วก็กลายเป็นเด็กทันที จนแทบจะคุกเข่าลงตรงหน้าเหลยถิง "ท่านประธานเหลยครับ ท่านอย่าได้โกรธเลยนะครับ ท่านดูสิ…นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ใช่ไหมล่ะครับ"
เหลยถิงแค่นเสียง "นี่ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องรอให้คุณพูดว่าทั้งบริษัทเหลยเป็นของคุณถึงนับเป็นเรื่องใหญ่งั้นเหรอ?"
"ไม่ใช่แน่นอนครับ ท่านประธานเหลย ผทรับรองว่าจะไม่พูดไร้สาระแบบนี้อีกและจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครับ" วังโห้วยกมือขึ้นสาบานเพื่อแสดงความภักดี "วันนี้เป็นกรณีพิเศษที่ผมพาเฉินซู่ไปสังสรรค์น่ะครับ แต่เธอดันหนีกลับมากลางคันจนลูกค้าต่างก็ไม่พอใจ ผมเลยกลับมาดูว่าเธอจัดการงานเสร็จหรือยังน่ะครับ"
ทันทีที่เฉินซู่ได้ยินว่าวังโห้วหันหัวเรื่องไปทางตัวเอง เธอก็รีบลุกขึ้นทันที: "ท่านประธานเหลยคะ ผู้จัดการวังโกหกค่ะ"
สายตาของเหลยถิงก็จ้องไปที่ใบหน้าของเฉินซู่
วังโห้วกลัวว่าเฉินซู่จะพูดมั่ว ก็ชี้นิ้วไปหาเฉินซู่แล้วพูดอย่างรู้สึกผิด: "ท่านประธานเหลยครับ อย่าไปฟังที่เฉินซู่พูดเลยครับ เธอพยายามเข้าหาผม และยังอยากให้ผมเอางานสำคัญให้เธอเพื่อเลื่อนตำแหน่งเธอด้วย ซึ่งผิดกฎบริษัท แต่ท่านประธานเหลยไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ได้ตอบตกลงไป"
มุมมองถึงเฉินซู่กำลังจะเปลี่ยนไป เธอไม่เคยเห็นผู้ชายหน้าด้านขนาดนี้มาก่อนเลย!
เธอโกรธจัดทั้งยังคิดว่าช่างน่าขัน เขาฟ้องเหลยถิงแบบนี้ เธอล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าจะจบมันยังไง
เหลยถิงหัวเราะและยกยิ้มมุมปาก วังโห้วเองก็หัวเราะไปด้วยและยังกล่าวต่อ "จริงนะครับ เธอเป็นคนแบบนี้แหละครับ"
"คุณรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร?" เหลยถิงเหลือบมองเฉินซู่ ก่อนจะถามวังโห้ว
หัวใจวังโห้วแข็งตัวไปชั่วขณะ หัวก็หมุนไปหมด
เฉินซู่ตัวแข็งทื่อ นี่เหลยถิงกำลังจะเปิดเผยตัวตนของเธองั้นเหรอ? เขาไม่ได้รำคาญพวกที่มีเส้นสายในบริษัทเหรอ? ทำไมถึงเปิดเผยตัวตนเธอเอาตอนนี้ล่ะ
"เธอคือภรรยาของฉัน" รอยยิ้มของเหลยถิงค่อยๆ หายไป "คุณพูดสิ่งที่พูดกับฉันเมื่อกี้อีกทีสิ"
ให้ตายวังโห้วก็ไม่คิดว่าสถานะของเฉินซู่จะขนาดนี้ เขาลงไปนั่งกับพื้น และรับรู้ได้อย่างคือเขาแย่แล้ว แย่มาก ไม่มีที่ให้แก้ไขแล้วด้วย
เขาดิ้นรนเพื่ออาชีพมาสิบปีและมันได้พังทลายลง จนเข้าได้ยินเสียงนั้น
เฉินซู่เดินไปข้างเหลยถิง "ถ้ารู้ว่าคุณจะพูด ฉันคงไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ แถมยังให้คุณวุ่นวายอีก ไปกันเถอะ กลับไปทำอาหารให้คุณทานดีกว่า"
เหลยถิงส่งเสียงตอบรับ และไม่แม้แต่จะมองไปที่วังโห้วอีกเลย
เป็นเฉินซู่ที่ยกยิ้ม "วังโห้วคุณนี่นะ สมน้ำหน้าแล้วล่ะ"
วังโห้วไม่กล้าแม้แต่จะขยับ นับประสาอะไรกับจะตอบโต้ เขาต้องการตบตัวเองสักสองสามครั้งต่อหน้าเฉินซู่ แต่เขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ พรุ่งนี้เขาต้องลาออกแล้ว อย่างน้อยการลาออกก็ยังเหลือทางให้ตัวเอง งานต่อไปอาจหาทางออกที่ดีได้
เมื่อเฉินซู่กำลังจะจากไป ก็มองไปที่หลี่เทียนโซ่วซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล "รองผู้จัดการ ขอบคุณเรื่องคืนนี้นะคะ รีบกลับไปพักเถอะค่ะ"
หลี่เที่ยนโซ่วถอนหายใจ ก่อนจะโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ
เมื่อเฉินซู่ออกจากสำนักงานใหญ่ หัวใจของเธอก็เต้นแรงอีกครั้ง ปกติเหลยถิงไม่เคยเมตตา เธอไม่เชื่อเลยว่าคำพูดไม่กี่คำของเธอจะทำให้เหลยถิงมาได้
"คุณมาคงจะเหนื่อยมากใช่ไหม เดี๋ยวกลับไปฉันจะนวดให้นะ" เฉินซู่รีบพูดเอาใจ
"อย่ามาไม้นี้กับฉัน" ฟังไม่ออกว่าน้ำเสียงของเหลยถิงนั้นดีหรือไม่ แต่เฉินซู่ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เงียบตลอดทาง พอถึงบ้านเฉินซู่ก็เข้าห้องครัวไป ฮวาจือกับเสี่ยวอวี่ก็คอยเป็นลูกมือ ช่วงนี้เธอได้คุยเรื่องซุปกับซินเหม่ยอิง เขาคิดจะทำซุปให้เหลยถิงดื่มเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้า
หลังจากเหลยถิงอาบน้ำเสร็จ ทางเฉินซู่เองก็ได้ที่แล้ว เธอคิดว่าเหลยถิงชอบทานอาหารจีนและอาหารที่ทำเอง เธอจึงลดความซับซ้อนด้านอาหารที่เธอเรียนรู้มาจนทำอาหารเอง และตามด้วยซุป
"ขอโทษที่ให้รอนานนะ"
เหลยถิงตอบรับเบา ๆ "เธอก็รู้นี่ว่าฉันรอนาน"
"ฉันเองก็ไม่อยากหรอก ฉันเองก็หวังว่าทันทีที่คุณกลับมา ฉันก็ทำอาหารเสร็จพอดี แล้วก็ทานข้าวกับคุณ แต่ฉันยังต้องทำงานนี่ ยังต้องจัดการพวกกลอุบายที่ทำงานอีก ถ้ารู้ว่าคุณจะบอกวังโห้วเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ฉันก็น่าจะพูดไปตั้งนานแล้ว แบบนี้ก็ไม่ต้องถูกเขารังแกตั้งนานสองนานด้วย" เฉินซู่พูดตัดพ้อ ทั้งยังใช้ท่าทีที่ดูอ่อนแอที่หาได้ยากอีก
"เธอพูดไปแล้วคิดว่าเขาจะเชื่อเหรอ?" เหลยถิงถามกลับ
เฉินซู่พูดไม่ออก ถ้าเธอบอกว่าเธอเป็นภรรยาของท่านประธานไปจริง ๆ คาดว่าคงจะไม่มีใครเชื่อ เธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะใช้ชีวิตภายใต้ชื่อของเหลยถิง
"ขอบคุณที่ช่วยฉันนะ" เฉินซู่ใช้ช้อนตักซุปป้อนให้เขา