เรื่องราวของการซื้อเพื่อนร่วมชั้นอาทิตย์ละครั้ง Shuu ni Ichido Kurasumeito wo Kau Hanashi - ตอนที่ 10 ที่บอกว่าเซ็นไดซังหวานน่ะ โกหกชัด ๆ ตอนที่ 4
- Home
- เรื่องราวของการซื้อเพื่อนร่วมชั้นอาทิตย์ละครั้ง Shuu ni Ichido Kurasumeito wo Kau Hanashi
- ตอนที่ 10 ที่บอกว่าเซ็นไดซังหวานน่ะ โกหกชัด ๆ ตอนที่ 4
ที่บอกว่าเซ็นไดซังหวานน่ะ โกหกชัด ๆ ตอนที่ 4
วันวาเลนไทน์ผ่านไป ช็อกโกแลตที่เหลืออยู่ 3 ก้อนก็หายไปในพริบตา ถึงแม้จะไม่ได้อยากกินอีกก็ตาม แต่ถ้ามีอีกสัก 2-3 ก้อนก็คงดี
เพราะชอบของหวานอยู่แล้ว ต่อให้กินอีกสักกี่ชิ้นก็ไหว
แต่ว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นของที่เซ็นไดซังทำ ไม่ว่าใครจะทำก็ช่าง ขอแค่อร่อยก็พอ แต่ต่อให้ไม่อร่อย แต่แค่ไม่ถึงกับแย่จนกินไม่ได้ก็ได้หมด
พูดถึงอาหารเย็นที่เซ็นไดซังจะทำให้ก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะอร่อยหรือไม่อร่อยก็ไม่เป็นไร ขอแค่ยัดลงท้องได้ ไม่ว่าอะไรก็เหมือนกันนั่นแหละ ……แต่ก็นั่นแหละ คำว่าทำขึ้นเองก็เป็นแค่สิ่งที่เซ็นไดซังพูดออกมาเท่านั้น ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอตั้งใจจะทำให้จริง ๆ หรือเปล่า
ฟังเสียงของคุณครูที่อยู่ห่างออกไป และกุมแถว ๆ บริเวณท้อง
พอมองข้างบนของกระดานดำก็เห็นนาฬิกาติดอยู่ ตั้งแต่เริ่มเรียนเวลายังไม่ได้ผ่านไปนานขนาดนั้น อย่างน้อยก็ต้องรออีกราว ๆ 35 นาทีกว่าจะถึงช่วงพักเที่ยง
「ต่อไป มิยากิ」
โดนคุณครูเรียกด้วยเสียงที่เหมือนกับมนต์สะกดให้หลับที่อย่างกับหลุดออกมาจากในเกม ถึงแม้ฉันจะฟังเสียงที่มาจากฟากฟ้าแล้วก็ตาม แต่ฉันก็ยังต้องอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ดี
ฉันยืนขึ้น พร้อมถือหนังสือวิชาภาษาอังกฤษ
เพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ลำบากอะไรเพราะไม่ได้ออกจากญี่ปุ่นก็จริง แต่ก็ยังคงต้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษ แถมยังโดนคุณครูเรียกอีก
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงยืนอ่านด้วยความไม่เต็มใจ
เสียงพูดฉันติด ๆ ขัด ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นคำที่เคยเห็นมาก่อนหรือเปล่าผสมปนกับคำที่จำได้ แม้คุณครูจะคอยเสริมให้เป็นบางช่วง แต่ก็ไม่มั่นใจว่าออกเสียงไปถูกต้องรึเปล่า
「พอแล้ว นั่งลงได้ มิยากิ ต่อไปเธอช่วยตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้หน่อยนะ 」
คุณครูพูดอย่างลำบากใจ แต่ว่า ต่อให้ฉันจะตั้งใจเรียนไป ก็ไม่คิดว่าจะสามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้หรอก
「งั้นต่อไป เซ็นได อ่านต่อจากเมื่อกี้」
ค่ะ เธอตอบจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนตรง จากนั้นก็เริ่มอ่านหนังสือเรียน
เป็นเสียงที่ไหลลื่น ฟังชัดเจน ตัวหนังสือจากหนังสือเรียนได้กลายเป็นเสียงที่ถูกต้องไร้ข้อผิดพลาด ถ้าจะให้เทียบเป็นตัวอักษรล่ะก็ เสียงของเซ็นไดซังเป็นดั่งตัวเขียน ส่วนเสียงของฉันเป็นเหมือนลายมือไก่เขี่ยของเด็กน้อย
เธอนั้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็รับมือได้อย่างสบาย ๆ
ฉันมองไปที่หนังสือแล้วถอนหายใจ
ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
ผมก็สีน้ำตาล แถมยังแต่งหน้าอีก กระโปรงก็สั้นกว่ามาตรฐาน ต่อให้กฎของโรงเรียนจะไม่คุ้มครองเธอ แต่เหล่าคุณครูก็คุ้มครองเธออยู่ เดิมที เจ้าตัวบอกว่าตัวเองเป็นคนเรียบร้อยก็จริง ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าเพราะเธอแต่งหน้าเลยเป็นคนเรียบร้อย หรือว่าเป็นเพราะเธอกัดเท้าคนอื่นเลยเป็นคนเรียบร้อยกันแน่
ต่อให้คิดเรื่องพวกนี้ไปมากเท่าไหร่ สถานการณ์ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน ฉันไม่มีทางเป็นเหมือนเซ็นไดซังที่สามารถรับมือกับทุกอย่างได้หรอก
ฉันพลิกหน้าหนังสือ
สักพักหลังจากเสียงของเซ็นไดซังหยุดลง ก็ได้ยินเสียงของชอล์กที่กำลังเขียนกระดานดำ
ในสมุดมีตัวหนังที่ลอกมาจากกระดานดำเรียงอยู่ จากนั้นเวลาที่แสนยาวนานก็ผ่านไป คุณครูปล่อยเลิกเรียนหลังจากกินเวลาพักเที่ยงไป 5 นาที ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า
ฉันรีบกดส่งข้อความ ก่อนที่เพื่อนที่อยู่ข้างหลังสุดของห้องอย่างไมกะจะเดินมาหา
ส่งไปหาเซ็นไดซัง ส่วนเนื้อหาก็เหมือนเดิม
『วันนี้มาหาหน่อยนะ』
เธอตอบกลับมาทันที กำหนดการหลังเลิกเรียนเป็นอันตกลง
กินข้าวเที่ยงที่โรงอาหาร หลังจากเรียนช่วงบ่ายจบในชั่วพริบตา ก็หมดธุระกับที่โรงเรียน หลังจากบอกลาแยกกับไมกะก็ใช้ทางลัดเดินกลับ จากนั้นก็มีข้อความจากเซ็นไดซังส่งมาว่า 『อีกแปปนึงจะถึงแล้ว』 พอนอนเล่นอยู่บนเตียง ก็ได้ยินเสียงกริ่งดังจากเซ็นไดซังที่มาถึงแล้ว
「ขอโทษที่ให้รอนะ」
พอเธอพูดจบ ก็ถอดเสื้อโค้ทและเสื้อเบลสเซอร์ออกและลงไปนั่งหน้าชั้นหนังสือเหมือนทุกที ฉันเอาแบงค์ 5,000 เยนวางไว้บนหัวของเธอจากนั้นเดินออกจากห้อง ใส่สลีปเปอร์เดินเตาะแตะไปห้องครัว
รินไซเดอร์ที่หยิบออกมาจากตู้เย็นใส่แก้ว 2 ใบที่วางไว้ จากนั้นก็ยกกลับเข้าไปที่ห้อง เจอเข้ากับเซ็นไดที่นอนอยู่บนเตียงที่ทำอย่างกับเป็นเตียงของตัวเอง
ข้าง ๆ เธอที่นอนอย่างขี้เกียจ มีมังงะกองอยู่อยู่ 2-3 กอง ฉันวางแก้วไว้บนโต๊ะเหมือนเช่นเคย จากนั้นก็หยิบมังงะจากชั้นหนังสือ พลิกหน้าหนังสือเล่มที่อ่านมาไม่รู้หลายต่อหลายครับ
ถึงจะบอกว่าเป็นคำสั่ง แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรให้ทำเยอะขนาดนั้น แม้ภายในห้องนี้เซ็นไดซังจะเป็นดั่งคนรับใช้ของฉันก็จริง แต่มันก็มีขีดจำกัดของเรื่องที่ทำได้อยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ก็ใช่ว่าจะอยากทำเรื่องโหดร้ายกับเธอบ่อย ๆ หรืออยากให้ทำอะไรแปลก ๆ สักหน่อย
ด้วยเหตุนี้ เวลาอันเงียบสงบจึงได้ผ่านไป
ค่อย ๆ อ่านไปทีละเล่ม สองเล่ม
ภายในห้องมีเพียงแค่เสียงเปิดหน้ากระดาษ และเสียงของพัดลมฮีทเตอร์
ในตอนที่กำลังจะหยิบเล่มที่ 3 เซ็นไดซังก็ถามขึ้น
「มิยากิเนี่ย ไม่เล่นเกมเหรอ?」
「ก็เล่นอยู่นะ」
「พวกหนุ่มหล่อปากหวาน ๆ น่ะเหรอ?」
เซ็นไดซังพูดโดยตายังคงจดจ่ออยู่กับหนังสือ
「เกมพวกนั้นไม่เล่นหรอก」
「เห เห็นมีมังงะรัก ๆ อยู่เยอะ เลยคิดว่าจะชอบแนวนั้นซะอีก」
ก็แค่ชอบมังงะแนวโรแมนซ์ใช่ว่าจะชอบเล่นเกมแนวเดียวกันสักหน่อย ถ้าจะเล่นเกมล่ะก็ ก็ต้องเป็นแนวสวมบทบาท แทนที่จะเล่นเป็นตัวเอง ฉันอยากเล่นเกมพวกที่ใช้ชีวิตเป็นคนอื่นมากกว่า
「ยังไงซะ ก็คงคิดว่าเล่นแต่พวกเกมเหมือนโอตาคุใช่ไหมล่ะ」
「ไม่ใช่งั้นเหรอ?」
เซ็นไดซังเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมาและหัวเราะอย่างขี้แกล้ง
ฉันไม่ได้ตอบอะไรและลุกขึ้นยืน
ถึงแม้อาจจะไม่ใช่ความตั้งใจของเธอ แต่เธอนั้นชอบทำตัวเหมือนกับว่าอยู่ในฐานะที่สูงกว่า ถ้าเป็นที่โรงเรียนก็ว่าไปอย่าง แต่ว่าที่นี่น่ะไม่ใช่ ท่าทางของเธอไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนัก
「ทำการบ้านภาษาอังกฤษให้หน่อยสิ」
ฉันหยิบหนังสือเรียนและชีทกระดาษออกมาวางบนโต๊ะ แต่เซ็นไดซังก็ยังคงนอนเล่นอยู่บนเตียงเช่นเดิม
「ขออ่านอันนี้จบก่อน」
「เดี๋ยวนี้เลย」
「มิยากิขี้งก」
พอพูดจบ เธอก็ลงมาฝั่งตรงข้ามฉันด้วยความไม่เต็มใจ จากนั้นก็หยิบชีทออกมาจากในกระเป๋าและเริ่มทำ
「ยังไงก็เป็นชื่อฉันอยู่แล้ว เขียนไปตรง ๆ เลยก็ได้แท้ ๆ」
「ก่อนหน้านี้เคยบอกไปแล้วนี่ ว่าถ้าเขียนด้วยลายมือฉันมันจะโดนจับได้เพราะงั้นไม่เอา」
「ก็ลอกลายมือเอาสิ」
「ในตอนที่ความแตก ฉันไม่อยากโดนครูโกรธใส่ด้วยหรอก แถมคำสั่งอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนถือว่าผิดกฎด้วย」
เรื่องที่ฉันและเซ็นไดซังมาพบกันหลังเลิกเรียน และทำอะไรด้วยกัน
สัญญาก็คือจะไม่สั่งอะไรที่ทำให้ถูกรู้เช่นนั้น
เพราะงั้น สิ่งที่เซ็นไดซังพูดมันก็ถูกแหละ แต่สำหรับเธอแล้วแค่เลียนแบบลายมือฉันคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
จะทำก็ทำได้แหละ แต่ไม่อยากทำ
คงจะอะไรประมาณนั้น
ฉันเอาดินสอกดจิ้มไปที่แก้มเซ็นไดซัง
「ว่าไง?」
「เลียหน่อย」
ต่อให้มองเซ็นไดซังตั้งใจทำไปมันก็น่าเบื่อจะตาย เลยหาอะไรทำฆ่าเวลา
เอาส่วนที่กดดินสอไปวางบนริมฝีปากของเธอที่เงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็ค่อย ๆ เลื่อนไปที่มุมปากของเธออย่างช้า ๆ ทันใดนั้น เซ็นไดซังก็เลียและกัดมันอย่างไม่ลังเล
「ไม่ค่อยชอบที่เธอทำแบบนั้นเลย」
ฉันเอาดินสอออกจากปากของเธอ
「หมายความว่าไงเหรอ?」
「ก็ที่ชอบทำอะไรเกินคำขอนั่นไง」
คำสั่งมีแค่ให้เลีย ไม่ใช่ให้กัด
สิ่งที่อยากให้ทำ มีแค่ให้เลียเท่านั้น
「เซ็นไดซังชอบโดนสั่งให้ทำนู่นทำนี่เหรอ? ดูรู้สึกเหมือนจะสนุกอยู่ด้วยสิ」
「เห็นเหมือนว่าฉันสนุกอยู่งั้นเหรอ?」
จะพูดว่าดูมีความสุขก็ไม่เชิง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีท่าทางว่าไม่ชอบเลยสักนิด
เซ็นไดซังนั้น จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยปฏิเสธคำสั่งของฉันเลยสักครั้ง
ถึงแม้นั่นจะเป็นสิ่งที่ฉันต้องการก็เถอะ แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงให้ในตอนนี้หรอก
「–ก็ทำให้ไม่เหมือนว่าเป็นแบบนั้นสิ」
ฉันยัดดินสอกดเข้าไปในปากเธออีกครั้ง จากนั้นเอาปุ่มกดดินสอไปกดที่ลิ้นและขูดฟันด้านบนของเธอ หลังจากทำเช่นนั้นก็เอาดินสอออกมา เซ็นไดซังก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่พอใจ
「ทำหน้าแบบนั้นแหละ」
ฉันไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้กับเพื่อนมาก่อน
แต่เพราะเซ็นไดซังไม่ใช่เพื่อนก็เลยคิดเรื่องแบบนี้ได้
「ว่าแล้วเชียว มิยากิเนี่ยโรคจิตชะมัด」
เซ็นไดซังพูดด้วยเสียงต่ำแบบที่ไม่มีทางจะได้ยินที่โรงเรียนจากนั้นก็พยายามแย่งดินสอไป แต่ฉันหลบได้และยิ้มตอบ
「ก็คงจะแบบนั้นแหละ」
เซ็นไดซังที่ไม่เคยทำหน้าตาไม่พอใจสักครั้งกำลังทำหน้าไม่พอใจให้เห็นอย่างชัดเจน
เซ็นไดซังที่เอาแต่ทำตัวเป็นคนดีได้หายไปแล้ว
เซ็นไดซังที่ไม่มีใครรู้ได้อยู่ที่นี่แล้ว
ฉันชอบช่วงเวลาแบบนี้มากจนทนแทบไม่ไหว
ฉันเอาปลายดินสอกดจิ้มลงบนหลังมือของเซ็นไดซัง
「มันอันตรายนะ」
เซ็นไดซังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงบึ้งตึง พอกดดินสอลงบนผิวของเธอแรงขนาดพอที่จะทำให้หักได้ เธอก็ร้อง 「มันเจ็บนะ」ออกมา
ฉันยกดินสอออกจากมือของเซ็นไดซัง หยิบทิชชู่ที่งอกมาจากหลังของจระเข้มา 1 แผ่นและเช็ดปุ่มกดดินสอที่เปียกอยู่
「นี่ เห็นว่าจะทำอาหารเย็นให้กินจริงเหรอ?」
ฉันยืนยันคำพูดที่เธอบอกในวันนั้นว่าจริงหรือเปล่า
「ไม่อยากกินใช่ไหมล่ะ」
เซ็นไดซังพูดอย่างเย็นชาและถอนหายใจเบา ๆ หลังจากที่สงบอารมณ์ลงแล้วเธอก็หลับตาลงครั้งนึงแล้วหันมามองฉัน
「แต่ว่า ถ้าเป็นคำสั่งก็จะทำให้แหละ」
เซ็นไดซังพูดอย่างเรียบ ๆ จากนั้นก็หันกลับไปเริ่มสะกดภาษาอังกฤษต่อ
ฉันจ่าย 5,000 เยน และมอบคำสั่งให้เธอทำ
แต่ว่า การที่บอกว่าจะทำอาหารเย็นให้นั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่ได้สั่ง
คำสั่งน่ะ เอาไว้ใช้กับอย่างอื่น
ฉันพยายามเขียนเลียนแบบลายมือสวย ๆ ของเธอลงบทชีท