เริงรักร้ายใต้ขอบทราย - ตอนที่ 20 ชีคคา /2
“อืม…เอลิยาห์ (Elijah) ข้าจะให้ฮันนี่ชื่อว่าเอลิยาห์” จาฟาร์บอกกับอุซตาซ ก่อนหันมาบอกพีรกานต์ “ต่อไปนี้ชื่อของเจ้าก็คือ เอลิยาห์…เอลิยาห์ที่รัก”
ต่อหน้าอุซตาซและผู้เฒ่า จาฟาร์ยังแกล้งบอกเสียงหวานให้ใจสาวเต้นระรัวอย่างน่าหยิก
“ท่านอุซตาซ ท่านจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะครบ 2 เดือน ข้าให้เวลาสอนเอลิยาห์วันละ 3 ชั่วโมง วันนี้ขอบคุณพวกท่านมากที่ช่วยเหลือข้า และยอมรับเอลิยาห์ ข้าเชื่อว่านางจะทำให้พวกท่านรักได้เหมือนที่ข้ารักนาง ท่านผู้เฒ่า…ข้าจะให้ทหารไปส่ง ส่วนท่านอุซตาซ เดี๋ยวข้าจะให้คนพาท่านไปพัก ขอบคุณพวกท่านอีกครั้ง”
ทุกคนลุกขึ้นและแยกย้ายกันกลับบ้าน มีแต่อุซตาซที่คนรับใช้มาพาไปพักที่ห้อง จาฟาร์สวมกอดเอลิยาห์ทันทีที่ทุกคนพ้นไปจากห้องโถง แม้วันนี้จะไม่ได้เป็นคนสถาปนาชีคคา แต่วันนี้ก็เป็นวันสำคัญในชีวิตของเอลิยาห์วันหนึ่ง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นส่งยิ้ม และจับมือใหญ่วางบนหน้าท้อง
“ลูกของเราคงดีใจ ที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี”
“ใช่ เอ้อ…หมอๆ ข้าต้องตามหมอ” จาฟาร์ผละจากร่างอุ่นทันทีที่นึกบางอย่างได้ เขาต้องตามหมอมาตรวจเอลิยาห์
“จาฟาร์คะ…จาฟาร์” เอลิยาห์เรียก เพราะเห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจจนทำอะไรไม่ถูกของคนรัก “ใจเย็นๆ สิคะที่รัก คุณร้อนรนเกินไปแล้วนะคะ ฉันไม่ได้หายไปไหนซะหน่อย ไม่ต้องรีบก็ได้”
“ไม่ได้” ความใจร้อนและตื่นเต้นทำให้จาฟาร์กล่าวเสียงห้าวห้วนอย่างลืมตัว ก่อนจะลดเสียงลงเมื่อรู้ตัวว่าอาจทำให้หญิงสาวตกใจ “เอ่อ…ขอโทษเถอะเอลิยาห์ที่รัก ข้า…คงตื่นเต้นเกินไปจริงๆ ตื่นเต้น…ที่อีกสองเดือนข้างหน้าข้าจะมีเจ้าเป็นชีคคาของข้า”
“ฮิ ฮิ ฉันก็ตื่นเต้นค่ะ เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าจากที่เคยเป็นรีเซฟชั่นในผับเล็กๆ จะกำลังเป็นชีคคาของนครบาร์ยาเนียอันยิ่งใหญ่”
จาฟาร์ก้มลงจูบปากนุ่มแสนหวานนั้นอย่างเต็มอารมณ์รัก
“เอลิยาห์…เจ้าต้องให้หมอตรวจให้เร็วที่สุด เพราะ…เมื่อคืนนี้…ข้าไม่แน่ใจว่าจะเป็นอันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า” ชีคหนุ่มกระซิบบอกแผ่วเบา แล้วปล่อยร่างบางออกก่อนจ้ำอ้าวออกไปบอกทหารองครักษ์ให้ไปตามหมอ
หมอชรารีบรุดมาตรวจร่างกายของเอลิยาห์อย่างละเอียด ในขณะที่ชีคหนุ่มเดินวนไปรอบๆ จนน่าปวดหัว แล้วเขาก็รู้สึกวิงเวียนจนร่างสูงเซแซดๆ ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ใบหน้าคมซีดเซียวแทบจะไร้สีเลือด แต่ก็ยังฝืนร่างลุกขึ้นยืนและสาวเท้าเข้ามาใกล้หมออย่างโสลเสล
“หมอ…เป็นยังไงบ้าง ทำไมตรวจนานจัง” ริมฝีปากที่ซีดขาวขยับเป็นคำถามอย่างคนใจร้อน
หมอชราเก็บเครื่องลงกระเป๋า ก่อนหันมายิ้มกว้างให้ร่างสูงที่ยืนรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“นางตั้งครรภ์ได้ 2 เดือนแล้วขอรับ เดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงครรภ์ให้ เอ่อ…มีอาการแพ้ท้องบ้างมั้ยขอรับ” ประโยคสุดท้ายหมอหันไปถามเอลิยาห์
“ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า เอลิยาห์เหม็นข้าจนไม่ให้ข้าเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้หายแล้ว แต่…” จาฟาร์ชะงักประโยคถัดไป แต่เอลิยาห์กลับเร่งเร้าให้ชีคหนุ่มบอก
“บอกหมอไปสิคะ ว่าคุณมีอาการยังไงบ้าง”
“หมอ…เอ่อ…ข้าเวียนหัวมาก แต่พอได้กินของเปรี้ยวๆ แล้วข้าก็รู้สึกดีขึ้น”
“เอ๊ะ…นี่อย่าบอกนะขอรับ ว่าท่านชีคแพ้ท้องแทน” หมอพูดดัก และต้องกลั้นหัวเราะแทบแย่ เมื่อเห็นสีหน้าอีหลักอีเหลื่อของจาฟาร์ ดวงตาภายใต้แว่นสายตาหนาเตอะของหมอ มองใบหน้าที่ซีดเผือดของชีคหนุ่มอย่างละเอียด “คงจะจริงสินะขอรับ ท่านถึงได้หน้าซีดเป็นไก่ต้มแบบนี้ ข้าว่าอาการของคนตั้งครรภ์ คงไม่หนักเท่าอาการของคนแพ้ท้องแทนแน่เลย หึ…หึ ถ้างั้น…ข้าจะจัดยาแก้คลื่นไส้อาเจียนให้ท่านชีคก็แล้วกันนะขอรับ”
“ไม่จำเป็น”
“จาฟาร์คะ อย่าดื้อสิคะ” แม้จะฟังการสนทนาระหว่างจาฟาร์และหมอชราไม่ออก แต่ท่าทีดื้อดึงนั้นทำให้เอลิยาห์รู้ทันทีว่าจาฟาร์กำลังปฏิเสธการรักษาจากหมอ
เมื่อถูกคนรักห้ามปราม ชีคหนุ่มจึงยอมพยักหน้าให้หมอ ด้วยสีหน้าบึ้งตึงระคนอับอาย รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นว่าเหยี่ยวทะเลทรายกำลังแพ้ท้องแทนเมีย แถมยังถูกหมอจัดยาแก้อาเจียนให้อีกด้วย
“หมอขอตัวก่อนนะขอรับ ยังมีคนไข้รอการรักษาอีก” หมอชราบอก ก่อนจะหิ้วกระเป๋าที่มีทั้งเครื่องมือแพทย์และยารักษาอยู่เต็มใบเดินออกไป
“เอลิยาห์ที่รัก เจ้าท้องจริงๆ ด้วย ข้าดีใจที่สุดเลย”
เอลิยาห์หัวสั่นหัวคลอน เมื่อถูกร่างหนากอดและเขย่าแรงๆ แต่คนที่รู้สึกเวียนหัวกลับเป็นจาฟาร์ เขาปล่อยมือออก และเอนกายลงนอนหงาย ใบหน้าซีดเซียวนั้นบ่งบอกว่ากำลังเซ็งจัด
“พักผ่อนเถอะค่ะ อาการคุณแย่มาก เดี๋ยวฉันจะออกไปบอกให้องครักษ์ฮันนานหาคนออกไปเก็บมะกอกมาให้นะคะ คุณจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง”
“อืม…ขอบใจนะที่รัก” จาฟาร์บอก ก่อนหลับตาลงเพราะเพดานห้องที่มองเห็นนั้นหมุนติ้วๆ เป็นลูกข่าง
เอลิยาห์ลุกขึ้นและเดินออกไปหาฮันนาน ก่อนบอกความประสงค์ให้ฮันนานได้รู้
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เอลิยาห์ก็ตั้งใจร่ำเรียนศาสนากับอุซตาซ และนักเรียนหัวไวที่มีสมาธิสูงความจำดีเยี่ยม ก็ทำให้อุซตาซประทับใจในตัวเธอ แม้เอลิยาห์จะเป็นมุอัลลัฟ* แต่เธอก็ตั้งใจเรียนรู้และศึกษามากกว่าคนบางคนในศาสนาเสียอีก ยิ่งเวลาผ่านไปนานเป็นเดือน อุซตาซก็ยิ่งชื่นชมในความมุมานะของเอลิยาห์ หญิงสาวสามารถปฏิบัติการละหมาดได้แล้ว ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าคนที่ไม่รู้เรื่องนี้เลย และยังต้องใช้วิธีการท่องจำดุอา**ต่างๆ แต่เอลิยาห์ทำได้