เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) - ตอนที่ 46 เจอเจ้าแล้ว
เมื่อมองไปที่มังกรเพลิงซึ่งลอยค้างอยู่ในกบางอากาศ สามพี่น้องตระกูลไป๋ก็กลายร่างกลับมายังร่างเดิมของพวกมันทันที ความคิดเดิมที่อยากจะสังหารคู่ต่อสู้ทิ้ง กลับกลายเป็นความเสียใจในภายหลังกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในที่สุดพวกมันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมบรรพบุรุษถึงเตือนพวกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เทพเจ้ามังกรจำแลงตัวจริงคือศัตรูตัวฉกาจของวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมด และจะต้องถูกทำลายให้สิ้นซากก่อนเพื่อชะลอการตั้งครรภ์ของมัน
เพราะในเวลานี้ พวกมันพบว่าพลังเวทที่เหลืออยู่บางส่วนกำลังทำงานได้ไม่เต็มที่ และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวบรวมพลังงานรอบข้างเพื่อร่ายคาถา ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งร่างภายใต้พลังของเทพมังกรจำแลง และดูเหมือนว่าสนามรบแห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับพลังเวทไปแล้ว บางทีสัตว์ประหลาดในระดับมหากาฬอาจจะสามารถเสกคาถาออกไปได้บ้าง แต่พวกมันทำไม่ได้
บางที หากพลังเวทของพวกมันถึงจุดสูงสุด พวกมันอาจใช้พลังเวทย์ที่เหลือในร่างกายมาร่ายคาถาและยับยั้งคู่ต่อสู้ได้ถึงหนึ่งหรือสองรอบ แต่ตอนนี้พลังในร่างกลับลวดฮวบ ไม่สามารถต้านทานพลังของอีกฝ่ายได้เลยสักนิด
ไม่นานหลังจากมังกรเพลิงปรากฏกายขึ้น ลมหายใจของมันก็ลุกโชติช่วง พร้อมพุ่งเข้าใส่หนูยักษ์ทั้งสามทันทีทันใดนั้น หนูยักษ์ผู้น้องทั้งสองก็เข้ามาขวางหน้าหนูยักษ์พี่ใหญ่โดยเร็ว
“พี่ใหญ่ เมื่อไหร่ถึงจะสามารถควบคุมร่างกายของเราได้?” เสียงของหนูยักษ์ผู้น้องทั้งสองเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก รวมถึงความโกรธเล็กน้อย
ด้านหนูพี่ใหญ่ มันสูดเอาลมหายใจมังกรเพลิงเข้าไปเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทั้งร่างก็พลันสั่นสะท้าน รีบปราดออกไปจากสนามรบเบื้องหน้า…
ในพริบตา หนูผู้น้องทั้งสองก็ต้องสิ้นลมหายใจอยู่ที่ตรงนั้น
ฟางหนิงเอ่ยขึ้น “ไม่คิดเลยว่าจะหนีรอดไปได้ตัวหนึ่ง”
ระบบตอบกลับ “หนูตัวที่ใหญ่ที่สุดตัวนั้นหนีไปแล้ว”
ฟางหนิงถาม “แกจะไล่ตามไปไหม”
ระบบตอบกลับ “ระบบไม่เห็นมันบนแผนที่…”
ฟางหนิงพูดต่อ “แผนที่ระบบครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเมืองฉี มันไม่น่าจะหลุดออกไปจากแผนที่หรอก”
ระบบตอบกลับ “บางทีมันอาจมีคุณสมบัติบางอย่างที่สามารถปิดกั้นการตรวจจับของแผนที่ได้ ในอดีต พวกมันก็ไม่ปรากฏในแผนที่ระบบ จนกระทั่งมันปรากฏต่อหน้าเรา และสีแดงที่เป็นตัวแทนของพวกมันนั้นแตกต่างจากแมงมุมยักษ์เมื่อคราวที่แล้ว ทันทีที่มันปรากฏตัว เราสามารถมองเห็นมันได้จากระยะไกลอย่างชัดเจน”
ฟางหนิงครุ่นคิด “ไม่แปลก ขนาดคนของสำนักสัจธรรมยังมองไม่เห็นร่างจริงของพวกมัน แต่ถ้าแกพูดแบบนี้ มันก็จะหนีไปได้อย่างนั้นหรือ น่าหงุดหงิดจริงๆ พวกเราหาวิธีกันก่อนเถอะ ใช่แล้ว ในตอนนั้นมันวิ่งหนีไปทางไหนนะ”
ระบบกำลังระบุทิศทางบนแผนที่ หลังจากที่ฟางหนิงพินิจพิจารณาอยู่สักพัก ฉับพลันดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย “กลับร่างเป็นมังกรกันเถอะ แล้วไล่ตามทิศนั้นไป ไม่แน่บางทีแกอาจเคยเจอมันแล้วก็ได้…”
…
ในคืนนี้คุณนายจ้าวนอนไม่หลับ ลมหายใจของมังกรตัวจริงปรากฏขึ้นอีกครั้ง และเสียงคำรามของมันก็ดังขึ้นในความเงียบ เสียงเหล่านี้รบกวนเธอมาก ทำให้เธอไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด การปรากฏตัวต่างไปจากครั้งที่แล้ว ในครั้งนี้สถานที่ที่ลมหายใจของมังกรปรากฏขึ้นนั้นอยู่ในป่าห่างออกไปไกลจากคฤหาสน์ของเธอ แต่การยับยั้งของสายเลือดตามธรรมชาติยังคงทำให้คุณนายจ้าวรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว
เธอทราบข่าวผ่านหน่วยข่าวกรองว่า ครั้งที่แล้วที่เธอเรียกเทพมังกรจำแลงออกมา คนผู้นั้นคืออัศวิน A ผู้โด่งดังในเมืองฉี ในตอนนั้นเธอโล่งใจมาก เพราะด้วยรูปแบบพฤติกรรมของอีกฝ่าย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหาครอบครัวของพวกเธอเจอ
คุณนายจ้าวเหลือบมองสามีของตนเองที่หลับไปราวกับหมูที่นอนตายด้วยความอิจฉาเล็กน้อย จากนั้นจึงลุกขึ้นแต่งตัว แล้วเดินออกไปข้างนอก
หลังจากเดินสำรวจในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่แล้ว เธอไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ อีก แต่แล้วในขณะที่กำลังจะก้าวขากลับไปทางห้องนอนอีกรอบ เธอก็สัมผัสได้ถึงจังหวะลมหายใจที่ทำให้หัวใจของตนสั่นระรัว
ลมหายใจนั้นแผ่วเบา เลือนราาง คล้ายกำลังหลบซ่อน หากไม่ทันสังเกตคงไม่รู้สึก แต่บางทีอาจเพราะความระแวดระวังตัวในสัญชาตญาณ คุณนายจ้าวจึงสัมผัสมันได้ ว่าลมหายใจนี้เป็นของหนึ่งในศัตรูเก่าของเธอ มันทั้งแปลกประหลาด ทรงพลัง และน่ากลัว เผยให้เห็นจุดอ่อนอันบางอย่าง และอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ตระกูลจ้าว เมื่อสังเกตจากทิศทางของลมหายใจ มันกำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของเธอในแถบชานเมือง
แต่ว่า ยังมีอีกหนึ่งลมหายใจที่คุณนายจ้าวรู้สึกคุ้นเคยมากกว่า แม้ระยะทางจะห่างไกลมาก แต่กลับรับรู้ได้อย่างชัดเจน ลมหายใจที่มีพลังนั้นคือลมหายใจของมังกรที่เธอสัมผัสได้ในคืนนี้ กำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง
ใบหน้าของเธอพลันแปรเปลี่ยน นึกย้อนกลับไปยังบ้านเล็กๆ ที่ตนเคยอาศัย เท่านั้นความคิดบางอย่างก็วาบผ่านัยน์ตา คุณนายจ้าวออกวิ่งไปทางลมหายใจแผ่วเบานั้น ไม่หันกลับมามองด้านหลังเลยสักแวบเดียว
…
ตอนนี้ หนูยักษ์กำลังเผชิญหน้ากับงูหลามสีขาวขนาดใหญ่
“ไปให้พ้น ไอ้เจ้างูบ้า ถ้าไม่ใช่เพราะร่างเดิมของข้าบาดเจ็บ ข้าคงกลืนเจ้าภายในคำเดียวไปแล้ว!” หนูยักษ์หน้าตาน่าเกลียดตะโกนออกมาอย่างดุร้าย มันคือไป๋รั่วซวงในสามสาวพี่น้อง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ การสังเวยน้องสาวทั้งสองคน ทำให้มันรอดพ้นจากการโจมตีของมังกรเพลิง
สิ่งเดียวที่ทำให้มันโชคดี นั่นก็คือสมบัติที่บรรพบุรุษมอบให้นั้นทรงพลังจริงๆ หลังจากหลบหนีไปได้ระยะหนึ่ง และโดนมังกรเพลิงไล่ล่าอย่างไม่ลดละ มันก็สามารถหนีพ้นอีกฝ่ายได้
มันต้องการรักษาบาดแผลเร่งด่วน และบางอย่างในคฤหาสน์ที่อยู่ไม่ไกลออกไป สามารถช่วยรักษาบาดแผลนี้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้น หากปล่อยทิ้งไว้ ลมหายใจของมังกรเพลิงก็จะค่อยๆ พรากลมหายใจออกไปจากมัน
ดังนั้นหนูพี่ใหญ่ตัวนี้จึงไม่มีทางหนีไปอื่นแล้ว สถานที่แห่งนี้ห่างออกมาจากสนามรบค่อนข้างมาก และมีความเป็นไปได้ว่ามังกรเพลิงจะไม่สามารถหามันเจอได้ง่ายๆ
แต่เมื่อมันวิ่งเข้ามาใกล้กับคฤหาสน์ งูหลามสีขาวตัวนี้ก็มาขวางทางเอาไว้
ถ้าหากมันไม่ได้รับบาดเจ็บล่ะก็…มันคงกลืนงูตัวนี้ลงท้องไปแล้ว แต่ตอนนี้ มันหาไรได้มีพลังเวทไม่ มันไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ลมหายใจก็รวยริน ยากจะต่อกรอีกฝ่ายได้
มันเลยหวังว่าจะใช้การยับยั้งตัวเองเพื่อทำให้งูหนีไป แต่เห็นได้ชัดว่าความหวังริบหรี่เหลือเกิน
งูหลามสีขาวตัวนี้ขดเป็นวงกลมแน่น หัวขนาดใหญ่ และดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นกำลังจับจ้องทุกการเคบื่อนไหวของศัตรูตรงหน้า
จากสัญชาตญาณของสัตว์ หนูยักษ์มั่นใจมากว่า หากมันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าสักนิดเดียว งูหลามสีขาวก็พร้อมจะโจมตีมันโดยไม่ลังเล!
“ออกไปจากที่นี่ซะ ยิ่งไกลยิ่งดี ข้าไม่สนว่าเจ้าจะกินกี่คนไปกี่คนเพื่อประทังชีวิต แต่มนุษย์ที่นี่ เจ้าไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรเขา!” งูหลามสีขาวพูดเสียงกร้าว
หนูยักษ์เย้ยหยัน “หึ ดูเหมือนว่าข้างในจะมีมนุษย์อย่างที่เจ้าพูดจริงๆ สินะ? ไร้สาระ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นปีศาจ ทำไมถึงต้องปกป้องมนุษย์ด้วยล่ะ? ข้าแค่บาดเจ็บและไม่อยากต่อสู้กับเจ้าแล้ว ไม่อย่างนั้น ข้าจะใช้เจ้าเพื่อยื้อชีวิตแทน ออกไปให้พ้นทางข้าเดี๋ยวนี้”
คำพูดของหนูยักษ์คล้ายกับเป็นการสะกิดต่อมโมโหของงูขาว มันส่งเสียงขู่ฟ่อต่ำๆ ออกมา “ข้าไม่ใช่ปีศาจ! ข้าเป็นมนุษย์ นี่เป็นเพียงร่างที่เปลี่ยนไปของข้า!”
หนูยักษ์ตอบกลับ “เจ้ามันโง่ โง่ที่หลอกตัวเอง! ตอนนี้พลังชีวิตเพิ่งฟื้นตัว มนุษย์น่ะ ไม่สามารถจะแยกแยะความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์ประหลาดได้ง่ายๆ หรอก แต่พอผ่านไปสักพัก พวกมันก็สามารถทำได้เหมือนกัน แล้วเจ้าก็จะตายด้วยน้ำมือของคนที่เจ้าปกป้อง!”
งูขาวไม่หวั่นไหวกับคำพูดของหนูยักษ์ มันยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าหนูยักษ์อยากจะหนีไปให้ไกล แต่ก็ไร้ประโยชน์
หนูยักษ์รู้เรื่องนี้ดี ในการต่อสู้ระหว่างศัตรูตามธรรมชาติ พวกมันต้องไม่ทิ้งความหลังไว้ให้กัน ดังนั้นพวกมันจึงไม่มีความคิดที่จะโจมตีคฤหาสน์
หนูยักษ์เริ่มสงบสติอารมณ์ อย่างไรก็ตาม มังกรเพลิงหายไปแล้ว เช่นนั้นก็หาวิธีจัดการกับงูขาวตรงหน้าให้ได้ก่อนแล้วกัน!
มันมั่นใจว่า แม้งูขาวตรงหน้าจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์แลล แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้กลืนกินมนุษย์ เพระฉะนั้นพลังเวทย่อมอ่อนแอกว่าร่างเดิมของมันมาก แม้แต่ตอนนี้ ก็ยังไม่มากไปกว่าพลังเวทที่หลงเหลือ
ในแง่ของประสบการณ์การต่อสู้ งูขาวตัวนี้ไร้กลิ่นเลือด ถึงมีก็ไม่มากนัก เกรงว่าอาจจะไม่ดีเท่าเมื่อเทียบกับงูป่าที่เป็นญาติของมัน และเมื่อเทียบกับหนูยักษ์ก็ยิ่งแตกต่างกันมากขึ้น
หนูยักษ์ตัดสินใจ ค้อมตัวลงในท่าเตรียมโจมตี
งูหลามสีขาวก็สังเกตเห็นท่าทางนี้เช่นกัน ร่างกายของมันพลันเกร็งขึ้น เป็นเวลานานมากแล้วที่มันไม่ได้ต่อสู้จริงๆ และมีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่มันได้รับชัยชนะ อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่มันได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง
ทันใดนั้น งูหลามสีขาวก็เห็นแสงวาบปรากฏขึ้น มันเบี่ยงศีรษะหลบตามสัญชาตญาณ หากแต่กรงเล็บแหลมคมก็ตะปบเข้าที่คอของมันแล้ว
ไม่คิดมาก่อนเลยว่า ผลแพ้ชนะจะถูกตัดสินเร็วเช่นนี้ คอของมันครึ่งหนึ่งถูกผ่าออก! เผยให้เห็นกระดูกสันหลังส่วนคอของมัน! เลือดสาดกระเซ็น!
ความเจ็บปวดก่อตัวขึ้นทันที มันไม่สามารถทรงตัวเอาไว้ได้อีก มันสูญเสียอาวุธที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการโจมตีไปแล้ว!
งูหลามสีขาวไม่คิดเลยว่าเกล็ดของมันที่แข็งแกร่งมากจนแม้แต่กระสุนก็ทะลุเข้าไปไม่ได้ จะเปราะบางเมื่ออยู่ภายใต้กรงเล็บของศัตรูเก่า!
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแอบคิดว่าเจ้าจะแข็งแกร่งและมีแรงต่อสู้มากกว่านี้เสียอีก ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะอ่อนแอขนาดนี้ ข้าถูกรูปลักษณ์ของเจ้าทำให้กลัวไปเองแท้ๆ! น่าเสียดาย ถ้าไม่ใช่เพราะเกล็ดของเจ้าแข็งไปหน่อย เมื่อกี้นี่น่าจะตัดหัวเจ้าทิ้งได้” หนูยักษ์ภูมิใจ ทันใดนั้นมันก็พบว่าดูเหมือนว่าจะสามารถใช้บางอย่างมาสมานแผลของตนได้ วิธีนี้ทำให้อาการบาดเจ็บไม่ทิ้งร่องรอยไว้
งูหลาวสีขาวเจ็บปวดจนไม่สามารถโต้ตอบได้ แต่มันยังคงขดตัวแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลบหนี
“ดีเลย หลังจากกินเจ้าแล้ว ข้าก็จะไปกินสิ่งที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ต่อ อาการบาดเจ็บของข้าจะหายสนิท มังกรเวรนั่น ข้าจะไม่ปล่อยมันไว้แน่!” หนูยักษ์ตวาดดังลั่น
“ข้าไม่ ให้เจ้าผ่าน…” งูหลามสีขาวเอ่ยเสียงติดขัด มันยกหางขึ้นเล็กน้อย พร้อมจะใช้กระบวนท่าอื่น ตราบใดที่อีกฝ่ายจะเข้ามากินมัน มันก็จะใช้หางรัดอีกฝ่ายไว้ พร้อมพินาศไปด้วยกัน
“หึหึ เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว” เจ้าหนูยักษ์จะไม่รู้กลอุบายอันเป็นเอกลักษณ์ของศัตรูตัวเก่าได้อย่างไร มันโค้งตัว พร้อมที่จะโจมตีศัตรูอีกครั้ง
งูหลามขาวเองก็พร้อมที่จะต่อสู้
ทันใดนั้น ได้ยินลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังเข้ามา
“เป็นไปได้ยังไง มันหาข้าเจอเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? นี่มันเป็นไปไม่ได้!” หนูยักษ์ตื่นตระหนกและละความสนใจจากสถานการณ์ตรงหน้าทันที
“ไปให้พ้น เจ้างูสารเลว ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าและหาทางออกไปให้ได้” ไม่มีเวลาตามฆ่างูตัวนี้อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าพลังชีวิตของงูตัวนี้จะอ่อนแรงมาก และสามารถสังหารได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ต้องใช้เวลา อีกอย่างศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้นแล้วอีกครั้ง
หากแต่งูหลามขาวยังคงไม่ขยับ มันหลีกทางให้ไม่ได้
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร? เจ้าควรจะรู้สึกถึงมัน! นั่นคือเทพมังกรตัวจริง ศัตรูของปีศาจทั้งหมด! เจ้าคิดว่าถึงเจ้าจะไม่เคยกินคน แล้วมันจะปล่อยเจ้าไปหรือ? หากเจ้าตายด้วน้ำมือของข้า เจ้ายังสามารถเกิดใหม่ได้ แต่หากเจ้าตายด้วยน้ำมือของมัน วิญญาณของเจ้าก็จะแหลกสลาย!”
“ต่อให้วิญญาณต้องสลาย ข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าเข้าไปแตะต้องพวกเขา เจ้าไปจากที่นี่เพื่อข้าเถอะ…”
เมื่อกี้นี้ เจ้าหนูยักษ์ได้ใช้กำลังทั้งหมดของร่างกายแล้ว อาการบาดเจ็บจึงรุนแรงขึ้นกว่าเดิม มันต้องกินคนที่อยู่ข้างในให้ได้ แล้วมันจะหลีกทางได้อย่างไรกัน?
“เจ้าบังคับจ้า ข้าปล่อยเจ้าไปแล้ว แต่เจ้าต่างหากที่รนหาที่ตาย!”
หนูยักษ์เดือดดาลมันกระโจนเข้าหางูหลามสีขาวอีกรอบ แต่แล้ว นันย?ช์ตาสีแดงเลือดของงูหลามขาวกลับสะท้อนเงาร่างน่าหวาดหวั่นออกมา ร่างของมันแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นทันที…
“เจอเจ้าแล้ว…” นี่เป็นคำสุดท้ายที่มันได้ยิน
………………………………………………