เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 74
อังเดรแทบจะกระโดดลงมาจากรถเมื่อมันมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ของตัวเอง ชายวัยกลางคนแทบจะวิ่งเข้าไปภายในตึก สายตากวาดมองหาบุคคลเป้าหมายอย่างร้อนรน เขาจะต้องเค้นคอมันให้สำรอกความจริงออกมาให้ได้
“เบรท ไอ้ยอดชายระยำมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!” ตะคอกถามคนขับรถที่เดินสวนออกมาเสียงดุกระด้างน่ากลัว
“เห็นกำลังเก็บข้าวเก็บของอยู่ในห้องพักน่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน”
“แกตามฉันมา”
ใบหน้าของอังเดรเหี้ยมเกรียมขึ้นกว่าเดิมมากนัก เขารีบก้าวยาวๆ มุ่งหน้าไปยังห้องพักของยอดชายทันที และเมื่อมาถึง เขาก็เลือกที่จะพังประตูเข้าไป
“จะไปไหนหรือยอดชาย”
“นาย!”
เสื้อผ้าในมือร่วงหล่นสู่พื้นห้องด้วยความตกใจสุดขีด
อังเดรแสยะยิ้มร้ายกาจ เดินเข้าไปหายอดชายที่ตัวสั่นเทาด้วยท่าทางคุกคาม
“ฉันถามว่าแกจะไปไหนไง หูแตกหรือไง!”
“ผม…ผมจะไปหายาหยีครับ ผมคิดถึงลูก”
ความหวาดกลัวทำให้น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกไปแต่ละคำมันช่างตะกุกตะกักเสียเหลือเกิน
“รู้หรือว่าตอนนี้ลูกสาวอยู่ที่ไหน”
อังเดรเค้นเสียงเลือดเย็นออกมา ขณะจ้องมองยอดชายด้วยสายตาเดือดดาลสุดขีด
“ผม…”
“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!”
และในที่สุดอังเดรก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป ยื่นมือเข้ามากระชากคอเสื้อของยอดชายให้เข้าไปเผชิญหน้า จากนั้นก็ฟาดกำปั้นเข้าใส่หน้าหลายทีติดกันจนเลือดทะลักออกมาทั้งทางปากและจมูก
“นาย…อย่าทำผมเลยครับ”
“แกทรยศฉัน!”
“ผมไม่ได้ทรยศนายนะครับ ผมจงรัก…โอ๊ย!” ถูกต่อยเข้าอีกที่กลางปากกลางจมูกจนแทบสิ้นสติ
“ถ้าแกภักดีกับฉันจริงๆ เพชรสีทองก็ไม่มีวันเป็นของปลอมไปได้ แกมันไอ้คนทรยศ ไอ้คนอกตัญญู แกไม่เคยจริงใจกับใครเลย แม้แต่ฉันคนที่เคยช่วยชีวิตแกเอาไว้ ไอ้คนระยำ!”
อังเดรผลักให้ยอดชายล้มลงไปนอนกับพื้น จากนั้นก็พยักหน้าให้ลูกน้องสองสามคนที่พึ่งเดินตามมาสมทบเข้ามาประเคนหมัดและเท้าให้กับคนทรยศจนอีกฝ่ายหมดสติไปนั่นแหละถึงจะบอกให้คนของตัวเองหยุด
“พอก่อน เดี๋ยวมันตาย…”
“ให้ผมลากมันไปไว้กลางถนนไหมครับ รถจะได้เหยียบมันให้เละ”
เบรทพูดขึ้นอย่างเอาใจเจ้านาย แต่อังเดรส่ายหน้าพร้อมกับแสยะยิ้มเลือดเย็น
“มันจะตายได้ก็ต่อเมื่อฉันรู้ความจริงเรื่องเพชรสีทองก่อน ไปเอาน้ำมาราดให้มันฟื้น เร็วเข้า!”
“ครับนาย”
ลูกน้องร่างใหญ่วิ่งออกไป ไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมกับกระป๋องใบย่อมที่ใส่น้ำมาเกือบเต็ม อังเดรแสยะยิ้มก่อนจะส่งสัญญาณให้สาดน้ำใส่ร่างของยอดชาย และมันก็ได้ผลคนที่นอนสลบไสลอยู่รู้สึกตัวขึ้นมาในทันที
“บอกมาว่าแกเอาเพชรสีทองของจริงไปไว้ที่ไหน”
“นายครับ ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ไม่รู้จริงๆ”
“ไม่รู้เหรอ นี่ไงไม่รู้”
อังเดรเตะเสยปลายคางของยอดชายเต็มแรง จนร่างของยอดชายหงายหลังตึงลงกับพื้น ก่อนที่จะตามมาเหยียบที่ยอดอกเอาไว้อย่างเหี้ยมโหด
“ถ้าแกไม่บอก ฉันจะตัดหูของแกส่งไปให้นังเด็กยาหยีเดี๋ยวนี้แหละ และเมื่อมันมา ฉันก็จะให้คนของฉันรุมโทรมมันให้ขาดใจตาย เลือกเอานะยอดชาย ว่าจะตัดสินใจยังไง”
“ไม่นะครับ ผมไม่รู้เรื่อง อย่าทำผม อย่าทำลูกสาวผมเลย”
“แกนึกว่าฉันโง่หรือไง ฉันไปดูกล้องวงจรปิดที่ธนาคารมาแล้ว เมื่อวานแกไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งครั้ง และแน่นอนว่าแกจะต้องเปลี่ยนเอาเพชรสีทองของจริงออกไป”
“ผม…”
คำพูดของอังเดรทำให้ยอดชายถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว ตอนแรกเขาไม่สนใจว่าอังเดรจะรู้หรือเปล่าเพราะเขากำลังจะหนีไปซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ซีร์ยานอฟของคอร์เนล แต่สุดท้ายก็ไปไม่ทัน ไม่คิดว่าอังเดรจะรู้ว่าเพชรเม็ดนั้นเป็นของปลอมเร็วขนาดนี้
“บอกมายอดชาย แล้วฉันจะไว้ชีวิตนายและลูกสาว”
“นายทำอะไรยาหยีไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้ลูกสาวของผมเป็นคุณผู้หญิงของซีร์ยานอฟไปแล้ว และนายน้อยคอร์เนลไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายเมียของตัวเองได้อย่างแน่นอน”
อังเดรยิ้มเย็น หรี่ตามองยอดชายด้วยสายตาเหี้ยมโหด
“นี่คือข้อแลกเปลี่ยนสำหรับการคืนเพชรสีทองให้กับไอ้คอร์เนลใช่ไหม”
“ผมไม่มีทางเลือก ผมรักยาหยี…ผมต้องทำ”
“คิดว่าฉันจะยอมแพ้ง่ายๆ หรือไงยอดชาย ฉันเชื่อว่าลูกสาวของแกก็ต้องรักแกมากเช่นกัน และฉันก็จะใช้ความรักนี่แหละล่อให้นังเด็กนั่นมาหาฉันพร้อมกับเพชรสีทองของจริง”
“ไม่นะ! อย่าทำอย่างนั้นนะครับนาย อย่าทำแบบนั้น”
ยอดชายร้องห้ามเสียงตื่นตกใจ เพราะมั่นใจว่าหากยาหยีรู้ว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย หล่อนจะต้องมาช่วยแน่นอน แต่เขาไม่ต้องการ ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้
“เฮ้ย! แกเป็นคนยืนถ่ายคลิปไว้นะ ส่วนพวกแกที่เหลือเข้าไปอัดมันให้เละ นังเด็กนั่นมันเห็นจะได้รีบวิ่งมาหาฉัน”
“อย่า…โอ๊ย!”
ยอดชายร้องอุทธรณ์ได้เพียงแค่นั้นก็ถูกทั้งมือทั้งเท้าที่นับจำนวนไม่ได้ระดมเข้าใส่ร่างของตัวเองด้วยความอำมหิต ใบหน้าโชกเลือด ขณะที่ตามลำตัวบอบช้ำอย่างหนัก เขาพยายามกัดฟันอดทนแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทนรับกับความป่าเถื่อนนั้นได้อีก จนในที่สุดก็สติสัมปชัญญะดับวูบไป แต่กระนั้นเสียงหัวเราะของอังเดรก็ยังดังก้องอยู่ในหูตลอดเวลา
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องเบาๆ ทำให้ร่างสองร่างที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงกว้างหยุดการเคลื่อนไหวลงชั่วขณะ คอร์เนลกัดฟันตะคอกถามออกไปด้วยความไม่พอใจ
“มีอะไร?”
“คุณอังเดรมาขอพบนายน้อยค่ะ”
เสียงของเชอรี่สั่นเทาจนยาหยีที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของคอร์เนลอดสงสารไม่ได้
“อย่าดุนักสิคะ เดี๋ยวเชอรี่หัวใจวายกันพอดี”
ยิ้มประจบประแจงกับผู้ชายที่กำลังหน้าบูดหน้าบึ้งกิริยาคล้ายคลึงกับเด็กชายที่ถูกขัดอกขัดใจ เขาปรายตาลงมองหน้าหล่อน
“ก็ใครใช้ให้หล่อนมาขัดจังหวะของเราล่ะ ไม่เอา ผมไม่ยอม…ยังไงก็จะต่อสิ่งที่ทำไว้ให้จบ”
พ่อคนตัวโตทำท่าจะก้มลงมาดูดดื่มปลายถันสีกุหลาบของหล่อนอีกครั้ง หญิงสาวจึงต้องใช้มือบางดันแผงอกเอาไว้เต็มแรง
“อาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้นะคะ”
อยากจะบอกเรื่องวันนั้นให้กับคอร์เนลฟังเหลือเกิน แต่ก็กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ ดังนั้นหล่อนจึงทำได้แต่เก็บเงียบเอาไว้ในอก
“คนอย่างอาอังเดรไม่มีเรื่องด่วนอะไรหรอก นอกจากมาหาเรื่อง…”
“แต่เราก็ควรจะรู้ว่าเขามาเรื่องอะไร นะคะคอร์เนล เรามีเวลาทำกันทั้งคืนอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มมองสาวน้อยใต้ร่างที่หน้าแดงระเรื่อด้วยความขัดใจ ก่อนจะผลุนผลันลุกขึ้นนั่งและตะโกนบอกเชอรี่ที่ยืนรอคำสั่งอยู่นอกห้องเสียงดัง
“ไปบอกอาอังเดรให้ไปรอฉันที่ห้องรับแขก อีกสิบนาทีจะลงไปพบ”
“ค่ะนายน้อย”
เสียงฝีเท้าของเชอรี่เงียบไปแล้ว ยาหยีจึงลุกขึ้นนั่งและโอบแขนรอบเรือนกายทรงพลังของสามีเอาไว้แน่น ฝังริมฝีปากลงตามต้นแขนกำยำอย่างสนิทเสน่หา
“อย่าทำหน้าแบบนี้สิคะ”
คอร์เนลถอนใจออกมา หรี่ตาแคบจ้องหน้าภรรยาด้วยสายตาอ่อนโยน
“ก็ผมอยากนอนกอดคุณนี่ ไม่อยากลุกไปแบบนี้เลย”
“อย่างอแงสิคะ”
“ไม่งอแงก็ได้ทูนหัว แต่ต้องสัญญานะว่าจะให้รางวัลผมทั้งคืน”
ยาหยีพยักหน้าน้อยๆ ด้วยความเอียงอาย คอร์เนลก้มลงจูบแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะกัดฟันลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ และเพียงไม่นานร่างกายสมบูรณ์แบบดุจบุรุษชาตินักรบก็ก้าวออกมา เขาเดินตรงดิ่งไปที่ดูเสื้อผ้า ก้มๆ เงยๆ อยู่สองสามอึดใหญ่ก็เดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อนในชุดหล่อบาดจิต
เสื้อเชิ้ตสีเขียวสีเดียวกับดวงตาของคอร์เนลเลย เขาอยู่ในชุดนี้แล้วดูหล่อเหลายิ่งกว่าเทพบุตรกรีกในเทพนิยายโรมันซะอีก
คอร์เนลฉวยโอกาสที่ยาหยีกำลังจ้องมองเขาด้วยความชื่นชมก้มลงมาหอมแก้มนวลแรงๆ แล้วดีดกายออกห่างอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวผมขึ้นมานะทูนหัว”
เมื่อคนตัวโตหายออกไปจากห้องนอนแล้ว หญิงสาวก็ก้าวลงจากเตียงทันที หล่อนไม่คิดจะไว้ใจคนอย่างอังเดรแม้แต่นิดเดียว ผู้ชายคนนี้เป็นตัวอันตรายสำหรับคอร์เนล หล่อนยังจำคำพูดของอังเดรที่พูดใส่หน้าหล่อนเมื่อหลายวันก่อนได้เป็นอย่างดี
“ฉันไม่ทำอะไรพ่อของเธอหรอกน่า หากเธอร่วมมือกับฉันทำลายไอ้คอร์เนล…ทำลายมันให้สิ้นซาก!”
ความคิดนี้ทำให้หญิงสาวต้องรีบแต่งกายมือไม้เป็นระวิง จากนั้นก็รีบวิ่งตามคอร์เนลลงไปยังห้องรับแขกที่มีอังเดรนั่งรออยู่อย่างรวดเร็ว