เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 20
“กุญแจรถ?” เสียงเข้มทุ้มหูของคอร์เนลทำให้เซอร์เกถึงกับเบิกตากว้างด้วยความแปลกประหลาดใจ เพราะร้อยวันพันปีนายน้อยของเขาไม่เคยที่จะขับรถเองเลยสักครั้ง แล้วโดยเฉพาะในเมืองไทยที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ด้วย
“นายน้อยจะไปไหนหรือครับ”
“ฉันต้องตอบด้วยหรือว่าจะไปไหน บอกให้เอากุญแจรถมา”
น้ำเสียงของคอร์เนลเริ่มห้วนจัดขึ้นในทุกขณะ แต่ความห่วงใยที่เซอร์เกมีต่อเจ้านายของตัวเองนั้นมีมากกว่า ทำให้เขาสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้ได้
“ให้อีวานขับรถให้เถอะครับ ไม่อย่างนั้นผมขับให้เองก็ได้”
ประกายตาสีเขียวจัดวาวโรจน์ด้วยโทสะ
“ฉันมีใบขับขี่ตั้งแต่อายุสิบแปด และตอนนี้ก็อายุสามสิบสามปีแล้ว นายยังคิดอีกหรือว่าฉันจะขับรถได้ไม่ดีเท่าพวกนาย” กรามกระด้างของคนพูดขบกันแน่นด้วยความไม่พอใจชัดเจน
“แต่นายน้อยครับ ผมเป็นห่วง…”
“เก็บความห่วงใยเอาไว้เถอะเซอร์เก ฉันไม่ยอมตายในรถหรอกน่า กุญแจ…”
ในที่สุดเซอร์เกก็ไม่มีทางเลือกใดอีก แม้จะเป็นห่วงมากแค่ไหนก็ตาม
“นายน้อยอยากขับคันไหนครับ”
“สปอร์ตสีดำ”
คอร์เนลรับกุญแจรถจากคนสนิทมาถือไว้ในมือ หมุนตัวเดินจากไป แต่เท้าใหญ่ก็ต้องชะงักที่ปากประตูห้องโถง หันหน้ากลับมา
“ถ้าเป็นห่วงฉันนัก ก็ขับรถตามมาก็ได้”
เซอร์เกระบายยิ้มกว้างออกมาทันทีที่ได้ยินประโยคบอกเล่ากึ่งคำอนุญาต
“ครับนายน้อย”
มุมปากของคอร์เนลผุดรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของเขาจะเดินหายลับสายตาไป เซอร์เกรีบโทรตามคนขับรถทันที
เซอร์เกเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นรถสปอร์ตที่มีคอร์เนลเป็นคนขับเลี้ยวเข้าไปในมหาวิทยาลัยที่เขาจำได้ขึ้นใจเลยว่าเป็นของยาหยี
รถสปอร์ตคันสีดำจอดสนิทที่หน้าตึกเรียน พร้อมกับร่างสูงใหญ่สุดเนี้ยบของคอร์เนลก้าวลงมายืนตระหง่าน เซอร์เกรีบก้าวลงจากรถ แล้วเดินเข้ามาหาเช่นกัน ชายคนสนิทเหลือบตามองหนังสือสองสามเล่มที่เจ้านายของตัวเองถือเอาไว้ด้วยสายตาแปลกใจ
“หนังสือนั่น…”
คอร์เนลไหวไหล่น้อยๆ
“ฉันเอามาคืนเจ้าของเขาน่ะ”
ร่างสูงสง่าในชุดลำลองสีน้ำตาลไหม้ก้าวเดินเข้าไปภายในตึกเรียนด้วยท่าทางองอาจ ใบหน้าสมบูรณ์แบบไร้รอยยิ้มแต้มไม่อาทรต่อสายตาชื่นชมของนักศึกษาสาวๆ ที่เดินสวนมาแม้แต่นิดเดียว และเมื่อแน่ใจว่ามาหยุดอยู่หน้าห้องเรียนที่เขาดูจากตารางสอนที่ยาหยีแนบไว้ในหนังสือแล้ว คอร์เนลก็ก้าวเข้าไปทันที เซอร์เกรีบเดินตามเข้าไปเช่นกัน
ทุกคนในห้องเรียนนิ่งอึ้งกันไปตามๆ กัน เมื่อเทพบุตรจากชั้นฟ้าที่ชื่อคอร์เนลเดินเข้ามาหยุดที่หน้าห้อง และอึดใจเดียวเสียงนักศึกษาสาวๆ ก็กรี๊ดกร๊าดกันดังลั่น จนอาจารย์สาววัยชราต้องยกมือขึ้นปราม ก่อนจะหันมาจ้องหน้าแขกหนุ่มเขม็ง
“ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ”
“ผมเอาหนังสือมาคืนยาหยี โรจน์มหามงคล” ตอบเสียงนุ่ม ขณะกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ไม่พบวี่แววของผู้หญิงที่สมองร่ำร้องหาเลยแม้แต่น้อย
‘หล่อนไปไหนกันนะ หายไปไหนกัน? หรือว่าเขาเข้าห้องผิด…ไม่มีทางผิดไปได้ ในเมื่อเขาดูตารางเรียนของหล่อนมาอย่างชัดเจนแล้วนี่’
ทุกคนในห้องอ้าปากค้างด้วยความอิจฉายาหยี มีแต่เพียงลินดาเท่านั้นแหละที่หน้าแดงก่ำด้วยโทสะ หล่อนลุกขึ้นยืนและเดินออกไปหน้าชั้นเรียน เผชิญหน้ากับผู้ชายหล่อระเบิดในระยะกระชั้นชิด คอร์เนลหรี่ตามองเขม็ง ขณะยกมือห้ามเซอร์เกและบอดี้การ์ดสองสามคนที่ทำท่าจะเข้ามาลากสตรีตรงหน้าออกไป
“ยาหยีอยู่กับคุณเมื่อคืนใช่ไหม”
“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ”
“เราออกไปพูดกันข้างนอกเถอะค่ะ ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องน่าอัปยศของยาหยี”
ลินดาเค้นเสียงถามแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยชวนให้คอร์เนลออกไปคุยกับหล่อนที่นอกห้องเรียน ชายหนุ่มไหวไหล่น้อยๆ เดินตามออกไป เพราะเขาจำผู้หญิงคนนี้ได้ หล่อนเป็นเพื่อนกับยาหยี สตรีที่เขากำลังคิดถึงแทบขาดใจ
และเมื่อมาถึงมุมลับตาคน ลินดาก็เปิดฉากโจมตีคอร์เนลด้วยความโกรธเคืองแทนเพื่อนรักทันที แม้ผู้ชายคนนี้จะหล่อปานเทพ แต่เขาก็ช่างโหดเหี้ยมกับยาหยีเหลือเกิน
“เมื่อคืนคุณข่มขืนเพื่อนของฉัน”
“ผมเนี่ยนะข่มขืนเพื่อนของคุณ ทำไมถึงแน่ใจแบบนั้นล่ะ” คอร์เนลระบายยิ้มหยัน แต่ถึงมันจะเป็นยิ้มหยันแต่มันก็ทำให้ลินดาอึ้งไปกับความหล่อเหลาของเขาอยู่นานหลายอึดใจเลยทีเดียว กว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้
“ก็คุณมีหนังสือเรียนของเพื่อนฉัน และเนื้อตัวของเธอก็บอบช้ำไปหมด” ลินดาจ้องมองผู้ชายสุดหล่อที่ใบหน้านิ่งเฉย ก่อนจะปรายตามองไปยังคนของเขาอีกสามสี่คนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ก่อนจะพูดในสิ่งที่ตัวเองจินตนาการออกมา
“พวกคุณข่มขืนยาหยี ฉันจะไปแจ้งความกับตำรวจ” ดวงตาของลินดาแดงก่ำด้วยความเจ็บแค้นแทนเพื่อนรัก
“พวกคุณรู้ไหมว่ายาหยีเพื่อนของฉันเนี่ยบริสุทธิ์แค่ไหน เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายมาก่อนเลย พูดง่ายๆ ก็คือนอกจากพ่อของเธอแล้ว เธอไม่รู้จักผู้ชายคนอื่นเลย เธอสะอาดมาก แต่พวกคุณก็ทำให้เธอมีราคี พวกคุณใจร้ายที่สุด!”
“ผมทราบดีว่าเพื่อนของคุณสะอาดแค่ไหน แต่สิ่งที่คุณกำลังเข้าใจผิดก็คือ…” คอร์เนลเสียงเข้ม หรี่ตาแคบมองลินดานิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากสุดเซ็กซี่จะเอ่ยออกมา
“ผมคนเดียวที่แตะต้องเพื่อนของคุณ”
เป็นอีกครั้งที่ลินดาต้องอ้าปากค้าง ตอนแรกที่ยาหยีบอก หล่อนนึกว่าเพื่อนของตัวเองโกหกเพราะอับอาย แต่ตอนนี้ผู้ชายคนที่หล่อนมั่นใจว่าเป็นตัวการทำลายยาหยีเมื่อคนนี้ก็พูดแบบเดียวกันออกมาอีกคน
‘คนเดียวจริงๆ หรือ แล้วทำไมสภาพของยาหยีถึงได้บอบช้ำแบบนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลย สงสัยผู้ชายคนนี้จะป่าเถื่อนน่าดู’
“ฉันไม่เชื่อ…”
“เชื่อเถอะว่าผมคนเดียว แล้วนี่เพื่อนของคุณไปไหนซะล่ะ” คอร์เนลได้โอกาสจึงเอ่ยถึงสตรีที่ตัวเองโหยหา ลินดาเชิดหน้า มองบุรุษสุดหล่ออย่างไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ
“จะรู้ไปทำไมคะ หรือว่ายังทำร้ายกันไม่พอ นี่ฉันอยากรู้จริงๆ เลยว่าทำไมคุณถึงต้องมาย่ำยีเพื่อนรักของฉันด้วย หล่อๆ รวยๆ แบบคุณน่าจะไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”
คอร์เนลเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะตอนนี้ความอดทนเริ่มใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
“ผมอยากรู้ว่าตอนนี้ยาหยีอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่บอก!” ลินดากัดฟันพูดออกไป กำลังจะเดินหนีแต่ก็ถูกบอดี้การ์ดของคอร์เนลเดินมาดักหน้าเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวหน้าซีดเผือด
“อย่าให้ผมต้องหาเองเลย เพราะมันจะปั่นป่วนไปทั้งมหาวิทยาลัยซะเปล่าๆ บอกมาว่ายาหยีอยู่ที่ไหน”
ในเมื่อไม่มีทางเลือกอีก ลินดาจึงเลือกที่จะอ้อนวอนออกไป
“ฉันบอกก็ได้ แต่คุณต้องสัญญากับฉันก่อนนะว่าจะไม่ทำลายเพื่อนของฉันอีก อย่าทำให้เธอต้องแปดเปื้อนคาวราคีไปมากกว่านี้เลย”
ไม่มีคำสัญญาใดๆ ออกจากปากของคอร์เนลนอกจากเสียงคำรามกร้าวกระด้างเท่านั้น
“ตอนนี้ยาหยีอยู่ที่ไหน?”
“อยู่…บนหอพัก…”
มุมปากของคอร์เนลผุดรอยยิ้มพึงพอใจออกมา ก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้เซอร์เกมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับลินดา
“ให้ฉันทำไมคะ”
“นายน้อยให้ก็รับไปเถอะครับ” เซอร์เกรีบยัดธนบัตรสีเทาสิบกว่าใบใส่มือของผู้หญิงที่เขาพึ่งรู้ว่าเป็นเพื่อนของเด็กสาวยาหยีคนนั้น ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินตามคอร์เนลที่เดินห่างไปไกลแล้วทันที ลินดามองตามไปด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ
“ฉันพยายามช่วยแล้วนะยาหยี แต่เขาน่ากลัวเกินกว่าที่ฉันจะต้านทานได้”
หญิงสาวพึมพำออกมาอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะสอดธนบัตรที่ถูกยัดเยียดให้ลงกระเป๋ากระโปรง จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับห้องเรียนทันที ความไม่สบายอกสบายใจกัดกินหัวใจไปตลอดทาง
“ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นเป็นใครกันเหรอลินดา แล้วเขามาหาลูกหยีทำไม” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที เมื่อหล่อนกลับเข้ามาในห้องเรียน
“เอ่อ…”
“หรือว่าเป็นกิ๊กกันล่ะ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าผู้ชายหล่อลากไส้แบบนั้นจะมากินสาวจืดชืดแบบยายลูกหยี”
เพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งรีบสอดแทรกแดกดันตามมาทันที ลินดาเม้มปากแน่น ก่อนจะหันไปตวาดเจ้าของคำพูดด้วยความโมโห
“แล้วมันเรื่องอะไรของพวกเธอกันยะ ทำไมต้องมาวุ่นวายเรื่องของชาวบ้านชาวช่องเข้าด้วย เรื่องของตัวเองเอาให้รอดเสียก่อนเถอะ และไอ้ความอิจฉาริษยาเนี่ยเก็บให้มันมิดๆ หน่อย อย่าปล่อยให้มันมาเพ่นพ่านน่าขายหน้าแบบนี้” ลินดาซัดออกไปเป็นชุด และมันก็สามารถทำให้พวกเพื่อนร่วมห้องที่มีนิสัยสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านต้องนั่งก้มหน้าสงบปากสงบคำในพริบตา