หลังจากออกไปตระเวนหาสมัครงานจนทั่วทุกบริษัทมาตลอดทั้งวัน จันทร์เจ้าขาก็เดินคอตกกลับบ้านมาด้วยความผิดหวัง เพราะไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่โตจนถึงห้างร้านเล็กๆ ก็ไม่มีที่ไหนสนใจจะรับหล่อนเข้าทำงานเลยสักแห่ง แม้ว่าหล่อนจะใช้ภาษาทั้งอังกฤษและรัสเซียได้อย่างคล่องแคล่วก็ตาม หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาแผ่วเบา ขณะก้าวเท้าเข้าไปในอาณาเขตของบ้านตัวเอง
“รถของใครมาจอดตรงนี้นะ เหมือนรถของเจ๊สีเศรษฐีประจำตำบลเลย”
แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่คิดจะใส่ใจมากนัก เพราะตอนนี้สมองของหล่อนกำลังหนักอึ้งเหตุเพราะหางานทำยังไม่ได้นั่นเอง
“เจ้าขา… มานี่หน่อยลูก”
เสียงสั่นเครือที่แทบปิดไม่มิดของมารดาทำให้จันทร์เจ้าขาต้องรีบก้าวขึ้นบันไดและเดินเข้าไปหา แม่ของหล่อนที่นั่งอยู่บนโซฟา ขณะที่เจ๊สีนั่งอยู่บนโซฟาตัวถัดไป หญิงสาวคุกเข่าคลานเข้าไปหา และมองมารดาสลับกับหน้าของเจ๊สีด้วยความเป็นกังวล
“มีอะไรเหรอคะแม่”
“คือ…” จันทราอึกอักพูดไม่ออก เจ๊สีจึงชิงพูดขึ้นแทน
“ก็อย่างที่หนูรู้นั่นแหละ พ่อของหนูเอาบ้านและที่ดินทั้งหมดไปจำนองเอาไว้กับเจ๊ แต่ก็ขาดส่งดอกมาเกือบปี เจ๊ก็อุตส่าห์เมตตาให้ผัดผ่อนมาตลอด แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้วล่ะ เพราะมีลูกค้าคนหนึ่งเขาต้องการบ้านหลังนี้มาก และให้ราคาสูงจนเจ๊ต้องตอบตกลงไป”
คราวนี้จันทร์เจ้าขาเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมแม่ของหล่อนถึงทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้เช่นนั้น
“เจ๊สีคะ หนูขอความเห็นใจ… ขอผลัดไปอีกสักพักได้ไหมคะ แล้วหนูจะรีบนำเงินมาคืนทั้งต้นทั้งดอก นะคะเจ๊สี ถือว่าเมตตาหนูกับแม่อีกครั้งหนึ่งเถอะค่ะ”
หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนถอนใจออกมา
“ฉันก็อยากจะช่วยหรอกน่ะ แต่… เงินจากลูกค้ารายนี้มันก้อนโตจริงๆ เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวฉันขายบ้านหลังนี้ให้กับลูกค้ารายนี้แล้ว จะนำมาแบ่งให้สักห้าเปอร์เซ็นต์ เพื่อที่จะให้หนูเอาไปทำทุนต่อในชีวิต เอาไหมแม่จันทรา”
เมื่อจันทร์เจ้าขาไม่ตอบ เจ๊สีจึงหันไปถามจันทราแทน
“ฉัน… ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วล่ะเจ๊สี”
แล้วจันทราก็ร้องไห้ออกมา จันทร์เจ้าขาปวดหัวใจเหลือเกินเมื่อเห็นมารดามีน้ำตา หล่อนรู้ดีว่าแม่กับพ่อรักที่ดินและบ้านหลังนี้มาก ทุกอย่างที่นี่คือความรักความผูกพันของทั้งสองคน แต่หล่อนก็อกตัญญูเหลือเกิน ที่ไม่สามารถรักษามันเอาไว้ได้
“แม่… อย่าร้องไห้เลยนะ แม่จ๋า…”
สองแม่ลูกกอดกันกลมร้องไห้ เจ๊สีเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันให้ทางเลือกกับพวกเธอนะ ถ้าลูกค้ารายนี้เปลี่ยนใจไม่ซื้อที่ดินของพวกเธอ ฉันก็จะไม่ขาย โอเคไหม”
จันทร์เจ้าขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำพูด
“เจ๊สีหมายความว่า…”
“บ้านหลังนี้จะไม่ถูกขายและรอพวกเธอมีเงินมาซื้อคืน ถ้าไม่มีคนต้องการจะซื้อมัน”
เจ๊สีลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นกระดาษใบเล็กๆ ให้กับจันทร์เจ้าขา
“ลูกค้าคนนั้นอยู่ที่โรงแรมนี้แหละ ถ้าเธอรักที่นี่มาก เธอก็ควรจะไปขอร้องให้เขาเลิกล้มความตั้งใจที่จะซื้อบ้านของเธอ”
จันทร์เจ้าขารับกระดาษสีขาวนั้นมามองอย่างมึนงง
“แล้ว… ถ้าลูกค้าคนนั้นเปลี่ยนใจ แล้วเจ๊สี… ไม่เสียดายเงินก้อนโตเหรอคะ”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบออกมา
“ฉันแค่ให้โอกาสเธอต่างหาก หนูเจ้าขา”
แล้วเจ๊สีก็ก้าวลงบันได ขึ้นรถออกไปทันที ทิ้งให้จันทร์เจ้าขากับจันทรามองตามไปด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง
“เจ้าขา… แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลยนะ ช่างมันเถอะ เราไปหาที่อยู่ใหม่ก็ได้”
“แม่จ๋า หนูรู้นะว่าแม่กับพ่อรักบ้านหลังนี้มาก หากมีวิธีใดที่หนูจะทำได้ หนูจะไม่ยอมนิ่งดูดายเลยค่ะ หนูจะไปขอร้องให้คนๆ นี้เห็นใจ ขอร้องให้เขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะพรากบ้านหลังนี้ไปจากพวกเรา แม่อย่าห้ามหนูเลยนะ”
“แต่แม่เป็นห่วงลูกนะ”
จันทร์เจ้าขาฝืนยิ้ม พลางพูดออกมา
“ลูกสาวของแม่คนนี้เอาตัวรอดได้ค่ะ แม่อย่าลืมสิว่าหนูอยู่รัสเซียมาตั้งเกือบสี่ปี…”
คำพูดนี้สะกิดใจให้จันทราร้องไห้ออกมาอีก
“เพราะแม่ อนาคตของลูกถึงต้องดับวูบลงแบบนี้ แค่อีกไม่ถึงเดือนลูกก็จะเรียนจบแล้ว”
แม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่จันทร์เจ้าขาก็ฝืนยิ้มเพราะไม่ต้องการให้มารดาต้องทุกข์ทรมานใจมากไปกว่านี้
“อย่าคิดถึงมันเลยจ้ะแม่ เดี๋ยวหางานทำได้ หนูจะไปหาสมัครเรียนวิชาชีพเพิ่มเติมค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ”
สองแม่ลูกกอดกันอีกครั้ง ต่างคนต่างร่ำไห้ออกมาเงียบๆ เหมือนกัน
MANGA DISCUSSION