เมียพรหมจรรย์ ชุด ภรรยาของมหาเศรษฐีซาตาน - ตอนที่ 10
เวลาต่อจากนั้น… หลังจากถูกไทเลอร์ปล้นจูบเอาอย่างดุเดือด บ้าคลั่ง สติสตังของหล่อนก็มักจะหลุดลอยไปจากร่างตลอดเวลา คิดถึงแต่เขา คิดถึงแต่ผู้ชายที่ใช้ปากได้อย่างเชี่ยวชาญอย่างไทเลอร์สุดหัวใจเพราะมันไม่ใช่แค่ที่ปากเท่านั้นที่เขาจูบ ที่เขาตวัดปลายลิ้นลิ้มลอง แต่ทุกส่วนของร่างกายของหล่อน โดยเฉพาะตรงนั้น…
กายสาวร้อนวาบขึ้นมาในทันที ทรวงอกใต้บราเซียสีขาวสะอาดเบ่งบานและหนักอึ้ง ปลายถันชูชันแข็งเป็นไตขึ้นมาอย่างน่าละอายเพียงแค่คิดถึงความรู้สึกยามที่ถูกปลายลิ้นสีแดงสดของไทเลอร์ลิ้มเลียที่กลีบสาวเพียงเท่านั้น
นี่หล่อนเป็นบ้าอะไรไปนะ เป็นอะไรไป? ทำไมถึงได้ร่านร้อนขึ้นมาง่ายดายเพียงนี้ เพียงแค่คิดถึงเขาเท่านั้น ผู้ชายจอมเผด็จการ ผู้ชายเอาแต่ใจ และก็เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ได้แตะต้องร่างกายของหล่อน เขาทำให้หล่อนกลายเป็นสาวร้อนรัก เขาปลุกความร่านร้อนในกายสาวให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล และเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะตอนนี้หล่อนร้อนเป็นไฟ ร้อนฉ่า ร้อนไปทั้งตัว เพียงแค่คิดถึงผู้ชายหล่อลากไส้อย่างไทเลอร์เพียงเท่านั้น
แก้มนวลแดงระเรื่อด้วยความอับอายแกมอดสู พยายามบอกตัวเองให้หยุดคิด บอกตัวเองให้หยุดรู้สึกแบบนั้นกับไทเลอร์ได้แล้ว เขาอยู่สูงเกินไป และก็อันตรายเกินไปสำหรับหล่อน แต่หัวใจไม่ชอบฟัง ร่างกายก็เช่นกัน มันยังคงโหยหา หิวกระหายสัมผัสทมิฬ จากผู้ชายปีศาจอย่างไทเลอร์ไม่เสื่อมคลาย
หญิงสาวถอนใจออกมาอย่างท้อแท้ ขณะก้าวเดินผ่านสนามหญ้าหน้ามหาวิทยาลัย มุ่งหน้าจะไปทำงานในช่วงเย็นตามปกติทุกวัน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อจู่ๆ ก็มีกลุ่มนักศึกษาทั้งผู้ชายผู้หญิงรวมสิบกว่าคนกระโจนออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ มาขวางหน้าของหล่อนเอาไว้
จันทร์เจ้าขาชะงักเท้าทันที มองกลุ่มคนตรงหน้าด้วยความไม่ไว้ใจ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังร้องเตือนให้หล่อนวิ่งหนี ใช่… และหล่อนก็กำลังจะทำมัน แต่คู่ปรับตัวฉกาจของหล่อนก็โผล่มาดักเอาไว้เสียก่อน พวกนั้นล้อมวงรอบกายของหล่อนเป็นวงกลม ปิดทางหนีทุกทางของหล่อนให้มืดมิดลงอย่างสิ้นเชิง
“พวกเธอจะทำอะไรน่ะ”
น้ำเสียงของจันทร์เจ้าขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก คนพวกนี้ชิงชังหล่อน เพียงแค่เพราะเชื่อคำใส่ร้ายจากฟิลิเซียดาวมหาวิทยาลัยเท่านั้น
“หน้าซีดเชียวนะแม่เจ้าขา…”
ฟิลิเซียหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ ก้าวออกมาจากวงกลม เดินมาหยุดตรงหน้าหล่อนด้วยท่าทางมาดร้ายชัดเจน
จันทร์เจ้าขาข่มความหวาดหวั่นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ทำได้ยากยิ่ง ในเมื่อการทำร้ายที่เกิดจากคนของฟิลิเซียนั้นไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้ครั้งแรก แต่หล่อนโดนมาหลายครั้งแรก และทุกครั้งหล่อนก็จะเป็นคนเดียวที่เจ็บปวดและอับอาย
“ฉันต้องรีบไปทำงาน บอกให้พวกของเธอหลีกไปฟิลิเซีย”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มหยัน จ้องหน้าคู่สนทนาด้วยสายตาริษยาเต็มเปี่ยม
“คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอลอยนวลเหรอแม่เจ้าขา… คิดว่าฉันจะปล่อยเธอได้อาจารย์ไทเลอร์ไปครอบครองคนเดียวหรือไง”
ท้ายประโยคฟิลิเซียตวาดลั่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเลวร้าย จากนั้นก็ตวัดมือตบใบหน้านวลของจันทร์เจ้าขาเต็มแรงจนใบหน้าของหญิงสาวสะบัดไปตามแรงนั้น แว่นตากระเด็นหล่นไปอยู่กับพื้นเต็มแรงจนเลนส์แตกละเอียด เลือดหยดเล็กๆ ไหลมาคลอที่มุมปาก ท่ามกลางเสียงเฮที่เต็มไปด้วยความยินดีและพึงพอใจของพวกนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีใครคิดจะช่วยหล่อนสักคน ไม่มีใครที่จะกล้าก้าวมาขัดขวางความเลวร้ายของฟิลิเซียเลย จันทร์เจ้าขาคิดอย่างเจ็บปวดและทดท้อเป็นที่สุด รับรู้ได้ถึงความลำเอียงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้อย่างเต็มหัวใจ เงินคือพระเจ้า มีเงิน มีอำนาจก็ทำได้ทุกอย่าง ผิดกับคนจน คนหาเช้ากินค่ำที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะขนาดทำงานสุจริต แต่ก็ยังถูกตราหน้าว่าเลววันยังค่ำ
“ฉันกับอาจารย์ไม่ได้มีอะไรกัน”
“ตอแหล! คิดว่าฉันตาบอดหรือไงนังเจ้าขา!”
ฟิลิเซียตวาดลั่น และตบซ้ำลงบนใบหน้างามอีกเป็นครั้งที่สอง ใบหน้าของจันทร์เจ้าขาสะบัดตามแรงนั้นเช่นเคย หยดเลือดไหลออกมาจากปากอีก
“นั่นสิอย่ามาตอแหลหน่อยเลย สภาพของแกตอนนั้นใครก็มองออกว่าพึ่งทำอะไรมา” เจนี่รีบเสริมด้วยความริษยาไม่ต่างกัน
“เอาเลยฟิลิเซีย ตบนังนี่ให้หน้าเขียวช้ำไปเลย โทษฐานที่มันบังอาจแตะต้องของรักของหวงของเธอ”
คำยุยงของเจนี่ยิ่งทำให้ฟิลิเซียเลือดขึ้นหน้า หล่อนจิกทึ้งเส้นผมของจันทร์เจ้าขาทันที แต่จันทร์เจ้าขาต่อสู้ และสะบัดตัวออกได้ทัน
“เจนี่จับมันเอาไว้ ฉันจะตบมันให้ตายคามือไปเลย”
เจนี่รีบเข้ามาจับข้อมือทั้งสองข้างของจันทร์เจ้าขาไพล่หลังเอาไว้ด้วยกัน และนั่นก็ทำให้จันทร์เจ้าขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้อีก
“แก… วันนี้ต่อให้แกมีปีก แกก็หนีเงื้อมมือของฉันไม่พ้นหรอก”
ฟิลิเซียเค้นเสียงเหี้ยมโหดออกมา ขณะขยุ้มเส้นผมสีดำขลับแสนสวยของจันทร์เจ้าขาเต็มแรง
“นี่ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิ…”
จันทร์เจ้าขาเจ็บจนน้ำตาไหล พยายามช่วยตัวเองแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้
“ปล่อยเหรอ ฝันไปเถอะนังอีตัวชั้นต่ำ ฉันจะตบแกให้คว่ำ จะตบให้ช้ำไปทั้งหน้าเลย”
ฟิลิเซียพูดด้วยน้ำเสียงริษยา กำลังจะเงื้อมือขึ้นฟาดหน้าของจันทร์เจ้าขาซ้ำอีกรอบ แต่เสียงของเจนี่ก็หยุดเอาไว้เสียก่อน
“ฉันว่าแค่รอยเขียวรอยช้ำไม่นานมันก็หาย…”
“เธอหมายความว่ายังไงยายเจนี่”
ฟิลิเซียหันไปหาเพื่อนสนิทที่มีหน้าที่รับใช้ตัวเองด้วยความข้องใจ ก่อนจะระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นคัตเตอร์ในมือของเจนี่
“กรีดหน้ามันให้ยับ แค่นี้อาจารย์ไทเลอร์ก็ไม่มีทางมองมันอีกแล้ว”
เจนี่พูดอย่างชั่วร้าย และฟิลิเซียก็เห็นดีเห็นงามด้วยเป็นที่สุด แต่ไม่ใช่แค่ฟิลิเซียหรอก แม้แต่นักศึกษาที่ยืนห้อมล้อมรอบตัวของหล่อนนั้นต่างเห็นดีเห็นงามด้วยทุกคน เพราะทุกคนเกลียดหล่อน เกลียดทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกับหล่อนเลยสักนิด เกลียดเพราะฟังคำใส่ร้ายจากปากของฟิลิเซีย จันทร์เจ้าขาคิดอย่างเจ็บปวด และก็รีบดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือตัวเองเมื่อมีดคัตเตอร์ในมือของเจนี่มาอยู่ในมือของฟิลิเซียเสียแล้ว
“อย่านะ… อย่าทำอะไรแบบนี้นะ”
ใบมีดคัตเตอร์ถูกดันให้ขึ้นมาจนสุด แสงแดดที่สะท้อนลงมาทำให้หล่อนสามารถมองเห็นความคมกริบของมันได้อย่างชัดเจน หล่อนหวาดกลัว กลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นที่สุด
“อย่าทำอะไรฉันนะ… ฉันขอร้อง… อย่าทำแบบนี้…”
ฟิลิเซียแสยะยิ้มและไม่มีทีท่าว่าจะเห็นใจหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว ใบมีดคัตเตอร์ขยับเข้ามาใกล้กับใบหน้าของหล่อนมากขึ้นทุกขณะ
“ฉันจะกรีดหน้าแกให้ยับ โทษฐานที่มายุ่งกับอาจารย์ไทเลอร์ของฉัน นังเจ้าขา!”
“ไม่นะ อย่า… ฉัน… ฉันจะไม่ยุ่งกับอาจารย์ไทเลอร์อีก… ฉันจะ…”
จันทร์เจ้าขาพูดได้แค่นั้นก็ถูกเจนี่แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงริษยา
“อย่าไปเชื่อมันฟิลิเซีย มันก็แค่พูดให้เธอปล่อยมันไปเท่านั้นแหละ พอมันรอดพ้นครั้งนี้ไป มันก็จะไปยุ่งกับอาจารย์ไทเลอร์อีก อีตัวอย่างมันร่านร้อนจะตายไป ไม่แปลกหรอกที่อาจารย์ไทเลอร์จะหลงกลมัน เชื่อฉัน กรีดหน้ามันซะ เอาให้ยับไปเลย”
“เจนี่ฉันไม่เคยทำอะไรให้เธอ ทำไมเธอจะต้องทำร้ายฉันด้วย”
เจ้าของชื่อหัวเราะร่วน มองหล่อนอย่างมาดร้าย
“เธอไม่เคยทำฉัน แต่เธอแตะต้องอาจารย์ไทเลอร์ของพวกเรา…”
“ไม่ใช่ของพวกเรา แต่เป็นของฉันคนเดียวต่างหาก เจนี่ พูดให้มันดีๆ นะ”
ฟิลิเซียแย้งเสียงกระด้าง ไม่พอใจ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาจารย์ไทเลอร์อีก ฉันสัญญา…”
ฟิลิเซียแค่นยิ้ม ดวงตาเป็นประกายริษยา
“ฉันไม่มีทางเชื่อแกหรอกนังอีตัวชั้นต่ำ”
คมมีดจ่อใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จันทร์เจ้าขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่สามารถต่อกรกับพวกของฟิลิเซียได้ ทำได้แค่เพียงหลับตาและภาวนาให้รอดพ้นจากเคราะห์กรรมครั้งนี้เพียงเท่านั้น
“นั่นพวกคุณกำลังทำบ้าอะไรกัน?!”
เสียงทุ้มที่ดังกังวานขึ้น เป็นเสียงของไทเลอร์ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุทำให้หล่อนกำลังจะถูกฆ่าในตอนนี้ หล่อนลืมตาขึ้นมองและก็ได้เห็นเขาแหวกฝูงชนเข้ามาหา เขามองหล่อนด้วยสายตาสีเขียวจัด ก่อนจะกระชากหล่อนไปไว้ด้านหลัง จากนั้นก็ซัดฟิลิเซียด้วยถ้อยคำอำมหิต
“ผมจะแจ้งตำรวจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและแน่นอนว่าพวกคุณจะหมดสภาพการเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของผมทันที”
“ไม่นะคะอาจารย์พวกเรา… คือพวกเรา…”
ฟิลิเซียพยายามแก้ตัว แต่ไทเลอร์เดือดดาลเกินว่าจะรับฟังเขากระชากมีดคัตเตอร์ไปจากมือของฟิลิเซียทันที
“เตรียมตัวหาที่เรียนใหม่กันได้เลย”
“เอ่อ อาจารย์คะ พวกเราไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยเลยนะคะ พวกเราแค่เดินตามฟิลิเซียมา”
นักศึกษาผู้หญิงคนนั้นรีบแก้ตัว
“ใช่ครับ ผมแค่อยากรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับเท่านั้น พวกเราไม่เกี่ยวข้องครับ”
“ครับ พวกเราไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลย”
นักศึกษาทั้งชายและหญิงต่างแย่งกันแก้ตัวพัลวัน
ไทเลอร์แค่นยิ้มหยัน ดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาล
“ถ้าพวกคุณยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องผมก็จะเชื่อ แต่ถ้าครั้งต่อไปผมเห็นพวกคุณรังแกจันทร์เจ้าขาอีกเมื่อไหร่ ผมจะไล่พวกคุณออกจากมหาวิทยาลัยของผมทันที โดยไม่ฟังเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น”
เหล่านักศึกษาต่างพากันมองหน้ากันอยู่อึดใจหนึ่ง จากนั้นก็รีบตอบรับขึ้นพร้อมๆ กัน
“พวกเราจะไม่รังแกจันทร์เจ้าขาอีก พวกเราสัญญาครับ”
“ดีมาก งั้นพวกคุณไปได้แล้ว…”
นักศึกษาพากันเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เจนี่กับฟิลิเซียจะเดินตามแต่ไทเลอร์เรียกเอาไว้เสียก่อน
“คุณสองคนยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
ทั้งฟิลิเซียและเจนี่หน้าซีดเผือด ค่อยๆ หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับไทเลอร์ และก็อดแค้นใจไม่ได้เมื่อเห็นไทเลอร์แสดงท่าทางห่วงใยจันทร์เจ้าขามากมายถึงเพียงนี้
“อาจารย์จะพูดอะไรกับพวกเราหรือคะ”
ไทเลอร์แสยะยิ้ม ปล่อยมือจากจันทร์เจ้าขา เดินมาหยุดตรงหน้าฟิลิเซียและเจนี่
“เอาของพวกคุณคืนไปด้วย…”
มีดคัตเตอร์ถูกส่งมาตรงหน้าของฟิลิเซีย ซึ่งหญิงสาวก็ต้องจำใจรับมันมาจากมือหนาของไทเลอร์อย่างไม่มีทางเลือก
“และถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ตำรวจจะต้องเข้ามาวุ่นวายในมหาวิทยาลัยแน่นอน ผมเชื่อแบบนั้น”
ฟิลิเซียกัดปากแน่น จ้องหน้าไทเลอร์ด้วยความผิดหวัง
“ฉันสวยสู้นังอีตัวชั้นต่ำไม่ได้ตรงไหนคะอาจารย์ไทเลอร์ ฉันรักคุณ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับคุณ แม้กระทั่งยอมเรียนซ้ำแล้วซ้ำอีกในมหาวิทยาลัยของคุณ แต่คุณก็ไม่เคยมองฉัน…”
ไทเลอร์แค่นยิ้มเหยียดหยาม ก้มหน้าเข้าไปใกล้ฟิลิเซียมากยิ่งขึ้น
“ก็เพราะคุณไม่ใช่สาวในสเป็กของผมน่ะสิ”
“แต่ฉันรักอาจารย์”
“ผมไม่สนใจความรู้สึกของใคร สิ่งที่ผมสนก็คือ… ผมต้องการอะไรเท่านั้น”
คนพูดคำรามออกมาด้วยความโอหังเต็มเปี่ยม
ฟิลิเซียฟังแล้วก็เหยียดหยามออกมาเสียงดังลั่น
“ซึ่งตอนนี้อาจารย์ก็กำลังอยากลิ้มลองผู้หญิงสำส่อนที่ทำหน้าที่บริการผู้ชายอย่างนังเจ้าขามันใช่ไหมคะ”
นัยน์ตาสีเขียวจัดของไทเลอร์เปลี่ยนเป็นสีเพลิงทันที ขณะเค้นเสียงคำรามออกมา
“ตำรวจเวลาจะจับผู้ร้ายยังต้องมีหลักฐาน ดังนั้นถ้าไม่มีหลักฐาน อย่าใส่ร้ายคนอื่น”
“แต่นังนี่มันทำจริงๆ มันขายตัว…!”
“ไปหาหลักฐานมาให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดแบบนี้”
ไทเลอร์พูดจบก็เดินกลับไปหาจันทร์เจ้าขา จากนั้นก็โอบกระชับเอวคอดให้ตามตัวเองไปยังรถสปอร์ตที่จอดอยู่ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุนัก ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา ริษยาของทั้งฟิลิเซียและเจนี่
“ฉันจะฆ่ามัน จะต้องฆ่ามันให้ได้!”
ฟิลิเซียคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด
“ถ้าเราฆ่ามัน เราก็ต้องติดคุกนะฟิลิเซีย มันไม่คุ้มกัน”
เจนี่เตือนสติเพื่อน
“แล้วเธอจะให้ฉันปล่อยมันลอยหน้าลอยตาอยู่ใกล้ๆ กับอาจารย์ไทเลอร์แบบนี้นะเหรอเจนี่ ฉันไม่ยอมหรอกนะ ฉันทนไม่ได้หรอก”
ฟิลิเซียเต็มไปด้วยความริษยา ตอนนี้ในหัวใจของหล่อนเต็มไปด้วยกองไฟ ไฟที่พร้อมจะเผาศัตรูให้มอดไหม้เป็นเถ้าธุลี
“ใครว่าล่ะ ฉันไม่ได้จะให้เธอปล่อยมันไว้สักหน่อย”
ฟิลิเซียหันขวับมาจ้องหน้าเจนี่ด้วยความกังขา
“เธอหมายความว่ายังไงเจนี่ เธอมีแผนอะไร บอกฉันมาซิ บอกมาเลย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้นังเจ้าขามันย่อยยับ”
คนถูกถามระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ร้าย ดวงตาร้ายกาจยิ่งนัก
“เอาหูมาสิ แล้วฉันจะบอกแผนการให้เธอฟัง และเชื่อเถอะว่าแผนของฉันจะทำให้นังเจ้าขามันต้องระเห็จออกไปจากที่นี่อย่างแน่นอน”
ฟิลิเซียรีบเอียงหูให้กับเจนี่ด้วยความอยากรู้เป็นที่สุด และเมื่อได้ฟังแผนการแล้วทั้งสองคนก็พากันหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ
“เธอนี่ฉลาดจริงๆ ไม่เสียแรงที่ฉันเลี้ยงเธอเอาไว้”
แล้วฟิลิเซียก็ล้วงเงินในกระเป๋าให้กับเจนี่ปึกใหญ่
“รับไปสิ”
“ขอบใจมาก”
เจนี่รับเงินมาใส่กระเป๋าของตัวเอง ในขณะที่ภายในอกเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่มีต่อฟิลิเซียเป็นที่สุด ถ้าแม่นี่ไม่ใช่ตู้เอทีเอ็มของหล่อนล่ะก็ หล่อนคงตบคว่ำไปนานแล้ว