เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 7 เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ
ตอนที่ 07 เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าตกหล่นเรียบร้อย เปลี่ยนถ่ายจากช่วงเวลาแสงอาทิตย์สอดส่องเข้าสู่ช่วงราตรียาวนานรอคอยเข้าสู่วันใหม่
ณ ห้องคอนโดราคาหรูหรางดงามจับใจ
สายน้ำขาวใสไหลผ่านจากก๊อกน้ำลงฝ่ามือของเขา
ชายหนุ่มสวมแว่นเพียงนิ่งเงียบปล่อยผ่านปล่อยให้น้ำไหลผ่านฝ่ามือไปทั้งแบบนั้น สายตาเขาคล้ายกำลังจมจ่อมอยู่ในห้วงความคิดยากจะมีใครคาดเดา
ก่อนฝ่ามือจะวักน้ำมาล้างหน้าล้างตาตัวเองหลายต่อหลายครั้ง หลังจากล้างเสร็จสิ้นล้างทั้งกายและใจเขาเลือกเงยหน้ามองกระจก
ก่อนทอดถอนหายใจเบาบาง
…‘ให้ตายสิ’
“…”
“หน้าตาดูไม่ได้”
ทุกสิ่งอย่างล้วนต้องโทษใบเฟิร์น
ถ้าหากหมอสาวประจำโรงเรียนไม่หยิบยกข้อเสนอมัดมือชกขึ้นมาพูดคุย เรื่องราวมากมายในอดีตคงไม่ถูกขุดคุ้ยจนโผล่เข้ามาสวัสดีทักทายเขาถึงที่
หลังจากจมจ่อมอยู่กับตัวเองคิดทบทวนหลายต่อหลายครั้ง คิดจนมาถึงตอนนี้เขาก็ยังครุ่นคิดไม่ออกอยู่ดีว่าอะไรเป็นเหตุผลแรงจูงใจที่ทำให้หล่อนกล่าวหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา
ยิ่งคิด ยิ่งมึนงง ยิ่งสับสนไม่เข้าใจ
“…”
“ไม่เข้าใจ”
“เรื่องอื่นมีเยอะแยะให้เลือกกับไม่เลือก”
“ดันเลือกเรื่องเปล่าประโยชน์พวกนี้เข้ามาแทน”
“อยากแกล้งกันเหรอ?”
“หรือว่ามีเหตุผลอื่นแอบแฝง?”
“…”
“ไม่สิ”
“บางที”
กล่าวจบแววตาก็เริ่มแปรเปลี่ยน
เริ่มออกอาการหวาดหวั่นหวั่นไหว
มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งผุดเข้ามาในสมองของเขา เพียงแต่เขาไม่อยากจะยอมรับมันก็เท่านั้น สุดท้ายปลายทางแม้ไม่อยากยอมรับยังไงก็ต้องยอมรับมันอยู่ดี
ทราเวียร์ถอนหายใจจนปัญญาขั้นสุด
…‘เราอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้’
“…”
“แค่ไม่อยากคิด”
”ไม่อยากพูดถึงมัน”
“…”
“บัดซบ!”
“ไม่ชอบเลยแบบนี้”
เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลกไม่เลิกรา
พึ่งกล่าวถึงไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แถมคนที่โทรมาหายังไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นหมอสาวประจำโรงเรียนคนเดิมเพิ่มเติมคือโทรเข้ามาหาได้ถูกจังหวะเวลาเหลือเกิน
ทราเวียร์จ้องมองรายชื่อบนโทรศัพท์
…‘อาจารย์?’
“…”
ก่อนเขาจะหรี่ตามอง
ลองได้โทรมาหาช่วงเวลาดึกดื่นแบบนี้ย่อมไม่ใช่ธุระปรกติธรรมดา ชายหนุ่มสวมแว่นนิ่งเงียบไตร่ตรองอยู่กับตัวเองก่อนตัดสินใจเด็ดขาดไม่รีรอ
ใช้นิ้วมือเลื่อนกดรับสายและทันทีที่รับสาย
เสียงหวานหมอสาวก็ดังโต้ตอบกลับมาทันที
“ทำอะไรอยู่?”
“…”
“ได้ยินรึเปล่า?”
“…”
“ยืนมองกระจกครับ”
“มองกระจก?”
น้ำเสียงหล่อนดูสูงขึ้นหลายระดับ
มองกระจก? อะไรคือมองกระจก? เดาได้เลยว่าหมอสาวปลายสายน่าจะขมวดคิ้วอย่างหนักในตอนนี้ ทราเวียร์เพียงยิ้มหัวเราะเล็กน้อย
ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้าหยอก
“ครับ”
“…”
“โทรมาหาผมทำไม?”
“มีธุระอื่นที่ยังไม่ได้บอก”
“หรือว่าว่างเกินจนไม่มีอะไรทำ”
“…”
“กับครูบาอาจารย์พูดให้มันสุภาพหน่อย”
“จิกกัดทำตัวเป็นอันธพาลน้อยไปได้”
“นอกเวลาไม่นับครับ”
“อีกอย่างหลังจากเรื่องเมื่อตอนเย็น”
“คุณยังคิดว่าผมจะพูดดีด้วยเหรอ?”
ทราเวียร์ตอบกลับเสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์
หากไม่ติดว่ามีหนี้บุญคุณมากมายติดประดับแปะตามตัว เขาคงเลือกทำเมินไม่คิดเปิดปากพูดคุยประเด็นน่าเบื่อหน่ายพวกนั้นด้วยซ้ำ
ใบเฟิร์นเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายครุ่นคิดยังไง
เลยไม่อยากเจาะลึกให้เสียอารมณ์
“ปากร้ายจังนะ~”
“ที่ฉันโทรมาก็เพื่อจะมาบอกเธอ”
“เกี่ยวกับกำหนดการพรุ่งนี้”
“…” ทราเวียร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“กี่โมงครับ?”
“ประมาณ 5 โมงเย็น”
“ไม่ช้าไม่เร็วไปกว่านั่น”
“ได้ครับ”
“ห้ามหนีเด็ดขาด”
“หนีมีตามตัวถึงบ้านแน่นอน”
“…”
“อย่าพึ่งวางสาย”
“นอกจากกำหนดการยังมีอีกเรื่องที่ฉันต้องบอกเธอ”
“เป็นเรื่องสิ่งนั้นที่เธอกำลังตามหา”
“…”
“ฟังอยู่ครับ”
สีหน้าชายหนุ่มแปรเปลี่ยนกับมาจริงจังอีกครั้ง
เมื่อไม่กี่วันก่อน ก่อนที่เขาจะต้องมาแบกรับบาดแผลที่ไม่ควรมาอยู่บนร่างกายของเขา ชายหนุ่มสวมแว่นได้วานให้อาจารย์สาวพยาบาลค้นหาบางสิ่งอย่างให้
เป็นบางสิ่งอย่างที่สำคัญมากถึงมากที่สุด
“หาเจอหรือไม่เจอ?”
“ขอโทษ”
“ไม่เจอสินะ”
“ใช่”
“มันยังไม่โผล่ออกมาให้เห็น”
“…”
“จะถอดใจหรือว่าเดินหน้าต่อ”
“เวียร์?”
“เดินหน้าต่อครับ”
“เราจะเดินหน้าต่อ”
เอาเถอะใช่ว่าผลลัพธ์แบบนี้มันจะเหนือความคาดหมาย
เอาเข้าจริงหากหล่อนค้นหาพบเจอมันขึ้นมานั่นแหละถึงจะเรียกว่าเหนือความคาดหมายอย่างแท้จริงทราเวียร์เผยรอยยิ้มเบาบาง
ก่อนกล่าวเสียงสบายกลับไปพยายามไม่ให้หล่อนต้องรู้สึกผิด
“…” ซึ่งมันก็ได้ผลเลยทีเดียว
“ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติมอย่าลืมแจ้งผม”
“ผมจะรอคอยข่าวสารจากคุณเสมอ”
“หวังว่าเธอจะคิดถูกนะ”
กล่าวเสร็จใบเฟิร์นตัดสายทิ้งทันที
ปล่อยให้ทราเวียร์ขมวดคิ้วมึนงงอยู่คนเดียว ฟังจากน้ำเสียงของหล่อนแล้วหากเขาเลือกผิดคำมั่นสัญญาไม่ยินยอมไปตามที่ตกลงเอาไว้มีโอกาสสูงมากที่จะโดนตามถึงตัว
ทราเวียร์ถอนหายใจขณะก้มหน้ามองโทรศัพท์
…‘ถ้าหนีมีตามตัวถึงบ้าน’
“…”
“เป็นแม่ฉันเหรอ?”
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จสิ้นเรียบร้อย
ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ก่อนร่างชายหนุ่มสวมแว่นจะก้าวเท้าเดินมุ่งหน้ากลับเตียงนอนของตน แต่ก้าวเท้าไปได้ไม่เท่าไหร่ ขาของเขาก็เตะเข้ากับบางสิ่งอย่าง
มันคือหนังสือสีขาวด้านขาวหมดจดไม่มีสีสันอื่นประดับแต่งเติม
“…” ทราเวียร์กะพริบตาจ้องมอง
พร้อมหยิบหนังสือแปลกประหลาดขึ้นมา
“หนังสือ?”
“…”
“ไม่ใช่หนังสือที่เคยซื้อเอาไว้”
“งั้นเป็นของใคร?”
“มาที่นี่ได้ไง?”
หัวคิ้วขมวดยกสูง
ขณะกำลังจมจ่อมอยู่กับห้วงความคิดของตน
บางสิ่งอย่างก็ไหลหล่นออกมาจากหนังสือสีขาวด้าน มันคือรูปภาพถ่ายใบหนึ่งเป็นรูปวิวทิวทัศน์ปรกติธรรมดาไม่มีอะไรเพิ่มเติม รูปลอยเหนือกลางอากาศก่อนหล่นลงพื้น
ทราเวียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนก้มหยิบจับ
“หรือว่ามีใครคนอื่นแอบเข้ามาในห้อง”
…‘ไม่ใช่แค่หนังสืออย่างเดียว’
“…”
“รูปถ่าย?”
“…”
แม้จะเป็นเพียงรูปภาพปรกติธรรมดา
แต่บรรยากาศและห้วงความรู้สึกที่มันปลดปล่อยออกมา
มันช่างแปลกประหลาดแปลกแยกเหลือเกิน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าภาพปรกติธรรมดาเบื้องหน้ามันไม่ใช่ภาพปรกติธรรมดาอย่างที่ควรเป็น
ทราเวียร์มองจ้องเขม็ง
…‘เดี๋ยวก่อนนะ’
“…”
“ต้นไม้ในภาพมันขยับ!”
“เห้ย!”
เขารีบโยนภาพทิ้งทันที
ตัวภาพลอยค้างกลางอากาศก่อนเหตุการณ์แปลกประหลาดเหนือธรรมชาติจะเกิดขึ้น เมื่อภาพที่ควรจะเป็นเพียงรูปภาพปรกติธรรมดาเริ่มปลดปล่อยพลังงานปริศนาสีดำ
ก่อนสติทั้งหมดจะถูกดึงกระชากจนดับวูบ
…‘อึก!’
“…”
ฉากภาพทุกสิ่งอย่างล้อมรอบกายล้วนแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เปลี่ยนจากห้องปรกติธรรมดาใช้นอนใช้พักผ่อน กลายเป็นพื้นที่เส้นทางพื้นถนนประดับไปด้วยผู้คนมากมาย กลุ่มผู้คนทั้งหลายต่างจดจ้องมองไปยังทิศทางเดียวกันทั้งหมด
มองไปยังหญิงสาวร่างเล็กกับเหล่าอันธพาลร่างสูง
…‘เมญ่า เอมเมอริซ’
“…”
ชายหนุ่มสวมแว่นหรี่ตามองนิ่งแข็งค้าง
หญิงสาวผู้ที่กำลังมีปัญหาคือ เมญ่า เอมเมอริซ อิสตรีผู้ครอบครองความงามยอดเยี่ยม เส้นผมยาวเงางาม ดวงตาสีฟ้าครามสดใส มาพร้อมเรือนผมสีขาวนวลยาวสลวยตั้งแต่ต้นจนจบ
คำถามที่โผล่เข้ามาในหัวสมองของชายหนุ่มสวมแว่น ฉากภาพตรงหน้ามันคืออะไร? เขากำลังอยู่ในสถานที่แห่งไหน? และที่สำคัญและสำคัญเป็นที่สุดเลยคือ ทำไมต้องเมญ่า?
น่าเสียดายที่คำถามของเขาไม่ได้รับคำตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย
“…” เมญ่ามองสู้สายตาเหล่าอันธพาลหนุ่ม
มองโดยไม่คิดยินยอมโอนอ่อนง่ายดาย
“ดิฉันขอตัวค่ะ”
“ไม่เอาน่า”
“อุตส่าห์พบเจอหน้ากันทั้งที”
“อย่าพึ่งรีบไปสิ”
อันธพาลหนุ่มยิ้มหื่นกระหายยืนดักหน้า
ด้วยท่วงท่าลักษณะดังกล่าวที่พวกมันแสดงออกมาให้เห็น
ล้วนบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเจตนาแท้จริงของพวกมันสารเลวสกปรกน่าขยะแขยงขนาดไหน
ผู้คนล้อมรอบกายที่ได้ยินต่างพากันแสดงสีหน้าแตกต่างกันออกไป แต่ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดหาทางออกหรือทำอะไรอย่างอื่นเพิ่มเติม
หลายสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นก็พากันหยุดนิ่งเงียบ คล้ายใครสักคนกดหยุดคลิปวิดีโอก่อนฉากภาพทั้งหมดจะจางหายไม่มีหลงเหลือ
ตามด้วยห้วงสติความรู้สึกอารมณ์ถูกดึงกระชากหวนคืนกลับสู่โลกความเป็นจริง ไม่มีภาพคุณหนูสาวไม่มีภาพเหล่าอันธพาลหนุ่มไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น
แววตาชายหนุ่มสวมแว่นเบิกกว้างขั้นสุดก่อนร่างกายทุกสัดส่วนจะเริ่มหวั่นไหวไม่อาจประคับประคองเอาไว้ได้
ทราเวียร์หอบหายใจกุมหน้าอกแน่น
“เห้ย?!”
“…”
“ภะ ภาพเมื่อกี้มันอะไร?”