เพื่อนบ้านผมคือคุณหนูสาวเจ้าเสน่ห์ - ตอนที่ 10 ตามติดจนน่ารำคาญ
ตอนที่ 10 ตามติดจนน่ารำคาญ
“…”
ชายหนุ่มสวมแว่นยังคงสีหน้าราบเรียบตามเดิม
ทั้งที่ข้างในออกอาการกระวนกระวายอยากหลบเลี่ยงหลบหนีจากสถานการณ์ตรงหน้า
ออกไปให้ไกลได้เท่าไหร่ยิ่งดีกับตัวเขามากขึ้นเท่านั้น
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายดึงดันไม่เลิกรา ไม่ยินยอมปล่อยผ่านปล่อยให้เขาหลบหนีไปไหนทั้งยังตามติดเดินเคียงข้างไม่ห่างกายทำตัวเหมือนพวกโรคจิตคลั่งรักตามติดไอดอล
ซึ่งต้นสายปลายเหตุทั้งหมดของความกระอักกระอ่วมใจล้วนมาจากอิสตรีผู้ยอดเยี่ยมนาม ‘เมญ่า เอมเมอริซ’ คนที่กำลังยืนรอคอยสัญญาณไฟแดงเตรียมพร้อมข้ามถนน
อีกทั้งสภาพแวดล้อมรอบกายเขาในตอนนี้ยังเปล่าเปลี่ยวปราศจากผู้คน บรรยากาศจากเดิมที่เคยตึงเครียดอยู่แล้วจึงยิ่งตึงเครียดมากกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัวทวีคูณ
ทราเวียร์ลอบถอนหายใจอึดอัดไปทั้งกายใจ
…‘อึดอัด’
“…” ระหว่างกำลังรอคอยสัญญาณไฟแดง
ห้วงความคิดมากมายเริ่มไหลผ่านเข้าหัวสมอง
บางทีการที่หญิงสาวผู้งดงามปานเทพธิดาเลือกตามติดเขา เลือกเดินตามไม่มีเร็วไม่มีช้าเกินควรทั้งยังไม่คิดส่งเสียงหรือว่ากระทำอย่างอื่นหลังจากเห็นเครื่องแบบเดียวกัน
บางทีหล่อนอาจมีบางสิ่งอย่างที่แอบหลบซ่อนอยู่ในใจซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากก็น้อย ถามว่าทำไมเขาถึงได้มั่นใจขนาดนั้นทำไมถึงได้คิดเข้าข้างตัวเองอย่างสุดโต้ง
นั่นก็เพราะรอยยิ้มของหล่อนที่ปรากฏให้เห็นตลอดเวลา แถมยังมีเหลือบมองเขาจ้องมองเขม็งตลอดระยะเวลาหลายนาทีจนแผ่นหลังของเขาอาบชุ่มเต็มไปด้วยเหงื่อใส
ทราเวียร์กัดปากกำหมัดแน่น
…‘ทำไมต้องแอบมองด้วยถ้ามีอะไรก็พูดมาสิ’
“…” หลังจากอดทนอดกลั้นมายาวนาน
ในที่สุดชายหนุ่มสวมแว่นก็ตัดสินใจเด็ดขาด ตัดสินใจเหลือบหันหน้าไปพูดคุยกับอีกฝ่ายหวังพูดคุยให้ทุกสิ่งอย่างมันผ่านพ้นไปโดยสันติไม่จำเป็นต้องหวาดระแวงอีก
แต่เหมือนจะไม่ใช่เขาเพียงฝ่ายเดียวที่คิดเปิดปากพูดคุย
“คือ”
“คือ”
สีหน้าทั้งสองต่างตื่นตระหนกตกใจไม่คิดปกปิด
อันที่จริงไม่ใช่ไม่อยากปกปิดแต่ปกปิดไม่ได้ต่างหาก
ใครจะไปคิดได้ล่ะ ว่าจังหวะเวลาที่เขาตัดสินใจเด็ดขาดต้องการให้เรื่องมันกระจ่างยุติกับเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่หล่อนร้องถามแถมยังร้องถามด้วยถ้อยคำเดียวกันอีก
ช่างเป็นเหตุบังเอิญที่น่าหวาดหวั่นเสียจริง
“…” ขณะที่บรรยากาศชวนให้รู้สึกอึดอัดหัวใจเหลือเกิน
กับเป็นฝ่ายทราเวียร์ที่เริ่มเปิดปากพูดคุยก่อน
“เชิญก่อนครับ”
“…”
“ก็ได้ค่ะ”
“…”
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือดิฉัน”
เมญ่าก้มหัวลงต่ำขอบคุณเขาอย่างใจจริง
ช่างนอบน้อมถ่อมตนเหลือเกินปราศจากท่วงท่ายอดเยี่ยมหวังเล่นงานถึงตายเหมือนที่หล่อนใช้จัดการเหล่าอันธพาลหนุ่มทั้งหลายจนร้องเสียงหลงหาทางกลับบ้านไม่ถูก
เรียกได้ว่าช่วงจังหวะเวลานี้ล้วนแปรเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น หลงเหลือเพียงหญิงสาวปรกติธรรมดาน่าทะนุถนอมเท่านั้น
เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือสายตาหล่อนที่กำลังจดจ้องมองมาที่เขา
มันคือสายตาขอบคุณอย่างแท้จริง และการที่หล่อนมอบสายตาเฉกเช่นนี้ให้ ย่อมบ่งบอกได้อย่างดีเยี่ยมว่าหล่อนพบเห็นกลเล็กน้อยที่เขาค่อยแอบช่วยเหลือหล่อน
ทราเวียร์เพียงนิ่งเงียบขณะหัวสมองกำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง
…‘เธอเห็นก้อนหินที่ฉันดีดใส่พวกมัน?’
“…”
“ขอบคุณผม?”
“ขอบคุณผมทำไม?”
“…” เมญ่ากะพริบตามอง
ทั้งยังถามด้วยเสียงหวาน
“หรือว่าไม่ใช่คุณ?”
“ไม่ใช่ครับ”
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”
“แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน”
รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าทราเวียร์มันคือรอยยิ้มจอมปลอม
เป็นรอยยิ้มสำหรับหลอกลวงใครคนอื่นที่กำลังจดจ้องมอง
ต่อให้เมญ่าพบเห็นกลอุบายเล็กน้อยแล้วมันจะทำไม ขอเพียงเขาเลือกปฏิเสธหน้าตายเลือกไม่ยินยอมรับคำกล่าวขอบคุณเลือกเมินเฉยเหมือนกับที่เคยทำมาตลอด
แล้วหล่อนจะทำอะไรได้
ก็คงทำได้แค่ขอบคุณอย่างเดียวเหมือนเดิมล่ะนะ
พอเห็นชายหนุ่มปฏิเสธไม่รับคำกล่าวขอบคุณ
“…” เมญ่านิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
พร้อมกล่าวกับตัวเองเบาบาง
“หรือจำผิด?”
“…”
“ผมว่าคุณน่าจะจำผิดคนแล้วล่ะครับ”
“จำผิดคนสินะ”
“ครับ”
“…”
“นั่นสิค่ะ”
“ดิฉันอาจจะจำผิดคนอย่างที่คุณบอกก็ได้”
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”
“ขอโทษที่สร้างความลำบากใจให้ค่ะ”
พอรู้ว่าตัวเองผิดจริงหล่อนก็ก้มหัวขอโทษเขาตามตรง
ตรงจุดนี้จุดที่หล่อนก้มหัวขอบคุณก้มหัวขอโทษเขา โดยไม่มีห้วงจังหวะลังเลให้เห็นทั้งยังขอโทษเขาทันทีทันใดมันทำให้ชายหนุ่มสวมแว่นรู้สึกแปลกประหลาดใจมาก
อย่าลืมว่าหล่อนเป็นใครหล่อนเป็นถึงคุณหนูสาวตระกูลใหญ่เป็นชนชั้นนำทางสังคมเป็นชนชั้นที่ไม่ว่าไปที่ไหนล้วนสามารถใช้งานอภิสิทธิ์อิทธิพลได้เต็มที่ ทั้งที่ควรจะเป็นแบบนั้นหล่อนควรจะแสดงพลังอำนาจออกมาตลอดเวลาตามฐานะของตัวเอง
กับเลือกกระทำตรงกันข้าม ไม่อวดเบ่ง ไม่เย้ยหยิ่ง ไม่หยิ่งยโส เหมือนกับใครหลายคนในโรงเรียนที่แสดงอำนาจเงินทองแสดงอำนาจทางสังคมโดยไม่คิดสนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น
กล่าวสำหรับเขาแล้ว คุณหนูเมญ่าตระกูลเอมเมอริซ หล่อนช่างเป็นคนที่แปลกแยกแปลกประหลาดเหลือเกินแปลกจนน่าขนลุกเวลาอยู่ใกล้ชิดแนบติด
ทราเวียร์เผยรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
…‘เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี’
“…”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แค่คุณเข้าใจก็พอแล้ว”
ขณะความเงียบงันกำลังเข้ากลืนกินบรรยากาศ
ติ่ง!
ในที่สุดช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง
สัญญาณไฟแดงในตอนแรกเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีเหลืองก่อนไปหยุดที่เสียงเขียว พอชายหนุ่มสวมแว่นพบเห็นสีเขียวบนป้าย เจ้าตัวก็ไม่รอช้ารีบก้าวข้ามถนนทันที
ทั้งยังก้าวเดินด้วยความเร็วชนิดที่ว่าไม่คิดรอคอยให้ใครหน้าไหนตามติด หลังจากเดินต่อเนื่องนานร่วมเกือบสิบนาทีเจ้าตัวก็เริ่มหอบเอาเอาอากาศเข้าปาก
หวังดับร้อนร่างกาย
…‘เกือบไปแล้วไหมละ?’
“…”
“โคตรจะอึดอัด”
“อึดอัดอะไรเหรอ?”
“…”
“คะ คุณ”
ทราเวียร์รีบหันกลับไปมองข้างกายของตน
และสิ่งที่เขาพานพบเห็นก็คือรอยยิ้มงามสง่าตามเดิม ทั้งที่เขาออกเดินรวดเร็วยิ่งยวดไม่คิดปล่อยผ่านปล่อยให้หล่อนเดินตามติดทั้งที่พยายามขนาดนั้นพยายามเดินให้เร็วที่สุด
แต่หล่อนก็ยังมาหยุดยืนข้างกายเขาอยู่ดี
ทราเวียร์ถามเสียงอ่อน
ถามโดยไม่พึ่งสมอง
“…”
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
“เดินตามมาค่ะ”
“ตามติดมาตลอด”
“ทะ ทำไมล่ะ”
“…” เมญ่ายิ้มใสซื่อบริสุทธิ์
ขณะใช้นิ้วแตะปลายคางตัวเอง
ก่อนตอบกลับมา
“นั่นสิค่ะ”
ไม่มีคำตอบชัดเจนออกมาให้เห็น
สุดท้ายปลายทางไม่ว่าเขาจะพยายามร้องถามหล่อนยังไง หล่อนก็ยังยืนยันตามเดิมว่าหล่อนต้องการก้าวเท้าเดินหน้าไปโรงเรียนไม่มีเจตนาตามติดเขาเลยแม้แต่น้อย
เริ่มแรกก็พอเชื่อถือได้อยู่บ้างแต่พอนานเข้ามันกับชวนให้รู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน
…‘คิดจะตามไปถึงไหน?’
“…”
ทราเวียร์หรี่ตามอง
ทั้งยังไม่ใช่แววตาปรกติธรรมดา
แต่เป็นแววตาที่แอบแฝงไปด้วยความรำคาญขั้นสุด
ความรู้สึกที่โดนใครสักคนจับจ้องมองแผ่นหลังตลอดเวลา มันช่างเป็นอะไรที่น่ารำคาญเหลือเกินน่ารำคาญจนเกือบเผลอทำอะไรต่อมิอะไรไปโดยไม่ทันรู้ตัว
จนสุดท้ายปลายเมื่อทราเวียร์ตัดสินใจเด็ดขาดเลือกนิ่งเงียบไม่คิดขยับเคลื่อนไหวไปไหน เมญ่าที่ไม่ทันระวังตัวเอาแต่จ้องมองแผ่นหลังเขาก็เดินชนเข้าให้อย่างจัง
แรงชนทำให้หล่อนก้าวเท้าถอยหลังไปหลายต่อหลายก้าว
ตึง!
“…”
“เจ็บ?”
คุณหนูสาวร้องเจ็บปวดทันที
ก่อนเงยหน้ามองทราเวียร์ หน้าผากที่เคยขาวเนียนเริ่มมีสีแดงอมชมพูแต่งแต้มเติมเข้ามา บ่งบอกให้รับรู้ว่าแรงกระแทกเมื่อครู่ไม่ใช่แรงกระแทกเบาบางอย่างแน่นอน
หล่อนยกมือกุมหน้าผากตัวเองก่อนเม้มปากแน่น
“…”
“คุณ?”
“คือว่านะ”
“ตามีมองทำไมไม่มองทางเดิน”
“มามองผมทำไม?”
ทราเวียร์ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายถามกลับไป
ไม่รู้หรอกนะว่าเป้าหมายแท้จริงของคุณหนูสาวมันจะเป็นมายังไง แต่การโดนจับจ้องมองเขม็งตลอดระยะเวลามันค่อนข้างเป็นอะไรที่ยุ่งวุ่นวายน่ารำคาญเหลือเกิน
เมญ่ากะพริบตามองก่อนกล่าวตอบกลับไป
ตอบด้วยรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์
“…”
“ดิฉันมองแล้วนะคะ?”
“มองทางเดิน?”
“…”
พอเห็นสายตาจ้องจับผิดตลอดเวลา
“ค่ะ” เมญ่าก็เลือกตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
พร้อมหลบเลี่ยงสายตา
หลบเลี่ยงไม่คิดจ้องมองสวนกลับ
…‘โกหกได้โคตรแย่’
“…”
ท่วงท่าที่หล่อนแสดงออกมา
ต่อให้มองจากดาวอังคารก็ยังรู้เลยว่าโกหก
ส่วนเหตุผลที่ต้องโกหกเขาเองก็พอคาดเดาได้บางส่วน และเพราะคาดเดาได้บางส่วนเขาจึงล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาแท้จริงเป็นมายังไง
เพื่อหวังให้ความจริงปรากฏ
ทราเวียร์จึงเดินหน้าไล่บี้ต่อ
“…”
“นี่คุณครับ”
“ขนาดตอบคำถามคุณยังไม่ยอมมองหน้าผมเลย”
“แล้วจะให้ผมเชื่อถือได้ยังไง?”
“…”
“ดิฉันไม่ได้โกหกสักหน่อย”
“ทำไมต้องมาจ้องจับผิดกันด้วย”
พอเห็นเมญ่ากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ
ทราเวียร์ถึงกับกุบขมับแน่น
“…” ก่อนถอนหายใจจนเกล้าขั้นสุด
“เชื่อเขาเลย”
“ถ้ามีอะไรอยากจะถามก็ถามมาเถอะครับ”
“ผมพร้อมตอบเสนอ”
“ขอแค่อย่าจ้องจับผิดตลอดเวลาก็พอ”
“ดิฉันเนี่ยนะที่จ้องจับผิด?”
“หรือไม่ใช่?”
ต่อให้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
พอได้ยินชายหนุ่มสวมแว่นบอกกล่าวตามตรงทั้งยังพยายามจับผิดหล่อนไม่ปล่อยผ่าน ทำเอาคุณหนูสาวถึงกับหน้ามืดจำต้องร้องเปิดปากสวนกลับไป
ร้องกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปรกติหลายเท่าตัว
ร้องจนชายหนุ่มสวมแว่นยังตื่นตระหนกตกใจ
“ไม่ใช่ค่ะ!”
“ดิฉันแค่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“เหมือนเคยเจอคุณจากที่ไหนสักแห่ง?”
“…” ทราเวียร์หรี่ตามอง
มองหญิงสาวด้วยแววตาแปลกประหลาด
“มุกจีบสาว?”
“ไม่สิต้องเรียกว่าจีบหนุ่มสินะ”
“มะ มุกจีบหนุ่ม?”
“มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง?!”
“ที่สำคัญทำไมฉันต้องไปจีบคุณด้วย?!”
กล่าวจบคุณหนูเมญ่าก็เริ่มกระทืบเท้าไม่พอใจ
หลังจากกระทืบพื้นระบายอารมณ์ไปหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดห้วงอารมณ์เดือดดาลในตอนแรกก็จางหายไปจนหมดสิ้นก่อนหวนคืนกลับสู่สภาพปรกติในที่สุด
หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมเผยแววตาหวังเค้นหาความจริง
…‘เกือบนอกเรื่องไปแล้วไหมล่ะ?’
“…”
“เริ่มกันใหม่ค่ะ”
“เชิญครับ”
“ในเมื่อคุณเปิดโอกาสให้ถาม”
“งั้นดิฉันก็จะถามตามที่คุณบอก”
“…”
“เรา” เมญ่าถามกลับไปตามตรง
“เราเคยเจอหน้ากันมาก่อนรึเปล่าคะ?”
“ไม่ครับ” ทราเวียร์ส่ายหน้าปฏิเสธ
“เราไม่เคยเจอหน้ากัน”
“ไม่เคยแม้กระทั่งเดินผ่านด้วยซ้ำ”
“คำเดิมครับ”
“คุณจำผิดคนมากกว่า”
กล่าวจบทราเวียร์ก็เดินละจากไปทันที
เดินจากไปโดยไม่คิดเปิดช่องทางให้เมญ่าหรือใครคนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายหรือร้องห้ามขัดแย้ง ในขณะเดียวกันขณะที่หล่อนกำลังคิดยื่นมือเข้าหาชายหนุ่ม
กับต้องโดนขัดขวางเสียก่อน
“งั้น—”
“คุณเมญ่า”
“สวัสดีค่ะ คุณเมญ่า”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ผู้เข้ามาขัดขวางล้วนเป็นนักเรียนหญิงสาว
เป็นกลุ่มแฟนคลับผู้หลงใหลในรูปลักษณ์คุณหนูสาวผู้มากไปด้วยบารมีมากมาย และด้วยการเข้ามาขัดขวางของกลุ่มหญิงสาวเบื้องหน้าทำให้คุณหนูสาวต้องสูญเสียโอกาส
สูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย
…‘อีกนิดเดี๋ยวเท่านั้นเอง’
“…”