เพื่อชดใช้หนี้ 2 ล้าน ฉันจึงเข้าร่วมระบบจอมเวทย์ค่ะ !! - ตอนที่ 15 ตายซ้ำตายซาก
“อึก ! เข้าใจแล้ว งั้นฉันจะทำให้เธอทุ่มเทกำลังทั้งหมดมาจัดการฉันให้ได้เลย”
คราวนี้ สู้กันทั้งหมด 5 ยก ยกละ 30 นาที สถานที่คือเมืองมาซากุระเช่นเดิม
สิ้นเสียงประกาศอันมุ่นมั่นของเอวา การต่อสู้รอบที่สองก็เริ่มขึ้น เอวาพุ่งเข้าประชิดมาริซ่าโดยทันที
‘จะทำให้เหนื่อยจนไม่มีแรงไปล่ามอนสเตอร์เลยค่ะ ’
แน่นอนว่า มาริซ่าที่คิดเช่นนั้นก็ไม่คิดจะออมมือ
ท่ามกลางทุ่งดอกไม้กลางสวนหย่อมของศาลากลางจังหวัด เอวาก็พุ่งตรงไปข้างหน้า ในขณะที่มาริซ่าก็กระโดดถอยหลังออกไปทีละเมตรราวๆสามก้าว
พรึ่บ !
ลำแสงสีฟ้าก่อตัวขึ้นบนคริสตัลสีฟ้าที่ปลายคฑา เธอชี้คฑาไปที่เอวาแล้วเอ่ยวัจนะมนตราออกมา
“วอเตอร์บอล!”
ลูกบอลน้ำสามลูกถูกยิงไปข้างหน้าเพื่อลองเชิง
พอเห็นการโจมตีที่ใกล้เข้ามา เอวาก็หาได้ป้องกัน หากแต่พุ่งตรงมาข้างหน้าโดยไม่ชะลอความเร็วลงแม้แต่น้อย
กลับกันในเสี้ยววิที่เข้าประชิดกับบอลน้ำ เธอก็พลิกตัวหลบอย่างงดงาม
เอวาแบมือขวาออกไปข้างหน้า พร้อมกันนั้นแหวนสีทองในมือที่มีคริสตัลสีเหลืองฝังอยู่ก็เปร่งแสงสีเหลืองเรืองรองให้เห็น
“ธันเดอร์โบลท์ !!! ”
สายฟ้าสามเส้นพุ่งเข้าใส่มาริซ่าที่ไร้ซึ่งการป้องกัน
แสงเดินทางเร็วกว่าเสียง
ชั่วพริบตาสายฟ้าสามเส้นก็เข้าประชิดร่างเธอในระยะหนึ่งเมตร ก่อนที่จะมีเสียงฟ้าผ่าดังตามหลังมา
เปรี้ยง !
“วอเตอร์บอล !”
ซ่า !
กระนั้นแล้ว เธอกลับเสกลูกบอกน้ำออกมาอย่างรวดเร็วและใช้มันรับสายฟ้าสามเส้นอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด
ทว่า เอวาก็ไม่ใจดีถึงขนาดให้มาริซ่าพักหายใจ เธอแบมือไปข้างหน้าและร่ายเวทย์ซ้ำอย่างรวดเร็ว
“ธันเดอร์โบลท์ !!! ”
ทว่า มาริซ่าก็เล็งคฑาไปข้างหน้าแทบจะในทันทีที่ปัดป้องการโจมตีครั้งแรกได้สำเร็จ
“วอเตอร์บอล !”
เปรี้ยง !
ซ่า !!!
สายน้ำปะทะบอลน้ำแล้วระเบิดกลางอากาศ
ความร้อนพวยพุ่งกระจายออกรอบข้าง ในขณะที่บอลน้ำที่ระเบิดเป็นเสี่ยงๆก็แปรสภาพเป็นหยดน้ำที่กระจัดกระจายออกไปโดยรอบ
ท่ามกลาง หยดน้ำที่โปรปรายลงมา
ทั้งสองฝ่ายก็จับจ้องฝ่ายตรงข้ามไม่วางตา มาริซ่าร่นถอยหลังพลางร่ายเวทย์ป้องกัน ส่วนเอวาก็วิ่งเข้ามาพลางเสกสายฟ้าใส่ซ้ำแล้วซ้ำอีก
เปรี้ยงๆๆๆๆ ตู้มมมมม
เกิดภาพการต่อสูอันดุเดือดของสองจอมเวทย์ที่คนหนึ่งฟาดสายฟ้าใส่ซ้ายขวาสลับบนล่าง ในขณะที่อีกคนก็สะบัดคฑาเสกบอลน้ำขึ้นมาปัดป้องและสลายสายฟ้าออกไปทีละเส้น
บอลน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าปะทะกับสายฟ้าก่อนจะสลายหายไป
และสายฟ้าชุดใหม่ที่พุ่งมาก็ถูกบอลน้ำป้องกันได้ทุกครั้งไป
ทั้งสองสะบัดมือแกว่างคฑา ย้ำเท้าก้าวร่นถอยหลัง ก่อนกระโจนเข้าหากันแล้วร่ายเวทย์เข้าโรมรัน
ระยะห่างเพียงหนึ่งเมตรถูกย่นเข้าหาในชั่วพริบตา
เอวาสะบัดแขนขวาไปข้างหน้า ในขณะที่มาริซ่าก็แทงคฑาลงไปที่เอวาเช่นเดียวกัน
“ธันเดอร์โบลท์ !!! ”
“วอเตอร์บอล !!!”
ครืนนนนนนน
ปลายคฑาที่ปลดปล่อยลำแสงสีฟ้าออกมาเข้าปะทะกับแหวนสีทองในนิ้วมือเรียวเล็กที่เปล่งแสงสีเหลืองอย่างรุนแรง
คลื่นพลังสีฟ้าและสีเหลืองดันกันไปดันกันมาระหว่างทั้งสองที่ไม่มีใครยอมใคร
“อึก !”
เอวากัดฟันแน่น ในขณะที่ร่างทั้งร่างของเธอสั่นสะท้าน
หลังพลังของทั้งคู่เข้าปะทะกันได้ไม่ถึงนาที มันกลับเป็นฝ่ายเอวาเองที่เริ่มจะเสียเปรียบ
แสงสีฟ้าค่อยๆกลืนกินแสงสีเหลืองอย่างช้าๆ
เอวาที่เริ่มจะรู้สึกตัวถึงความพ่ายแพ้ที่จะใกล้เข้ามา จึงตัดสินใจปลดการโจมตีแล้วสไลด์ตัวออกด้านข้าง
ควับ !
เธอกระโดดเข้าหามาริซ่าจากทางด้านขวาที่อยู่ในสภาพเปิดโล่งเพราะเธอยังคงชี้คฑาไปข้างหน้าอยู่
เสี้ยววิที่เห็นช่องว่าง เอวาก็เหยียบเท้าซ้ายให้มั่นและพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าพร้อมแบมือขวาอีกครั้ง
‘วงแหวนแห่งซุส’
นั่นคือชื่อแหวนที่เป็นศาตราวุธของเอวาซึ่งช่วยในการจำแลงเวทมนต์ออกมา เช่นเดียวกับมาริซ่าที่มีศาตราวุธคือ คฑาน้ำตาแห่งสายธาร
จอมเวทย์แต่ละคนต่างก็มีชุดอาภรณ์เวทย์และศาตราวุธต่างกันไป ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นจอมเวทย์ อย่างเช่น หมัดเมาหลินๆเองก็มีชุดกี่เพ้าและไม้กระบอง หรือ จอมเวทย์วิถีอัศวินที่มีชุดเกราะและดาบกับโล่
ศาตราวุธคือสิ่งที่ช่วยในการสำแดงมนตราออกมา และ มีรูปลักษณ์ขึ้นอยู่กับความปราถนาหรือจิตวิญญาณของจอมเวทย์แต่ละคน
แสงสีทองที่เปล่งออกมาอย่างแรงกล้าจากวงแหวนแห่งซุสในมือของเอวาทำให้รับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะจัดการศัตรูตรงหน้า
“ธันเดอร์—-”
ผัวะ !
“แค่ก !”
แต่แล้วก่อนที่จะร่ายเวทย์ได้สำเร็จ หน้าแข็งขาวๆก็กระแทกเข้ากับใบหน้าของเธอเข้าอย่างจังจนสติของเอวาพร่าเลือนไปชั่วขณะ
การล่อหลอกราวกับเด็กๆใช้กับมาริซ่าผู้แท้จริงแล้วเป็นถึงจอมเวทย์ระดับอาดามันเที่ยมไม่ได้ผล
ในเสี้ยววิที่เอวาลำพองใจว่าจะชนะ มาริซ่าก็รวบรวมพลังเวทย์ไปที่ขาซ้ายตามสัญชาติญาณแล้วเตะเข้าใส่คุณแม่มดผมทองอย่างรวดเร็ว
“อึก !”
ความรู้สึกเวียนหัวทำให้เอวาเดินเซและเกิดเสียงวิ้งเต็มหูไปหมด
หากเป็นแรงถีบของคนทั่วไปโดนแค่นี้อย่างมากก็สลบ แต่ทว่า สำหรับจอมเวทย์ชั้นสูงแล้วหากใส่พลังเวทย์ลงไปในร่างกายของตัวเองแล้วออกแรง พลังกายจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเป็นทวีคูณ
มาเล่าตอนนี้อาจจะสายเกินไปเสียหน่อย แต่มันคือความรู้พื้นฐานที่มาริซ่าฟังผ่านๆจากจิบิม่อนในตอนแรกๆที่เป็นจอมเวทย์
โดยทั่วไปเวทมนต์ จะแบ่งออกเป็น 6 ธาตุหลักคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มืด และ แสง
ธาตุดิน มีจุดเด่นที่ เสริมสร้างการป้องกัน และ สรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ
ธาตุไฟ มีจุดเด่นที่พลังทำลายอันรุนแรงไร้ขีดจำกัด
ธาตุลม มีจุดเด่นที่ ความว่องไว และ การโจมตีอันเป็นอิสระ
ธาตุน้ำ มีจุดเด่นที่การสนับสนุนเป็นหลักซึ่งเน้นดีบัพใส่ศัตรู และ มีความสามารถในการรักษาทางกายภาพ
ธาตุแสง มีจุดเด่นที่เน้นการสนับสนุนเพิ่มบัพให้เป้าหมาย และ มีความสามารถในการรักษาความเสียหายทางจิตใจและจากเวทมนต์
ธาตุมืด มีจุดเด่นที่พลังคำสาปอันร้ายแรงซึ่งใช้งานซับซ้อนมากที่สุดในธาตุทั้ง 6
และ พื้นฐานของเวทย์ทั้ง 6 ธาตุจะมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘เวทย์ไร้ธาตุ’
โดย ‘เวทย์ไร้ธาตุ’ ที่ว่าก็คือเวทย์พื้นฐานที่จอมเวทย์ต่างก็มีกันทุกคน โดยส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับการเสริมกำลังกายให้กับร่างกายของจอมเวทย์เป็นหลัก และ ทุกคนต่างก็ใช้งานเวทย์ไร้ธาตุกันโดยไม่รู้ตัวอยู่แล้ว เช่น เวลาที่สามารถวิ่งไปตามหลังคาบ้านด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ นั่นก็เป็นผลมาจากเวทย์ไร้ธาตุที่เสริมไปยังขาทั้งสองข้างเช่นเดียวกัน
ตามปกติ มีจอมเวทย์ไม่มากที่จะถนัดเวทย์ธาตุทั้ง 6 สายขึ้นมาตั้งแต่ที่ลืมตาตื่นครั้งแรก
หากเปรียบการเติบโตของจอมเวทย์เป็นดั่งขั้นบันได
ขั้นล่างสุดของขั้นบันไดก็คือ เวทย์ไร้ธาตุ
จอมเวทย์ที่ไม่ถนัดธาตุใดๆเป็นพิเศษจะเริ่มจากบันไดชั้นล่างสุดนี้ก่อนแล้วค่อยๆก้าวพัฒนาขึ้นไปทีละขี้น จนกระทั่งบรรลุเวทย์ไร้ธาตุได้สำเร็จ พวกเขาก็จะมาถึงบันไดทางแยก 6 ทาง ซึ่งแต่ละทางก็จะเป็นเวทย์ 6 ธาตุที่ต่างกันให้พวกเขาได้เรียนรู้ต่อ
กลับกัน จอมเวทย์ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมความถนัดเวทมนต์ในธาตุต่างๆตั้งแต่แรก มันก็เปรียบเสมือว่าคนๆนั้นคือผู้ที่ยืนอยู่บนบันไดขั้นเหนือกว่าจอมเวทย์ๆทั่วไปตั้งแต่เริ่ม คนเหล่านั้นจะบรรลุเวทย์ขั้นพื้นฐานทั้งหมดตั้งแต่เริ่มโดยไม่ต้องฝึกฝน และ อยู่บนหนึ่งในบันไดที่แยกออกไปอีก 6 ทาง ซึ่งเมื่อพวกเขาถนัดธาตุใดธาตุหนึ่งไปแล้วก็เปรียบเสมือนเดินขึ้นบันไดไปอีกทาง ไม่สามารถกระโดดไปมาระหว่างบันไดได้ ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้เวทย์สองธาตุได้ในเวลาเดียวกัน
ทว่า หากจอมเวทย์ที่ถนัดธาตุใดธาตุหนึ่งเดินทางไปถึงขอบของศาสตร์เวทย์ธาตุนั้นๆ มันก็จะบันไดอีกขั้นที่ขมวดรวมบันไดทั้ง 6 ทางเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถเรียนรู้เวทย์ธาตุอื่นเพิ่มได้
กล่าวโดยสรุป สำหรับจอมเวทย์ที่ไม่มีธาตุที่ถนัด พวกเขาจะต้องเรียนเวทย์พื้นฐานจนบรรลุถึงแก่นระดับหนึ่งจึงจะสามารถเรียนรู้เวทย์เฉพาะธาตุได้ ส่วนจอมเวทย์ที่ถนัดเวทย์ธาตุใดธาตุหนึ่งอยู่แล้ว ก็จะมีความรู้เวทย์ขั้นพื้นฐานครบสมบูรณ์ตั้งแต่เริ่ม สามารถใช้เวทย์ธาตุนั้นได้ทันที และ จะสามารถเรียนรู้เวทย์ธาตุอื่นได้ก็ต่อเมื่อบรรลุธาตุที่ตนถนัดเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน
สำหรับสายฟ้าของเอวา ถือ เป็นหนึ่งในศาสตร์ย่อยแขนงหนึ่งของเวทย์ธาตุแสง
ส่วนการโจมตีของมาริซ่าเมื่อซักครู่คือเวทย์ไร้ธาตุเพียวๆที่เธอก็ออกแรงถีบไปตามปกติ หากแต่ใส่พลังเวทย์เพิ่มเข้าไปในหน้าแข้ง
ยิ่งเธอใส่พลังเวทย์ลงไปมาก แรงถีบของเธอก็จะยิ่งมีพลังทำลายมากขึ้น
ในความเป็นจริงแล้วสำหรับมาริซ่าที่มีพลังเวทย์เป็นหลักหมื่น
หากเธอจ่ายพลังเวทย์ทั้งหมดไปกับการโจมตีเมื่อครู่ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากหัวของเอวาจะระเบิดคาหน้าแข้งของเธอ
กระนั้นแล้วด้วยเวลาที่กระชั้นชิด เธอก็คงไม่สามารถถ่ายโอนพลังเวทย์ไปได้ทั้งหมด แต่ก็อยู่ในระดับที่เพียงพอจะทำให้กะโหลกของเอวาแตก
ทว่า เวทย์ไร้ธาตุของเอวาก็ทำงานโดยอัตโนมัติและเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวเพื่อรองรับการโจมตีเช่นเดียวกัน
แต่ถึงอย่างงั้น การโจมตีของมาริซ่า ก็ยังทะลุการป้องกันนั้นไปจนกระทบกระเทือนสมอง แรงกระแทกทำให้เกิดอาการเวียนหัวอย่างรุนแรง จากการบาดเจ็บจากภายในศีรษะ
ในมุมมองของเอวา จึงเห็นภาพเหมือนกับว่ามีมาริซ่าหลายคนกำลังเล็งคฑามาที่เธอ
กรอด….
เอวากัดฟันแน่น เธอพยายามเบิกตากว้างเพื่อจับจ้องการโจมตีไม่ให้คลาดสายตา
“วอเตอร์บอล !”
กระสุนน้ำ 5 นัดติดถูกยิงเข้าใส่เธอ แต่ภาพซ้อนหลังอาการเวียนหัวก็ทำให้เห็นเพิ่มเป็น 25 นัด
เอวาจึงรีบกระโดดหลบไปทางขวาสุดฝีเท้าเพื่อให้พ้นระยะการโจมตี แต่แล้วสถานะมึนงงของเธอก็ทำให้ขาของเธอก้าวพลาดขาพันกันและล้มหัวฟาดพื้น
ฟุบ !
ทว่า นั่นก็เป็นโชคดีในโชคร้าย บอลน้ำ 5 ลูกพุ่งผ่านหัวของเธอไปอย่างน่าอัศจรรย์
“………..”
มาริซ่าขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลบได้เพราะดวง ส่วนเอวาที่ถอนใจอย่างโล่งอกก็รีบวางมือลงไปที่พื้น
แฉะ….
ฝ่ามือสัมผัสผืนน้ำที่เปียกชุ่ม
หลังการปะทะกันระหว่างบอลน้ำและสายฟ้านับครั้งไม่ถ้วน พื้นที่โดยรอบที่มาริซ่ายืนอยู่ได้กลายเป็นแอ่งน้ำ
รอบกายของเอวานั้นแห้งสนิท ต่างจากมาริซ่าที่ยืนอยู่บนแอ่งน้ำอย่างสิ้นเชิง
ดวงตาที่แฝงด้วยความมุ่งมั่นซึ่งเงยขึ้นมองเธอจากบนพื้นทำให้มาริซ่ารู้ได้ในทันทีว่าเอวาวางแผนจะทำอะไร
“อิเล็กทริกส์ชาร์จ !!!”
เปรี๊ยะๆๆๆๆๆๆ
แหวนสีทองเปล่งแสงเจิดจ้า ก่อนที่วินาทีถัดมาทั่วร่างของเธอตั้งแต่เส้นผมลามไปจนถึงปลายเท้าจะปรากฎกระแสไฟฟ้าห่อหุ้มทุกๆส่วน
อิเล็กทริกส์ชาร์จ คือ เวทย์สายฟ้าที่ช่วยสร้างกระแสไฟฟ้าห่อหุ้มร่างกาย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการโจมตีทำให้ใครก็ตามที่สัมผัสถูกไฟช็อตจนเป็นอัมพาต หรือใครก็ตามที่โจมตีเธอด้วยมือเปล่าก็จะถูกช็อตเช่นเดียวกัน
กระแสไฟที่สถิตอยู่ในมือของเธอลามไปยังแอ่งน้ำซึ่งถือเป็นตัวนำไฟฟ้าชั้นยอด
มาริซ่าที่ยืนอยู่ท่ามกลางผืนน้ำและมีเวทย์หลักเป็นธาตุน้ำจึงเสียเปรียบอย่างชัดเจน
เพียงไม่นาน กระแสไฟฟ้าก็กระจายไปทั่วพื้นที่ที่มาริซ่ายืนอยู่และเข้าหาตัวเธอแทบจะในทันที
เธอจะต้องกลายเป็นอัมพาตอย่างแน่นอน และ ช่วงนั้นแหล่คือโอกาสเผด็จศึก นั่นคือสิ่งที่เอวาคิด
แต่ทว่า—-
แกร๊ก !
ทันใดนั้นเองเมริซ่าก็เคลื่อนไหวอย่างพริ้วไหวอ่อนช้อย
เธอปักคฑาลงไปบนพื้น จากนั้นก็เขย่งปลายเท้าสองข้าง ในขณะที่มือซ้ายจับไม้คฑาให้มั่น และร่างอันบอบบางก็วาดลวดลายตีลังกาขึ้นไปยืนอยู่บนไม้คฑาอย่างงดงาม
เอวาถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวอันงดงามผิดธรรมชาติ
กระโปรงยาวเปิดขาด้านข้างสะบัดพริ้วเผยให้เห็นขาอ่อนเนียลขาว เรือนผมสีเขียวนุ่มสลวยปลิวสยายและสะบัดลออองน้ำกระเด็นออกมาอย่างประปรายราวกับเป็นฉากหลังแต่งแต้มท่วงท่าการวาดขาก้าวกระโดดขึ้นฟ้าอย่างวิจิตรดั่งภาพศิลป์
ในเสี้ยววิที่เธอเผลอจ้องหญิงสาวที่ยืนอยู่บนไม้คฑาด้วยปลายเท้าอย่างสง่างามตาค้าง มาริซ่าที่รอดพ้นจากการโดนไฟดูดโดยการกระโดดขึ้นมาบนไม้คฑาของตัวเองก็สล่ะมันทิ้งอย่างไม่ลังเล
สตรีผมเขียวผู้อ่อนช้อยทั้งรูปร่างและท่าทาง ก้าวเท้าขวาออกมาข้างหน้าอย่างมั่นคง ก่อนที่แรงโน้มถ่วงจะฉุดร่างของเธอไปยังแม่มดผมทองที่อยู่ตรงหน้า
“อึก !”
เอวารีบพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว
โครมมมมม
ชั่วพริบตา แรงกระแทกจากฝ่าเท้าอัดด้วยพลังเวทย์ก็ทำให้พื้นดินเกิดรอยร้าว หากเมื่อกี้เธอหลบไม่ทันร่างกายของเธอคงได้รับความเสียหายจากแรงเหยียบไม่ใช่น้อย
กึก !
แต่มาริซ่าก็ไม่รอช้ายกเท้าขวาขึ้นและย่ำไปยังเอวาที่นอนหมอบอยู่ที่พื้นซ้ำอีกรอบ
“อึก ! บ้ารึเปล่า !? ทิ้งคฑาไปเลยเนี่ยนะ ?”
เอวาไม่เคยเจอจอมเวทย์ที่ไหนใจกล้าถึงขนาดทิ้งคฑาและซัดอีกฝ่ายตัวต่อตัวมาก่อน
เธอรีบพลิกตัวหลบรอบที่สอง
โครม !
จากนั้นเธอก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเท้าจมลงไปในพื้น แบมือไปข้างหน้าและร่ายเวทย์โจมตีเข้าใส่
“ธันเดอร์โบลท์ !!! ”
ฟุบ !
กระนั้น สายฟ้าฟาดอันรุนแรงก็ไม่อาจต่อกรกับหญิงสาวผู้มองตรงไปข้างหน้าด้วยความสงบนิ่ง
ดวงเนตรสีไพรินนิ่งสงบดุจผืนน้ำ ลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอหาได้เร่งรีบเร่งเร้าเหมือนกับแม่มดผมทองที่กลิ้งไปกลิ้งมาไม่หยุด
เพียงแค่มาริซ่าเอียงคอหลบ การโจมตีก็พลาดเป้าใบหน้าของเธอไปอย่างง่ายดาย
ในขณะที่เอวากลิ้งจนสร้างระยะห่างได้สำเร็จ เธอก็รีบพลิกตัวขึ้นมายืนเพื่อเตรียมโถมร่างที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าเข้าใส่
ต่อให้มาริซ่าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่จอมเวทย์ที่ทิ้งคฑาไปแล้วมีหรือจะสู้กับจอมเวทย์ที่พร้อมร่ายเวทย์เต็มร้อย
ชัยชนะที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกสะท้อนอยู่บนนัยน์ตาของเอวา
เธอไม่รอช้ารีบง้างหมัดขวาเข้าใส่หน้ามาริซ่า
กึก !
กระนั้นแล้ว มาริซ่ากลับเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ
มือขวาที่ขนาบข้างตัวกดลงไปบนเมจิคัลโฟนอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเองวัตถุทรงกระบอกอัดแน่นด้วยกระสุนก็หล่นตุ้บลงมาที่มือซ้ายของเธอ
“———-!!!”
อาวุธที่ตกอยู่ในมือของมาริซ่ากระทันหันทำให้เอวาเสียจังหวะเพราะเหลือบไปมองเล็กน้อย
แต่กระนั้นแล้ว การโจมตีที่ปล่อยออกไปก็ไม่สามารถห้ามได้ทัน
ปัง !
ผัวะ !
“อึก !”
ชั่วพริบตาทั้งสองก็แลกการโจมตีใส่กันและกัน หมัดของเอวาพุ่งเฉียดใบหูจนกระแสไฟฟ้าทำให้มาริซ่ารู้สึกชาหน้าเล็กน้อย กลับกัน กระสุนปืนลูกกลมๆขนาดเท่ากำปั้นที่มาริซ่ายิงออกไปก็กระแทกเข้ากับหน้าเอวาอย่างจัง
แก้มของเอวายุบลงไปจนเกิดรอยบวมแดง ความรู้สึกปวดทำให้เธอถึงกับน้ำตาเล็ด
กระนั้นก่อนที่ลูกกระสุนจะตกลงไปที่พื้น แรงกระแทกก็กระตุ้นให้มันปล่อยควันสีขาวออกมา
“—- !?”
ทันทีที่เผลอสูดแก๊สปริศนาเข้าไป เอวาก็รู้สึกระคายคอ หายใจไม่สะดวก และ ร้อนผ่าวไปทั่วหน้าราวกับมีไฟมาเผา
“แก๊สน้ำตา ?”
ไม่อยากจะเชื่อ ? เธอไม่เคยเจอจอมเวทย์ที่ไหนเอาอาวุธธรรมดาๆพรรคนี้มาใช้ต่อสู้มาก่อน
แน่นอนว่า มาริซ่าที่ยังคงนิ่งสงบก็รัวยิงไปยังเอวาที่กำลังอยู่ในสภาวะสับสนและการมองเห็นถูดบดบังจากน้ำมูกน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
ปังๆๆๆ
พลั่กๆๆ
กระสุนแก๊สน้ำตากระแทกเข้าที่แขนขาทั้งสี่ข้างจนร่างเล็กๆเดินเซ ฝุ่วควันที่ปกคลุมทั่วร่างซ้ำเติมการมองเห็นของเธอให้แย่ยิ่งกว่าเก่า อีกทั้งยังแสบหูแสบจมูกไปหมดจนตั้งสมาธิไม่ได้
“อึก ! ยังหรอกน่า”
กระนั้นท่ามกลางความทรมานที่เกิดขึ้น เอวาก็ยังไม่แพ้ ตราบใดที่เธอไม่คลายอิเล็กทริกส์ชาร์จ
มือเปล่าๆไม่มีทางแตะต้องตัวเธอที่ห่อหุ้มด้วยกระแสไฟฟ้าได้อยู่แล้ว
แถมระยะห่างระหว่างคฑาและพวกเธอก็ไม่ใช่น้อยๆ หากมาริซ่าวิ่งกลับไปหยิบคฑาเอวาก็คงหายจากอาการแสบตาแล้วกลับมาต่อสู้ได้ในทันที หรือต่อให้มาริซ่ายิงแก๊ซน้ำตาอัดเธอรัวๆ มันก็เท่านั้น อย่างมากก็แค่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บเฉยๆ ไม่ได้สร้างบาดแผลฉกรรจ์หรือถึงตาย ยังไงจอมเวทย์ก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
เอวาไม่สงสัยเลยว่า มาริซ่าจะฉวยโอกาสนี้พุ่งไปหยิบคฑาของตนกลับมา
แต่ทว่า—-
พานท้ายปืนถูกยกขึ้นฟ้า ท่าจับปืนถูกพลิกจากด้ามจับไปปลายกระบอกปืน
หลังชูพานท้ายปืนขึ้นเหนือหัว มาริซ่าก็ใช้สองมือฟาดปืนลงมาที่หัวของเอวาอย่างรวดเร็ว
พลั่ก !
“อั่ก !”
แรงกระแทกที่กระทบเข้าที่ศีรษะอย่างจังทำให้รูปปืนบิดเบี้ยวไปพร้อมๆกับเอวาที่ล้มหัวฟาดพื้น
ด้วยพานท้ายที่ทำจากฉนวนไฟฟ้า เกราะป้องกันสายฟ้าอ่อนๆนั่นจึงไม่ได้ผล
“อะ เดี๋ยว !?”
ในขณะที่ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเรือน เอวาก็มองเห็นเงารางๆยกพานท้ายปืนอีกครั้งแล้วฟาดลงมา
พลั่ก !
“อึ่ก !”
เอวาถึงกับหลุดเสียงครางด้วยความทรมานออกมาเมื่อโดนพานท้ายปืนฟาดหัวรอบที่สอง
ทว่า มาริซ่า…เอ็มเพรส มารีนผู้ไร้ความปราณีก็ยกพานท้ายปืนขึ้นอีกครั้ง
พลั่ก !
จากนั้นก็ฟาดใส่หัวของแม่มดผมทองซ้ำอีกรอบ
พลั่กๆๆๆๆๆ
ยกแล้วฟาดๆๆๆๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรุนแรง จนปืนยิงแก๊สน้ำแตกหักออกเป็นสองท่อน
แม่มดผู้น่าสังเวชแขนขากระตุกทุกครั้งที่โดนฟาด จนสุดท้ายสติของเธอก็ดับวูบลงพร้อมๆกับศีรษะที่โดนทุบจนแหลกละเอียด
.
.
.
.
รอบที่ 2 เริ่มได้
เหลือเวลาอีก 30.00
เอ็มเพรส มารีน : แม่มดอัสนี => 1:0
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เอวาที่ยังมึนหัวไม่หายก็ลืมตาขึ้นในสภาพที่ตัวเองยืนประชันหน้ากับอีกฝ่ายเหมือนตอนแรก
สภาพการมองเห็นและร่างกายก็กลับมาเป็นปกติเหมือนทุกอย่าง
เพราะงั้น เธอจึงเห็นแทบจะในทันทีว่า มาริซ่าชี้คฑามาที่เธออย่างไร้ปราณี
“อควาคัตเตอร์ !!!”
“ว๊าย !”
เอวาร้องเสียหลงทั้งน้ำตา ในขณะที่ใบมีดสายน้ำพุ่งเฉี่ยวหัวเธอไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด
ตัวเธอที่กุมหัวน้ำตาคลอเบ้าเพราะยังจำฝังใจถึงความรู้สึกที่โดนทุบหัวจนตายก็บ่นโอดครวญออกมา
“เดี๋ยวก่อนสิ เอ็มเพรส มารีน ยังรู้สึกเจ็บหัวอยู่เลยนะ”
“งั้นจะช่วยให้หายเจ็บอย่างถาวรเองค่ะ อควาคัตเตอร์ !”
“หะ เหวอออออ”
เอวาร้องเสียงหลงขณะกระโดดหลบใบมีดสายน้ำที่พุ่งมาหาเธอรัวๆ
“เดี๋ยวๆๆๆ เดี๋ยวก่อน !!!”
“อควาคัตเตอร์ๆๆๆๆๆๆๆๆ อควาคัตเตอร์ !!!”
ซ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ใบมีดสายน้ำหลายสิบเส้นพุ่งเข้าหาร่างของเธอทุกทิศทาง ซ้ายขวาบนล่างหน้าหลัง
ชั่วพริบตาที่เธอมัวแต่หลบและขอความเมตตา ร่างกายของเอวาก็กลายเป็นชิ้นส่วนกระจัดกระจายตกลงที่พื้นเต็มไปหมด
แม่มดอัสนีผู้น่าสงสาร…ตายอนาถอีกแล้ว
.
.
.
.
รอบที่ 3 เริ่มได้
เหลือเวลาอีก 30.00
เอ็มเพรส มารีน : แม่มดอัสนี => 2:0
“อควาคัตเตอร์ !!!”
“ธะ ธ โธ่เว๊ย ! ธันเดอร์โบลท์ !!!”
คราวนี้เอวารู้แกวแล้ว ทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย เอวาก็รีบร่ายเวทย์ใส่มาริซ่าที่คราวนี้ยิงใบมีดสายน้ำใส่แทบจะในทันทีที่สัญญาณเริ่มขึ้นซึ่งมันเร็วกว่ารอบที่แล้วๆมาเสียอีก !
ในใจของเธอที่กำลังร้อนรน ส่วนหนึ่งก็กำลังร่ำไห้
นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบที่เธอคิดแม้แต่น้อย !
ป่าถือนฉิบหาย โหดเหี้ยมสุดๆ !
แม้แต่ออร์คก็ยังไม่โหดเท่านังนี่เลย !
ซ่าาาาาา
เปรี้ยง !
แต่ทว่า เรื่องอันน่าเหลือเชื่อก็ยังไม่จบ
แทนที่อวาคัตเตอร์โดนกระแสไฟฟ้าของเธอแล้วจะสลายไป มันกลับกลายเป็นว่าสายฟ้าของเธอดันไปชโลมรอบใบมีดสายน้ำแล้วแปรเปลี่ยนเป็นใบมีดน้ำที่เคลือบด้วยสายฟ้าอีกทีและกำลังพุ่งตรงมาที่เธอแทน
“เอ๋ !?”
เอวารีบกระโดดหลบด้วยสีหน้าตกตะลึง ในขณะที่เมริซ่าคิ้วกระตุกเล็กน้อยและอมยิ้มที่มุมปาก
“พึ่งรู้ว่า อวาคัตเตอร์เอาชนะธันเดอร์โบลท์ได้ด้วย ถ้างั้นก็—-”
“หยึย !”
ขนกายทั่วร่างเอวาลุกชัน เธอสัมผัสได้ว่าเรื่องอันเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
“อควาคัตเตอร์ !”
“ว๊าย !”
การโจมตีด้วยใบมีดน้ำรัวๆพุ่งเป้ามาที่เธอ เอวาทำได้เพียงหลบๆๆๆ แล้วก็หลบ พอรู้ว่า ธันเดอร์โบลท์ ของเธอทำอะไรอควาคัตเตอร์ของมาริซ่าไม่ได้ เธอก็เริ่มจะมืดแปดด้าน
หนทางเดียวที่จะจัดการมาริซ่าได้จำเป็นจะต้องใช้เวทย์ที่รุนแรงกว่านี้ ซึ่งเอวาก็นึกเวทย์บทนั้นออก ทว่า เวลาก็มีไม่มากพอ เพราะเวทย์บทดังกล่าวต้องเตรียมการเป็นนาที ซึ่งมาริซ่าก็คงไม่ให้เวลาเธอมากขนาดนั้น
“อควาคัตเตอร์ !”
กึก !
ในระหว่างที่กำลังคิดหาวิธีเอาชนะจนหัวแทบจะระเบิด ขาของเธอก็พันกันจนล้มหัวฟาดพื้น
ฉัวะ !
ใบมีดสายน้ำก็เลยตัดคอขาดอีกรอบจนได้
.
.
.
.
‘จบการต่อสู้’
‘เวลาทั้งหมด 12 นาที 3 วินาที’
‘เอ็มเพรสมารีน เป็นฝ่ายชนะ’
“แฮ่กๆๆๆๆ”
เอวาหอบแฮ่ก พลางพิงร่างลงกับแท่นควบคุม
แม้ร่างกายจะอยู่ครบ แต่ความเจ็บปวดคือของจริง
การตายอนาถสามครั้งติดสร้างภาระทางจิตใจให้กับเธอไม่ใช่น้อยๆ
มาริซ่า มองเอวาที่เหงื่อท่วมหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า กระนั้นแล้วน้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความห่วงใยเล็กน้อย
“พักหน่อยดีกว่าไหม คุณเอวาเริ่มไม่ไหวแล้วนะ”
“อึก ! ยะ ยะ ยัง ! ยังหรอกน่า ถ้ากะอีแค่นี้ยังชนะไม่ได้ แล้วฉันจะเป็นมหาปราชญ์ได้ยังไง”
แม้ขาจะสั่นจนยืนแทบไม่ขึ้น แต่เธอก็ยังลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับมาริซ่าอย่างห้าวหาญ
“กะ กะอีแค่ความเจ็บปวดแค่นี้มันจะเท่าไหร่กันเชียว”
มาริซ่ามองเอวาที่น้ำตาคลอเบ้าด้วยดวงตาตายด้าน บางทีเธอก็เริ่มสงสัยแล้วว่ายัยเด็กนี่มันมาโซรึเปล่า ?
“ฉันว่าพอ—”
“มาเริ่มรอบถัดไปกันเถอะ !”
แม้มาริซ่าจะพยายามยกมือขึ้นมาห้าม แต่เอวาก็รีบตรงไปกดที่แท่นควบคุมรัวๆ
“คราวนี้เพิ่มรอบมากขึ้น ไม่ยอมแพ้หรอกน่า !!!”
“เอ่อ….”
คลิกกๆๆๆๆ
“เอาล่ะ คราวนี้เป็น 10 รอบเลยละกัน !”
“ยะ ยะ เยอะไปแล้วนะ”
มาริซ่าอาจจะเป็นคนที่ดูโหดเหี้ยมไร้ปราณีอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่ใช่พวกโรคจิตที่ชอบหั่นคอเด็กสาว การได้เห็นหัวของเอวากลิ้งกลุกๆไปมาหลายรอบ หรือ การได้เห็นอวัยวะภายในของเอวากระจัดกระจายออกมาจากรอยเฉือน ภาพอันโหดร้ายที่เกิดจากเงื้อมมือของเธอเองก็ทำให้มาริซ่าไม่ค่อยสบายใจซักเท่าไหร่
“น่าๆ ขอแค่ 10 รอบเอง มาเริ่มกันเถอะ !”
จึ้ก !
แล้วก็กดเริ่มเข้าให้—-
‘กำหนดเวลาฝึกซ้อมรอบละ 20 นาที ทั้งหมดรวม 100 รอบ’
‘เกณฑ์การตัดสิน : ประกาศยอมแพ้หรือหมดสติหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส’
‘ความปลอดภัย : คืนสภาพบาดแผลหลังการต่อสู้ทุกๆหนึ่งยก’
‘มอนสเตอร์ : ไม่มี’
‘สแกนเรียบร้อย เริ่มการต่อสู้ได้’
“……………………”
“…………………….”
เมื่อมองไปยังรายละเอียดที่เป็นตัวอักษรบนท้องฟ้า ทั้งสองก็เงียบไปชั่วขณะ
“เอ๋ ?”
เอวาสัมผัสได้ถึงความชิบหาย
เธอใส่เลข 0 เกินมาหนึ่งตัวด้วยแฮะ
“ขอแก้ก่อน—-”
ไม่ไหวๆๆๆๆ ถึงเอวาจะฮึกเหิมแค่ไหน เธอก็รู้ว่า ถ้าโดนตัดคอ 100 รอบเธอต้องตายแน่ๆ
เหงื่อไหลซึมบนใบหน้าที่เย็นเฉียบ มือที่สั่นระริกรีบยื่นไปหาแท่นควบคุม
แต่เพราะหันหลังให้อีกแล้ว มาริซ่าจึงทำหน้าเศร้าและเอ่ยออกมา
“อควาคัตเตอร์ !!!”
“อุ๊ ! เกี๊ยก !”
เอวาร้องเสียงหลง…และแล้วเธอก็หัวขาดแล้วตายคาแท่นควบคุม
หลังจากนั้นการฝึกซ้อมอันโหดร้ายก็ดำเนินต่อไป แม้เอวาจะรับความจริงได้และตัดสินใจว่าจะสู้เลยตามเลยจนถึงที่สุด ทว่า ทุกครั้งที่เธอเกิดขึ้นมาใหม่ เธอก็จะถูกมาริซ่าหั่นคอขาดแทบจะในทันที
จะสู้ด้วยเวทย์สายฟ้าของเธอก็ทำไม่ได้ พอวิ่งหนี มาริซ่าก็ดันวิ่งเร็วกว่าและบั่นคอเธอที่หันหลังให้อย่างง่ายดาย
“ไม่ยอมแพ้หรอกน่า !”
แต่ทุกครั้งที่เริ่มใหม่เธอก็จะพูดเช่นนั้นซ้ำๆ
ฉัวะ !
แล้วก็คอขาด….
“รอบนี้ ฉันจะต้อง—”
ฉัวะ !
แล้วก็คอขาดอีกแล้ว….
“ย้ากกกกก ธันเดอ—”
ฉัวะ….
สุดท้ายก็ตายอีกจนได้
“อึก ! ถ้าทำแค่นี้ยังไม่ได้ จะไปเป็นจอม—”
ฉัวะ !
อืม….ตายอีกแล้ว
“เดี๋ยวสิ ! เมื่อกี้ยังพูดไม่จบ–”
ฉัวะ !
แล้วก็โดนหั่นคอทิ้งอีกรอบ
“ฮึก !”
หลังๆเลยกลายเป็นว่าเอวาสู้ทั้งน้ำตาด้วยใบหน้าอันสิ้นหวัง
“อืออ…อวาคัตเตอร์….”
จนมาริซ่าก็เริ่มอยากจะพอแล้ว แต่ในมื่ออีกฝ่ายยังสู้ได้โดยที่จิตใจยังไม่แตกสลาย เธอจะห้ามเองก็กระไรอยู่
“ย้ากกกก ฮืออออ ไม่ยอมแพ้ๆๆๆ ไม่ยอมแพ้หรอกน่า”
“ช่วยยอมแพ้ซะทีเถอะค่ะ !!!”
จนมาริซ่าเองก็อยากจะยอมแพ้แทน เธอตัดหัวอีกฝ่ายบ่อยจนเริ่มเอียน
รอบที่ 50 เริ่มได้
เหลือเวลาอีก 20.00
เอ็มเพรส มารีน : แม่มดอัสนี => 49:0
จนกระทั่งรอบที่ 49 ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มอ่อนล้า
ฝ่ายฆ่าก็เห็นศพและเลือดจนเอียน เย็นนี้เธอคงกินข้าวไม่ลง
ฝ่ายตายก็ตายแล้วตายอีกจนใบหน้าซีดเผือด
“แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
กระนั้นแล้ว ฝ่ายตายก็ยังพุ่งเข้ามาสู้กับฝ่ายฆ่าทั้งน้ำตา แยกไม่ออกแล้วว่านั่นคือเสียงร้องไห้หรือเสียงคำรามสั่นสู้กันแน่
แม้แต่มาริซ่ายังนับถือในใจสู้ของเอวาเลยทีเดียว กระนั้นแล้วการต่อสู้คือการต่อสู้ เธอไม่มีทางยอมแพ้ให้กับอีกฝ่ายเด็ดขาด
เช่นนั้นแล้ว คฑาในมือก็เปร่งแสงสีฟ้าขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย
“อควาคัตเตอร์ !!!”
“อั่ก !”
และหัวของเอวาก็ขาดออกจากตัวเป็นรอบที่ 54 ของวัน
“…………………………”
หลังการประลองเอวาก็นั่งกอดเข่าจิตตกอยู่ที่แท่นควบคุม
แม้ตอนแรกจะคิดว่าสู้เพื่อตัดแรงเอวา แต่พอเห็นท่าทางห่อเหี่ยวของอีกฝ่ายแล้ว มาริซ่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด
หลังการฝึกเธอเลยตัดสินใจลากยัยเด็กคนนี้ไปเลี้ยงขนมปลอบใจซักหน่อยดีกว่า