เพื่อคุณหนูนางร้าย พ่อบ้านคนนี้สู้ตาย!!! - ตอนที่ 3
ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นเอาแต่ใจตัวเองระดับกู่ไม่กลับอย่างแน่นอน เซนาสคิดเช่นนั้น
“อ้าว? ไม่ใช่ว่านายจะมาทำงานกับฉันเหรอ?”
“บอกไปตอนไหนครับ ยังไม่ได้ถามความสมัครใจเลยด้วยซ้ำไม่ใช่รึไงครับ!?”
“จุกจิกน่ารำคาญจัง เอางั้นก็ได้… นี่นายน่ะมาทำงานกับฉันสิ โอเคไหม?”
“ไม่เฟ้ย!”
“เอ๋…”
“พูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวแล้วใครที่ไหนมันจะไปยอมตกลงกันละครับ!”
“วุ่นวายจัง… เด็กผู้หญิงน่ะไม่ชอบผู้ชายที่คุยด้วยแล้วไม่รู้เรื่องหรอกนะ”
“ไหงเป็นฝ่ายผมที่คุยไม่รู้เรื่องได้ล่ะ…”
เซนาสรู้สึกเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเหล่ตามองไปรอบๆ มองหาช่องทางหนี สัญชาตญาณบอกว่ารีบชิ่งให้ไวจะเป็นการดี
แต่ไม่ทันจะได้ชิ่ง เด็กสาวก็คว้าแขนรั้งตัวเขาไว้ พร้อมทั้งฉกกองใบปลิวในมือเขามาโยนทิ้งโปรยว่อนขึ้นฟ้า
[คติประจำใจบ้านเซเลสตี้ข้อที่ 9 จงรักษาความสะอาดไม่ว่าที่ส่วนตัวหรือที่สาธารณะ]
“ทะ ทำอะไรลงไปน่ะครับ!?”
“เอาเถอะน่า ขอพวกนี้ไม่จำเป็นสำหรับนายแล้วล่ะ เพราะนายต้องมาทำงานให้ฉันคนไงล่ะ”
“ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วนะ นั่นน่ะคุณเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียวไม่ใช่รึไงครับ เอาแต่ใจเกินไปแล้ว หัดสนใจความคิดคนอื่นบ้างสิครับ…”
“ไอ้ของแบบนั้นไม่เห็นจะต้องสนเลย คนอื่นนอกจากตัวฉันจะยังไงก็ช่าง ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ ครอบครองในสิ่งที่ฉันอยากได้ เติมเต็มความต้องการของตัวเองไม่ว่ายังไงก็ตาม ทั้งหมดก็เท่านั้นแหละ!”
“….”
“จงรับรู้เอาไว้ซะว่านายน่ะโชคดีแค่ไหนที่ได้มาพบกับฉันคนนี้!”
…ใครก็ได้ช่วยพาผมออกไปจากตรงนี้ที
“ไอ้สีหน้าเหนื่อยใจอย่างกับจะสื่อว่า ‘ใครก็ได้ช่วยพาผมออกไปจากตรงนี้ที’ นั่นมันอะไรกันหือ”
“ช่วยอย่าอ่านสีหน้าคนอื่นได้ถูกต้องตรงเผงได้ไหมครับ”
“เอาน่าๆ ฉันเองก็แอบเขินเหมือนกันนะ เพิ่งเคยพูดอะไรจริงจังแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นเป็นครั้งแรกนี่แหละ”
“งั้นก็อย่าพูดออกมาแต่แรกเซ่!”
เซนาสถอนหายใจเฮือกใหญ่
จะให้หนีไปตอนนี้ก็คงไม่ทันการ เอาเป็นว่ายอมฟังอีกฝ่ายพูดให้จบๆ แล้วค่อยมาคิดหาทางอีกที
ยิ่งกับอีกฝ่ายที่มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งเข้าขั้นกู่ไม่กลับแล้วด้วย
และที่สำคัญ ถ้าพูดถึงงานยังไงก็ต้องรับฟังไว้ก่อน
เซนาสนั้นเป็นเด็กที่เคยผ่านการทำงานมาหลายรูปแบบ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้เคยผ่านการทำงานและถูกไล่ออกมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน
มากระดับที่จะเรียกเขาว่าเป็นนักสารพัดรับจ้างเลยก็ว่าได้
และแม้ว่าเขาจะถูกไล่ออกทุกงานที่เคยทำ กระนั้นเซนาสนั้นก็ยังคงมีศักดิ์ศรีอยู่ นั่นก็คือศักดิศรีของคนทำงาน หรือก็คือศักดิ์ศรีของมืออาชีพนั่นเอง
“เข้าใจแล้วครับๆ จะยอมรับฟังแล้วกันครับ”
“โอ้ว ในที่สุดก็ยอมรับสินะ ดีละ! งั้นพวกเรามาเริ่มงานกันเลย!”
“เดี๋ยวก่อน ขอเวลานอก ให้เริ่มเลยแบบนี้มันประหลาดไม่ใช่เหรอครับ กระทันหันเกินไปแล้ว แถมผมยังไม่ได้ตกลงเลยว่าจะทำ”
“จุกจิกจู้จี้จริง! เวลาเป็นเงินเป็นทองนะรู้ไหม ตัวฉันคนนี้ไม่คิดจะทำเรื่องเสียเวลาแม้แต่มิลลิวินาทีเดียวหรอกนะ คิดปุ๊บทำปั๊บนี่แหละคติของฉัน”
“ถึงงั้นก็เถอะครับ ผมอยากฟังรายละเอียดก่อนนะ อยู่ดีๆ ก็บอกให้เริ่มทำงานกันเลย กระทันหันแบบนั้นไม่มีใครเอาด้วยหรอกครับ ช่วยอธิบายมากกว่านี้ด้วยครับ ต้องการให้ผมทำอะไร ไหนจะเรื่องค่าตอบแทนอีก”
“อ๋อ แบบนี้เอง อืม… ดูเหมือนว่าฉันจะใจเร็วเกินไปหน่อยจริงๆ ละนะ”
“ระดับนั้นไม่ใช่ ‘ใจเร็วเกินไปหน่อย’ แต่เป็นแรงทะลุหลอดไปไกลแล้วมากกว่าครับ”
“นายเนี่ยเป็นประเภทชอบพูดจิกกัดคนอื่นสินะ”
“ติดนิสัยมาจากผู้ปกครองน่ะ แต่เรื่องพวกนั้นช่างมันเถอะครับ …จะให้ผมทำงานอะไรละ”
“เรื่องนั้นน่ะมันแน่นอนอยู่แล้ว! แค่ทำตามที่ฉันสั่งทุกๆ อย่างแบบไม่ต้องมาตั้งคำถามก็พอ งานง่ายๆ ใช่ไหมละ!”
“ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจมากขึ้นเลยว้อย!”
เซนาสรู้สึกเหมือนจะสติแตก
ความประทับใจต่อสาวงามก่อนหน้านี้ปลิวหายไปจนสิ้น
“อะไรกัน หรือว่าสงสัยเรื่องเงินค่าจ้างงั้นเหรอ งั้นเอาแบบนี้เป็นไง…”
พูดจบเธอก็ชักเงินออกมาจากกระเป๋า มันคือธนาบัตรที่มีมูลค่าสูงสุดในประเทศ ทั้งหมด 4 ใบ ใบละ 500 รอนนี หรือรวมแล้ว 2,000 รอนนี
หากให้เปรียบเทียมมันมีมูลค่าพอๆ กับเงินค่าแรงหนึ่งเดือนของข้าราชการชั้นสูง
จำนวนเงินที่คนทำงานพิเศษค่าแรงรายชั่วโมงละ 1-3 รอนนีแถมต้องอดมื้อกินมื้อไม่มีทางเคยได้เห็น
สำหรับเด็กย่านสลัมอย่างเซนาสแล้ว เงินจำนวนนี้สามารถอยู่กินได้เป็นปีเลยทีเดียว
เซนาสกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ มองเงินในมือเด็กสาวจนตาลุกวาวอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะได้สติรีบจับมืออีกฝ่ายบังคับให้เก็บเงินกลับเข้ากระเป๋าโดยไว
“ทำบ้าอะไรเนี่ย! รีบเก็บกลับเข้าไปให้ไวเลยนะ!”
เซนาสร้อนรนสุดๆ นี่ไม่ใช่จำนวนเงินที่ควรจะเอาออกมาให้ใครเห็นหากอยู่อาศัยในเขตที่ 21 ที่มีนักเลงและหัวขโมยทุกหัวมุมเมือง
ขืนมีคนไม่ดีมาเห็นเด็กผู้หญิงพกเงินจำนวนมากขนาดนี้ติดมีหวังโดนปล้น ไม่ก็โดนอุ้มเรียกค่าไถ่ หรืออาจะเจอเรื่องเลวร้ายกว่านั้นก็เป็นได้
“อะไรกัน อย่าบอกนะว่าค่าจ้างไม่พอ? ตอนนี้ฉันมีเงินติดตัวเท่านี้ด้วยสิ เฮ้อ~ งั้นก็ช่วยไม่ได้นะ…”
เด็กสาวทำสีหน้าหม่นหมองก่อนจะหลับตาลง พร้อมทั้งแอ่นอกขึ้นเล็กน้อย ผลักดันขับเน้นสัดส่วนอันอวบอิ่มนุ่มนิ่มของเธอให้เด่นชัด
“เชิญเลยค่ะ”
“ทำอะไรของเธอน่ะ…”
“เห็นแบบนี้แต่ฉันน่ะก็ค่อนข้างมั่นใจในหุ่นของตัวเองนะ ฉันดูแลตัวเองเป็นอย่างดีทั้งออกกำลังกายกับคุมอาหารอย่างมีระเบียบ โดยเฉพาะส่วนหน้าอกน่ะฉันหมั่นนวดมันทุกวันเลย”
“….”
“เอาสิ เชิญจับได้เลย”
“ไม่สิ ไม่ๆ เดี๋ยวก่อนนะ… ไหงถึงมาเรื่องจับหน้าอกล่ะ…”
“ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนชอบหน้าอกใหญ่ๆ เหรอ?”
“ถึงจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ แต่เป็นเด็กผู้หญิงอย่าพูดอะไรแบบนั้นออกมาง่ายๆ เซ่!!!”
อีกด้านหนึ่งส่วนลึกในจิตใจ …ชอบครับ ชอบมากๆ เลยครับ! …เซนาสกัดฟันเก็บความคิดอันลามกสัปดลนั้นไว้ในหัวแต่เพียงผู้เดียว
แน่นอนว่าคนที่ชอบหน้าอกเล็กๆ เองก็มีอยู่ แต่นั่นถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“แล้วไหงเรื่องเงินค่าจ้างถึงกลายเป็นการจับหน้าอกแทนไปได้ล่ะครับ!?”
“ก็แบบว่าถ้าเงินจ้างมันไม่พอก็มัดจำไว้ก่อนไง”
“ใครที่ไหนมันจะไปต้องการไอ้ค่ามันจำพันธุ์นั้นกันครับ!”
จริงๆ ก็มีแหละ …เดี๋ยวๆ ใจร่มๆ ไว้ก่อน …เป็นอีกครั้งที่เซนาสกัดฟันไม่ยอมถูกจิตใจด้านมืดเข้าครอบงำ
“หรือว่าแค่จับหน้าอกไม่พอเหรอ”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสัก…”
“อืม… งั้นความบริสุทธิ์ของฉันละ เป็นไง?”
“….”
“แต่ว่านะ เรื่องอย่างว่าแบบนี้คงจะให้เลยตอนนี้ก็คงไม่ได้ เข้าใจนะ ฉันเองก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจพอสมควร ก็มันเป็นครั้งแรกของฉันนี่นา ถ้าไงนายช่วยอดทนรอสักอาทิตย์นึง—“
“—พอสักที”
สีหน้าเหลอหลาของเด็กหนุ่มกลับตาลปัตรในทันที กลายเป็นว่าเขาหงุดหงิดขั้นสุด สำหรับเขาแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาเล่นตลกได้
เซนาสเอ่ยน้ำเสียเย็นเยือก จับจ้องไปยังใบหน้าอีกฝ่าย แววตาที่ราวกับจะฆ่าคนได้เพียงแค่จ้องมอง
“รู้ตัวบ้างรึเปล่าครับว่าพูดอะไรออกมา ถ้าจะพูดเล่นก็ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ!”
ประโยคเมื่อครู่ของเด็กสาวที่ดูไม่ทุกข์ร้องกับการแลกร่างกายตัวเองทำให้เซนาสรู้สึกโมโห
เธอก้มหน้ายืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นค้อนแววตาคมกริบของเซนาสกลับมาโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
นัยน์ตาสีอำพันช่างดูมุ่งมั่นและแข็งกร้าว ราวกับว่ากำลังถูกมันดูดกลืนจมหายลงไป
“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ละ”
“ถ้างั้นละก็…”
“แต่ฉันไม่สนนี่นา”
“…เฮ้ย”
“ฉันน่ะตัดสินใจไว้แล้วว่าเพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเอง ปราบใดที่สิ่งสำคัญยังอยู่ จะเสียสิ่งไม่สำคัญไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ความบริสุทธ์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“เอาจริงดิ…”
“ก็แค่พรหมจรรย์เองไม่ใช่เหรอ ตามหลักสรีระแล้วก็เป็นแค่เนื้อเยื่อเล็กๆ ในช่องคลอดอันนิดเดียว ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะเลยนี่ ใช่ว่าเสียซิงแล้วจะมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้สักหน่อย”
“พูดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย… ยอมเอาตัวเข้าแล้วขนาดนั้น ถ้าเกิดโดนคนอื่นหลอกเข้าจะทำยังไง โดนฟันแล้วทิ้งแหงๆ เลยนะครับ!”
“……อ๊ะ มีกรณีแบบนั้นด้วยนี่นะ ลืมนึกไปเลย”
“หัดคิดให้มันถี่ถ้วนกว่านี้หน่อยสิเฮ้ย!”
“แต่นายไม่ได้มาหลอกฟันฉัน แถมยังช่วยตักเตือนด้วยนี่ ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ”
“ไม่มีก็แย่แล้วครับ!”
ตรรกะอะไรของผู้หญิงคนนี้กัน ความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ใช่สิ่งสำคัญงั้นเรอะ แววตาใสซื่อแบบนี้เธอไม่ได้พูดเล่น เธอกำลังคิดแบบนั้นอยู่จริงๆ
เซนาสเริ่มคิด หากว่าคนที่ถูกทาบทามไม่ใช่เขาแต่เป็นคนอื่น อาจเป็นนักเลงสามคนก่อนหน้านี้ หรือใครก็ตามที่หวังผลประโยชน์จากร่างกายเด็กผู้หญิง
ถ้าโชคดีเจอคนมีหัวคิดก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร แต่ถ้าเป็นคนไม่ดีล่ะก็ ไม่ต่างอะไรจากการโยนลูกแกะให้หมาป่าขย้ำ
เขาจินตนาการได้เป็นฉากๆ เลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
[คติประจำใจบ้านเซเลสตี้…]
“พึมพัมอะไรอยู่น่ะ?”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร แค่ทบทวนความจำน่ะ”
“แล้วจะเอายังไง นายจะยอมรับค่าจ้างนี้แล้วทำงานตามคำสั่งรึเปล่า?”
เซนาสหัวเราะในลำคอ หวนลำลึกถึงคติประจำบ้านที่ป้าแก่คอยล้างสมอง… หมายถึง คอยพร่ำสอนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
[…ข้อที่ 17 จงอย่าละเลยผู้ที่กำลังหลงผิดในเส้นทางที่มิชอบมิควร]
เซนาสแสยะยิ้ม เป็นรอยยิ้มปกติของเด็กหนุ่ม ที่ช่างดูแข็งเกร็งและบิดเบี้ยว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต
“ขอปฏิเสธครับ(โว๊ย)!!!”
[คติประจำใจบ้านเซเลสตี้ข้อที่ 51 ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่มันช่วยไม่ได้ก็ช่างหัวคติประจำใจมันเถอะ]
“เอ๋!? นี่ฉันไม่มีเสน่ห์ในฐานะผู้หญิงเลยงั้นเหรอ!?”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อยครับ…”
“นายชอบผู้ชาย?”
“แล้วไหงถึงกลายเป็นอีหรอบนั้นแทนเล่า”
“ก็นายปฏิเสธร่างกายของฉันนี่! ทั้งๆ ที่ฉันคนนี้บอกว่าจะยอมมอบครั้งแรกให้เลยเชียวนะ! แล้วทำไมไม่ยอมตอบตกลงล่ะ!”
“อย่าพูดเหมือนว่า ‘อกหักจากการสารภาพรักจนต้องยอมเอาร่างกายเข้าแลกแทน’ สิครับ!”
“ก็ฉันไม่ได้กำลังสารภาพรักแต่กำลังว่าจ้างงานต่างหาก!”
“แล้วไอ้การว่าจ้างงานนี่มันต้องถึงขั้นเอาร่างกายมาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเลยเหรอครับ นี่คุณใช้ชีวิตแบบไหนมากันแน่ครับ!?”
“จะแบบไหนมันก็เรื่องของฉันไม่ใช่รึไง! …โอ้ย! พอกันที ฉันไม่อยากเสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกับนายแล้ว!”
เด็กสาวใช้จังหวะนี้ในขณะที่เซนาสกำลังเผลอ กุมมือของเขาข้างหนึ่งดึงเข้าหาตัวเอง
แล้วทันใดนั้นก็—หมับเข้าให้
สัมผัสอันนุ่มนิ่มราวกับมาชเมลโล่แผ่ซ่านลงบนฝ่ามือใหญ่หนาของเซนาส
“อะ อะ อะ…”
เธอดึงมือของเด็กหนุ่มเข้ามาจับหน้าอกของตนเองแบบเต็มไม้เต็มมือ ไม่เพียงเท่านั้นยังทำกดฝ่ามือบีบเค้นคลึงให้รู้สึกได้ถึงความนุ่นนิ่มยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
“ทะ ทะ ทะ ทะ ทำ บะ บ้า อะไร๊!?”
หนุ่มน้อยผู้ไม่มีเคยมีประสบการณ์ทางเพศเลยสักครั้งในชีวิต กำลังได้จับหน้าอกเด็กผู้หญิงแบบเต็มไม้เต็มมือเป็นครั้งแรก
แน่นอนว่าสติสตังค์แตกกระเจิงเป็นที่เรียบร้อย
…ไร้ยางอาย! ไร้ยางอายเกินไปแล้ว! ยอมให้ผู้ชายแตะเนื้อต้องตัวขนาดนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงกัน
“ปะ ปะ เป็น งะ ไงล่ะ…”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือใบหน้าแดงแจ๋มีหยาดน้ำเอ่อล้นขอบตา
…ก็เขินอยู่นี่หว่า! หน้าแดงแจ๋เลยด้วย เขินจนน้ำตานองแล้วนะนั่น เมื่อกี้ยังพูดอย่างมั่นใจอยู่เลยว่าถ้าเพื่อเป้าหมาย มอบความบริสุทธิ์ก็ไม่ใช่จองสำคัญ แล้วไหงเอาเข้าจริงดันออกอาการเขินอายขนาดนี้ละเฮ้ย! อะไรของยัยนี่เนี่ย!?
“ทะ เท่านี้… นะ นายก็หนีไม่ได้แล้ว!”
“ดะ เดี๋ยว! เธอเป็นคนเอามือไปคลำเองไม่ใช่รึไง!?”
ความตื่นตระหนกจากความนุ่มนิ่มทำเอาร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว จนเซนาสลืมดึงมือตัวเองกลับ
“แต่ก็ถือว่านายได้จับแบบเต็มไม้เต็มมือแล้วนี่ ได้รับค่ามัดจำไปเต็มๆ เลย นายทำให้ฉันไม่มีทางเลือกเองนะ ถ้านายยังยืนกรานปฏิเสธอีกละก็ ฉันจะกรี๊ดให้คนมาช่วย แล้วบอกว่านายกำลังจะข่มขืนฉัน!”
“โกหกหน้าด้านๆ เลยเฮ้ย! ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเดียว …ไม่สิ คนที่เป็นเหยื่อมันทางนี้ด้วยซ้ำ”
“งั้นจะลองดูมั้ยละ? ระหว่างสาวน้อยท่าทางอ่อนแอ กับผู้ชายหน้าโฉดแบบนาย ในตรอกเปลี่ยวไร้คนเดินผ่าน คิดว่าคนอื่นจะเชื่อถือใครมากกว่ากันละ?”
“ยะ ยัยนี่… “
เซนาสผละมือออกจากสวรรค์อันนุ่มนิ่ม ก่อนจะเข่าอ่อนล้มคุกเข่าลงกับพื้น สถาพไม่ต่างอะไรจากคนร้ายที่ถูกนักสืบจับไต๋ได้ว่าเป็นฆาตกรผู้ก่อเหตุ
เด็กหนุ่มรู้ดีว่าคนหน้าตาไม่น่าไว้วางใจแบบเขาพูดให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อ
เขาอยากจะตะโกนว่า ‘ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมบริสุทธิ์’ ทว่าความรู้สึกนุ่มนิ่มที่ยังตกค้างอยู่ในฝ่ามือเป็นหลักฐานอย่างดีว่าต่อให้ไม่ได้เป็นความต้องการของตัวเอง แต่เขาก็ได้ล่วงเกินเด็กผู้หญิงไปเสียแล้ว
การกระทำนี้ทำให้เซนาสรู้สึกว่าตนนั้น ‘ต้องรับผิดชอบ’ แม้ว่าจะไม่ได้ต้องการเลยก็ตาม
“บัดซบที่สุด!”
เซนาส เซเลสตี้ พ่ายแพ้อย่างราบคาบ
“ไงล่ะ ในที่สุดก็เข้าใจสักทีนะ ให้ตายสิเสียเวลาชะมัด ฉันยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วย วันนี้มันเป็นวันสำคัญของฉันเลยนะ”
แม้ว่าแก้มของเด็กสาวจะยังมีสีแดงร้อนผ่าวหลงเหลืออยู่ แต่เธอก็ยังคงไม่ละทิ้งการวางมาดที่ตนเองสร้างไว้แต่ต้น
แน่นอนว่าสิ่งที่เธอพูดทั้งหมดก่อนหน้าล้วนแล้วแต่เป็นความคิดจากใจจริงของเธอ
ทว่า ‘การคิด’ กับ ‘ลงมือทำ’ นั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
เธอคิดว่าพร้อมจะสละร่างกายเพื่อเป้าหมายได้ แต่เอาเข้าจริงเธอเองก็เป็นเพียงสาวน้อยธรรมดาๆ คนหนึ่งเช่นกัน ต่อให้เตรียมใจไว้มากแค่ไหนถ้าถูกแตะเนื้อต้องตัวโดยเฉพาะส่วนสำคัญยังไงก็รู้สึกอับอายอยู่ดี
ช่วงเวลาอันแสนวุ่นวายยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องกว่าเซนาสจะกลับมาใจเย็นได้ก็ใช้เวลาอยู่สักพัก
“ยังพอมีเวลาก่อนจะถึงช่วงเย็น ถ้านั้นเรามาคุยกันเรื่องงานกันเลยดีไหมคะ คุณลูกจ้าง”
“เอ่อ… คือ เรื่องนั้นน่ะ ผมขอพูดอะไรก่อนได้ไหมครับ”
“อะไรอีกเนี่ย นายเนี่ยชักจะน่ารำคาญแล้วนะ ลวนลามร่างกายฉันไม่พอ ยังจะย่ำยีหัวใจดวงน้อยๆ ของฉันอีกเหรอ หรือว่านายต้องการสัมผัสตัวฉันมากกว่านี้กัน?”
“ไม่ใช่เฟ้ย! แค่จะยืนยันข้อตกลงต่างหาก”
“อ๋อ เรื่องนั้นเอง”
“ผมจะยอมทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง เฉพาะแค่วันนี้วันเดียวเข้าใจนะครับ”
“เอ๋… วันเดียวเองเหรอ ตั้ง 2,000 รอนนี หน้าเลือดไปมั้ง”
“ไม่ต้องการเงินครับ เก็บกลับไปเถอะ”
ได้ยินดังนั้นแอนนาเบลล่าก็ยกแขนขึ้นมาบังหน้าอกของตัวเอง ดูเหมือนการถูกผู้ชายสัมผัสจะปลดล็อคยางอายให้เธอเป็นที่เรียบร้อย
“ยังอยากจะจับอีกเหรอ …ไม่สิ หรือว่าสนใจจะช่วงชิงความบริสุทธิ์ของฉันเป็นการแลกเปลี่ยนจริงๆ ด้วยสินะ อย่างน้อยๆ ก็ขอเตรียมใจสักอาทิตย์นึงเถอะ!”
“ก็บอกว่าไม่เอาไงเฟ้ย! ไม่เอาอะไรทั้งนั้นแหละ!”
เซนาสอยากจะพูดว่า ‘ก็ตัวเองเป็นคนบังคับให้จับค่าตอบแทนนิ่มๆ นั่นไปแล้วไม่ใช่รึไงฟะ’ แต่ก็เก็บเงียบไว้ในใจ
“ไม่รับค่าตอบแทนครับ”
“แน่ใจนะ?”
“ครับ”
“นายจะไม่เปลี่ยนใจมาทวงขอความบริสุทธิ์ของฉันเอาทีหลังนะ หมดโอกาสที่จะได้เล่นซุกซนกับร่างกายนี้โดยสิ้งเชิงเลยนะ ไม่เสียดายเลยเหรอ”
“ก็บอกว่าไม่เอาไง! นี่ใจคออยากจะยัดเยียดตัวเองให้ผมขนาดเลยเลยเหรอครับ หัดรักนวลสงวนตัวบ้างเซ่!”
“ก็อยากจะถามเพื่อความแน่ใจนี่นา ถ้านายไม่ต้องการอะไรเลยจริงๆ ก็แล้วไป …ไม่สิ จริงๆ ก็แอบหงุดหงิดด้วยซ้ำ รู้สึกเหมือนเสน่ห์ความเป็นผู้หญิงถูกมองข้ามยังไงก็ไม่รู้”
“ตั้งแต่ต้นแล้ว ไอ้ความคิดจะว่าจ้างคนอื่นด้วยร่างกายแทนเงินนี่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับ”
“บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้มีความคิดจะลงทุนแลกร่างกายตัวเองกับทุกสิ่งทุกอย่างหรอกนะ ต้องเป็นสิ่งที่ฉันเห็นแล้วว่าคุ้มค่ามากพอที่จะลงทุนเอาร่างกายไปแล้วด้วยฉันถึงจะยอม”
“นี่จะบอกว่าผมคุ้มค่าที่จะจ้างด้วยค่าตอบแทนระดับนั้น?”
“ก็ใช่สิ นายน่ะมีคุณค่าระดับที่ฉันคนนี้คิดว่ายอมให้ความบริสุทธิ์มาแลกมาเลยเชียวนะ เรียกได้ว่าเป็นแรร์ไอเทมในหมู่แรร์ไอเทมเลยก็ว่าได้ ทั้งรูปร่างหน้าตาเหมาะสมทุกกระบวนความ ไม่มีคิดว่าจะมีใครเหมาะไปกว่านายอีกแล้ว ถูกใจสุดๆ ตั้งแต่แรกเห็นเลยละ”
คำพูดแปลกๆ ชวนให้คิดลึกเข้าใจผิดของอีกฝ่ายทำเอาแก้มของเซนาสร้อนผ่าวขึ้นมาหน่อยๆ
แต่แล้วเขาก็รีบส่ายหน้าลบความคิดพวกนั้นทิ้งไปในทันที
ต่อให้เป็นคนสวยขนาดไหนแต่ความคิดประหลาดเกินไปยังไงก็รับไม่ไหว ห้ามหลงเสน่ห์จนเผลอตอบรับมั่วๆ ซั่วๆ เด็ดขาด
“ขะ เข้าใจแล้วครับ …แต่ว่าหลังจบวันนี้แล้วถือว่าเป็นอันจบกัน แยกกันไปทางใครทางมันนะ”
“อืม… ช่วยไม่ได้นะ ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกแล้วด้วยสิ เอาเป็นว่าตามนั้นก็แล้วกัน
เด็กสาวยื่นมือขวาออกมา เซนาสยื่นมือกลับไปจับกลับตามมารยาท มือของอีกฝ่ายนุ่มเสียจนเกือบเสียอาการ โชคดีที่กล้ามเนื้อหน้าเขามันแข็งแกร่งเสียจนโป๊กเกอร์เฟสได้ตลอดเวลา
“ยังไม่ได้แนะนำตัวกันดีๆ เลยนี่นะ นายชื่ออะไรละ”
“เซนาส…”
“นามสกุลละ?”
“เซเลสตี้…”
“ตอบให้มันขึงขังกว่านี้หน่อยสิ”
“ครับ…”
“เฮ้อ… เอาเถอะ แล้วอายุละ”
“15”
“….”
“อย่าทำสีหน้าตกใจตอนที่ได้ยินอายุคนอื่นได้ไหมครับ มันเสียมารยาทนะ”
“15 จริงดิ…”
“ครับ เซนาส เซเลสตี้ อายุ 15 ครับ”
“คงใช้ชีวิตอย่างยากลำบากน่าดูเลยสินะ”
“อย่ามาทำเป็นเห็นใจกันนะเฟ้ย! หน้าตาไม่สมกับอายุแล้วไงฟะ หน้าแก่กว่าวัยแล้วมันทำไม หยุดทำสายตาแบบว่า ‘น่าสงสารจัง’ เดี๋ยวนี้เลยนะครับ!”
“เปล่านะ คือฉันแค่เพิ่งเคยเจอคนแบบนายตัวเป็นๆ ครั้งแรกน่ะ จริงๆ ฉันก็พอจะรู้จักเด็กผู้ชายที่พออายุครบ 15 ก็หน้าแก่กล้ามเป็นมัดๆ ออกเดินทางไปปราบแวมไพร์ที่อียิปต์ หรือไม่ก็ขึ้นเป็นบอสขององค์กรมาเฟียหลังจากโค่นล้มหัวหน้าคนก่อนด้วยศรเรเควี่ยมอยู่นะ ถ้าเทียบกับพวกนั้นแล้วนายก็ไม่ได้ดูแก่เลยนะ”
“พูดเรื่องอะไรน่ะครับ เด็กผู้ชายอายุ 15 แบบนั้นมันมีจริงที่ไหน ฟังยังไงก็เรื่องแต่งชัดๆ”
“เรื่องพวกนั้นน่ะช่างมันเถอะ ว่าแต่ฉันตกใจนะเนี่ยที่เราอายุเท่ากันน่ะ! ออกจะดีใจด้วยซ้ำนะที่นายไม่ได้อายุมากว่า ฉันเองก็ 15 ปี อายุเท่ากันแบบนี้ก็ดีจะได้คุยกันรู้เรื่อง”
“แต่ที่ผ่านมานี่ผมสัมผัสไม่ได้เลยนะครับว่าพวกเราคุยกันรู้เรื่อง …ไม่สิ ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คุณนั่นแหละครับที่พูดจาไม่รู้เรื่อง หัดฟังคนอื่นพูดบ้างก็ดีนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะใช้ชีวิตในสังคมไม่ได้เอานะครับ”
“นี่นายเป็นพ่อแม่ฉันรึไง…”
“แค่พูดตามตรงเฉยๆ ครับ”
อีกฝ่ายทำหน้ามุ่ยแก้มป่องขึ้นเล็กน้อยแต่เซนาสก็หาได้สนใจไม่
“แล้วชื่อของทางนั้นละครับ”
“ฉันยังไม่ได้บอกเหรอ?”
“ถ้าบอกแล้วผมจะถามเหรอครับ”
“กวนประสาทเก่งดีนี่ ช่วยไม่ได้นะ งั้นนายก็จงจดจำเอาไว้ให้ดี”
เด็กสาวกระชับท่าทาง ท่าทางที่องอาจมั่นคง แม้จะอยู่ในสถานที่อึมครึ้มเช่นนี้ แต่กลับดูเจิดจ้าในสายของเด็กหนุ่มยิ่งกว่าอะไร
“ชื่อของฉันผู้นี่ก็คือ ‘แอนนาเบลล่า’ จะเรียกย่อๆ ว่า ‘แอนนี่’ ก็ได้นะ ไม่ว่ากัน”
“…ครับๆ เท่มากเลยครับ คุณแอนนาเบลล่า”
“จิกกัดไม่เลิกเลยนะ”
“ติดนิสัยมาจากผู้ปกครองครับ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอกนะ ออกจะถูกใจสกิลปากของนายด้วยซ้ำ เท่านี้พวกเราก็รู้จักกันมากขึ้นแล้วเนอะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ เซนาส”
แอนนาเบลล่าประดับยิ้มแย้มสดใสบนใบหน้าช่างดูสว่างสดใสราวกับว่ามีดอกไม้บานเป็นฉากหลัง
เซนาสมองภาพนั้นพลางถอนหายใจ ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าการพบกันโดยบังเอิญระหว่างเขาและเธอในครั้งนี้จะนำไปสู่เหตุการณ์แบบไหนในอนาคต
“เอาล่ะ ก่อนอื่นก็ตามฉันมาเลย!”
ไม่ทันไรแขนของเขาก็ถูกเธอคว้าไว้ก่อนจะลากจูงเขาไปยังมี่ไหนสักแห่ง