เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส - ตอนที่ 273-274
“บุคลิกของเสี่ยวหลิงเป็นคนหุนหันพลันแล่น ขี้หงุดหงิดและค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่อย่างน้อยเธอก็รู้ถูกรู้ผิดอย่างชัดแจ้งที่สุดและไม่เป็นอันตรายต่อใคร นายจะตัดสินเธออย่างนั้นได้ยังไง ถึงแม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่เสี่ยวน่าวพูด และเสี่ยวน่าวก็มีโอกาสน้อยมากที่จะโกหก…”
เจี่ยนหยุ่นโม่ยังคงต้องการปกป้องเจี่ยนอีหลิง
“ใช่ นายพูดถูก” เจี่ยนหยุ่นเฉิงยอมรับว่าเขาคิดผิด “ข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องนี้อยู่ที่ฉัน อย่าโกรธพ่อกับแม่ โดยเฉพาะแม่ เธอมีอารมณ์อ่อนไหว หลังจากเสี่ยวน่าวได้รับบาดเจ็บ จิตใจเธอยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว”
“ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโทษใคร” เจี่ยนหยุ่นโม่มีเสียงเบาและเศร้า “นายควรบอกฉันก่อนหน้านี้”
เจี่ยนหยุ่นเฉิงเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
ในตอนแรก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แค่คิดว่าถ้ามากคนก็จะมากความ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกให้รู้
ถ้าพวกเขารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ควรให้เขากลับมาเร็วกว่านี้
พี่น้องเงียบไปพักใหญ่
เจี่ยนหยุ่นโม่ยังกล่าวขึ้นอีกว่า “อย่าให้ฉันเจอเสี่ยวน่าวในช่วงนี้”
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
“ฉันรู้” เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าว “นายไปอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าอยู่เป็นเพื่อนกับเสี่ยวหลิงก็แล้วกัน”
เจี่ยนหยุ่นโม่ไม่ได้พูด แต่เจี่ยนหยุ่นเฉิงรู้ว่าเขาเห็นด้วย
###
เจี่ยนอีหลิงกลับถึงบ้านก็พบกับชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมลายสก็อตสีอ่อนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
ชายคนนี้มีรูปร่างหน้าตาสง่างาม ผิวขาว ใบหน้าหล่อเหลา ร่างสูงโปร่ง และมีกลิ่นอายของนักวิชาการ
ชายคนนั้นกำลังสนทนากับปู่เจี่ยน และทั้งสองก็คุยกันอย่างมีความสุขมาก
เจี่ยนอีหลิงกำลังจะจากไป แต่ถูกปู่เจี่ยนหยุดไว้
“เสี่ยวหลิง พี่ชายรองของเธอกลับมาแล้ว ทำไมเธอไม่ทักทายพี่ชายรองล่ะ”
เมื่อพูดว่า “พี่ชายรอง” ทำให้เจี่ยนอีหลิงได้รู้จักเกี่ยวกับตัวตนของชายคนนี้ — เขาคือ เจี่ยนหยุ่นโม่ ที่ควรจะยังศึกษาต่ออยู่ที่ต่างประเทศ
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้คาดหวังถึงการมาของเขา เพราะเขาจะไม่กลับมาจนกว่าจะถึงปีหน้าในหนังสือต้นฉบับ
เห็นได้ชัดว่า มีเหตุผลบางอย่างที่ส่งผลต่อการกลับมาประเทศจีนของเจี่ยนหยุ่นโม่ และทำให้เขาปรากฏตัวต่อหน้าเจี่ยนอีหลิงก่อนหน้านั้น
เจี่ยนอีหลิงมองย้อนกลับไปที่เจี่ยนหยุ่นโม่อีกครั้ง และดวงตาของทั้งสองก็ได้ประสานกัน
พี่ชายทั้งสามคนของเจี่ยนอีหลิงหน้าตาดีมาก แต่สไตล์ของพวกเขาแตกต่างกันมาก
เจี่ยนหยุ่นเฉิงเข้มงวดกว่า ในขณะที่เจี่ยนหยุ่นโม่อ่อนโยนกว่า ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ไม่รู้สึกถึงระยะห่าง
แต่เมื่อพวกเขามองตากันเพียงไม่กี่วินาที ทั้งเจี่ยนอีหลิงและเจี่ยนหยุ่นโม่ก็เบือนหน้าหนีออกไปพร้อมกัน
การตอบสนองของพวกเขาสอดคล้องกันอย่างน่าประหลาดใจ
ปฏิกิริยานี้ตกอยู่ในสายตาของปู่เจี่ยน ซึ่งนับว่าเป็นปฏิกิริยาที่แปลกมาก
ทุกคนรู้ดีว่าเจี่ยนอีหลิงและเจี่ยนหยุ่นโม่เป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวที่สุด และความสัมพันธ์ใกล้ชิดของพวกเขาก็ดีกว่าพี่น้องคนอื่นๆ
นี่เป็นเพราะพี่น้องไม่ได้เจอกันนานเกินไปเหรอ
ห้องของเจี่ยนหยุ่นโม่ถูกจัดไว้ทางด้านซ้ายของห้องของเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงอยู่จัดอยู่ทางด้านตรงกันข้ามของเจี่ยนหยู่หมินแม้ว่าเจี่ยนหยู่หมินจะไม่อยู่บ่อยๆ
หลังจากย้ายเข้ามาแล้ว ก็ไม่เกิดความใกล้ชิดสนิทสนมกันระหว่างเจี่ยนหยุ่นโม่กับเจี่ยนอีหลิงแม้กระทั่งการสื่อสาร
พวกเขาสองคนทานอาหารค่ำในคืนนั้นอย่างเงียบๆ
เจี่ยนอีหลิงก้มหน้าทานอาหาร
เจี่ยนหยุ่นโม่เงยหน้าขึ้นมองเธอเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้พูดอะไร
ต่อมาเมื่อทั้งสองพบกันที่บันได พวกเขาก็เพียงหยุดชั่วขณะ จากนั้นก็เดินจากกันไปอย่างเงียบๆ
ช่างเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด ชายชราและหญิงชราต่างก็มองเห็นสิ่งเหล่านี้ในสายตา จนทำให้เกิดความสงสัยขึ้นในใจ
ยามเย็นขณะที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ย่าเจี่ยนก็ถามปู่เจี่ยนด้วยความสงสัย
“ตาเฒ่า เกิดอะไรขึ้นเหรอ หลานรักกับหยู่หมินมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีฉันรู้ แต่ความสัมพันธ์กับหยุ่นโม่นั้นดีเสมอมาไม่ใช่เหรอ”
หญิงชราเจี่ยนเกิดความสงสัย “หยุ่นโม่โทรหาฉันหลายครั้งก่อนที่จะกลับมา ทั้งยังคงถามฉันเกี่ยวกับอารมณ์ของเสี่ยวหลิง น้ำเสียงฟังดูเป็นห่วงกังวล ไม่ใช่ของปลอมหญิงชราคนนี้อ่านไม่ผิด แต่ทำไมเขาถึงเย็นชาหลังจากเห็นเธอแล้ว”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ทำไมเธอถึงถามคำถามแปลกๆกับฉันอยู่เรื่อยในวันนี้” ปู่เจี่ยนตอบกลับอย่างไม่ใยดี
“ทำไมแกไม่สนใจบ้าง หยุ่นโม่กับหลานรักเข้ากันไม่ได้แกก็ไม่ยอมสนใจ”
หญิงชราเจี่ยนเริ่มไม่ชอบใจปู่เจี่ยนอีกครั้ง
“คุณหญิงชรา คุณคิดว่าฉันไม่ต้องการดูแลมันงั้นเหรอ ฉันจะจัดการได้เหรอ ฉันไม่สามารถเรียกเด็กทั้งสองคนมา แล้วถามพวกเขาว่าทำไมพวกเธอสองคนถึงเข้ากันไม่ได้ เธอคิดว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะเหมาะสมเหรอ”
“ฉันควรทำอะไรดี”
“ฉันคิดว่าความกังวลของเธอเป็นเรื่องเกินความจำเป็น เธอไม่เห็นเหรอว่าหยุ่นโม่ไม่ได้พูดอะไรกับเสี่ยวหลิงระหว่างทานอาหารเย็น แต่ก่อนที่เสี่ยวหลิงจะไปที่โต๊ะอาหาร เขาก็ย้ายอาหารจานโปรดของเธอไปไว้ให้เธอได้หยิบได้ง่ายๆแล้ว จิตใจเขาละเอียดอ่อนกว่าคนชราอย่างเราสองคนเสียอีก”
เมื่อชายชราพูดเช่นนั้นและหญิงชราก็นึกขึ้นได้เช่นกัน “ใช่เขานำกระเป๋าเดินทางมาสองสามใบตอนที่มา และฉันก็เผอิญเห็นหนึ่งในนั้นมีแต่ของที่เป็นสีชมพูดูอ่อนโยน ดูไม่เหมือนของที่เขาใช้เอง ส่วนใหญ่น่าจะเอาไปให้เสี่ยวหลิง”
นั่นยังไม่พอ เธอกังวลเรื่องอะไรเธอก็ลากฉันให้เป็นกังวลไปกับเธอด้วย ถ้าเธอเป็นห่วงจริงๆ ทำไมเธอไม่กังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลานรักกับหยุ่นเฉิง เสี่ยวน่าวบ้าง”
“ฉันไม่สนใจสองคนนั้น อยากทำอะไรก็ทำไป อย่ามาทำให้หลานรักของฉันโกรธก็แล้วกัน” ย่าเจี่ยนพูด สีหน้าและน้ำเสียงเธอนั้นดูเย็นชา
ขณะที่ปู่เจี่ยนและย่าเจี่ยนกำลังคุยกัน พวกเขาก็เห็นเจี่ยนหยุ่นโม่กำลังกลับมา
เขายังขนขนมหวานที่เป็นสัญลักษณ์ของร้านขนมเปิดใหม่กลางเมืองมาด้วย
เจี่ยนหยุ่นโม่เอาขนมหวานให้กับย่าเจี่ยน
ก่อนที่เขาจะทันได้พูด หญิงชราก็พูดด้วยความโกรธ “หญิงชราคนนี้ไม่ชอบของหวาน ถ้าร้านทำไม่ดีก็จะเป็นน้ำตาลในเลือดสูง”
เจี่ยนหยุ่นโม่มีท่าทางอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็อธิบายว่า “นี่ให้เสี่ยวหลิง”
“ทำไมไม่มอบให้เสี่ยวหลิงเอง จะเอามาให้หญิงชราคนนี้ทำไม คนก็อยู่ห้องข้างๆเธอ”
“ไม่” เจี่ยนหยุ่นโม่พูด “วางไว้ชั้นล่างก็ได้ เธอจะได้มากินถ้าเธอเห็นมัน ถ้าไม่เห็นเธอก็คงไม่ได้กิน”
เจี่ยนหยุ่นโม่เดินขึ้นไปยังชั้นบนกลับไปที่ห้องของเขา เขาไม่หยุดที่หน้าห้องของเจี่ยนอีหลิงแม้แต่วินาทีเดียว
ปฏิกิริยาของเจี่ยนหยุ่นโม่ ทำให้ย่าเจี่ยนงุนงง
ย่าเจี่ยนพึมพำอย่างโกรธเคืองกับปู่เจี่ยนที่อยู่ข้างๆตัวเธอว่า “เกิดอะไรขึ้นกับหลานๆในครอบครัวของฉันกันนี่ แต่ละคนยิ่งมายิ่งน่ารำคาญ”
“พวกน่ารำคาญนี้ล้วนเกิดมาจากลูกชายทั้งสามของเธอนั่นแหละ ถ้าเธออยากจัดการก็ไปจัดการพวกเขา”
“จากที่แกบอกมา ลูกชายทั้งสามเกิดจากเราสองคน ไม่มีอะไรผิดในผืนดินของฉันคนนี้ มีเพียงเมล็ดพันธุ์เท่านั้นที่ผิด ถ้าเช่นนั้นแล้ว ฉันคงจะต้องตามหาแก ตาเฒ่าน่าตายงั้นสิ”
“ลืมมันไปเถอะ”
###
เกี่ยวกับทัศนคติของเจี่ยนหยุ่นโม่นั้น เจี่ยนอีหลิงไม่แปลกใจเลย
เนื่องจากในงานต้นฉบับ ความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยนอีหลิงและเจี่ยนหยุ่นโม่ก็เป็นเช่นนี้เช่นเดียวกัน
เจี่ยนอีหลิงคนเดิมไม่เข้าใจปัญหานี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเคยดีมาก ดีจนแทบแยกจากกันไม่ได้
สำหรับเจี่ยนอีหลิงแล้ว พี่ชายใหญ่เย็นชาและน่ากลัวเกินไป พี่ชายสามก็อายุไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ ไม่รู้สึกถึงความเป็นพี่ชาย
เจี่ยนหยุ่นโม่มีข้อดีของพี่ชายทุกคนและเข้ากันได้ดีกับเจี่ยนอีหลิง