เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 51 ความตายคืบคลาน
เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ
บทที่ 51 ความตายคืบคลาน
เสียงของหลี่ยวไฉกระตุ้นคนอื่นให้ตื่นตัว
“เมื่อตะกี้เกิดอะไรขึ้น หญิงสาวคนเป็นคือใคร” ยู่อิงมองไปยังรูบนผนังถ้ําซึ่งเกิดจากเทพธิดาสาดพลังใส่แม่มดผีดิบจนร่างของมันกระเด็นทะลุผนังถ้ําหายไป
“ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร พวกเราต้องรีบออกเดินทางอย่ามัวโอ้เอ้!” เมียวสอดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด “นางแม่มดผีดิบนั่นเป็นอสูรอมตะแค่ถูกซัดกระเด็นไปเท่านั้น เดี๋ยวมันอาจย้อนกลับมาได้ใหม่”
“ถูกแล้ว พวกเราต้องรีบออกไปทันที!” ดึงความคิดที่คํานึงเกี่ยวกับหญิงสาวกลับมาขยับลุกขึ้นจากพื้น ผลพลังเซียนของนายท่านที่สิบสามชัดอย่างไม่ตั้งใจนั้น ไม่ได้ทําให้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” พลางทรุดลงข้าง ๆ พร้อมกับเอื้อมมือเข้าช่วยพยุงหนุ่มน้อยให้ลุกขึ้น เจ้าเมืองหนุ่มนิ่งมองหน้าชายหนุ่ม ทว่าอีกฝ่ายมิได้เอ่ยคําพูดใดมีแต่เพียงค่อย ๆหลับตาลง
“นี่เจ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” ลู่หยุนถึงกับสะดุ้งเมื่อจับที่ข้อมือของหนุ่มน้อย ในฐานะสมาชิกของกลุ่มโจรปล้นสุสานซึ่งเป็นแหล่งรากประวัติศาสตร์ชาวจีน เขาจึงมีความรู้เกี่ยวกับตํารับยาแผนโบราณไปโดยปริยาย
หนุ่มน้อยสูงศักดิ์มีการเต้นของชีพจรอ่อนเบาซึ่งเกี่ยวกับหัวใจอาจหยุดเต้นได้ทุกขณะ ทุกลมหายใจเข้าออกหมายถึงชีวิตของเขามีความเสี่ยงที่จะตายได้ตลอดเวลา ความรู้สึกเจ็บที่หัวใจเพียงแค่คิดว่าจะมีเหตุร้ายทําให้ชายหนุ่มต้องชะงัก
ข้าทํารุนแรงกับหนุ่มน้อยนี่เกินไปจนเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่ หรือว่าอาจมีสิ่งที่มอง ๆ ไม่เห็นด้วยตาค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในร่างกายพรากเอาพลังชีวิตไป เขาแบกกิ้งฮั่นขึ้นบนหลังของตนเอง “แต่ตอนนี้ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน!”
“ทิ้งเขาเอาไว้ที่นี่แหละถึงอย่างไรเขาก็อยู่ได้อีกไม่นานพาเขาไปด้วยรังแต่จะเป็นภาระของเจ้า” เมียวถอนใจขณะลอยมาข้างตัวชายหนุ่ม
“มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน” ลู่หยุนส่ายหน้าปฏิเสธ
ฉิงฮั่นเคยช่วยชีวิตเขาแล้วถึงสองครั้งในการเดินทางครั้งนี้ซึ่งทําให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยังไงชายหนุ่มก็ไม่มีทางที่จะยอมทิ้งฉิงฮั่นไปอย่างง่ายดายแน่ ฉิงฮั่นก็เหมือนเพื่อนที่ลงเรือลําเดียวกันจะว่าเป็นเพื่อนตายก็ย่อมได้ อันที่จริงเป็นเพื่อนคนแรกของเขาในโลกแห่งเซียนเสียด้วยซ้ํา
“ข้าเกรงว่าอาการแบบนี้เขาคงอยู่ได้อีกไม่นานอาจยังไม่ทันได้ออกไป” เมียวพูดเตือนสติ
” หุบปาก!” เขาคํารามอย่างดุร้ายราวสัตว์ที่กําลังบาดเจ็บ
“เจ้าจะช่วยเขาจริงหรือ” เมียวถามเจ้าเมืองหนุ่มอย่างใจเย็นต่ออารมณ์โกรธเกรี้ยวนั้น
“เจ้ารู้จักเส้นทางใช่ไหม” ลู่หยุนถามสวนขึ้น
“ข้ารู้ แต่ครั้งนี้มันเกินกว่าที่เจ้าจะแบกรับได้นะ” เขาพึมพําหันไปมองรูใหญ่บนผนังถ้ํา ความรู้สึกหวาดกลัวต่อแม่มดผีดิบหวนกลับมาอีก
มันมิได้ข่มขวัญเมียวในชีวิตจริงเท่านั้น ขนาดในความฝันเมียวก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นอสูรร้ายที่ไม่มีอสูรตนใดเทียบได้ สุดท้ายทุกคนอาจจะต้องกลายเป็นอาหารลงไปนอนในท้องของมันก็เป็นได้
“ถ้ารู้ก็จงบอกมา” หยุนเร่งรัด
“ภาพวาดทัศนียภาพแห่งความเด่นชัด ภาพวาดแห่งความว่างเปล่า และภาพเขียนแห่งท่วงทํานอง เป็นสุดยอดงานศิลปะในอดีตนานมาแล้ว ทัศนียภาพแห่งความเด่นชัดเป็นตัวแทนของธรรมชาติที่เยาว์วัย ภาพวาดแห่งความว่างเปล่าสะท้อนมุมมองแห่งชีวิตไม่มีสิ้นสุด และภาพเขียนแห่งท่วงทํานองสะท้อนเชิงสัญลักษณ์ของกฎแห่งโลก เมื่อสามภาพมารวมกันก็จะเกิดเป็นโลกที่สมบูรณ์” เมียวอธิบายเนิบนาบ
“ถ้าสามารถประสานจนเป็นโลกที่สมบูรณ์แล้วให้เจ้าน่าสะอิดสะเอียนกล่อมเกลาจิตจนหมดจดเจ้าก็จะช่วยมันให้รอดตา ยได้” พลางยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าอดพิศวงกับตนเองไม่ได้ “น่าแปลก ทําไมเขายอมแลกชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเจ้าน่าชังแต่กลับไล่ตะเพิดคนหน้าตาดีอย่างข้า มนุษย์ช่างประหลาดนักจริงด้วย สาวน้อยที่มาปรากฏกายนั้นก็อีกคนความงามของนางล้ําเลิศนัก น่าเสียดายที่ยังเทียบกับข้าไม่ได้เลยสักน้อย”
ได้ยินเสียงพูดพล่ามเรื่อยเปื่อย ลู่หยุนชักคันไม้คันมือเกือบจะอัดหน้าเจ้านั่นเข้าให้สักที่ “จะประสานได้อย่างไร”
ภาพเขียนอยู่กับเขาซึ่งเก็บรักษาไว้ ฉิงฮั่นมีภาพวาดแห่งความว่างเปล่า ส่วนทัศนียภาพก็อยู่ที่ยู่อิงด้วยเป็นสมบัติล้ําค่าของนาง
เยี่ยงข้ารับใช้ที่เข้าใจ ยอิงนําภาพวาดของนางยัดใส่ในมีอชายหนุ่ม นางรู้ดีว่าเวลานี้ในใจของนายท่านคิดถึงแต่หนุ่มน้อยฉิงฮั่นเท่านั้น
“ พลังไฟทั้งสามที่อยู่ภายใน! คนส่วนมากเชื่อว่าทั้งพลังไฟปราบเพลิงมรกต พลังไฟสังหารอัญมณีสีฟ้า และพลังไฟแสงสว่างแห่งจิตวิญญาณจําต้องรวมกันอย่างสงบภายในม้วนกระดาษโบราณ ทว่าในความเป็นจริงพลังไฟต่างมีฤทธิ์ในทางตรงกันข้าม” เมียวพูดต่อ “พลังไฟทั้งสามทําหน้าที่ผนึกภาพวาดดังนั้นเจ้าต้องขจัดพลังไฟออกจากภาพวาดเสียก่อนจึงสามารถประสานมันได้”
“แต่ว่าไม่มีเวลาแล้ว เขาน่าจะตายเสียก่อนที่เจ้าจะขจัดพลังไฟออกจากภาพวาดเสร็จเสียอีก หรือไม่ก็นางแม่มดผีดิบนั่นอาจจะย้อนกลับมาจับพวกเรากินเสียทั้งหมดก่อนนั่นคือสิ่งที่ข้าจะบอก แล้วที่นี้จะขจัดพลังไฟได้อย่างไร” สุนัขจิ้งจอกนิ่งไป
เมื่อเป็นอาณาเขตของหยินและหยาง ทั้งคู่หยุนและยู่อิงจึงเข้าไปยังประตูสู่อเวจี
เวลาในประตูสู่อเวจีนั้นแตกต่าง หมื่นปีในประตูเท่ากับลัดนิ้วมือเดียวของเวลาภายนอก ทว่าน่าเสียดายที่ชายหนุ่มผู้ฝึกตนไม่อาจทนอยู่บนโลกผุพังใบนั้นต่อไปหรือแม้แต่จะรอจนกว่าระดับพลังถึงชั้นเซียนก็ตาม
ข้ารับใช้ที่อยู่ในนี้อย่าง เฟยหนี และเจ้าเมืองเทียนเหอผู้ซึ่งนอนอยู่ข้างใต้โลงศพเคลือบทองแดง
“ข้าจะขจัดพลังไฟออกจากภาพวาดได้อย่างไร” ลู่หยุนถามสาวใช้ทั้งคู่อิงและเฟยหนี่
“ขจัดพลังไฟหรือ” เฟยหนี่ถามอย่างแปลกใจ ก่อนส่ายหน้า “เหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์จะต้องรู้แน่นอน เหล่าเทพกับข้าต่อสู้กันมาหลายศตวรรษเพราะต้องการช่วงชิงภาพวาดแห่งความว่างเปล่า แสดงว่าพวกเขาย่อมรู้ความลับของภาพวาดทั้งสาม”
“ผู้ที่มาจากเหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์…”ลู่หยุนครู่คิด
“เจ้าค่ะ เจ้าคนที่พวกเราเจอในหลุมฝังศพ” ยู่อิงทวนความจํา บุคคลผู้หนึ่งที่สวมร่างของนายท่านที่สิบสาม
“แต่ฉิงฮันรอไม่ได้” ลู่หยุนอับจนหนทาง ความรู้ศาสตร์ยาจีนแผนโบราณของเขาอาจจะช่วยให้ฉิงฮั่นมีชีวิตยืนยาวต่อไปได้อีกสักหน่อย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว จึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องรีบรุดเข้ามาในอาณาเขตนี้เอง
ยู่อิงจึงถ่ายทอดสถานการณ์ที่ดําเนินอยู่ให้เฟยหนี่
“ข้าเข้าใจแล้ว มีค่ายกลหนึ่งบันทึกในตําราค่ายกลโลกานิมิตชื่อว่า “ธรรมชาติวิถี” ค่ายกลนี้จะตรึงอวัยวะภายในร่างกายของผู้ที่ชะตาถึงคาดแล้วไว้เจ็ดวัน แต่หากไม่สามารถแก้ไขได้หลังจากเจ็ดวัน แม้แต่ผู้อาวุโสแห่งเทพเซียนเหนือสวรรค์ยังไม่มีอํานาจจะเปลี่ยนแปลงชะตาลิขิตของผู้นั้นได้” เฟยหนี้อธิบาย ก่อนพูดต่อ “มี..บางที่อาจมีบันทึกนามของเขาไว้ในคัมภีร์เป็นตายด้วย นายท่าน”
“คัมภีร์เป็น…” ลู่หยุนยิ้มเศร้า “นั่นจะไม่เป็นการทําให้เขากลายเป็นสมุนของข้าไปด้วยหรือ แล้วข้ากับเขาจะยังเป็นสหายกันได้หรือ แต่ถ้าหากเข้าตายลงจริงข้าจะทําให้เขากลายเป็นฑูตวิญญาณแห่งสังสารวัฏจะดีกว่า”
เขายอมให้มีทูตวิญญาณข้ารับใช้เพิ่มอีกตนหนึ่งภายหลังที่ได้บรรลุพลังปราณเปลี่ยนแปลง แต่นั่นเป็นทางเลือกสุดท้ายเพื่อรักษามิตรภาพระหว่างเขาทั้งสองไว้ ถึงลู่หยุนจะเห็นเขาเป็นเพื่อนหากฉิงฮั่นจะเห็นเขาเป็นนายท่านและไม่มีอื่น
“ยังมีอีกวิธี” ยู่อิงเสนอ “นํายอดเขาลอยได้ออกมาและตั้งโครงร่างฟื้นชีพเพื่อยึดเวลาชีวิตของคุณชายฉิงฮั่น”
“จริงสิ โครงร่างฟื้นชีพ!” สู่หยุนตาลุกวาวมองไปที่ยอดเขา
ลอยได้
“แม้ว่าฉิงฮั่นจะไม่สามารถเข้ามาภายในประตูสู่อเวจีเพราะเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ลู่หยุนสามารถนํายอดเขาออกไปหาเขาแทนได้”
“เฟยหนี่ เจ้าจงออกไปกับข้า!” ชายหนุ่มขบกรามจนเป็นสันนูน “หวังว่าพวกต่อต้านเขตเมืองสนธนยาจะมุ่งเป้าไปที่พลังแข็งแกร่งของเซียนทองคําแทนเขตแห่งผู้ฝึกตนของพวกมันนะ”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เฟยหนี่รับรู้ด้วยสีหน้าสงบ นางเคยสังหารเซียนระดับสูงถึงสามสิบหกเซียนเพื่อรักษาตําราค่ายกลโลกานิมิต แม้ว่าพลังของนางจะเสื่อมถอยลงไปเป็นเซียนแท้จริงแต่ยังแข็งแรงพอจะต่อสู้กับแม่มดผีดิบได้ และถึงแม้จะถูกพวกศัตรูฆ่าตาย แต่ด้วยอํานาจของคัมภีร์เป็นตาย นางก็จะกลับฟื้นคืนชีพได้ใหม่
เพื่อช่วยชีวิตฉิงฮั่นแล้วลู่หยุนไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นเขาเป็นคนซื่อสัตย์มาตั้งแต่ตอนอยู่บนโลกมนุษย์ทั้งยังสา
มารถหันหลังให้กับแก้วแหวนเงินทองเพียงและยอมใช้ชีวิตที่ เสี่ยงอันตราย แต่ไม่เคยคิดหันหลังปฏิเสธความช่วยเหลือเมื่อเพื่อนต้องการ
หลี่ยวไฉและเมียวต่างตกตะลึงเมื่อภูเขาลูกใหญ่มาปรากฏขึ้นอีกครั้ง เคราะห์ยังดีที่พวกมันอยู่ในที่ที่มีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอที่จะรองรับขนาดของยอดเขาทั้งลูก
ลู่หยุนวางฉิงฮั่นเข้ากับขั้วแห่งชีวิตภายในโครงร่างก่อนปล่อยให้ลอยเลื่อนลงไปตามทางลาดชันของยอดเขา
“เฟยหนี่ เจ้าช่วยคุ้มครองเขาไว้ด้วย ยู่อิงกับข้าจะตามหานายท่านที่สิบสาม” เขารอจนกว่าเฟยหนี้จะปลอดภัยและเหตุการณ์ภายนอกประตูคลี่คลายลง
เจ้าเมืองเฉินชุยพยักหน้ารับทราบ นางมีความเด็ดเดี่ยวไม่เคยหลีกเลี่ยงปัญหาหากไม่จําเป็น แต่สีหน้าที่มีเค้าลางแห่งความโศกเศร้าไม่อาจเสแสร้ง หรือมิเช่นนั้นยากที่จะยอมรับ
“นี่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้อีกคนแล้วสิ จะอยู่ด้วยกันกี่คนแน่”เมื่อสังเกตสีหน้าของนางเมียวก็รู้ซึ้ง ผู้มาใหม่ยู่อิงคืออีกคนหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาด้วยเช่นกัน อันที่จริงมีอีกสี่คนแต่ตายแล้ว
ลู่หยุนส่งภาพวาดทัศนียภาพให้ยู่อิงระหว่างสะกดรอยตามนายท่านที่สิบสาม
“ทําไมอาการของฉิงฮั่นจึงทุดลงรวดเร็วนัก ก่อนหน้ายังดีๆอยู่เลยนี่นา” ชายหนุ่มเริ่มสงสัยกึ่งรําพึงกับตนเองและถามความเห็นกับยู่อิง “เกี่ยวกับหญิงสาวที่ปรากฏตัวหรือไม่”
ความน่าจะเป็นข้อนี้ทําให้ชายหนุ่มถึงกับตกใจ แต่ต้องเลิกล้มความคิดเสียทันที่จะเป็นไปได้อย่างไรที่ทั้งสองคนจะเกี่ยวข้องกัน
นางมาจากไหนนะ แล้วนางเป็นใคร ทําไมนางจึงต้องช่วยข้า ความคิดร้อยแปดพันเก้าวนเวียนในหัวของลู่หยุนสายน้อย…ต่อให้พยายามคิดอย่างไรก็ยังหาความเชื่อมโยงกันระหว่างใบหน้าสวยสดงดงามกับหน้าดํา ๆ ของฉิงฮั่นไม่ได้อยู่ดี
นายท่านที่สิบสามยังไปได้ไม่ไกล ทั่วทั้งหลุมฝังศพมีพลังแห่งความตายกระจายอยู่เต็มไปหมด ทว่ากลับง่ายสําหรับตาปีศาจของลู่หยุนในการค้นหาร่องรอยพลังแห่งชีวิตที่ทิ้งไว้เบื้องหลังของชายผู้นั้น
ภายในอุโมงค์ถัดไปนี้ ปราฏรอยสลักหินจากค่ายกลที่เกิดขึ้นใหม่ของนายท่านตัวปลอมนั่น ลู่หยุนจดจําได้ไม่ยากซึ่งเป็นพลังที่รับถ่ายเทจากความทรงจําของยู่อิง นี่เป็นการสุ่มใช้พาหนะเคลื่อนที่อย่างไร้แบบแผน
พาหนะเคลื่อนที่ต้องสัมพันธ์กับสิ่งที่เคลื่อนที่ระหว่างจุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดสิ้นสุด แต่หากไม่มีจุดสิ้นสุดที่ชัดเจน การสุ่มใช้ค่ายกลเคลื่อนที่เป็นพาหนะจึงเป็นวิธีเดียวที่นายท่านที่สิบสามจะออกจากหลุมฝังศพแห่งนี้ได้
“หา” เขาขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่ามีคนบุกรุก “ไอ้เจ้าเมืองสนธยา มันยังไม่โดนอสูรจับกินอีกหรือนี่”
นายท่านตัวปลอมรู้จักลู่หยุนจากการถ่ายเทความทรงจําของนายท่านแห่งค่ายกล อีกทั้งยังสามารถติดตามมาจับตัวเขาได้อย่างไม่ทันตั้งตัว
“จับมันไว้”
ยู่อิงพยักหน้าพร้อมกับคลี่ม้วนภาพวาดออกขณะเดียวกันได้ปลดดาบทั้งเจ็ดและพลังไฟปราบเพลิงมรกตซัดไปยัง “นายท่านที่สิบสาม
“ภาพทัศนียภาพแห่งความเด่นชัด!” “นายท่านที่สิบสามจ้องนัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพวาดอยู่ตรงหน้า ความโลภฉายชัดในแววตา เขาเปล่งเสียงหัวเราะอย่างดีใจที่สุด “ยอดเยี่ยม!ประหลาดนัก! มหัศจรรย์ยิ่ง! ใครจะคิดว่าข้าจะได้น้ำมันกลับไปยังเหล่าเทพเซียน สิ่งนี้จะช่วยลบล้างควา มผิดของข้าได้แน่!”
เขานั้นเคยพะวงอยู่กับการจองจํายู่อิงไว้กับร่างแม่มดผีดิบยักษ์ ทว่าในตอนนี้เขาหาได้ใส่ใจนางอีกต่อไป ภาพวาดทัศนียภาพแห่งความชัดเจน ภาพวาดแห่งความว่างเปล่าและภาพเขียนแห่งท่วงทํานองเป็นของล้ําค่าสุดยอดปรารถนาของเหล่าเทพเซียนอยากได้มาไว้ครอบครอง อีกหนึ่งในหลายสิ่งที่ทําให้เขาเข้ามาหลุมฝังศพก็คือภาพเขียนของเฟยหนี่
เขาปะกบฝ่ามือเข้าเข้าด้วยกันแล้วความลับของเซียนแท้จริงก็ถูกเปิดเผย โดยแท้จริงแล้วพลังอํานาจมีล้นเหลือทว่าเมื่อผูกรวมเข้ากับร่างของนายท่านที่สิบสามพลังนั้นจึงถูกจํากัด
เสียงระเบิดดังกัมปนาทจากร่างของนายท่านที่สิบสามปรากฏเป็นอินทรีขนาดใหญ่กางปีกสีทองอร่ามขึ้นเหนือศรีษะบินโฉบลงมาที่ยู่อิง
“พญาครุฑต้าเผิง! เขานี่แหละมาจากเหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์!” สายตาของยู่อิงที่มองมาอย่างดุร้าย พวกเหล่าเทพเซียนวางแผนให้นางต้องตายอย่างทนทุกข์ทรมาณ ตอนนี้ “นายท่านที่สิบสาม มันมาในร่างของนักรบเสกของเหล่าเทพ เซียนเมื่อเห็นแบบนั้นยู่อิงก็มีอาการโกรธสุดขีด
ดาบทั้งเจ็ดกวัดแกว่งในอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิวสาดประกายแสงสีรุ้งมารวมกันซัดเข้าหาพญาครุฑต้าเผิงจนหมุนคว้างหลายตลบ แรงสะเทือนส่งผลให้ภาพแตกละเอียด
“อะไรนี่” “นายท่านที่สิบสาม ผงะ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าดาบของยู่อิงจะมีอานุภาพขนาดนี้! หลายพันปีที่ถูกจองจําอยู่ในสุสานนางจะสามารถต้านทานความแข็งแกร่งแห่งพญาครุฑต้าเผิงจิตวิญญาณแห่งนักรบที่แท้จริง!
หากเปรียบเทียบกันนางมีเพียงพลังเซียนแท้จริงอาวุธของเซียนแท้จริงสามารถทําลายจิตวิญญาณนักรบได้เที่ยวหรือใครจะเชื่อกัน?
ความเก่งกาจของยู่อิงเริ่มเมื่อหนึ่งพันสองร้อยปีก่อนและเมื่อได้รับยาบริสุทธิ์ มันจึงทําให้พลังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่าปกติมิเช่นนั้นนางจะสามารถรั้งตําแหน่งเจ้าเมืองสนธยาได้อย่างไรยิ่งกว่านั้นเมื่อกลายเป็นทูตวิญญาณข้ารับใช้ของลู่หยุน กลับยิ่งทําให้พลังอํานาจแข็งแกร่งกว่าเดิม
“ ข้าต้องหนี!” หลังจากถูกไล่ล่าอยู่ภายในหลัมฝังศพมายาวนาน นักรบเซียนอับจนอาวุธลับที่จะต่อสู้ทั้งจิตวิญญาณและอํานาจจิต ทั้งยังโดนทําลายจิตวิญญาณแห่งเทพนกโบยบินหนีไปด้วยความเกรงกลัวยู่อิง
ในเวลานั้นเองที่แขนทั้งสองระเบิดแตกออก แสงสีแดงเข้มเป็นประกายจ้าทั่วทั้งร่างอาบคลุมด้วยเงาของโลหิตและหายวับไปจากสายตา
“คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าหนีไปได้ง่ายหรือ” เสียงเยาะเย้ยดังมาจากปากยู่อิง
เมื่อก่อนนางเคยปล่อยให้เหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์หนีออกไปจากสุสานโดยใช้อุบายลวง นางจึงจดจําไว้เป็นบทเรียนเพื่อมิให้เกิดเหตุซ้ํารอยได้อีก ภาพวาดทัศนียภาพแห่งความชัดเจนเผยให้เห็นวิวทิวทัศน์แห่งขุนเขาและสายนําโอบล้อมพื้นที่โดยรอบ
“นายท่านที่สิบสาม” หนีหัวซุกหัวซุนหายเข้าไปในภาพวาดอย่างหวาดกลัว