เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 38 โครงร่างแห่งมรณะอนิจจัง
บทที่ 38 โครงร่างแห่งมรณะอนิจจัง
หนอนหน้าปีศาจ มันคือตัวอ่อนของแมลงศพ เมื่อพวกหนอนโตเต็มวัย พวกมันจะโบยบินสู่อิสระ ทว่าขณะที่เป็นตัวอ่อนนั้น มันจะไม่สามารถดำรงชีวิตหากไม่ได้อาศัยอยู่ในร่างกายของศพ เมื่อใดก็ตามที่มันถูกแยกออกจากร่างของผีดิบที่มันอาศัย ร่างหนอนของมันจะแห้งลงเรื่อยๆจนตาย
หนอนหน้าปีศาจ ลู่หยุนเดาได้แม่นยำ เพราะพวกเขากำลังเดินอยู่ภายในร่างของผีดิบอสูรยักษ์!
ใต้น้ำมีแม่มดผีดิบแฝงตัวนับร้อยตน ทว่าร่างของมันฉีกขาด กะรุ่งกะริ่ง หนอนปีศาจสองสามตัวเจาะไชตามเนื้อเน่าที่กำลังเปื่อยเละเป็นวุ้น ตัวมันขนาดใหญ่เท่ากับฝ่ามือมนุษย์ และลำตัวอ้วยกลม เหมือนปราศจากพิษภัย หน้าตาน่าสยดสยองหันมองมนุษย์อยู่ไปมา
กรี้ส กรี้ส กรี้สส !
พลันหนอนแมลงศพตัวหนึ่งจับความเคลื่อนไหวมาจากพวกของลู่หยุน ส่วนหัวของมันกลับมีสีแดงเรืองรอง ส่งเสียงร้องกรี้สแหลมดุจเสียงร้องของหนู ทำให้หนอนแมลงศพตัวอื่นๆพากันสนใจเหล่ามนุษย์ พร้อมส่งเสียงกรีดร้องที่น่าเสียวไส้
ฟู่!
เปลวเพลิงสีมรกตสว่างวาบเจิดจ้า เผาผลาญเจ้าหนอนแมลงเหล่านั้น พวกมันส่งเสียงกรีดร้องแหลมอย่างเจ็บปวดก่อนไหม้เกรียมเป็นเถ้าถ่าน
“ทุกสิ่งย่อมมีจุดตายเป็นธรรมชาติ” ลู่หยุนพึมพำเบาๆ “หนอนหน้าปีศาจพวกนี้สามารถกัดกินแม่มดผีดิบจนสิ้นซาก หากตัวของมันเองกลับตายด้วยเปลวไฟปราบเพลิงมรกต”
แม่มดผีดิบเป็นอสูรกายที่น่าประหลาด เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ แม้แต่พลังไฟปราบมรกตยังไม่ผาจทำลายมันได้ หากธรรมชาติย่อมมีข้อยกเว้น หนอนแมลงศพซึ่งไม่มีพิษภัยอันใดเพียงสองตัว สามารถกัดกินแม่มดผีดิบนับสิบตนจนตายซากได้
“พวกมันตายแล้ว” เขาเอ่ย ขณะใช้ส่วนปลายดาบพิฆาตโลกันต์ค่อยเขี่ยเศษซากที่ครั้งหนึ่งเคยประกอบเป็นร่าง
“เจ้า…ห้ามใช้ดาบของข้าคุ้ยเขี่ยเศษสวะพวกนั้นเชียว” ฉิงฮั่นร้องห้ามเสียงลั่น
“อ๋อ งั้นหรือ” ลู่หยุนรีบหันดาบไปทางอื่น สีหน้าวิตก การประลองวิชาของผู้ฝีกตน มักใช้แสงเพลิงจากดาบของตนทำลายคู่ต่อสู้ ไม่มีผู้ฝึกตนคนใด จะใช้ดาบในทางอื่นเช่นนี้
“ต้องเดินอีกนานหรือไม่” ความรู้สึกอึดอัดทวีขึ้น ขณะที่เดินลุยน้ำอย่างใช้ความระมัดระวังทุกฝีก้าว ท่ามกลางซากเศษของร่างแม่มดผีดิบเกลื่อนกลาดเช่นนี้
“อีกไม่นานดอก” เมียวมองเส้นทางอย่างพิเคราะห์ถ้วนถี่ ก่อนจะหันมาตอบ “แต่เจ้าคงจะต้องขุดลงไปหลายไมล์ทีเดียว กว่าจะพบทางออก”
ลู่หยุนเบิกตา “พวกเรากำลังเดินอยู่ในร่างอสูรยักษ์ ต้องขุดรูเพื่อออกจากร่างของมันหรือนี่”
“แล้วอย่างไร ถ้าพวกเราอยู่ในร่างอสูรยักษ์จริง” เสียงอุทานของฉิงฮั่น “ไม่ใช่ว่าพวกเราจะกลายเป็นไปตั้งนานแล้วหรืออย่างไร”
“ถูกแล้ว” เมียวพยักเพยิดเห็นด้วย “ข้ารู้สึกมานานแล้วว่ากำลังอยู่ในร่างยักษ์ผีดิบ แต่คิดว่ามันตายมานานแสนนาน จนกระทั่งร่างของมันกลายสภาพเป็นหิน”
“กลายสภาพเป็นหินงั้นหรือ มันสามารถ…” ลู่หยุนชะงักงัน เมื่อฉุกใจคิดบางอย่าง “เป็นไปได้ไหมว่า อสรูยักษ์นี่เอง ที่ถูกฝังในหลุมสุสานเป็นครั้งแรก” เขาหยุดเดิน หลับตาลงเพื่อคิดคำนวณในใจ
“ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่แน่” เขาลืมตา หัวคิ้วขมวดมุ่น “ถ้าพวกเราเดินทางจากเหนือสุดลงใต้สุดภายในร่างอสูรยักษ์ ลองคิดสิว่า ร่างกายของมันจะสูงใหญ่โตขนาดไหน มันต้องสูงอย่างน้อยนับร้อยไมล์ทีเดียว หลุมที่จะใช้ฝังร่างของมัน ยังเล็กกว่าขนาดของร่างมันซึ่งใหญ่ขนาดนี้”
เส้นแบ่งเขตโลกนั้น บางกว่าผนังเส้นเลือดและสอดไขว้โยงใยภายในร่างของมนุษย์ จนมีขนาดใหญ่ขึ้น เกี่ยวพันกันดุจใยแมงมุม
ความสงสัยภายในใจว่ากำลังอยู่ในซากร่างอสูรยักษ์ ซึ่งตัวของเขาเคยมีความรู้มาบ้างเกี่ยวกับระบบไหลเวียนของเส้นเลือดในร่างกายมนุษย์ พวกหนอนแลงหน้าปีศาจ ยิ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าเขาคิดไม่ผิด ด้วยการคำนวณสัดส่วนขนาดของหลุมศพ และสิ่งที่อยู่รายรอบตัวพวกเขา
ทั้งมวล การคำนวณของเขานำไปสู่ความจริงที่ว่า ค่ายกลอนันต์ไม่สามารถสร้างให้ใหญ่โตเทียบเท่ากับร่างนี้ได้
“เจ้าว่าร่างยักษ์ผีดิบนี่ใหญ่โตขนาดนั้นเลยเชียวหรือ” ฉิงฮั่นเนื้อตัวสั่นเทาอยู่บนหลังลู่หยุน
เจ้าเมืองหนุ่มเอง ยังสับสนด้วยเช่นกัน มีหลายสิ่งเกิดขึ้นได้บนโลกแห่งนี้ และบางสิ่งก็ท้าทายความเป็นไปได้ “เจาะร่างของมัน พวกเราต้องจัดการให้ได้ในทีเดียว และออกไปจากที่นี่ทันทีเมื่อหาตำราค่ายกลพบแล้ว”
ถึงจะฟังดูแปลก หากไร้ประโยชน์ที่จะมัวคิดถึงมัน หลุมฝังศพแห่งนี้มีแต่เรื่องราวแปลกประหลาด หลายต่อหลายครั้ง หากลู่หยุนมัวพะวักพะวง มุ่งจะค้นหาคำตอบ หัวของเขาคงระเบิดออกเป็นเสี่ยงเสียตั้งนานแล้ว
เมื่อสรุปได้ดังนี้เขาจัดการผนึกความคิดและทุกฝีก้าว จะมีคำตอบที่กระจ่างชัดยิ่งขึ้น
“ระวังตัว ข้างหน้ามีค่ายกล” ลู่หยุนหยุดเดิน เขาขยับและปรับตำแหน่งฉิงฮั่นให้ถนัดขึ้น คว้าต้นขาของหนุ่มน้อยดึงเข้ามาชิดกับหลังของของตน “แปลกเสียจริง ก้นบุรุษผู้นี้ ทำไมจึงนุ่มนิ่มปานนี้” เขาพึมพำเบาๆ ทั้งสายตา และความคิด เพ่งมองไปยังหนทางที่มีค่ายกล
ฉิงฮั่นได้แต่ส่งสายตาหมายมาด กรามขบแน่น เขาปรารถนาจะกัดหูของชายหนุ่มอีกสักหมับ
“ยู่อิง เยี่ยเสิน ตามข้ามา” ลู่หยุนร้องสั่ง หางเสียงสั่นระริกน้อยๆ ยู่อิงพยักหน้ารับทราบ ปฏิบัติตามคำสั่งด้วยการเดินขยับเข้ามาติดเป็นเงาตามตัว
“ค่ายกลแห่งนี้ช่างแปลก มันกลืนชีวิตไว้มากมาย เจ้าต้องระมัดระวังให้มาก ความตายของเจ้า เท่ากับหายนะของข้าเช่นกัน จำไว้” เมียวพูกเสียงเบา ด้วยตัวตนของเขาเป็นแค่รูปเงาที่เกิดจากภาพหลอน จึงไม่อาจทำอะไรได้มากนัก
“ฮวงจุ้ยของที่นี่ ไม่อาจหยุดยั้งข้าได้ ข้าเคยตกอยู่ท่ามกลางค่ายกลมาแล้วถึงสองครั้ง หากครั้งนี้ต้องตาย ก็ให้รู้กันไป” เส้นเลือดบริเวณหน้าผากปูดโปนบ่งบอกความเครียดในใจ มือของเขากระชับต้นขาของฉิงฮั่นเข้าอีก จนเผลอนิ้วกดลงไปบีบเกร็ง หนุ่มน้อยผู้สูงศักดิ์เข้าใจได้ถึงความเครียดที่เขาเผชิญอยู่ จึงได้แต่กัดเม้มริมฝีปากของตนเอง ทั้งกล้ำกลืนคำพูดต่อว่าต่อขานไว้เสีย
ลู่หยุนหาได้พะวงในค่ายกลไม่ แต่เขารู้สึกถึงความคลับคล้ายคลับคลา ของฮวงจุ้ยนี้ต่างหาก
มรณะอนิจจัง
ตอนที่ยังมีชีวิต ความตายของตนเกิดขึ้นได้อย่างไร เขาถูกฆ่าโดยฮวงจุ้ยมรณะอนิจจังขณะปล้นสุสานราชวงศ์ฮั่นแล้วเกิดระเบิด ความประมาททำให้ขาดความยั้งคิด เดินเข้าสู่กับดักโดยไม่เฉลียวใจแม้แต่น้อย ตอนนี้ เขาอยู่ในหลุมสุสานมหึมา ด้วยโครงร่างอย่างเดียวกัน ไร้สิ่งปิดบังและลวงหลอก เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
เกิดขึ้นอีกแล้ว
ทั้งยู่อิงและเยี่ยเสิน มีประสาทรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนของเขาในเวลานี้ จึงได้แต่นิ่ง จับตามองเขาอย่างเงียบๆ ไม่เอ่ยถามอะไร บรรยากาศเริ่มหนาหนัก แล้วความเงียบถูกทำลายจากเสียงครางมาจากข้างหลังของลู่หยุน
“เจ้าเป็นอะไร” ถามเสียงสั่น พอถูกขัดจังหวะทำให้เขารู้สึกถึงความวิตกจริตของตนเอง หากเขาพลาดพลั้งเดินหลงเข้าไปในค่ายกลมรณะอนิจจัง คงสิ้นชื่ออีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย
“ข้าปวดขาจะตายอยู่แล้ว” ฉิงฮั่นตอบฉุนเฉียว จนหน้าแดงก่ำ
“อ้อ ข้าไม่เจตนา” ลู่หยุนคลายนิ้วมือที่เผลอบีบรัด ทำไมข้าจึงรู้สึกดี เมื่อได้สัมผัสขาคู่นี้ ภายในใจไหวหวั่น เกือบสะบัดฉิงฮั่นให้หลุดลงจากหลังไปเสียที
“ข้าชอบอิสตรี” เขาพืมพำ “ข้าชอบอิสตรี”
ฉิงฮั่นตวาดเสียงเดือดดาล “พูดอะไร!”
“หุบปาก!” ลู่หยุนเสียงเขียว มือข้างหนึ่งตบลงอย่างแรงที่บั้นท้ายของฉิงฮั่น หนุ่มน้อยสุดจะทน สะดุ้งร้องเสียงหลง พลางดิ้นรนลงจากหลังของเขาให้ได้ แต่เรี่ยวแรงยังไม่อำนวย เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายสงบลง เจ้าเมืองสาวเท้าสู่ค่ายกล ปรากฏควันบางลอยขึ้นปกคลุม
“ตามข้ามาอย่าให้คลาดกัน” ลู่หยุนส่งเสียงสำทับสองผู้ติดตามโดยไม่หันไปมองหลัง “ถ้าเห็นสิ่งใด อย่าเชื่อ! เจ้าอยู่เฉยด้วย” หันไปข่มขู่ฉิงฮั่น
เขารู้ดี หากมัวลังเล ตนเองจะยิ่งเกิดความวิตกจริต ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเลือกเดินเฉียงออกทางขวา ขณะเดียวกันความเครียดที่ก่อตัวเริ่มคลี่คลาย ทั้งความน่าสะพรึงกลัวและหลุมพรางเต็มไปหมด
เสียงหัวเราะเยาะแผ่วมาจากข้างหลัง ยู่อิงกำลังใช้ดาบตัดแขนของอะไรบางอย่าง หากก็ยังมีเสียงดังมาอีกหลังจากสิ่งหนึ่งหล่นลงบนพื้น
แม่มดผีดิบตนหนึ่ง ค่ายกลแห่งนี้มีแม่มดผีดิบ!
ตอนนี้ความลึกของน้ำถึงระดับเอว น้ำเย็นจัดจนกระทบทุกโสตประสาท บัดนี้ไร้ความเคลื่อนไหวเบื้องหลังเขาอีกต่อไป ยู่อิงหายไปแล้ว
“สาวใช้ของเจ้า—สาวใช้ของเจ้า นางตายแล้ว” ฉิงฮั่นตะกุกตะกักบอกเขา
“หุบปากไว้!” ลู่หยุนคำรามราวสัตว์ร้าย เขาบีบสะโพกฉิงฮั่นขณะที่กระชับขาของหนุ่มน้อย ดึงทั้งสองข้างเกี่ยวเข้าด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ความเจ็บจนฉิงฮั่นเกือบร้องออกมา ปฏิกิริยาแสดงออกว่าลู่หยุนรับรู้ตลอดเวลา
ยู่อิงถูกฆ่าตายเสียแล้ว
นางตายขณะที่แม่มดผีดิบถูกนางฟันจนแขนขาด
หากทว่านางไม่ได้ตายตลอดไปดอก คัมภีร์แห่งชีวิตและความตายทำให้นางกลับมาได้อีก เพียงแต่ไม่ได้กลับมาทันทีทันใดเท่านั้น
“ตามข้ามา เยี่ยเสิน อย่าปล่อยเจ้าอ้วนล่ะ!” ลู่หยุนหายใจหอบ สาวเท้าต่อไป ได้ครั้งละหนึ่งนิ้ว เขารู้สึกมีอะไรใต้ผืนน้ำพยายามเกาะเกี่ยวพันแข้งพันขา
“หลอกลวง! หลอกลวงทั้งหมด! ถ้าเชื่อมัน ข้าคงโดนฆ่าตาย! สิ่งลวงตาสร้างภาพฮวงจุ้ยโครงร่างมรณะอนิจจัง! ภาพหลอนที่ฆ่าคนได้!” เขาคำรามลั่นเมื่อเห็นภาพสัตว์ร้ายน่าสะพรึงกลัวกระโจนเข้าใส่ ตัวหนึ่งหายไป อีกตัวหนึ่งตามมา
ใบหน้าของซื่อหลานและตาเฒ่าเลี่ยวปรากฏภาพต่อหน้าต่อตา เลือดทะลักออกมาจากนัยน์ของทั้งสอง เขามองเห็นตนเองจากที่สูงเป็นอาชญากรที่ถูกทหารกระหน่ำยิง ถูกรถเข็นขนาดใหญ่ชนกระแทกอย่างรุนแรงร่างกายแตกละเอียด
ภาพหลอนทั้งสิ้น สร้างขึ้นจากความกลัวในเบื้องลึกของจิตใต้สำนึกของเขาเอง
“ห้ามหันกลับไปมอง ห้ามตอบโต้ ห้ามหวาดกลัวหรือหลบหนี! ไม่มีอะไรทำร้ายข้าได้! ถ้าตอบโต้ ข้าจะตาย!”
สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ ลู่หยุนตายเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดและถูกมันกิน ภาพลวงตาจึงถูกสร้างขึ้นมาหลอกหลอนเขาได้ไม่ยาก ความสะพรึงกลัวยังแทรกอยู่ในส่วนลึก พยามอย่างยิ่งที่จะทำให้เขาเชื่อสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต่อตา
เขามองทะลุทะลวงผ่านภาพหลอนของเมียว แต่ทว่าครั้งไม่เห็นใครในค่ายกลแห่งนี้ทั้งสิ้น หากมิใช่ภาพหลอนไม่อาจ หาในสิ่งปรารถนาเบื้องลึกในจิตใจของเขา หรือเขาไม่อาจรู้ได้ว่าจะต้องเจอกับอะไร เขาจึงจะเชื่อในสิ่งที่ตามองเห็นเบื้องหน้า
ทันใดลู่หยุนรู้สึกถึงฉิงฮั่นที่เกาะเกี่ยวบนหลังของตน หนุ่มน้อยหวาดกลัวแทบเสียสติ จากภาพลวงหลอกหลอน หากยังอ่อนแรงเกินกว่าจะดิ้นรน โครงร่างนั้นจึงไม่อาจทำร้ายเขาไม่ได้
ลู่หยุนขบริมฝีปากแน่น จนเลือดซึม นัยน์ตาเบิกกว้าง จ้องมองที่ร่างนางแม่มดผีดิบพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหามัน
“ไป!” เมียวตะโกนกรอกหูของเขา “มันเป็นตัวจริง! เจ้าออกไป!”